คลังเรื่องเด่น
-
ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของพวกเรา
ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของพวกเรา ที่เจ้าหนี้คือกิเลสมันตามทวง มีอะไรบ้างมันก็มารวมทวงกันชาตินี้แหละ ตัดใจเสียนะลูกรัก คิดว่าเรารวมใช้หนี้มันเท่าที่เราจะพึงมี มันอยากทวงก็เชิญให้มันทวง เราจะยอมลำบากเพียงชาตินี้ชาติเดียว
ต่อไปเราพ้นภัย คือเข้าพระนิพพานกันก็หมดเรื่อง จงคิดว่าขณะนี้เรากำลังถูกเจ้าหนี้ใช้งานเรา เพื่อลบล้างหนี้ เมื่อหนี้หมดเรามีความสุข คิดอย่างนี้ใจจะสบาย มีความร้สึกอยู่เสมอว่า โลกไม่มีความสุข เอาอะไรแน่นอนไม่ได้ อะไรเกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา ช่างมัน ต่อสู้กับมันโดยธรรมจนกว่าจะสิ้นลมปราณ
คำสอนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน วัดจันทาราม (ท่าซุง) จ.อุทัยธานี
ที่มาจากหนังสือธรรมะเพื่อพระนิพพาน หน้า ๑๑๗
เพจ:คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน
พิมพ์ธรรมทาน นภา อิน -
"ถนนเข้าไปถึงศาสนา" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"ถนนเข้าไปถึงศาสนา"
" .. "ศึลก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี ถ้าจะพูดว่านอกศาสนา แต่ก็เป็นถนนเข้าไปถึงศาสนา" เมื่อทำศีลให้ยิ่ง สมาธิให้ยิ่ง ปัญญาให้ยิ่งแล้ว "ผลคือความสงบเกิดขึ้นมา" นั่นเป็นจุดที่ต้องการ เมื่อสงบแล้วถึงได้ยินเสียงก็ไม่มีอะไร เมื่อถึงความสงบอันนี้แล้วก็ ไม่มีอะไรจะทำ ฉะนั้น "พระศาสดาจึงให้ละ จะเป็นอะไรก็ไม่ต้องกังวล อันนี้เป็นปัจจัตตังแล้วจริง ๆ" มิได้เชื่อใครอีก
หลักของพระพุทธศาสนาจึงมิได้มีอะไร "ไม่มีฤทธิ์ ไม่มีปาฏิหาริย์อย่างอื่นทั้งหลายทั้งปวง" สิ่งเหล่านี้พระศาสดามิได้สรรเสริญ แต่มันก็อาจทำได้ เป็นได้ "สิ่งเหล่านี้เป็นโมหธรรม" พระศาสดาไม่สรรเสริญ "ท่านสรรเสริญผู้ที่ทำให้พ้นจากทุกข์ได้เท่านั้น" ซึ่งต้อง อาศัยการปฏิบัติ อุปกรณ์เครื่องปฏิบัตินั้น ได้แก่ "ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา" จะต้องฝึกหัดอย่างนี้ .. "
"กุญแจภาวนา"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๕ -
"การทำสมาธิ สำคัญอยู่ที่สติ" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"การทำสมาธิ สำคัญอยู่ที่สติ"
" .. "การทำสมาธินี่ สำคัญอยู่ที่สตินั้นแหละ" ขอให้ได้พากันจำเอาไว้ให้ดี "สติแปลว่าความระลึกได้" คือระลึกเข้าไปในจิตเลยทีเดียว ระลึกให้หยั่งเข้าไปให้มันถึงจิต อย่าให้มันระลึกเฉไปทางอื่น "จิตนี้ที่มันตั้งมั่นอยู่ไม่ได้ก็เพราะมันขาดสติ" สติไม่ได้เข้าไปควบคุมอยู่ใกล้ชิด
สตินั้น จะระลึกออกไปทางอื่นห่างออกไปจากจิต "เมื่อจิตนี้ปราศจากสติแล้วมันก็ว้าเหว่" เร่ร่อนหาอารมณ์อย่างอื่น คิดส่ายไปตามความชอบใจ มันเป็นอย่างนั้น "แต่จิตนี้น่ะ ถ้าสติเป็นเครื่องสอนอยู่แล้ว ไม่ไปไหนเลย ไม่ไปไหนแล้ว"
ที่มันอยากคิดอะไรมาแต่ก่อนนั้น "สติห้ามไว้ทันแล้วก็หยุด ขอให้สติมันเข้มแข็งเสียอย่างเดียว หายใจเข้าก็กำหนดรู้ หายใจออกก็กำหนดรู้อยู่ในปัจจุบันนั้นเลย" อย่างนั้น .. "
"เคล็ดปฏิบัติสมาธิ"
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=17448 -
เห็นจริง ใช่ว่าจะจริงเสมอไป (ครูบากฤษดา สุเมโธ)
ครูบา (กฤษดา สุเมโธ) ท่านเคยพูดว่า : เห็นจริง ใช่ว่าจะจริงเสมอไป
คุณแบ้ง : ท่านครับ อักษรจีนคำว่า "好 ห่าว แปลว่าดี" หัวกลับด้านที่ว่าจะแก้ดวงให้ผมกลับตาลปัดให้ดีขึ้น ที่ท่านเขียนเล่นๆให้ลูก 2 คนผมดู แล้วท่านเปล่าฝ่ามือไปบนอากาศเหนือบนหลังคาบ้านผมปรากฏเป็นตัวอักษรจีนคำว่า "好 ห่าวกลับด้าน (เพชรกลับ)" ดั่งคำที่ท่านพูดไว้ก่อนทำทุกๆประการ ตรงนี้มีเหล่าศิษย์ให้ความสนใจ อึ้ง !!! ไปตามๆกัน เพราะชัดเจนด้วยตาตัวเองมากๆ หาเหตุผลหาคำตอบเกินคำอธิบายยากมากๆครับ ถามผมมากันมากๆช่วงนี้ ครับท่าน
ครูบากฤษดา : (อมยิ้ม) เราไม่เคยบอกว่าเราทำได้เลย มีแต่คนเขาคิดกันไปเอง เราธรรมดาๆเดินดินแต่จิตใจคนเราต้องยกให้สูงๆ แล้ว ทำไมไม่ไปถามลูกของเธอเองล่ะ
คำตอบ เราเล่นกับเด็ก ก็คือของเล่น ไม่ใช่ของจริง ก็เด็กเขาก็บอกนิ ว่า ตุ๊จ้า เล่นกล ก็คือ เล่นกล อย่าได้สนใจใดๆเลย ตั้งอกตั้งใจ สติกำหนดรู้ในรู้สภาวะแห่งปัจจุบันไป เถอะ ธรรมเท่านั้น ของจริงมีแค่หนึ่งคือ เห็นเข้าใจในความจริงที่มีความจริงแท้ นั้นแหละ ธรรมแท้
คุณแบ้ง : บังคับเมฆ เป็นตัวอักษรจีน นิน่ะครับ แถมบังคับให้กลับด้านได้อีกต่างหาก... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๖๕ -
"จิต เป็นสมบัติที่มีค่ายิ่ง" (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
.
"จิต เป็นสมบัติที่มีค่ายิ่ง"
" .. "จิตเป็นสมบัติสำคัญมากในตัวเราที่ควรได้รับการเหลียวแล" ด้วยวิธีเก็บรักษาให้ดี ควรสนใจรับผิดชอบต่อจิต อันเป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งของตน "วิธีที่ควรกับจิตโดยเฉพาะก็คือภาวนา" ฝึกหัดภาวนาในโอกาสอันควร
ตรวจดูจิตว่า "มีอะไรบกพร่องและเสียไป จะได้ซ่อมสุขภาพจิต" นั่งพินิจพิจารณาดูสังขารภายใน คือความคิดปรุงแต่งของจิตว่า คิดอะไรบ้าง มีสาระประโยชน์ไหม "คิดแส่หาเรื่อง หาโทษ ขนทุกข์มาเผาตนอยู่นั้น พอรู้ผิด-ถูกของตัวบ้างไหม"
พิจารณาสังขารภายนอกว่า "มีความเจริญขึ้นหรือเจริญลง สังขารมีอะไรใหม่หรือมีความเก่าแก่ชราหลุดไป" พยายามเตรียมตัวเตรียมใจเสียแต่เวลาที่พอจะทำได้ ตายแล้วจะเสียการ ให้ท่องในใจอยู่เสมอว่า "เรามีความแก่-เจ็บ-ตาย อยู่ประจำตัวทั่วหน้ากัน" .. "
"มุตโตทัย"
(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) -
อย่าสนใจร่างกาย (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)
พระพุทธเจ้าตรัสว่า “เธอทั้งหลายจงอย่าสนใจร่างกายของตนเอง จงอย่าสนใจในร่างกายของคนอื่น จงอย่าสนใจในทุกสิ่งทุกอย่างในโลก เพราะว่าสิ่งทั้งหลายในโลกนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ร่างกายถ้าเป็นเราจริงมันก็ทรงสภาพอยู่ตลอดกาลตลอดสมัย แต่ทว่าร่างกายของเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ทรงสภาพ ในที่สุดมันก็เข้าขั้นสลายตัว เมื่อเราจะต้องตาย ทรัพย์สมบัติของเราทั้งหลายในโลกมันก็ไม่ตามเราไป แม้แต่ร่างกายที่เรารักที่สุดมันก็ไม่ตามเราไป มันคงจมอยู่ในพื้นปฐพีเป็นปรกติ”
อย่างนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำให้คิดไว้อยู่เสมอ อย่าเผลอไปในด้านความโลภ อย่าเผลอไปในด้านความทะเยอทะยาน อย่าเผลอให้จิตใจมีความโกรธ ความพยาบาท อย่าเผลอให้ความนึกคิดว่านั่นเป็นเราเป็นของเรา อารมณ์อย่างนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงต้องการ
ฉะนั้น ขอทุกท่านจงรักษากำลังใจอย่างนี้ไว้เป็นปกติ ถ้าหากว่าใจของท่านกระสับกระส่าย จงรักษาอานาปานสติกรรมฐาน มีกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกให้ทรงตัว ยังไม่ต้องคิดอะไรทั้งหมด กำหนดจิตรู้เฉพาะลมหายใจเข้าหายใจออกเท่านั้น หายใจเข้ายาวหรือสั้น... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๕ -
อยู่ใต้ฟ้าไม่ต้องกลัวฝน
พระอาจารย์กล่าวว่า "โบราณเขาบอกว่า อยู่ใต้ฟ้าไม่ต้องกลัวฝน พูดง่าย ๆ คือเป็นธรรมชาติ
อะไรที่เป็นธรรมชาติ ถ้าเราเห็นเป็นธรรมดา จิตใจก็ไม่ดิ้นรน ไม่ต่อต้าน ปล่อยได้ วางได้ ก็จะมีความสุข แต่ส่วนใหญ่ที่เรามีความทุกข์ เพราะถ้าไม่ไปดิ้นรนต่อต้านในสิ่งที่เราไม่ชอบ ก็จะไปอยากได้ใคร่มีในสิ่งที่เราชอบ ก็จะมีแต่ความทุกข์"
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com
ขอขอบคุณภาพจาก คุณ A'tist Toon -
"ภาวนาพุทโธ ไม่ใช่งานหนัก" (สมด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"ภาวนาพุทโธ ไม่ใช่งานหนัก"
" .. การภาวนา "พุทโธ" ไม่ใช่งานหนัก ไม่ใช่งานยาก "แต่มีคุณมหาศาลเกินกว่าจะมีผู้ใดบอกได้ ผู้ใดทำผู้นั้นจะได้เข้าใจตนเอง" จึงขอให้ทำเพื่อหนีผลแห่งกรรมไม่ดีที่ไม่อาจรู้ได้ว่า กำลังจะเกิดแก่ชีวิตในวินาทีใดและร้ายแรงเพียงไหน เช่นที่เกิดขึ้นให้เห็นอยู่แล้วทุกวันนี้ .. "
"ชีวิตนี้น้อยนักแต่สำคัญนัก"
สมด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๕ -
"กัมมัฏฐานทั้งปวง มีอยู่ในกายทั้งนั้น" (หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี)
.
"กัมมัฏฐานทั้งปวง มีอยู่ในกายทั้งนั้น"
" .. กายของเรานี้มีธรรมอยู่พร้อมเบ็ดเสร็จทุกอย่าง "จะพิจารณาให้เป็นอสุภก็ได้ ให้เป็นกัมมัฏฐานอะไร ๆ ได้หมด" และเป็นที่ตั้งทั้งสมถะและวิปัสสนาด้วย
"จะพิจารณาให้เห็นโทษเห็นทุกข์เห็นเป็นของไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวตนก็ได้ อย่าไปทิ้งกายอันนี้ก็แล้วกัน" จะทิ้งไม่ได้ เพราะเราเกิดขึ้นมาได้ตัวตนมาแล้วจะไปทิ้งให้ใคร
เมื่อเป็นเช่นนี้ "จึงจำเป็นที่สุดที่จะต้องยกกายนี้ขึ้นมาพิจารณา ผู้ต้องการเห็นทุกข์โทษในวัฏสงสาร ต้องยกกายนี้ขึ้นมาพิจารณา" เพราะเป็นของมีอยู่ "กัมมัฏฐานทั้งปวงหมดล้วนมีอยู่ในกายนี้ทั้งนั้น" .. "
"อานาปานสติ"
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี -
ภาพงานภาวนาพระคาถาเงินล้าน ณ วัดอุทยาน ๒๔ ก.ย. ๖๕
งานภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ณ วัดอุทยาน
วันเสาร์ที่ ๒๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
เวลา ๐๗.๐๐ น. เริ่มพิธีบวงสรวง
เริ่มการภาวนาพระคาถาเงินล้าน -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๕ -
"ศีล สมาธิ ปัญญา" (หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร)
.
"ศีล สมาธิ ปัญญา"
" .. "ศีลกับสมาธิ ปราบกิเลสอย่างหยาบและอย่างกลางเท่านั้น แต่กิเลสอย่างละเอียดนั้นปราบด้วยปัญญา" นักค้นคว้าหาเหตุผลด้วยกำลังไตรลักษณ์ ประหารกิเลสเหล่านั้นให้สิ้นไปจากสันดาน
"ธรรมดาของจิตติดกายว่าสวยงาม ใช้ปัญญาแยกส่วน แบ่งส่วนของกายให้เห็นเป็นปฏิกูลโสโครก" ให้ชำนิชำนาญโดยยิ่ง เมื่อเหนื่อยแล้วเข้าพักในสมาธิ หายเหนื่อยแล้วก็ใช้ปัญญาค้นธาตุเรื่อย ๆ ทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน จนสิ้นราคะ โลภะ โทสะ โมหะ เป็นสมุจเฉทปหาน
"อย่าไปติดสุขในสมาธิในฌานสมบัติอย่างเดียว อย่าไปติดปัญญาอย่างเดียว" จิตฟุ้งซ่าน สมาธิหนุนปัญญา ปัญญาหนุนวิโมกข์วิมุตติ เมื่อถึงวิโมกข์วิมุตติแล้ว จิตพ้นจากกิเลสเท่านั้น .. "
"ธารแห่งธรรม"
หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร -
การใส่บาตรทุกวัน (หลวงปู่มหาศิลา สิริจนฺโท)
การใส่บาตรทุกวัน ทำให้จิตใจเกาะอยู่กับความดี เป็นการฝึกจิตให้คลุกเคล้าอยู่กับกุศล ซึ่งเป็นทางแห่งความเจริญ ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรับรองว่า “ผู้ฝึกจิตดีแล้ว ย่อมนำสุขมาให้”
เพราะเมื่อตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่จะนึกถึงคือจะหาอะไรใส่บาตรดี ซึ่งจุดนี้ก็เรียกว่าเป็นสังฆานุสติ เพราะนึกถึงพระสงฆ์ และจาคานุสติ เพราะนึกถึงสิ่งที่จะนำใส่บาตรพระ ถือเป็นบุญการเจริญพระกรรมฐานถึง ๒ กองด้วยกัน
หลวงปู่พระมหาศิลา สิริจนฺโท
สวนสงฆ์บ้านแกเปะ จ.กาฬสินธุ์
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook =AZUvlQLkOM9DUEfh1YnZoGpGgYDejbHJra56Gb2cmp7ICoKxw8cv6JjnvbQr1M_4oVvRDGNt50LGhxey2utNS-sC403AeKYb3nKlwOSEQ7HJEuijlVq_Ccqr-7SR0vUQV5dViQ29qqt8HwarJygkwnWydd3_IFLvCFe_T8nl67CUDb7eviYwK2mFMBawnFN-CCcSqkE8UfuiNirF8VRRZJZ6&__tn__=%2CO%2CP-R']หลวงปู่ศิลา สิริจันโท -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๕ -
"พบหลวงปู่มั่นครั้งแรก" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
.
"พบหลวงปู่มั่นครั้งแรก"
" .. มาก็บึ่งหาท่านเลย ท่านก็ใส่เปรี้ยงเลย ท่านต้อนรับท่านกางเรดาร์ไว้เรียบร้อยแล้ว สรุปความลง ย่นเข้ามาว่า "ท่านมาอะไร มาหามรรคผลนิพพานเหรอ" มาหาบุญหากุศลเหรอ "ท่านก็ชี้ไปต้นไม้ภูเขาไม่ใช่มรรคผลนิพพาน" ไม่ใช่บาป ไม่ใช่บุญ ไม่ใช่ธรรม ทั่วโลกธาตุสิ่งนั้นเป็นนั้น ๆ ไม่ใช่บาปไม่ใช่บุญ ไม่ใช่กิเลสตัณหา ไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ไม่ใช่ธรรม "ธรรมแท้อยู่ที่ใจ" ว่าอย่างนั้นนะ นอกนั้นปัดหมดเลย ไม่ใช่บาปใช่บุญ อยู่ที่ใจ เอา เร่งความพากความเพียรเข้าที่ใจ "บุญอยู่ที่ใจ บาปอยู่ที่ใจ กิเลสอยู่ที่ใจ ธรรมอยู่ที่ใจ มรรคผลนิพพานอยู่ที่ใจ" ชี้ลงใจ ๆ เลย
ท่านแสดงนั้นเหมือนว่า "เอามรรคผลนิพพานมาวางไว้บนฝ่ามือให้เราดู" นี่เห็นไหม ๆ ท่านผู้ดีทั้งหลายท่านไปได้ ท่านเอามรรคผลนิพพานมาครองหัวใจได้ "เราจะเอาอะไรครองหัวใจ เอาหา หาให้ได้ หาที่ใจ อย่าไปหาที่อื่น" ไม่ใช่กิเลสตัณหา ไม่ใช่อรรถใช่ธรรม ไม่ใช่มรรคผลนิพพาน ให้หาที่ใจ ละชั่วทำดีอย่าลดละ เท่านั้นละ "ท่านเทศน์ย้ำลงไป ๆ จิตมันก็ลงแน่วเลยเชียว ลงใจกับท่าน" นั่นละที่นี่เราพูดย่อ ๆ นะ พอลงมาจากท่านแล้ว "เหมือนว่าตัวมันจะเหาะลอยทั้งเป็น... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๕ -
"เกลือไม่เค็ม" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"เกลือไม่เค็ม"
" .. พระรูปหนึ่งบอกว่า "เป็นนักปฏิบัติ เมื่อมาขออยู่กับอาตมา" ถามถึงระเบียบปฏิบัติ อาตมาจึงอธิบายให้ฟ้งว่า "เมื่อมาอยู่กับผม จะสะสมเงินทองและสิ่งของไม่ได้ผมถือตามวินัย" ..
ท่านพูดว่า : "ท่านปฏิบัติไม่ยึดไม่หมาย"
อาตมาบอกว่า : "ผมไม่ทราบกับท่าน"
ท่านเลยถามว่า : "ถ้าผมจะใช้เงินทอง แต่ไม่ยึดไม่หมายจะไดํไหม"
อาตมาตอบว่า : "ได้ ถ้าท่านเอาเกลือมากินดูแล้วไม่เค็มก็ใช้ได้"
ท่านจะพูดเอาเฉย ๆ เพราะท่านขี้เกียจรักษาของ จุก ๆ จิก ๆ นี่มันยาก "เมื่อเอาเกลือมากินท่านไม่เค็มแล้ว ผมจึงเชื่อ" ถ้ามันไม่เค็มจะเอามาให้กินสักกะทอ (เข่งเล็ก) ลองดู มันจะไม่เค็มจริง ๆ หรือ "เรื่องไม่ยึดไม่หมายนี้ ไม่ใช่เรื่องพูดเอง คาดคะเนเอา" ไม่ใช่ "ถ้าท่านพูดอย่างนี้อยู่กับผมไม่ได้" ท่านจึงลาไป .. "
"หมือนกับใจคล้ายกับจิต"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภัทโท) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๕ -
เรื่องของพลังจิต (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
ถาม : พลังจิตสามารถใช้ประโยชน์อะไรบ้าง?
หลวงพ่อ : อันนี้ก็แล้วแต่พลังจิตของเรา ถ้าเรามีพลังจิตสามารถบังคับจิตใจคนอื่นได้ มันก็เป็นไปได้ดี
แต่ก็ด้วยประการใดก็ดี ผู้ที่มีสมาธิแล้วคำพูดมักจะศักดิ์สิทธิ์ สามารถที่จะโน้มน้าวจิตของผู้อื่นได้
ถ้าหากสมมติว่าเราโกรธใครสักคนหนึ่ง อย่าไปแช่งเขา ให้ทำสมาธิ ให้แผ่เมตตาให้เขามากๆ
ในเมื่อเราแผ่เมตตาให้เขามากๆ มันจะเกิดผลขึ้นมา ๒ อย่าง
อย่างหนึ่งเขามาดีกับเรา อย่างที่ ๒ ถ้าเขาไม่ยอมมาดี เขาก็พังไปเอง เราไม่ต้องแช่ง ถ้าแช่งแล้วเราก็เป็นบาป แล้วก็ทำให้เราเสื่อมคุณธรรมด้วย
โอวาทธรรม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook อมตะธรรม ประเทศไทย -
"กิเลสทั้งหลาย จิตดวงนี้เองที่สร้างขึ้น" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"กิเลสทั้งหลาย จิตดวงนี้เองที่สร้างขึ้น"
" .. กิเลสทั้งหลายนะ "ขอแต่ว่ามาฝึกจิตตัวเองให้มันได้ก็แล้วกัน" บังคับจิตตัวเองให้มันได้แล้ว "เรื่องของกิเลสไม่ยากเย็นเลย เพราะว่ากิเลสนั้นมันก็จิตดวงนี้เองที่สร้างขึ้น" ปรุงแต่งขึ้น ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ แล้วกิเลสมันมาสวมเอาเลยนี่ไม่มี ไม่มี อย่าไปเข้าใจอย่างนั้น "ล้วนแต่จิตสร้างขึ้นทั้งนั้น"
เช่น "อย่างความรักอย่างนี้นะ อยู่ดี ๆ มันจะรักขึ้นมาเองไม่มี" ตามันต้องไปเห็นรูปสวยงามก่อน แล้วมันจะเกิดความรักขึ้นมา ถ้าตามันเห็นรูปสวย ๆ งาม ๆ อย่างนั้นแล้ว "สติหรือปัญญามันทำลายความเห็นแล้วนั่นลงไป สวยงามนั่นเป็นแต่เพียงสมมติของโลก"
"แต่ถ้าว่าโดยปรมัตถ์แล้ว ไม่มีอะไรสวยงาม" มันเป็นแต่เพียงสภาวะธาตุประชุมกันอยู่ หมดเหตุหมดปัจจัยแล้ว มันก็แตกสลายลงเท่านั้น "ไม่มีอะไรสวยงาม ไม่มีอะไรขี้เหร่" .. ไม่มีเลย .. "
"อุบายละสังขารรูปนาม"
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๖๕ -
ใจเป็นพระ / พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
ใจเป็นพระ
พระธรรมเทศนา พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง -
"ปัจจุบันเท่านั้น สำเร็จประโยชน์ได้" (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
.
"ปัจจุบันเท่านั้น สำเร็จประโยชน์ได้"
" .. "สิ่งที่ล่วงไปแล้ว ไม่ควรทำความผูกพัน" เพราะเป็นสิ่งที่ล่วงไปแล้วอย่างแท้จริง แม้กระทำความผูกพันและหมายมั่นให้สิ่งนั้น กลับมาเป็นปัจจุบัน ก็เป็นไปไม่ได้ "ผู้ทำความสำคัญมั่นหมายนั้นเป็นทุกข์แต่ผู้เดียว" โดยความไม่สมหวังตลอดไป
"อนาคตที่ยังมาไม่ถึงนั้น เป็นสิ่งไม่ควรไปยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้องเช่นกัน" อดีตควรปล่อยไว้ตามอดีต อนาคตควรปล่อยไว้ตามกาลของมัน "ปัจจุบันเท่านั้นจะสำเร็จประโยชน์ได้" เพราะอยู่ในฐานะที่ควรทำได้ไม่สุดวิสัย .. "
"ภูริทตฺตธมฺโมวาท"
(หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต) -
“นิมนต์พระนำคนตายกลับบ้าน”
ถาม: คนที่ตายที่โรงพยาบาลแล้วนิมนต์พระนำกลับวัดหรือบ้านคนตาย เขาจะกลับได้จริงไหมครับ?
พระอาจารย์: อ๋อ เขาไปตามวาระของเขาแล้ว เขาไปเป็นเทวดาไปเป็นเปรตแล้ว หรือไปเป็นอะไรแล้ว งั้นที่ทำนี้เพียงแต่ไปเอาร่างกายเท่านั้นเอง เพื่อความสบายใจของคนเป็น ของคนที่ยังมีอยู่ เพราะตามความเชื่อว่าต้องมีพระมาดึงกลับไป แต่พระดึงไม่ได้หรอก
"มันเรื่องของกรรม กฎแห่งกรรม ไม่มีใครเหนือกรรม
พอร่างกายนี้ตายปั๊บนี่ จิตนี้ถูกกรรมเป็นผู้จัดการ เท่านั้นเอง
เรามีกรรมเป็นของๆตน เป็นผู้รับผลของกรรม
จะทำกรรมอันใดไว้ ดีหรือชั่ว
จะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น
ฉะนั้นกรรมก็จะจัดสรรทันที
ให้เราเป็นเปรต เป็นเดรัจฉาน ไปเป็นเทวดา
หรือไปเป็นพระอริยะ แล้วแต่กรรมที่เราสร้าง"
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี
ถามตอบปัญหาธรรม
10 กรกฎาคม 2564
Credit: ขอขอบพระคุณที่มาจาก Facebook กลุ่มเด็กวัดป่า ฯ มดงาน -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๕
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๖๕ -
การบวชเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก เพราะเป็นบุญในส่วนของเนกขัมมบารมี
การบวชเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก เพราะเป็นบุญในส่วนของเนกขัมมบารมี ซึ่งในการสร้างบารมีทั้งหมด แทบจะไม่มีใครเริ่มต้นด้วยเนกขัมมบารมี ในเมื่อแทบจะไม่มีใครเริ่มต้นด้วยเนกขัมมบารมี ถ้าไม่ได้มีวิสัยการบวชมาก่อน โอกาสที่จะบวชต้องบอกว่าเป็นศูนย์เลย หรือไม่ก็บวชแล้วอยู่ไม่ได้ เพราะไม่ใช่วิสัยของตน
โดยเฉพาะการบวชในสมัยนี้ ที่อยู่เป็นพรรษาหายากมาก ส่วนใหญ่เขาบวชกัน ๓ วันบ้าง ๗ วันบ้าง ๑๕ วันบ้าง เดือนหนึ่งบ้าง บางคนบวชแล้วสึกกลับบ้านไป เขายังเก็บโต๊ะจีนไม่เสร็จเลย สมัยก่อนทางบ้านอาตมาจะมีสมาคมตระกูลแซ่ เวลาเขามีงานก็ต้องช่วยกันไปช่วยกันมา เช่น เขาใส่ซองให้เรามาร้อยหนึ่ง ครั้งต่อไปเราต้องใส่ซองเขาไป ๑๕๐ มีอยู่บ้านหนึ่ง มีแต่ใส่ซองให้คนอื่นมาตลอด คนเป็นลูกก็ไม่คิดที่จะบวชหรอก เพราะไม่ใช่วิสัยของตนเอง ต่อมาลูกบ้านนี้บวช เลี้ยงโต๊ะอะไรเสร็จสรรพเรียบร้อย วันรุ่งขึ้นก็สึก คนเขาด่ากันทั้งตำบล ว่าตั้งใจบวชมาเอาซองอย่างเดียว
ส่วนอาตมานั้น ที่บ้านมีพี่ชายคนโต พี่สาวคนโตสองคน และพี่ชายคนที่สามที่แต่งงานไป นอกนั้นก็ไม่ได้แต่ง โอกาสที่จะได้ครองเรือนเหมือนคนอื่นเขาก็ไม่มี พอมางานบวชของอาตมา...
หน้า 64 ของ 414