คลังเรื่องเด่น
-
"จิตมีความสงบ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"จิตมีความสงบ"
" .. คำว่าจิตเป็นความสงบ "ได้แก่จิตไม่ส่ายแส่ไปในอารมณ์ต่าง ๆ" ตามนิสัยของตนที่เคยเป็นมาก่อนที่ไม่ได้ภาวนา "พอเราภาวนาจิตของเรามีความสงบ" เข้ามาสู่ความเป็นอารมณ์อันเดียว "คือรู้อยู่จำเพาะตัวนี้เท่านั้น นี่เรียกว่าจิตสงบ"
ความสงบในตำรานั้น "เข้ามากลายเป็นความสงบในหัวใจของเรา" นี่เรียกว่าภาคปฏิบัติ เริ่มปรากฏแล้วว่าปฏิเวธ "คือรู้ชัดภายในตัวว่าจิตสงบอย่างแท้จริงนั้นเป็นอย่างนี้" ความจำได้ในตำราเป็นอย่างนั้น "ความเป็นในจิตของตนเพราะภาคปฏิบัติเป็นอย่างนี้" นี่ก็แยกได้ชัดเจน เพราะฉะนั้นความจำกับความจริงจึงต่างกัน .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
https://luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=1096&CatID=3 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
"เรื่องที่มากระทบเป็นเครื่องสอน" (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
.
"เรื่องที่มากระทบเป็นเครื่องสอน"
" .. ความจริงแล้ว "เรื่องกระทบต่าง ๆ นั้น มันเป็นเครื่องสอน" เป็นเครื่องบอก บอกว่าอย่างไร ถ้าเรายังมีความโกรธ ความขัดเคืองให้แก่คน ให้แก่สัตว์ทั้งหลาย ให้แก่วัตถุทั้งหลายในโลก "ก็แสดงว่ากิเลสความโกรธ กิเลสความอิจฉา พยาบาทในจิตในใจของเรา"
ที่เรียกว่า "ความโกรธมานะทิฏฐิในนั้นมันมี" ถ้ามันไม่มี มันไม่ออกมาต่อต้าน เพราะว่าเจ้าโทสะนี้ ถ้าจะจัดอีกอย่างหนึ่งก็เรียกว่า "เป็นยักษ์ใหญ่ ใครมาแตะต้องไม่ได้" ว่าไม่ดีให้ไม่ได้ "ธรรมดายักษ์นี้เรียกว่าโกรธมาก" หรือว่าสัตว์ก็เสือโคร่งแหละ ใครไปใกล้มันได้ เดี่ยวมันจะกัดคอเอาแหละ .. "
"ถ้าตั้งใจจริงย่อมมีเวลาภาวนา"
พระญาณสิทธาจารย์ (หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร)
๕ พฤษภาคม ๒๕๑๙ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
ถ้าหากว่าใจของเราหยุดอยู่กับปัจจุบัน กิเลสอะไรก็เกิดไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว
ถ้าหากว่าใจของเราหยุดอยู่กับปัจจุบัน กิเลสอะไรก็เกิดไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว แล้วอยู่กับปัจจุบันอย่างไร ? ก็อยู่กับลมหายใจเข้าออกตรงหน้า หายใจเข้า...ตามรู้เข้าไปจนสุด หายใจออก...ตามรู้ออกมาจนสุด อยู่แค่นี้
รัก โลภ โกรธ หลง เหมือนกับฟืน เหมือนกับถ่าน พร้อมที่จะติดไฟอยู่ตลอดเวลา ถ้าเราไม่เอาไฟไปแหย่ ฟืนกับถ่านจะติดไฟเองได้ไหม ? ก็ติดไม่ได้ เพราะฉะนั้น...วิธีที่ดีที่สุดก็คือหยุดกำลังใจของเราอยู่กับปัจจุบัน ก็คืออยู่กับลมหายใจเข้าออก เมื่อกำลังใจทรงตัวแล้ว ก็ตั้งสติประคับประคองเอาไว้ อย่าให้หลุดไปไหน
อย่างที่กระผม/อาตมภาพบอกมาจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า การปฏิบัติธรรมเหมือนกับการว่ายทวนน้ำ เราต้องสู้กับกระแสของ รัก โลภ โกรธ หลง อยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่พยายามจ้วงเอาไว้ ก็แปลว่าต้องไหลตามน้ำไป
บางคนตอนกลางวันสติสมาธิพร้อมสมบูรณ์ กิเลสกินไม่ได้เลย เผลอหลับเมื่อไรก็ฝันว่าไปปล้ำลูกสาวชาวบ้านเขาแล้ว..! นั่นถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะว่ากิเลสย่อมดิ้นรนชักจูงเราไปตามทางของตน ไม่อย่างนั้นก็ตายแน่..!
คราวนี้ของเรา ถ้าหากว่าสติ สมาธิเพียงพอก็ยังสู้กิเลสไม่ได้ ได้แต่ระงับอยู่ชั่วคราว... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
"บันทึกธรรม" (หลวงปู่ลี กุสลธโร)
.
• บันทึกธรรม•
" .. ในสมุดบันทึกเล่มเก่า ขาดวิ่นไปบางส่วน องค์พ่อแม่ครูจารย์หลวงปู่ลี กุสลธโร ได้ลิขิตธรรมเอาไว้ว่า .. "บุญและบาปย่อมแบ่งสัตว์ทั้งหลายให้ต่ำช้าหรือประณีต" สมกับโบราณเป็นผู้บัณฑิต ท่านแสดงอานิสงส์ไว้ ดังนี้ ..
• "ผู้ใดมีใจงดเว้นจากปาณาติบาต" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์อายุยืน
• "ผู้ใดเบียดเบียนผู้อื่นให้เจ็บกายได้ทุกข์เพราะทุบตี" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้มีโรคมาก
• "ผู้ใดงดเว้นจากเบียดเบียน" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์เป็นผู้มีโรคน้อย
• "ผู้ใดมักโกรธแรงกล้า" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีพรรณสรีระกายทุรพลเศร้าหมองไม่ผ่องใสงดงาม
• "ผู้ใดสกัดกลั้นโกรธหนักเสียให้เบาบาง" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีพรรณสรีระกายวิเศษผ่องใสงดงาม
• "ผู้ใดมีความริษยาในลาภสักการะของผู้อื่นแรงกล้าแน่นหนาอยู่ในสันดาน" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีศักดาเดชานุภาพน้อย
• "ผู้ใดไม่ริษยามีสันดานชุ่มด้วยมุทิตาในลาภสักการะของผู้อื่น" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีศักดาเดชานุภาพมาก
• "ผู้ใดไม่บริจาคจำแนกแจกทาน" ผู้นั้นเมื่อเกิดเป็นมนุษย์มีโภคทรัพย์น้อยยากจนไม่ไพบูลย์
• "ผู้ใดมักจำแนกแจกทาน"... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
เมื่อกายป่วย กำลังใจตก ประสบเคราะห์กรรม อย่าโทษว่าพระไม่คุ้มครอง นั่นเป็นกรรมของเราเอง
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ คนรอบข้างช่วงนี้ ไม่ว่าจะใกล้หรือว่าไกล ก็มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ หลายราย อย่างเช่นว่าลูกอ้อย (ศัลยา จันทร์อุ่ย) ลูกเจนนี่ (เมธาวี เหลืองถาวรกุล) เป็นต้น ตลอดจนกระทั่งญาติโยมที่รู้จักคุ้นเคยอีกหลายราย ก็แจ้งมาว่าติดเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แล้ว ทั้ง ๆ ที่ ๕ ระลอกแรกนั้น ไม่ปรากฏว่าติดเชื้อเลย แต่มาระลอกนี้กลับติดเชื้อเข้าไปได้
ตรงจุดนี้อยากจะให้ทุกท่านระมัดระวังกำลังใจของเราเอาไว้ด้วย เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น เมื่อร่างกายไม่ดี ถ้ากำลังใจไม่เข้มแข็งจริง ๆ ก็มักจะฟุ้งซ่าน แล้วก็อาจจะทำให้เรากลายเป็นมิจฉาทิฎฐิไปได้..!
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะไปคิดว่า ทำไมพระถึงไม่คุ้มครองป้องกันเรา ? โดยที่ลืมไปว่า แต่ละท่านแต่ละคนนั้น มีวาระกรรมของตนเองที่ทำเอาไว้แต่ปางก่อน เมื่อถึงเวลาวาระกรรมนั้นมาสนอง ก็ทำให้เราจะต้องประสบพบกับสิ่งที่ไม่ชอบใจ ไม่ว่าจะเป็นการตกต่ำ การเจ็บไข้ได้ป่วย หรือว่าการที่สูญเสียทรัพย์สินสิ่งของ เป็นต้น
แล้วกิเลสก็มักจะชักนำให้เราคิดไปในแต่ด้านที่แย่ ๆ ทำให้กำลังใจของเราห่างไกลความดีออกไปมาก... -
"สุขเพราะรักษาใจ" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"สุขเพราะรักษาใจ"
" .. ขึ้นชื่อว่าจิตใจนี้ "ถ้าปล่อยให้เป็นทุกข์เดือดร้อนมาก ๆ เข้าแล้ว คิดไปทางอกุศล" ไม่เป็นหนทางแห่งความสุขเลย "อันบุคคลจะมีความสุขได้ ก็เพราะมารักษาใจดวงนี้แหละ" ให้ตั้งมั่นอยู่ในศีลอยู่ในธรรม ตั้งมั่นอยู่ในศีล ทางกาย ทางวาจา ก็ไม่ล่วงพุทธบัญญัติ "อันนี้ก็เป็นความสุขขั้นหนึ่ง"
บุคคลผู้ไม่มีบาปอยู่ในกาย อยู่ในวาจา อยู่ในใจแล้วก็มีความสุขขั้นหนึ่งอย่แล้ว แต่สุขขั้นนี้ก็ยังไม่พอ "ต้องเจริญสมาธิสมถภาวนา" เข้าไปเพ่งใจ ให้เข้าถึงความสงบ "ให้นิวรณธรรมทั้งห้าระงับดับไป" ใจรวมลงเป็นหนึ่ง อันนี้ยิ่งมีความสุขมากกว่านั้นอีก "มีความสุขมากกว่ารักษาศีลนั้นอีก" .. "
''ธรรมโอวาทหลวงปู่เหรียญ"
พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
ท่านจิตโต สอนวิธีฝึกมโนมยิทธิ
"ความสำคัญคือแยกกายกับจิตออกจากกันให้ได้ โดยที่เธอไม่สงสัย"
๑๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑
ปกิณกะธรรมการปฏิบัติมโนมยิทธิต้องไม่ลังเลสงสัย -
สัญญาณเตือนบอกวันหมดอายุขัย
ในระหว่างพระพี่พระน้อง ก็ต้องบอกว่า พูดคุยแบบเปิดอกมาตลอด ไม่มีอะไรจะกั๊ก อย่างวันก่อนที่อยู่วัดโพธิ์ลังกา ศาลาพระอินทมุนี นั่งคุยกันอยู่ มีท่านอาจารย์บ๊ะ คือท่านพระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโมอยู่ด้วย
หลวงตาท่านเล่าให้ฟังว่าท่านลื่นล้มในห้องน้ำ แต่ว่าโดยปกติแล้ว "เจ้าสายฟ้า" หมาที่รักท่านมากที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมาเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ วันนั้น อยู่ ๆ แตกตื่นวิ่งหนีไปหาที่ซุกหลบภัยอย่างชนิดหัวซุกหัวซุน กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนถวายเจ้าคุณหลวงตาไปว่า "มันเห็น ๔ ท่านที่จะมารับครับ..!"
ปรากฏว่าพออีกสักพักหนึ่ง ท่านอาจารย์บ๊ะมาถึง เจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยท่านก็ปรารภอีกครั้งหนึ่ง ท่านอาจารย์บ๊ะท่านหัวเราะ ท่านบอกว่า "มันเห็นคนมารับครับหลวงตา แล้วคนมารับไม่ได้แต่งตัวประเภทนุ่งหยักรั้ง ผ้าโพกหัวมาเหมือนสมัยก่อนนะ ไอ้คนมารับมันใส่ชุดสูทสากลมาอย่างเท่เลย" พวกเราก็หัวเราะกันเฮฮา หลวงตาจึงประกาศบอกลูกศิษย์ว่า "เฮ้ย..สองคนยืนยันตรงกันนะ หลวงตาไม่รู้จะอยู่รอดปีนี้หรือเปล่า ?!"
กระผม/อาตมภาพเมื่อปลุกเสกวัตถุมงคลเสร็จ ถึงได้เรียนถวายหลวงตาบอกว่า "๘๓ ครับหลวงตา แค่นั้นก็มากมายเกินครูบาอาจารย์ไปแล้ว"... -
"ภาวนาเพื่อแก้ไขตนเอง" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"ภาวนาเพื่อแก้ไขตนเอง"
" .. การภาวนา "ก็คือการพิจารณาแก้ไขในตัวมันเองให้ดูตัวเองให้มันมาก ๆ ให้ดูเจ้าของให้มาก ๆ ให้ดูตามจิตของเรา" ความรู้สึกของเรา ความปรุงแต่งของเรา ความเป็นจริงไอ้สิ่งนึกคิดทั้งหลาย มันคือเครื่องปรุงแต่งทั้งนั้นแหละ
พูดง่าย ๆ อย่าไปวิ่งกับมัน อย่าไปตามมัน "มันเป็นเครื่องปรุงแต่งจิตสังขาร สังขารมันปรุงแต่ง" เดี๋ยวเอาอย่างนี้ เดี๋ยวเอาอย่างนั้น ให้พยายามทำ กำหนดตามอาการที่มันเกิดขึ้นมา "มันเป็นของอะไรที่ไม่แน่นอนสักอย่างหนึ่ง มันเห็นมันชัด ก็หมดความสงสัย"
ไอ้ความคิดอะไรที่เกิดขึ้นมา ก็รู้ว่ามันไม่แน่ "อย่าไปหมายมั่นมัน มันก็หมดเท่านั้น" มันไม่หมดทำให้มันหมด มันก็หมดเท่านั้น มันเป็นเรื่องปรุงแต่งสังขาร ถ้าเราไม่รู้จัก ก็เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของปัญญา
ความรู้สึกนึกคิดทั้งหลาย มันเป็นเรื่องปรุงแต่งทั้งนั้น "ไม่ใช่ความรู้อันแท้จริง" แต่เราเข้าใจว่ามันเป็นความรู้ ความรู้ไม่วาง "ถ้ารู้ความจริงมันจะวาง" .. "
"ความผิดในความถูก"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
หลวงปู่ดู่ กล่าวถึงพระราชพรหมยาน( หลวงพ่อฤาษีฯ)
ท่านมหาวีระ ท่านมีบารมีสูง มีข้างบนเป็นกำลังหนุน เป็นอาจารย์ใหญ่สอนคนได้จำนวนมาก ข้าขอโมทนา พวกแกเกิดมาพบพระอรหันต์ที่มีบารมีสูง อย่าให้เสียทีที่ได้พบ เอาสิ่งที่ตนปฏิบัติบัติได้(ญาณ) มาอบรมตนเอง -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
เที่ยว กรรมฐานในกายนคร:หลวงตาพระมหาบัว
เที่ยว กรรมฐานในกายนคร
------------------------
ประจักษ์ภายในจิตสลายลงไปจนกระทั่งกลายเป็น สภาพเดิมของธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ สลายลงไปสู่ธาตุเดิมของเขา
จิตหดตัวเข้ามา "เหลือแต่ ความรู้ล้วน ๆ"
ที่ว่า “เวทนา” ก็หายหมดในระยะนั้น สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเลย
เพียงแต่ “รู้” อย่างเดียวเท่านั้น
------------------------
------------------------
“การฟังธรรม มีอานิสงส์ ๕ ประการ ซึ่งข้อที่ ๕ เป็นข้อสำคัญ คือ จิตผู้ฟังย่อมสงบผ่องใส
นี่สำคัญมาก แต่ก็ต้องเป็นแนวทางสืบต่อกันไปแต่เบื้องต้นที่ว่า “ผู้ฟังธรรมย่อมจะได้ยินได้ฟังสิ่งที่ยังไม่เคยได้ยินได้ฟัง” ซึ่งเป็นบาทฐานไปตั้งแต่นี้ คือไม่เคยได้ฟังทางภาคปฏิบัติ หรือทางใดก็ตาม เมื่อได้ฟังขณะที่ท่านเทศน์นั้น
ก็เกิดความเข้าใจขึ้นมา
ในสิ่งที่เราไม่เคยได้ยินได้ฟังมาเลยเราก็ได้ฟัง
ไม่เคยเข้าใจอย่างนั้นเราก็ได้เข้าใจขึ้นมา
สิ่งที่ได้เคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจแจ่มแจ้งก็เข้าใจแจ่มแจ้งเข้าไปโดยลำดับ และทำความรู้ความเห็นให้ถูกต้องไปตามแนวทางได้
สุดท้ายก็ไปถึงขั้นที่ว่า “จิตผู้ฟังย่อมผ่องใส และสงบเย็น”... -
"วางภาระความยึดถือ" (หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป)
.
"วางภาระความยึดถือ"
" .. การปฏิบัตินั้นต้องผ่านอุปสรรคหลาย ๆ อย่าง จนนับไม่ถ้วน "สิ่งที่จะมาขัดข้องในดวงจิตของเรานั้นมากมายก่ายกอง" ถ้าเรามาใช้ปัญญาพิจารณาให้ละเอียดแล้วก็คือ "การวาง วางจากความยึดถือ
ที่นี้ "เมื่อเราวางภาระคือ ของหนักนั้นออก ความสุขกายสุขใจก็เกิดขึ้น" ที่นี้ภาระที่หนักนั้น เมื่อย่อเข้าแล้วให้เห็นชัด ๆ ก็คือ "ความยึดถือว่า ร่างกายเป็นของเรานี่เอง" .. "
"๑๐๓ โอวาทธรรมคำสอน"
หลวงปู่จันทร์ศรี จันฺททีโป -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
"ศรัทธาต้องประกอบด้วยปัญญา" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
.
"ศรัทธาต้องประกอบด้วยปัญญา"
" .. มีศรัทธาอย่างเดียวก็ไม่สำเร็จ "จะต้องมีศรัทธาและก็ต้องมีปัญญา" เช่นว่า คนให้ทานนี่ก็นึกว่าจะให้ทานเอาบุญ ๆ ถามว่าบุญนั้นคืออะไร ก็นึกว่าเราให้ทานมาก ๆ แล้วว่าเราได้บุญ "ความเป็นจริงทานนี้ก็เพื่อจะสำรอกความมืด ให้เกิดปัญญา" ให้เป็นความสงบ
"บุญที่แท้จริงก็คือการปล่อยวาง คือความสงบระงับ ทำจิตไม่ให้มีโทษนั่นเอง" ในที่สุดก็เป็นยอดของบุญ เป็นความสงบแล้ว ถ้าหากว่าเป็นบุญธรรมดา ที่เราทำด้วยความโง่ ทำบุญเพื่อจะเอาบุญ เมื่อเหตุเกิดขึ้นมา ก็ระงับไม่ได้ มีศรัทธาอยู่ก็จริงแต่ปัญญาไม่มี "การทำบุญก็เพื่อถอนสิ่งเหล่านี้ออกไป คือถอนความโลภ ความหลง" ออกไปจากตัวเองต่างหาก .. "
"สุภัททานุสรณ์์"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
หลักธรรมของพระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน มี ๘๔,๐๐๐ เส้นทางในการบำเพ็ญ
หลักธรรมในประเทศไทยไม่ได้มีสายโน้น ไม่ได้มีสายนี้ ทั้งหลายทั้งปวงล้วนเป็นสายของพระพุทธเจ้าทั้งนั้น
ที่แบ่งสายขึ้นมาได้นั้นก็เพราะว่า ความชำนาญของครูบาอาจารย์แต่ละท่านไม่เหมือนกัน แล้วนำไปสั่งสอนลูกศิษย์ของตนตามความถนัด
เปรียบเสมือนว่าการเดินทางไปสู่กรุงเทพฯ นั้น ถ้าหากว่าท่านมาทางภาคเหนือ ท่านก็ต้องเดินทางมาตามถนนพหลโยธิน ถ้าท่านมาทางภาคอีสาน ก็ต้องเดินทางมาตามถนนมิตรภาพ ถ้าหากว่าท่านเดินทางมาจากภาคตะวันออก ก็ต้องเดินทางมาตามถนนสุขุมวิท ถ้าท่านเดินทางมาจากทางภาคใต้ ก็ต้องเดินทางมาจากถนนเพชรเกษม
นี่เป็นหลักใหญ่ ๆ ถึงสี่สายไปแล้ว แล้วยังมีถนนสายย่อย ไม่ว่าจะเป็นถนนสายเอเชียก็ดี จะเป็นมอเตอร์เวย์ก็ตาม หรือจะเป็นทางด่วนสายโน้นสายนี้ แต่ว่าทั้งหมดก็จะพามาถึงกรุงเทพฯ ได้ทั้งสิ้น แล้วจะไปบอกว่าการเดินทางสายโน้นผิด ต้องสายนี้เท่านั้น ท่านลองใช้ปัญญาตรองดูว่าถูกต้องแล้วหรือไม่ ?
และในเมื่อถนนทุกสายล้วนมุ่งไปในกรุงเทพฯ หรือว่าการปฏิบัติธรรมทุกสายล้วนมุ่งไปสู่พระนิพพาน โดยไม่ได้ไกลไปจาก ศีล สมาธิ ปัญญา ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนเอาไว้ แล้วกระจายออกไปเป็นมรรคมีองค์ ๘... -
ในการปฏิบัติ ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ หรอก ทุกอย่างต้องลำบาก
ถ้าจะปฏิบัติธรรมต้องทำให้จริง ส่วนใหญ่พวกเรายังทำกันไม่จริง เจออุปสรรคอะไรลำบากนิดหน่อยก็เลิกกันหมด ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ หรอก ทุกอย่างต้องลำบาก เห็นคนอื่นเขาได้มาง่าย ๆ น่ะ นั่นแค่ที่เราเห็น ชาติก่อน ๆ ที่เขาสร้างสมมาเหน็ดเหนื่อยขนาดไหน เราไม่ได้เห็นตอนนั้น ก็ไปคิดว่าเขาได้มาง่าย ๆ ความจริงแล้วกว่าจะได้แต่ละอย่างเลือดตาแทบกระเด็นกันทั้งนั้น
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"สมาธิคือจิตตั้งมั่น" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
.
"สมาธิคือจิตตั้งมั่น"
" .. "สมาธิคือจิตตั้งมั่น" ลองตั้งดูซี่ มันตั้งหรือไม่ตั้ง มันตั้งนั้นเป็นยังไงล่ะ "มันก็ไม่เอนเอียงไปหาความรักความชัง" ไม่หลงในรูป ในเสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์ทั้งหลายต่าง ๆ "เมื่อมันตั้ง สิ่งใดเกิดขึ้น เราก็ดับ นี่มันจึงเข้าถึงสมาธิ จิตตั้งมั่น" เมื่อจิตสงบตั้งมั่นแล้ว มันก็ใส
นี่หละ "สมถกรรมฐานให้รู้จักสมถะ คือทำจิตให้สงบภายใน" เมื่อจิตเราสงบภายในแล้ว อุปมาเหมือนน้ำสงบ น้ำสงบมันก็ใส "ใสแล้วก็มองเห็นเหตุ มองเห็นผล มองเห็นบุญกุศล มองเห็นสุข มองเห็นทุกข์" มองเห็นดี มองเห็นชั่ว .. "
"วัดจิตของตน"
(หลวงปู่ฝั้น อาจาโร) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
"โรคกายโรคใจ" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"โรคกายโรคใจ"
" .. "โรคคือความไม่สบายในกาย" ความเจ็บความป่วยไม่สบายเรียกว่าโรคเกิดขึ้นจากกาย "โรคเกิดขึ้นจากใจไม่ปกติ" เกิดความหวั่นไหว เกิดความโลภความโกรธ เกิดความเกลียดความรักความชัง "เรียกว่าโรคของใจ"
โรคของใจนี่แหละ "พระพุทธเจ้าสอนให้พากันรักษาด้วยยาธรรมโอสถ" ปฐมพยาบาลขั้นแรกคือปล่อยทิ้งเสียอย่าให้เป็นอารมณ์ อย่าคิดถึงเรื่องนั้นทำให้ใจสงบ นิ่งอยู่ในที่เดียว หากมันไม่อยู่ก็ให้นึกเอา "พุทโธ" มาไว้เป็นอารมณ์ "นี่เรียกว่าปฐมพยาบาล" .. "
"สนทนาธรรมต่างประเทศ"
(หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
สิงคโปร์ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๙ -
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานในการปฏิบัติ:ท่านจิตโต
จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐานในการปฏิบัติ:ท่านจิตโต บ้านสบายใจ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๕ -
การสวดมนต์คือการภาวนา
การสวดมนต์คือการภาวนา ให้ตั้งใจว่าเราจะสวดถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา สิ่งที่เราทำนี่ตั้งความปรารถนาที่เดียวคือพระนิพพาน เอาจิตเกาะพระนิพพานไว้ข้างบนก็ได้ ตั้งใจไปกราบแทบเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าข้างบน สวดถวายท่านบนนั้นเลย ตายตรงนั้นก็ไปพระนิพพานเดี๋ยวนั้นเลย
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com
หน้า 72 ของ 414