คลังเรื่องเด่น
-
"การเห็นสมณะ เป็นมงคลอันสูงสุด" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
"การเห็นสมณะ เป็นมงคลอันสูงสุด"
" .. คำว่า "สมณะ" นั้นตามที่ท่านแสดงไว้ในตำราว่า "มีอยู่ ๔ ประเภท"
- สมณะที่หนึ่ง คือพระโสดา
- สมณะที่สอง คือพระสกิทาคา
- สมณะที่สาม คือพระอนาคา
- สมณะที่สี่ คือพระอรหัตบุคคล
๔ ประเภทนี้ ท่านเรียกว่า "สมณะ" การที่เราได้มาเห็นสมณะ ผู้สงบกาย วาจา ใจ จากบาปทั้งหลายดังกล่าวมานี้ "จึงถือเป็นมงคลอันสูงสุด" .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
ถ้าใจนิ่งก็เข้าถึงฤทธิ์และพรหม
ถ้าใจนิ่งก็เข้าถึงฤทธิ์และพรหม -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
จริง ๆ แล้วความประพฤติของเด็กอยู่ที่การฝึกหัด การฝึกอบรมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
พระอาจารย์สอนว่า "จริง ๆ แล้วความประพฤติของเด็กอยู่ที่การฝึกหัด การฝึกอบรมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าพ่อแม่ไม่เข้มงวด เอาแต่ตามใจลูก ย่อมไม่มีทางฝึกลูกให้ดีได้ ตัวเราเองก็เหมือนกัน ถ้าเอาแต่ตามใจกิเลส โดยไม่คิดที่จะห้ามปราม ไม่คิดที่จะต่อต้าน ก็จะโดนกิเลสจูงไปเรื่อย ผลก็จะออกมาเหมือนกับเด็กที่ขาดการฝึกอบรมนั่นแหละ"
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com
ขอบคุณภาพจาก คุณ ภัทร์ษกรณ์ จิระประเสริฐสุข -
"พุทโธนี่ของเล็กน้อยเมื่อไหร่ล่ะ" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
.
"พุทโธนี่ของเล็กน้อยเมื่อไหร่ล่ะ"
" .. เมื่อใจมีความสุขความสบาย สิ่งทั้งหลายมันก็สบายนะ เรื่องสำคัญมันเป็นอย่างงั้น หายเมื่อยหรือยังล่ะ จะนอนก็นอนเพ่งดูหัวใจจนหลับ "ใจมีพุทโธแล้วเป็นใหญ่กว่าเขาหมด" ใหญ่กว่าพระอินทร์พระพรหม เทวบุตร เทวดา ยักษ์ กุมพน กุมภัณฑ์ พญาครุฑ พญานาค "พุทโธนี่ของเล็กน้อยเมื่อไหร่ล่ะ ใจเราเป็นใหญ่กว่าทั้งหมดล่ะนะ" เรื่องเป็นอย่างนั้น เข้าใจไหมล่ะเอ้าเลิกกันได้ .. "
"พิจารณากาย พิจารณาใจ"
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
."กรรมไม่ดี กับบุคคลอันเป็นที่รัก" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า)
.
"กรรมไม่ดี กับบุคคลอันเป็นที่รัก"
" .. เป็นผู้ใหญ่ก็อย่าทำกรรมไม่ดี เป็นเด็กหรือเป็นหนุ่มเป็นสาวก็อย่าทำกรรมไม่ดี "แม้รักตัวเองก็อย่าทำกรรมไม่ดี จงทำแต่กรรมดี" หรือแม้รักแม่พ่อพี่น้องลูกหลานก็อย่าทำกรรมไม่ดี "ผลไม่ดีที่ผู้ทำได้รับนั้นจะทำให้บรรดาผู้ที่รักตน พลอยกระทบกระเทือนไปด้วย"
ลองนึกถึงใจตนเอง "เมื่อเห็นผู้ที่ตนรักทำความไม่ดี แม้ผลไม่ดียังไม่ทันปรากฏชัด ตนก็ไม่สบายใจ" ยิ่งเมื่อได้ผลร้ายเกิดขึ้นสนองผู้ทำกรรม "เราผู้มีความผูกพันกับเขาก็ย่อมต้องเหมือนพลอยได้รับผลร้ายด้วย"
ดังนั้น "แม้ไม่รักตนเอง ก่อนจะทำอะไรก็ควรนึกถึงใครทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง" ซึ่งจะต้องมีผู้เป็นที่รักอยู่ด้วย "ถ้าเราทำกรรมไม่ดี ได้รับผลไม่ดี ผู้ที่รักเราและผู้ที่เรารักก็จะต้องพลอยได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจไปด้วยอย่างไม่ยุติธรรม" เพราะมิได้เป็นผู้ทำกรรมไม่ดีด้วย "แต่ต้องพลอยได้รับผลไม่ดีเพราะความผูกพัน"
ดังนั้น "จะทำความไม่ดีใดก็น่าจะนึกถึงบรรดาผู้ที่มีความผูกพันกับเราบ้าง" อาจจะช่วยให้ เข้มแข้งยิ่งขึ้นในการหลีกการทำกรรมไม่ดี .. "
"แสงส่องใจ ๒๕๓๓"
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
ให้เรามีสติสมาธิทรงตัวอยู่กับเรื่องตรงหน้า มองทุกอย่างตามความเป็นจริงว่าไม่มีอะไรเที่ยง
ปัจจุบันพวกเราที่ทำแล้วไม่ค่อยไปไหน เพราะว่าทำแล้วทิ้ง ลุกแล้วเลิก ต้องลุกไปแล้วรักษาอารมณ์ที่เราทำได้ ให้อยู่กับเราให้นานที่สุด เรานั่งสมาธิ แหม..ผ่องใสเหลือเกิน สุขเยือกเย็นใจอย่างบอกไม่ถูก แต่พอลุกแล้วเลิกเลย ไปด่าเขาปาว ๆ แบบนั้นใช้ไม่ได้ ทำอย่างไรเราจะประคับประคองความมีสติ ความสุข ความเย็นกายเย็นใจนั้น ให้อยู่กับเราได้นานที่สุด ?
ตอนนี้เราเป็นผู้ทวนกระแสโลก ถ้าเราทวนกระแสมาถึงตอนนี้แล้วเราปล่อย ก็จะลอยตามกระแสไป เหมือนกับคนว่ายทวนน้ำ พอรามือก็ลอยตามน้ำไป แล้วเราก็ว่ายใหม่ ถ้าหากเราปล่อยไปวันหนึ่ง ว่ายใหม่หนึ่งวัน อย่างเก่งก็มาได้แค่เดิม ถ้าเหนื่อยมาก ๆ ว่ายหลาย ๆ เที่ยวก็ได้ไม่เท่าเดิม กลายเป็นว่าไม่ได้อะไรเพิ่มเลย ขยันทำงานทุกวัน แต่ผลงานไม่มี แล้วเราก็จะท้อ พอเราท้อเดี๋ยวก็พาเราถอย ถอยเมื่อไรก็ห่างความดีเมื่อนั้น
นอกจากรักษาอารมณ์ให้อยู่กับปัจจุบันแล้ว เรายังต้องปฏิบัติให้ต่อเนื่องตามกันทุกลมหายใจเข้าออก ถ้าเราทำถึงจริง ๆ แม้แต่หลับอยู่เราก็ทำได้ สติ สมาธิ ปัญญา จะดำเนินหน้าที่อยู่ตลอด หลับอยู่ก็เหมือนกับตื่น จะรู้ตัวอยู่เสมอ... -
"ให้จิตยึดบุญกุศล" (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)
.
"ให้จิตยึดบุญกุศล"
" .. ถ้าในขณะนั้น "จิตออกจากร่างของเรา ในเวลาที่จิตนึกถึงส่วนบุญ" ส่วนกุศลที่ได้บำเพ็ญไว้จะมากหรือน้อยก็ตามที จิตจะต้องไปยึดอยู่ในอารมณ์อันนั้น "ถ้าจิตมันคิดแต่ในบุญกุศล ก็ได้เกิดมาเป็นคน คือเป็นมนุษย์อีก" แต่เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์และมีทรัพย์สินสมบัติมากในฐานะที่ดี "ด้วยบุญกุศลอันนั้นที่ได้ตามสนับสนุน" .. "
"๑๐๓ โอวาทธรรมคำสอน"
หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
"ฝึกจิต เพือหนีทุกข์หนีกิเลส" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"ฝึกจิต เพือหนีทุกข์หนีกิเลส"
" .. "การฝึกจิตให้เข้าถึงความสงบนี้ เป็นสิ่งจำเป็นจริง ๆ ให้ถือเป็นเรื่องจำเป็น" ถ้าปล่อยจิตให้เลื่อนลอยไปตามอำนาจของกิเลสก็มีแต่ทุกข์ "อยู่ในปัจจุบันนี้ก็ทุกข์ใจหนักใจมาก ละโลกนี้ไปสู่โลกหน้าก็ทุกข์ หอบเอากองทุกข์เหล่านี้ไปด้วย" มันเป็นอย่างนั้น มันทุกข์หลาย "บางคนก็ถึงฆ่าตัวตาย" ไม่มีทางออก .. "
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
อานันทะ...ดูก่อนอานนท์ แม้แต่ตถาคตก็ยังต้องมากด้วยอานาปานสติ
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๙ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพ "โดนเท" ไปสองงาน ทั้งเช้าและบ่าย จึงใช้เวลาที่เหลือภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบไปสองรอบ
ถ้าท่านทั้งหลายถามว่ากระผม/อาตมภาพยังต้องภาวนาอยู่อีกหรือ ? ก็ขอยกเอาพระดำรัสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ตรัสกับพระอานนท์ว่า "อานันทะ...ดูก่อนอานนท์ แม้แต่ตถาคตก็ยังต้องมากด้วยอานาปานสติ" นี่เป็นประการหนึ่ง
อีกประการหนึ่งก็คือ ครูบาอาจารย์ท่านเตือนอยู่เสมอให้เราไม่ประมาท ถ้าหากว่าเราเอาความดีใส่ไว้ในใจของเรา ความชั่วก็เข้ามาไม่ได้ เพราะว่ากำลังใจของเรานั้นเปรียบเสมือนเก้าอี้ที่นั่งได้คนเดียว ถ้าหากว่าความดีนั่งอยู่ ความชั่วก็เข้าไม่ได้ ถ้าความชั่วนั่งอยู่ ความดีก็เข้าไม่ได้เช่นกัน
ในแต่ละวัน เราจึงควรที่จะให้กำลังใจของเรานั้นอยู่ในด้านดีให้มากกว่าเข้าไว้ ขนาดนั้นก็ตาม ที่กระผม/อาตมภาพพบมาก็คือ หลายท่านเวลากลางวันรักษากำลังใจได้ดีมาก แม้แต่หน้าตาเพศตรงข้ามก็ไม่มอง แต่พอกลางคืนเผลอหลับ ฝันว่าไล่ปล้ำลูกชาวบ้านเขาไปเรียบร้อยแล้ว..!
หรือว่ากลางวันระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่มดตัวเดียวก็ไม่กล้าเหยียบ กลางคืนหลับเมื่อไร... -
"เมตตา แก้ความโกรธ" (สมเด็จพระสังฆราชเจ้า )
.
"เมตตา แก้ความโกรธ"
" .. "เมตตากรุณาเป็นความรู้สึกตรงกันข้ามกับความโกรธ" ผู้ที่มีเมตตากรุณาในผู้ใดอยู่ ความโกรธในผู้นั้นจะเกิดไม่ได้ เพราะเมตตาหมายถึงความปรารถนาให้เป็นสุข กรุณาปรารถนาจะช่วยให้พ้นทุกข์ เมื่อมีความรู้สึกดังกล่าวอยู่ในใจ "ความโกรธย่อมเกิดไม่ได้เป็นธรรมดา" การเจริญเมตตาจึงเป็นการแก้ความโกรธที่ได้ผล
"ผู้เจริญเมตตาอยู่เสมอ เป็นผู้ไม่โกรธง่าย" ทั้งยังมีจิตใจเยือกเย็นเป็นสุข ด้วยอำนาจของเมตตาอีกด้วย ผู้ใดรู้สึกว่าจิตใจเร่าร้อนนัก "เมื่อเจริญเมตตาจะได้รู้สึกว่าเมตตามีคุณแก่ตนเองเพียงไร" .. "
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
"ทุกข์ตั้งแต่เกิดจนตาย" (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
.
"ทุกข์ตั้งแต่เกิดจนตาย"
" .. บัดนี้ เราทุกคนรู้แล้วว่า "กิเลสมันดองอยู่ในจิตใจของเรามานาน" จนนับภพนับชาติไม่ได้ ที่เรามาเกิดมาตายในโลกนี้ก็เพราะจิต "เพราะจิตนี้หลงอยู่ในกามารมณ์" สำคัญผิดคิดว่า "กามให้ความสุข"
ที่ไหนได้ "กามนี้มันให้ความทุกข์ ตั้งแต่เกิดจนเราตาย" ตายแล้วยังตามจิตหลงไปจนนับภพนับชาติไม่ได้ในอนาคต ดูแต่ในปัจจุบันนี้ชาตินี้ "คนใดบริโภคกามทางกายอยู่ ทางวาจา ทางจิตอยู่ ย่อมมีแต่เรื่องร้อนจิตร้อนใจทั้งภายนอกภายใน"
ด้วยเหตุนี้แหละ เมื่อเราท่านทั้งหลายได้ฟังธรรมเทศนากัณฑ์นี้แล้ว "ให้พากันละกามตัวมารร้ายนี้ออกให้หมดสิ้น" อย่าเสียดายตามอยากอยู่เลย .. "
"ธรรมเมตตา ฉบับบที่ ๔" ๒๓ สิงหาคม ๒๕๐๖
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
อย่าเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปแล้ว แต่จงเสียดายถ้าไม่ได้ทำ
อย่าเสียใจในสิ่งที่ทำลงไปแล้ว แต่จงเสียดายถ้าไม่ได้ทำ เพราะถ้าเราไม่ได้ทำ เราจะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นถูกหรือผิด มัวแต่เสียใจอยู่ก็ไม่ได้ทำอะไร หลงจ่อมจมอยู่กับความหลัง ก้าวไปข้างหน้าดีกว่า
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
วางกำลังใจให้อยู่กับปัจจุบัน จึงจะมีโอกาสเข้าถึงมรรคผล
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพมีหลายเรื่องที่อยากจะพูดถึง เอากันแค่ตามเวลาก็แล้วกัน
เรื่องแรกเลยก็คือ ถ้าท่านทั้งหลายสังเกต จะเห็นว่านาคของเราหายไปหนึ่งคน ซึ่งความจริงแล้วยังไม่ถึงเวลาที่นาคจะเข้าวัด เพียงแต่ว่าทั้งสองคนมีความตั้งใจในการจะบวช แล้วมาเข้าวัดก่อนเวลา ก็ถือว่าเป็นความดีเฉพาะตัว แต่ด้วยความที่ทางวัดของเราต้องมีการสอบทวนกันก่อน ว่าเคยมีการบวชมาจากที่อื่นก่อนหรือไม่ ? แล้วมีติดอาบัติหนักมาจากที่อื่น อย่างเช่นปาราชิกหรือว่าสังฆาทิเสสหรือไม่ ? จึงทำให้ทราบว่า นาครูปหนึ่งของเรา โดนอาบัติปาราชิกจากการบวชครั้งที่แล้ว..! จึงทำให้ไม่สามารถที่จะบวชใหม่ได้
ความจริงสาเหตุก็มีนิดเดียว ก็คือครูบาอาจารย์มอบพระพุทธรูปให้หนึ่งองค์ ให้ไปเลือกเอาเอง ปรากฏว่าองค์ที่ไม่ได้มอบให้ ดูดีกว่า สวยกว่า ท่านก็เลยยกเอาไปโดยที่ไม่ได้บอกครูบาอาจารย์ด้วย ความมักง่ายแค่นี้ทำให้เรากลายเป็นผู้สูญเสียหนทางในการที่จะบรรลุมรรคผลไปทั้งชาติ เพราะว่าเมื่อต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ก็เหมือนกับตาลยอดด้วน เพราะว่ากำลังใจไม่ได้มีความมั่นคงต่อพระรัตนตรัย ทำให้เข้าถึงธรรมไม่ได้... -
ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์ พระอริยบุคคลก็จะขาดหายไปด้วย/ หลวงปู่มั่น
ถ้าไม่มีพระมหากษัตริย์ พระอริยบุคคลก็จะขาดหายไปด้วย -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
หยุดการคิดปรุงแต่งให้ได้ คิดโกรธก็พาลงต่ำ คิดดีก็ไปได้แค่กามาวจรสวรรค์
ถาม : เห็นว่าการปรุงแต่งไม่ได้เกิดจากปัจจัยด้านนอก แต่เป็นปัจจัยด้านการคิดคือตัวเราเอง ?
ตอบ : อยู่ที่ใจเราคิด เราถึงต้องหยุดคิดให้ได้ การที่จะหยุดคิดให้ได้ อันดับแรกต้องเห็นโทษ ว่าคิดแล้วเกิดโทษอย่างไร เราจึงจะหยุดความคิดนั้น เพราะว่าเราปรุงไปในทางไม่ดี เราโกรธ ก็พาเราลงต่ำ ถ้าปรุงไปในทางดี เกิดปีติขึ้นมา อย่างดีก็แค่กามาวจรสวรรค์ ไปไกลกว่านั้นไม่ได้
จิตคือเรา จิตไม่ใช่ของเราหรอก จิตเป็นเราเลย เพียงแต่ว่าถ้าเราแบกนั่นแบกนี่ก็หนัก ไปไหนไม่รอด ต้องสลัดทิ้งให้มากที่สุด จะได้ไปให้ไกลที่สุด
ถาม : การที่เราพิจารณาก็เป็นตัวปรุงแต่ง ?
ตอบ : ปรุง..แต่ว่าปรุงแล้วปัญญาเกิด แต่ถ้าปรุงเอาอร่อยอย่างเดียวก็ไปไม่รอด
ถาม : การพูดก็มีการปรุงในถ้อยคำหรือความจำของเรา แล้วเราจะทันกิเลสหรือคะ ?
ตอบ : อยากจะบอกว่ากิเลสเร็วเท่าความคิดของเรา แต่บางทีก็เร็วกว่า เพราะว่าสติเราตามไม่ทัน ปรุงไปแล้วยังไม่รู้ตัวเลยว่าปรุงแล้ว ถึงแม้ว่าจะเร็วเท่าความคิดของเราก็จริง แต่ตอนปรุง ถ้าสติเรารู้ไม่ทันกิเลสก็เร็วกว่า
ถาม : จริง ๆ ค่ะ บางคนเขาไม่ค่อยรู้ตัว
ตอบ : ดูที่ตัวเอง ดูคนอื่นไม่มีประโยชน์... -
"กรรมฐาน เหมือนปลูกต้นไม้" (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
.
"กรรมฐาน เหมือนปลูกต้นไม้"
" .. "เดี๋ยวนี้มีไปทำวิปัสสนากรรมฐาน" ๓ วัน ๗ วัน ๑๐ วัน ๑๕ วัน แล้วก็ออกมา เมื่ออกมาก็ว่า "เราไปทำวิปัสสนาแล้วดีแล้ว ก็ไปเต้นรำทำเพลงสนุกสนาน" ทำอย่างนี้ก็หมดแล้วไม่มีอะไรแล้ว "ไปทำชั่วต่าง ๆ ทำจิตให้กระทบกระเทือยเสียหายอย่างนี้ ไม่เรียกว่าปฏิบัติ"
มันเป็นปฏิปทา "เหมือนกันปลูกต้นไม้ เอามาปลูกวันนี้ อีก ๓ วันก็ถอน เอาไปปลูกตรงนั้น อีก ๓ วันก็ถอนอีก ต้นไม้ก็ตายไม่ได้กินหรอก" กรรมฐานก็หมดไปเหมือนกันอย่างนั้น .. "
"ความผิดในความถูก"
หลวงปู่ชา สุภัทโท -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๖
หน้า 41 ของ 414