คลังเรื่องเด่น
-
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ -
อานิสงส์การถวายกฐินนั้นไม่มีประมาณ
ช่วงนี้เป็นช่วงของกาลกฐิน คำว่ากาลนั้น กาละ แปลว่า เวลา เวลาของกฐิน กฐินจริง ๆ ความหมายก็คือ ผ้าสะดึง ผ้าที่ขึง เครื่องขึงที่ยึดผ้าให้ตึง จะได้ประกอบให้เป็นสิ่งโน้นสิ่งนี้ได้ ไม่ว่าจะเย็บปักถักร้อยอะไรก็ทำได้ง่าย
กาลกฐินเป็นเรื่องกำหนดตามระเบียบพิธีของสงฆ์ โดยเฉพาะพระภิกษุที่จำพรรษาแล้วเป็นเวลาครบถ้วน ๓ เดือน สมัยก่อนนั้นพระพุทธเจ้าท่านอนุญาตให้เปลี่ยนจีวรได้ คราวนี้ว่าการเปลี่ยนจีวรนี้ต้องสมเหตุสมผล คือว่าเป็นผู้ที่จีวรเก่าจริง ๆ ชนิดที่เรียกว่าหมดสภาพแล้ว ก็อนุญาตให้เปลี่ยนได้ ท่านให้เสาะหาผ้าที่จะมาทำจีวร
ภายหลังการเสาะหาผ้าเต็มไปด้วยความยากลำบาก นางวิสาขาก็ดี อนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ดี จึงทูลขอให้รับคหปติจีวร คือจีวรที่มีผู้น้อมมาถวายได้ คราวนี้พอจำพรรษาแล้วครบสามเดือนแล้วมีสิทธิรับกฐินได้ กาลกฐิน คือ เวลาของการรับกฐิน เริ่มตั้งแต่แรมหนึ่งค่ำเดือนสิบเอ็ด ไปสิ้นสุดเอากลางเดือนสิบสอง เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม
ช่วงระยะนี้วัดไหนก็ตามที่มีเจ้าภาพ ตั้งใจว่าจะถวายกฐิน ก็จะจัดให้ถวายกฐินขึ้นมา คราวนี้กฐินเป็นงานบุญพิเศษ ความจริงกฐินเป็นสังฆทานเหมือนกัน แต่ว่าจำกัดด้วยเวลา คือ... -
"อุปนิสัย" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"อุปนิสัย"
" .. คำว่า "อุปนิสัย" นี้คือ "เชื้อแห่งคุณงามความดีอันสำคัญที่อยู่ภายในใจ อุปนิสัยฝังแล้ว ที่จะสำเร็จมรรคผลนิพพานมีอยู่เต็มที่แล้ว" เป็นแต่เพียงยังไม่เบิกกว้างให้ธรรมชาตินี้แสดงตัวออก พอเราสร้างเหตุคือคุณงามความดี "มีการภาวนาเป็นต้นขึ้นมารองรับ สิ่งที่เคยสั่งสมมาที่เรียกว่าอุปนิสัยนี้ก็จะแสดงตัวออกมาทันที"
"อุปนิสัย" นี้จะเกิดขึ้นมาได้ "ด้วยจากการให้ทาน การรักษาศีล การเจริญเมตตาภาวนาและคุณงามความดีประเภทต่าง ๆ ทั้งหลายนั่นแหละเป็นเครื่องหนุน" หนุนเข้าไป ๆ มากเข้า ๆ หนุนขึ้นสูงขึ้น
พอเต็มที่แล้วมองดูอะไร ๆ ที่ไหน ๆ ก็จะเป็นเครื่องสร้างความกังวลไปหมด "เป็นเหตุสร้างความวุ่นวายไปหมด นั่นก็เพราะอำนาจแห่งบุญแห่งกุศลความดีพอแล้ว จึงทำให้เห็นเป็นอย่างนั้น"
มองดูอะไร ๆ ดูวุ่นวาย ดูยุ่งไปหมดทุกอย่าง ดูคับแคบตีบตันไปหมด "ไม่ยุ่งแต่ทางที่จะออกปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์โดยถ่ายเดียวนั่นล่ะ" ออกเลยนั่นอย่างนั้นล่ะนะ
"นี่อุปนิสัยมันแก่แล้ว มันจะแก่อย่างนั้นได้ก็มาจากการสร้างคุณงามความดีเรื่อย ๆ มานี่แหละ" สร้างไม่หยุดไม่ถอย สร้างไป ๆ เพิ่มเข้าไป ๆ... -
อานิสงส์ของกฐินสำคัญที่สุดตรงผ้าไตร
ในส่วนของงานกฐินนั้น ที่สำคัญอีกอย่างก็คือผู้ครองผ้ากฐิน ถ้าว่ากันโดยพระธรรมวินัยแล้ว ท่านให้บุคคลที่มีจีวรเก่าที่สุดในวัดได้ผ้านั้นไป แต่ว่าระยะหลัง ส่วนใหญ่เจ้าอาวาสมักจะเป็นผู้ครองผ้ากฐิน
เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ บางท่านถือว่าผู้ครองกฐินจึงมีสิทธิ์ที่จะรับบริวารกฐินทั้งหมด ผู้อื่นไม่มีสิทธิ์รับ เจ้าอาวาสก็เลยมักจะครองกฐินเสียเอง แต่ความจริงแล้วเป็นการเข้าใจผิด เพราะว่าบางวัดมีพระไม่ครบ ๕ รูป ไม่สามารถที่จะรับกฐินได้ ต้องไปยืมพระวัดอื่นมา
การไปยืมพระวัดอื่นมานั้น พระวัดอื่นที่มานั้น ไม่มีสิทธิ์ไม่มีส่วนในกฐินนั้นทั้งสิ้น ให้เฉพาะบุคคลที่จำพรรษาในวัดนั้นเท่านั้น ดังนั้น...จึงมีการเข้าใจผิดกันว่า ถ้าไม่ครองกฐินแล้วจะไม่มีโอกาสได้รับบริวารกฐิน ซึ่งก็คือไม่มีสิทธิ์รับเงิน ก็ขอให้เข้าใจให้ถูกเสียใหม่
สำหรับวัดท่าขนุนของเรานั้น ครองกฐินกันไปตามอายุพรรษา ก็คือถ้าปีนี้ไปถึงใคร ปีหน้าท่านถัดไปก็จะรู้เองว่าถึงคิวของตนเองครองกฐินแล้ว สำหรับผู้ครองกฐินนั้นต้องรับภาระหนัก เพราะว่าต้องเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด ในเมื่อเป็นผู้รักษาผ้าครองแทนพระทั้งวัด... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๖๗ -
"จิตนี้มันต้องอาศัยสติ จึงจะสงบ" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
'
"จิตนี้มันต้องอาศัยสติ จึงจะสงบ"
" .. ต่อนี้ไปพึงพากันตั้งใจให้ดี สำรวมใจของตนให้แน่วแน่ อย่าส่งใจไปทางอื่น "เพราะการส่งใจไปนอก มันทำให้ใจฟุ้งซ่านสงบลงไม่ได้" ต้องทวนกระแส่จิตเข้ามาภายใน คือว่า ทวนความคิดความนึกนั่นเข้ามาภายใน "ไม่ส่งจิตคิดออกไป อันนี้เป็นบทบาทเบื้องตนแห่งการภาวนา ถ้าว่าใครทวนกระแส่เข้ามาภายในนี้ไม่ได้แล้ว ก็ภาวนาไม่เป็น จิตสงบลงไม่ได้"
เพราะฉะนั้น "ต้องน้อมสติระลึกเข้าไปตามลมหายใจเข้าออก จิตนั้จึงจะหยุดคิดลงได้" ไม่เช่นนั้นหยุดไม่ได้ "เพราะว่าจิตนี้มันต้องอาศัยสติเป็นเครื่องประคับประคอง มันจึงหยุดนิ่งอยู่ได้" ถ้าไม่มีสติกำกับแล้วมีแต่มันคิดเรื่อยเปื่อยไปในเรื่องต่าง ๆ ภายนอก
ดังนั้นพึงพากันเข้าใจ "ที่ท่านสอนให้ฟึกภาวนาสมาธิ ก็เพราะเหตุผลดังกล่าวมาเนี่ย" ครั้นเมื่อใจมันไม่ตั้งมั่นอยู่ภายในแล้ว "มันก็ไปเทียวเกาะเทียวข้องอยู่กับเรื่องราวของโลกภายนอกโน่น อะไรต่ออะไรมันยึดถือสิ่งใดไว้ มันก็ไปวิตกวิจารณ์อยู่ในส่งนั้น" ก่อให้เกิดความเสียใจบ้าง ดีใจบ้าง ก่อให้เกิดความหลงความเมาไป โดยไม่มีประโยชน์อะไร
หมายความว่า "ความคิดไปนั้น มันไม่มีประโยชน์อะไร... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๖๗ -
"ศีล พืชแห่งความดีอันยอดเยี่ยม" (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
.
"ศีล พืชแห่งความดีอันยอดเยี่ยม"
" .. "ศีล คือ รั้วกั้นความเบียดเบียนและทำลายสมบัติร่างกายและจิตของกันและกัน" ศีล คือ "พืชแห่งความดีอันยอดเยี่ยมที่ควรมีประจำชาติมนุษย์ ไม่ปล่อยให้สูญหายไป" เพราะมนุษย์ไม่มีศีลเป็นรั้วกั้น เป็นเครื่องประดับตัว จะไม่มีที่ให้ซุกหัวนอนหลับสนิทได้โดยปลอดภัย
"แม้โลกเจริญด้วยวัตถุจนกองสูงกว่าพระอาทิตย์ แต่ความรุ่มร้อนแผดเผาจะทวีคูณยิ่งกว่าพระอาทิตย์" ถ้ามัวคิดว่า วัตถุมีค่ามากกว่าศีลธรรม ศีลธรรมเป็นเพียงสมบัติของมนุษย์ "พระพุทธเจ้าผู้ค้นพบ และนำมาประดับโลกที่กำลังมืดมิดให้สว่างไสว ร่มเย็นด้วยอำนาจศีลธรรมเป็นเครื่องปัดเป่า"
"ความคิดของมนุษย์ผู้มีกิเลส ผลิตอะไรออกมาทำให้โลกร้อนจะบรรลัยอยู่แล้ว" ยิ่งปล่อยให้ความคิดตามอำนาจ โดยไม่มีศีลธรรมช่วยเป็นยาชโลมไว้บ้าง "จะผลิตยักษ์ใหญ่ทรงพิษขึ้นมากว้านกินมนุษย์จนไม่มีอะไรเหลืออยู่บ้างเลย"
"ความคิดของคนสิ้นกิเลสที่ทรงคุณอย่างสูง คือพระพุทธเจ้า" มีผลให้โลกได้รับความร่มเย็นซาบซึ้ง "ความคิดที่เป็นกิเลส" มีผลให้ตนเองและผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนจนคาดไม่ถึง ผิดกันอยู่มากควรหาทางแก้ไขผ่อนหนักให้เบาลงก่อนจะหมดทางแก้ไข... -
วัตถุมงคล มีพุทธคุณ จริงหรือ?? มาดูหลักฐานในพระไตรปิฎกกัน
วัตถุมงคล มีพุทธคุณ จริงหรือ?? มาดูหลักฐานในพระไตรปิฎกกัน
**********
ขอบคุณที่มา
พระครูอินเดีย
https://www.youtube.com/@Phrakhuindia -
เรื่องสร้างพระ ดีกว่า สร้างกิเลส / ท่านพ่อลี
=AZWMZCB8lH_mNxQMrjzX1ttSs6Orc7kW3M_i2JU664JEKCYAw0TGvwVhLH5ufKIgwjkK9gk6v4z3IjPvxiRlNgCMEa7DZJfDR4QRLWftlAseS3mLns8-CKUMaiv0kGIVHD9Kab3vvAo4-whzZWKK15QpJk8La7frJVBcxZeYphUCYIsmzRDaGHEEkxgsyA_IxBCEIKM-ANIFFJ-Z46yrDu-lFnP8XNzzT0whlYHPtADWuyrUMlPk6ikfkIIFxT7ifTI&__tn__=*NK-y-R']เรื่องสร้างพระ ดีกว่า =AZWMZCB8lH_mNxQMrjzX1ttSs6Orc7kW3M_i2JU664JEKCYAw0TGvwVhLH5ufKIgwjkK9gk6v4z3IjPvxiRlNgCMEa7DZJfDR4QRLWftlAseS3mLns8-CKUMaiv0kGIVHD9Kab3vvAo4-whzZWKK15QpJk8La7frJVBcxZeYphUCYIsmzRDaGHEEkxgsyA_IxBCEIKM-ANIFFJ-Z46yrDu-lFnP8XNzzT0whlYHPtADWuyrUMlPk6ikfkIIFxT7ifTI&__tn__=*NK-y-R']สร้างกิเลส
เคยมีท่านเจ้าคุณรูปหนึ่งถามท่านพ่อลีว่า...
ในเมื่อเป็นพระกรรมฐาน ดำเนินในปฏิปทาของ
ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
แล้วทำไมท่านจึงชอบนำพาเหล่าบรรดาญาติโยม
จัดงานบุญงานกุศลสร้างพระอยู่เป็นประจำ
ไม่มุ่งเน้นพาเหล่าบรรดาญาติโยม
ให้ปฏิบัติภาวนาล่ะ
ท่านพ่อลีท่านก็ตอบท่านเจ้าคุณรูปนั้นว่า...
เกล้ากระผม ทำนาไม่ได้เอา
"ข้าว" อย่างเดียว (มรรคผล)
"แกลบ" ผมก็เอา (เนกขัมมบารมี)
"รำ" ผมก็เอา (บุญกุศล)
"ฟาง" ผมก็เอาขอรับ... -
"พระนิพพานอยู่ฟากตาย" (หลวงปู่ฝั้น อาจาโร)
.
"พระนิพพานอยู่ฟากตาย"
พระอาจารย์ฝั้น ได้เทศน์สั่งสอนไว้ในตอนนั้นด้วยว่า ได้เคยบอกแล้วหลายครั้งว่า "พระนิพพานอยู่ฟากตาย ความสุขก็อยู่ฟากทุกข์" เราทำความเพียรภาวนาไป "พอถึงทุกข์ก็เกิดความกลัวทุกข์เสียแล้ว"
แล้วเมื่อใดจะพ้นทุกข์ไปได้เล่า "พาไปอยู่ป่าช้าก็กลัวผี พามาอยู่ในดงก็กลัวเสือ การกลัวผีก็ดีการกลัวเสือก็ดี นั่นไม่ใช่กลัวตายหรอกหรือ" ลองนั่งภาวนาดูซิว่า เสือมันจะมาคาบคอไปกินจริง ๆ ไหม
"การกลัวควรกลัวแต่ในทางที่ผิด คือกลัวความผิดไม่กระทำผิด กลัวว่าตนเองจะไม่พ้นจากวัฏทุกข์แล้วรีบเร่งบำเพ็ญความเพียรเข้าจึงจะถูก" .. "
"หลวงปู่ฝั้น อาจาโร" -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๗ -
"ยึดแล้วเอามาเผาใจ" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
"ยึดแล้วเอามาเผาใจ"
" .. "ความทุกข์กายเป็นสัตวทุกข์ มีอยู่เป็นสิ่งธรรมดา" ให้เราตั้งสติอบรมจิตใจของเรา อย่าให้มันไปยึดถือร่างกาย ถ้าแม้นมันไม่ยึดถือแล้ว ก็จะอบรมจิตใจของเราให้มันสบาย
"หากใจไม่สบายนี่มันทุกข์หลาย มันทุกข์ก็เพราะยึดเอาอารมณ์นั่นแหละเข้ามายึดถืออารมณ์ทั้งหลาย" อารมณ์ที่ไม่พอใจมันก็ยึดเข้ามา "ยึดเข้ามาแล้วก็เข้ามาเผาใจ" ไม่พอใจก็เป็นเหตุให้คับแคบตันใจ
"อารมณ์ที่พอใจนั้น เมื่อมันพลัดพราก" เป็นวัตถุภายนอกก็ตาม หรือแม้ญาติมิตรก็ตาม "พลัดพรากจากไปมันเป็นทุกข์ ก็เพราะไม่รู้เท่าอารมณ์" .. "
"อนาลโยวาท" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
เทศน์โปรด นพ.อวย เกตุสิงห์ และคณะ พ.ศ. ๒๕๑๓ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๙ ตุลาคม ๒๕๖๗ -
"อานิสงส์ ความไม่เบียดเบียน" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
.
"อานิสงส์ ความไม่เบียดเบียน"
" .. พยายามรักษาเจตนาในใจของตนไว้เสมอว่า "ไม่ให้มีเจตนาคิดเบียดเบียนบุคคลอื่นและสัตว์อื่นเลย" เมื่อบุคคลได้มาบำเพ็ญทานการกุศล "พร้อมด้วยการวิรัติละเว้นจากบาปโทษมลทิน" ต่าง ๆ ดังกล่าวมา
เช่นนี้แล้ว "ก็ย่อมจะได้รับอานิสงส์ผลทั้งในปัจจุบันและเบื้องหน้า" ในปัจจุบันนี้ก็เป็นผู้มากไปด้วยบริษัท บริวาร มิตร ญาติ สหาย "ไม่มีใครแสดงตนเป็นศัตรูเลย"
เพราะว่า "เป็นผู้มีใจคอกว้างขวาง ไม่ตระหนี่ในสมบัติข้าวของที่ได้มา แบ่งส้น ปันส่วนให้คนยากคนจนไป" เพราะฉะนั้น "มันจึงไม่มีใครคิดอิจฉา เบียดเบียนเลย ก็ย่อมอยู่ด้วยความเป็นผู้ไม่มีเวรไม่มีภัย" อันนี้เป็น อานิสงส์ในปัจจุบันซึ่งมองเห็นได้ชัด ๆ
เมื่อละโลกนี้ไปแล้วก็ย่อม "บันเทิงในสวรรค์ ย่อมได้เสวยผลแห่งบุญกุศลที่ทำมาไว้ในชาตินี้" โดย ไม่ต้องได้ทำไร่ไถนา ไม่ได้ทำการค้าขาย เหมือนอย่างมนุษย์โลกอันนี้ "บุญกุศลหากเนรมิตสมบัติพัสสถานต่าง ๆ ให้ตามต้องการ" .. "
"โอวาทธรรมหลวงปู่เหรียญ"
"พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๖๗ -
กฐิน เป็นสังฆทานพิเศษ จำกัดด้วยเวลา
ช่วงนี้ต้องบอกว่าเป็นช่วงของบุญของกุศล โดยเฉพาะกฐินจัดเป็นสังฆทานและเป็นสังฆทานพิเศษเพราะจำกัดด้วยเวลา ทั้งปีมีสิทธิ์ทำได้แค่ ๒๙ วัน ก็คือตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ จนถึงกลางเดือน ๑๒ ข้างแรมนั้นมีแค่ ๑๔ วัน ข้างขึ้น ๑๕ วัน รวมแล้วแค่ ๒๙ วันเท่านั้น ในเมื่อเป็นสังฆทานจำกัดเขต ถ้าหากว่าใครได้ทำอานิสงส์ก็จะมีมาก โดยเฉพาะถ้าตั้งใจเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปโดยยาก
ในส่วนของกฐินนั้น แบ่งออกเป็นหลายประเภท ถ้าแบ่งอย่างเป็นทางการ ท่านว่ามีกฐินหลวงกับกฐินราษฎร์
สำหรับกฐินหลวงนั้นมีทั้งกฐินต้น คือ กฐินที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปทอดด้วยพระองค์เอง มีกฐินพระราชทานที่พระองค์ท่านพระราชทานผ้าให้พระบรมวงศานุวงศ์เสด็จไปทอดแทน
ในส่วนของกฐินราษฎร์นั้นมีจุลกฐิน เป็นกฐินที่ต้องเตรียมการให้เสร็จภายในวันเดียว โดยเก็บฝ้าย ดีดฝ้าย ปั่นด้าย ทอและย้อม ตัดเย็บเป็นจีวรหรือสบงผืนใดผืนหนึ่ง สมัยก่อนไม่ได้มีผ้าให้ซื้อง่ายดายเหมือนสมัยนี้ สมัยเราต้องบอกว่าบุญดี ตอนอาตมาเด็ก ๆ กว่าจะทอได้แต่ละคืบแต่ละศอก ต้องว่ากันเป็นวันเป็นเดือน ยิ่งถ้าเป็นจุลกฐินด้วยแล้ว ต้องระดมกันมาทั้งหมู่บ้านหรือว่าทั้งตำบล... -
อนุสติ เป็นทึ่พึ่งทางใจของเรา / ระลึกถึงพระพุทธเจ้า/ พระอาจารย์สนองฯ
อนุสติ เป็นทึ่พึ่งทางใจของเรา ระลึกถึงพระพุทธเจ้า
**********
อนุโมทนา และ ขอบคุณที่มา
https://www.youtube.com/@Channel-dhamma -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๗ -
"โลกุตตรทรัพย์" (หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต)
.
"โลกุตตรทรัพย์"
" .. ทรัพย์ อ่านว่า ซับ "ทรัพย์ภายนอกคือ โลกียทรัพย์ ทรัพย์ภายในคือ โลกุตตรทรัพย์" และก็เป็นอริยทรัพย์ที่เจริญก้าวหน้าสูงส่งตรงไปนิพพาน "มีศรัทธาทรัพย์ เป็นต้น เชื่อในพระพุทธศาสนาคือ พุท ธัม สงฆ์" พร้อมด้วยพระสติปัญญาสมดุลย์กันแบบแยบคาย เป็นนายหน้าหัวจักรเบื้องต้น
"เมื่อมีทรัพย์เบื้องหน้าเป็นนายกแล้ว ทรัพย์อื่น ๆ ที่ยังไม่เกิดขึ้นก็เกิดขึ้น ที่เกิดแล้วก็เจริญมากขึ้น" ผู้ที่เคารพรักปฏิบัติพระพุทธศาสนา ใจย่อมรักษาและพยายามสร้างขึ้นทำขึ้น
ให้เกิดให้มีในขันธสันดานดวงใจ เพราะไม่เป็นของหนัก หาบหิ้วได้เหมือนทรัพย์ภายนอก "โจรลักปล้นจี้ไปไม่ได้ เพราะเอาฝากคลังมหาสมบัติไว้อยู่ที่เมืองใจ กรุงใจ" และก็เป็นทรัพย์สินที่อบอุ่นของใจชั่วนิรันดรด้วย เรียกว่า "ทรัพย์ภายในนี้มั่นคงถาวร" .. "
"ธรรมเป็นของกลาง"
(หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต)
วัดบรรพตคีรี จ. มุกดาหาร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๖๗ -
"ผีโป่งกับพระกรรมฐาน" (หลวงปู่จันทา ถาวโร)
.
"ผีโป่งกับพระกรรมฐาน"
" .. แหม .. "เราเป็นเจ้าของโป่งอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัย ศาสนาของพระพุทธเจ้ากัสสโปโน่น" เคยเป็นนายพรานใหญ่ มาล่าสัตว์ที่นี่ แล้วขึ้นไปนั่งบนโคนโป่งใหญ่ "มีเสือตัวใหญ่ ยาว ๑๒ ศอกผ่านมาก็เลยยิงออกไป แต่ว่าเสือนั้นไม่ตาย มันจึงกระโดดเข้ามากัดเราตาย เราหึงหวงห่วงอาลัยในสถานที่นี้" เมื่อตายก็เลยกลายเป็นผีมาเสาโป่งอยู่ที่นึ่
นั่นแหละ "พอเห็นพระกรรมฐานจีวรคลํ้า ๆ ร่มใหญ่ ๆ บาตรโต ๆ เดินผ่านมามีรัศมีด้วยนะ" เราก็รู้ว่าพระจำพวกนี้ "มีธรรมจืดนะ ไปอยู่ที่ไหนก็จืดหมดทั้งนั้น ไม่มีใครสู้ได้ แต่เรา ก็สู้ด้วยฤทธิ์ด้วยคาถา" คาถาของเราก็เป็นหนึ่ง ฤทธิ์ของเราก็ เป็นเลิศประเสริฐ ไม่กลัวใครทั้งนั้น "แต่เราก็สู้ไม่ได้ เพราะคาถาของพระกรรมฐานนั้นเก่งกว่าเรา"
นั่นแหละ ก็ไปได้ชัยชนะกับผีโป่งที่นั่น ฉะนั้นเรื่อง "ผีสางคางแดงคางดำอะไรจึงไม่กลัวทั้งนั้น ธรรมพระไตรสรณคมน์เป็นของดีเลิศประเสริฐแท้ ผีเจ้าเข้าสิงใช้ทำ น้ำมนต์กำจัดปัดเป่าหายไปได้ทั้งนั้น" อันนี้ข้อสำคัญนั้นหมาย
ฉะนั้น "ขอให้เอาไปภาวนาเช้าเย็นอย่าให้ขาด" ไปไหนมาไหน ก็ภาวนาอย่างนั้น "ตายแล้วอบายไม่ได้ไป ไฟนรกไม่ได้ไหม้... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๖๗ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๔ ตุลาคม ๒๕๖๗ -
"ธรรมเจริญนั้น เจริญที่ไหน" (หลวงปู่ขาว อนาลโย)
.
"ธรรมเจริญนั้น เจริญที่ไหน"
" .. คำว่า "ธรรมเจริญนั้น เจริญที่ใจ" ของผู้ประพฤติธรรม "ใจมี หิริ-โอตตัปปะ สะดุ้งกลัวต่อบาปกรรมอันลามก" ไม่ชินชา "ไม่สนิทติดใจในบาปว่า จะพาให้ดีวิเศษวิโสใด ๆ ความประพฤติ" การกระทำมีขอบเขตเหตุผลในสิ่งที่ควรหรือไม่ควร
"จิตใจมีความเมตตาสงสารเพื่อนมนุษย์และสัตว์ด้วยกัน" ไม่ดูถูกเหยียดหยาม ไม่กดขี่ข่มเหง ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่คดโกงรีดไถ รู้ใจท่านใจเรา "สมบัติท่านสมบัติเรา ไม่ล่วงลํ้ากลํ้ากรายสมบัติและจิตใจของกันและกัน"การงานเพื่อตนและส่วนรวม ก็สะอาดสุจริต ผิดเกิดขึ้นก็สมบูรณ์ไม่รั่วไหลแตกซึม
"ปฏิบัติได้เพียงที่กล่าวมาก็เรียกว่าธรรมเจริญในหมู่ชน" สังคมย่อมสงบเย็นทั้งส่วนใหญ่ส่วนย่อย "เมื่อต่างคนต่างสนใจบำรุงรักษาปฏิบัติธรรมขึ้นที่ใจ" ไม่ปล่อยปละละเลยดังที่เป็นและเห็น ๆ กันอยู่ .. "
(หลวงปู่ขาว อนาลโย) -
"ผู้หมดเวร หมดภัย" (หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต)
"ผู้หมดเวร หมดภัย"
" .. "ผู้มีศีล ย่อมเป็นผู้องอาจกล้าหาญ"
ผู้มีศีลย่อมมีความสุข มั่งคั่ง สมบูรณ์ "ไม่อด
ไม่อยาก ไม่จน ก็เพราะรักษาศีลได้สมบูรณ์"
จิตดวงเดียวเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญา
"ผู้มีศีลแท้ .. เป็นผู้หมดเวร หมดภัย" .. "
"มุตโตทัย"
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
หน้า 4 ของ 413