คลังเรื่องเด่น
-
"ทรัพย์ภายใน ทรัพย์อันเลิศ" (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป)
.
"ทรัพย์ภายใน ทรัพย์อันเลิศ"
" .. ทรัพย์ภายใน "คือศรัทธาและศีลธรรมที่มีในใจของเรานี้ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้" โจรผู้ร้ายก็แย่งชิงเอาไปไม่ได้ "เพราะมันอยู่ในดวงจิตของเรา" เมื่อเราจะจากโลกนี้ไป คือ "หมายความว่า เราตาย ก่อนที่จะตายนั้น ภาคปฏิบัติคือการรักษาศีลที่เราได้รักษา" ศีล ๕ ก็ดี ศีล ๘ ก็ดี เป็นครั้งเป็นคราวหรือรักษาเป็นนิจศีล
เวลาจะตายจิตนั้นจะต้องคำนึงถึงว่า "เราเคยได้ให้ทาน เคยรักษาศีล เคยฟังพระธรรมเทศนา เคยภาวนาอบรมจิตใจของตน" ให้ปราศจากมลทินโทษทั้งหลายนั้น ย่อมมาปรากฏในดวงจิตของเรานึกอยู่
"ถ้าในขณะนั้นจิตออกจากร่างของเรา ในเวลาที่จิตนึกถึงส่วนบุญ ส่วนกุศล" ที่ทุก ๆ คนได้บำเพ็ญไว้จะน้อยหรือมากก็ตามที จิตจะต้องไปยึดอยู่ในอารมณ์อันนั้น
"เมื่อไปก่อภพก่อชาติ ในชาติหน้านั้น บางทีถ้าจิตคิดแต่ในบุญกุศล ก็ได้กลับมาเกิดเป็นคน คือ เป็นมนุษย์อีกแต่เป็นมนุษย์ที่บริสุทธิ์" และมีทรัพย์สมบัติมาก ในฐานะที่ดีด้วยบุญกุศลอันนั้นที่ได้ตามสนับสนุน
ดังนั้น "ท่านทั้งหลายได้หาทรัพย์ภายในไว้เช่นนี้ ก็เรียกว่าเป็นกำไรของชีวิตที่เราเกิดมาในชาติหนึ่ง ๆ" เท่ากับว่าเรามาค้าขาย... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง(หลวงพ่อฤาษีฯ) กับการเห็นพระนิพพานครั้งแรก
พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง(หลวงพ่อฤาษีฯ) กับการเห็นพระนิพพานครั้งแรก
-------------------------
ขอบคุณ https://www.youtube.com/@Araya_Channel -
"ความเพียร คือความมีสติ" (หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)
.
"ความเพียร คือความมีสติ"
" .. "เดินจงกรมก็เดินก้าวไป ขาเดินไปก้าวไป ใครก็ก้าวได้" สุนัขมันมี ๔ ขา มันยิ่งเร็วยิ่งกว่าพระเสียอีก ก็ไม่เห็นว่ามันมีความเพียรเพราะความเดินเร็วของมัน "เพราะเหตุไร เขาไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร เขาไปตามประสาของเขา"
ไอ้เรารู้เรื่องรู้ราวอยู่ "เราเดินจงกรมแต่ว่าจิตส่งออกนอกลู่นอกทาง นอกโลกนอกสงสาร" จะเป็นความเพียรเพื่อแก้กิเลสได้อย่างไร "ความเพียรเพื่อแก้กิเลสก็คือความมีสติกำหนดดูเหตุดูผล" ความผิดความถูกความกระเพื่อมของใจว่า คิดไปในทางใดบ้าง
"ถูกหรือผิด คอยกำจัด"คอยระมัดระวังอยู่อย่างนั้น "นี่ชื่อว่าเป็นความเพียรเพื่อถอดถอนกิเลส" จะรื้อภพรื้อชาติ "ชื่อว่างานของพระจริง ๆ" สมกับว่ากรรมฐาน ๕ ที่ท่านมอบให้เราทำงาน เราต้องคิดอย่างนี้ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
https://luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=2821&CatID=3 -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
อัญเชิญพระพุทธรูปแก้วประจำพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน
อัญเชิญพระพุทธรูปแก้วประจำพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๐ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เวลา ๐๗.๔๙ น.
พระพุทธรูปแก้วประจำพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนมาถึงแล้ว
ยกจากรถรอกลงสู่พื้น
พื้นตัวหนอนสามารถรับน้ำหนักได้โดยไม่ยุบ
ช่วยกันสานเชือกเพื่อใช้เป็นจุดรับน้ำหนักเวลายก
นิมนต์หลวงพ่อขึ้นสู่ไม้เพลท
พอดีเหมือนจับวัด
ช่วยกันใช้สายพานมัดเพื่อเพิ่มจุดรับน้ำหนัก
ทดลองการยกว่าต้องใช้กำลังพลกี่คน
ใช้รถแม่แรงยกแล้วเลื่อนไปยังประตูหลังศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย
ขนาดองค์พระกับประตูก็พอดีเหมือนกับวัดไว้ล่วงหน้าเลย
ใช้ไม้อัด ๑๕ ม.ม.รองด้วยเหล็กเส้นเลื่อนองค์พระเข้าข้างใน
ช้า..ช้า..ใจเย็น..เย็น..!
เรียบร้อยสำหรับขั้นตอนแรก -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
กำลังใจที่ปลงจากรัก โลภ โกรธ หลงนั้นสบายกว่า สุขมากกว่าจนนับไม่ถูก
กำลังใจที่เหมือนภูเขาทั้งลูกที่แบกไว้ พอวางลงได้ ตรงจุดนี้ถ้าหากว่าใครพบ พยายามจำความรู้สึกให้ได้ กำลังใจที่เราปลงภาระอะไรบางอย่างลงได้ จะรู้สึกเบา สบาย มีความสุข
ถ้าหากในด้านของธรรมะ กำลังใจที่เราปลงรัก โลภ โกรธ หลงลงได้นี่ มีสุขมากกว่านั้นนับประมาณ อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้หรอก คนที่แบกของหนักแทบจะล้มประดาตาย วางของลงแล้วสบายจริง ๆ ส่วนกำลังใจที่ปลงจากรัก โลภ โกรธ หลงนั้นสบายกว่า สุขมากกว่าจนนับไม่ถูก
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๒ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
ที่มา : www.watthakhanun.com -
ยันต์เกราะเพชรคือบารมีของพระพุทธเจ้า
ญาติโยมทั้งหลาย ในเรื่องของยันต์เกราะเพชรนั้นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ยันต์เกราะเพชรคือบารมีของพระพุทธเจ้า ซึ่งยันต์เกราะเพชรนั้นมีที่มาจากตำราพระร่วงสมัยสุโขทัย สมัยนั้นมีการสร้างธงมหาพิชัยสงครามเพื่อใช้ในการนำทัพ ธงผืนเดียวคุ้มครองทหารได้ทั้งกองทัพ ไม่ว่าจะกี่หมื่นกี่แสนนายก็ป้องกันได้หมด
แต่คราวนี้ธงมหาพิชัยสงครามเป็นธงที่เขียนยาก ทำยาก ครูบาอาจารย์ท่านเลยตัดเอาส่วนคอธงที่เป็นบทสรรเสริญพระพุทธคุณ อิติปิ โสฯ ถึง ภควาติ เอามาจัดเรียงเสียใหม่ เป็น ๘ แถว แถวละ ๗ ตัว บางคนเรียกว่า อิติปิ โสฯ ๘ ทิศ แล้วอ่านตามขวางว่า
อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา
ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง เป็นต้น
มีอุปเท่ห์ต่างกันไปตามแต่ละบท อย่างเช่นบทแรกเรียกว่า "ฝนแสนห่า* เป็นบทใช้สำหรับเรื่องของความแคล้วคลาด สามารถเดินกลางฝนได้โดยที่ตัวไม่เปียก
บทที่ ๒ เรียกว่า "กระทู้ ๗ แบก" มีเอาไว้สำหรับเรื่องของอยู่ยงคงกระพัน ท่านว่าแบกไม้มา ๗ แบก ไล่ทุบจนไม้หักหมดก็ยังไม่สามารถที่จะทำอันตรายได้ เป็นต้น
แล้วทำการชักสูตรสำเร็จออกมาเป็นยันต์เกราะเพชร ซึ่งยันต์เกราะเพชรนั้นท่านบอกว่ามีอานุภาพหลายอย่างด้วยกัน
ประการที่ ๑... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
บารมีพระอยู่ในทุกอณูของอากาศ
อย่างเมื่อเช้านี้ตอนพุทธาภิเษก อาตมาขึ้นไปกราบพระ ท่านชี้ลงมาให้ดู ให้เห็นว่าสมัยนี้ไสยศาสตร์นั้น มีความเจริญรุ่งเรือง มีจำนวนมากเป็นพิเศษ จึงกราบเรียนถามพระท่านว่าแล้วช่วยเขาได้ไหม ? ท่านบอกว่า ถ้าหากว่าใครตั้งใจรับยันต์เกราะเพชรในวันนี้ จะเป็นในที่นี้ ในที่อื่น ประเทศอื่น จังหวัดอื่นอะไรก็ตาม สามารถช่วยได้ แต่ถ้าไม่ตั้งใจรับด้วยความเคารพ ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรเหมือนกัน
ฉะนั้น ในส่วนนี้โยมต้องเข้าใจด้วยว่า ศรัทธาปสาทะเป็นพื้นฐานของศาสนาทั้งปวง ถ้าไม่มีศรัทธา...ความเชื่อ ปสาทะ...ความเลื่อมใส เราก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้ เลื่อมใสน้อย...เข้าถึงน้อย เลื่อมใสมาก...เข้าถึงมาก ถ้ามอบกายถวายชีวิตให้ได้ ก็จะเข้าถึงอย่างเต็มที่ เป็นต้น
ดังนั้น ในเรื่องของไสยศาสตร์หรือพุทธศาสตร์ก็ตาม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิชาการ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับหลักสูตรนั้น ๆ ว่าต้องปฏิบัติอย่างไร แต่ขึ้นอยู่กับความเลื่อมใสเชื่อมั่นจริง ๆ
ถ้าท่านเชื่อมั่นอย่างมั่นคงว่า ทุกอณูของอากาศรอบกายของเราคือบารมีของพระ สามารถกำหนดใจให้ครอบลงมารักษาตัวเราเมื่อไรก็ได้ ถ้าท่านทำอย่างนี้ได้... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
การคิดพึ่งพิงคนอื่นเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง
การคิดพึ่งพิงคนอื่นเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า "อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน" ขนาดพระองค์ท่านยังไม่สามารถที่จะดำรงขันธ์อยู่ได้ แล้วใครจะอยู่ให้เราพึ่งได้
"อัตตาหิ สุทันเตนะ นาถัง ลภติ ทุลลภัง" ถ้าหากว่าตัวของเราฝึกดีแล้ว จะเป็นที่พึ่งที่ไม่มีใครให้เราพึ่งได้มากยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว
ถ้าจะเกาะพระ ให้เกาะในความดีของท่านที่เป็นสังฆานุสติ ไม่ใช่ไปเกาะร่างกายของท่าน พระพุทธเจ้าก็ปรินิพพานให้เห็นแล้ว พระอรหันต์ทุก ๆ องค์ก็ไปให้เห็นแล้ว หลวงปู่หลวงพ่อก็ไปให้เห็นแล้ว
ถ้ายังขืนเกาะต่อไปก็เตรียมพลาดหวังต่อไปอีก ให้เกาะในส่วนของความดี พยายามพึ่งตนเอง ยืนหยัดด้วยตนเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ อย่าทำตัวเป็นภาระของใคร ให้เป็นภาระของตัวเองก็พอ
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
."ถึงพระรัตนตรัยแล้ว ไม่ต้องกลัว" (หลวงปู่ชา สุภทฺโท)
.
"ถึงพระรัตนตรัยแล้ว ไม่ต้องกลัว"
" .. ผู้ที่เข้าถึงพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่จริงมันง่ายที่สุดโยม มันง่ายมาก "การกระทำอะไรต่อมิอะไรมันง่าย" มันไม่ยาก ไม่ต้องเลือกวันนั้น เดือนนี้ ยามนี้ ไม่ต้องแล้ว พระพุทธองค์ของเราก็ทรงสอนว่า "เมื่อไรมันสะดวกวันนั้นมันดี"
แต่นี่เราไม่อย่างนั้น เช่น จะปลูกบ้านปลูกช่องสารพัดอย่าง ก็จะต้องหาฤกษ์วันพันยามกันเสียแล้ว พระพุทธองค์ท่านไม่ว่าอย่างนั้น "ท่านว่าเมื่อโอกาสมันเหมาะสมก็ให้ทำไปเถอะ" แต่เราก็กลัว "ซึ่งถ้าพูดถึงพระรัตนตรัยเต็มที่ ถึงที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว" คือว่ามันไม่ผิดหรอก เมื่อมันมีโอกาสที่จะทำเมื่อไรมันสะดวก มันถูกกับเวลาของเรา มันสะดวกก็เอาล่ะ .. "
"๔๘ พระธรรมเทศนา"
พระโพธิญาณเถร (หลวงปู่ชา สุภทฺโท) -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
การสวดมนต์ คือ การภาวนา
การสวดมนต์คือการภาวนา ให้ตั้งใจว่าเราจะสวดถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา สิ่งที่เราทำนี่ตั้งความปรารถนาที่เดียวคือพระนิพพาน เอาจิตเกาะพระนิพพานไว้ข้างบนก็ได้ ตั้งใจไปกราบแทบเท้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าข้างบน สวดถวายท่านบนนั้นเลย ตายตรงนั้นก็ไปพระนิพพานเดี๋ยวนั้นเลย
...................................
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
www.watthakhanun.com -
"ชวนโยมแม่ให้มาอยู่วัด" (หลวงปู่เจ๊ยะ จุนฺโท)
.
"ชวนโยมแม่ให้มาอยู่วัด"
" .. สมุดบันทึกประวัติพระอาจารย์เจี๊ยะที่วัดเขาแก้วจารึกไว้ว่า ... "พระอาจารย์เจี๊ยะท่านไปรับใช้อุปัฏฐากหลวงปขาวแล้วเป็นเวลา ๒ ปี" ทานก็กลับมาจำพรรษาที่วัดเขาแก้ว เนื่องด้วยอาการปวยเกี่ยวกับโรคในลำไส้ของโยมมารดาที่เป็นเรื้อรังมานานนั้น "ทำให้อาการทรงกับทรุดเท่านั้น"
ในบางคราวที่โยมมารดาอาการทุเลาพอทรงตัวได้ ท่านก็จะนำมาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาแก้ว ท่านเล่าเรื่องโยมมารดาให้ฟังว่า "เราชวนโยมแม่ให้มาอยู่วัด" ตามไปง้อถึงบ้านเลย เราบอกว่า ..
"โยมแม่ ให้มาอยู่วัดสักพรรษาซิ"
โยมแม่บอกว่า "พรรษาหนึ่งไมได้หรอก"
"๒ เดือนได้มั้ย"
"ไม่ได้ แม่ปวยไม่ค่อยสบาย"
"งั้น ๑ เดือนได้มั้ย"
"ไม่ได้"
"ถ้าอย่างนั้น เอาเพียง ๑๐ วัน"
โยมแม่ตอบว่า "เออ! ... ถ้าอย่างนั้นไปได้"
เมื่อโยมแม่ท่านเช้ามาอยู่ที่วัด ท่านออกอุบายให้โยมแม่ทำกับข้าวถวายทุกวัน "แต่เรื่องธรรมะ ระหว่างพระอาจารย์เจี๊ยะกับโยมแม่ไม่ค่อยคุยกัน" เพราะโยมแม่ท่านไม่ชอบกิริยาของพระลูกชาย
บางทีโยมแม่ท่านก็พูดว่า "เรียบร้อยหน่อยซิลูก คนเขาจะว่าเอา เราบวชมาแล้ว แม่อายเขา คำว่า ไอ้ควาย ... เย็ดแม่ง มึง ... ไอ้ห่า ...... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
ทรงสรรเสริญสังฆทาน | พระพุทธกิจ พรรษาที่ ๔๑ - ๔๕
ทรงสรรเสริญสังฆทาน | พระพุทธกิจ พรรษาที่ ๔๑ - ๔๕
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณที่มา https://www.youtube.com/@Uttayarndham
มูลนิธิอุทยานธรรม Uttayarndham Foundation -
คู่ปรับของไสยศาสตร์
คู่ปรับของไสยศาสตร์
ทางปักษ์ใต้นี่น่ากลัวมาก ทางใต้เขาจะใช้ คุณผีคุณคน คุณผีเขาใช้ผีทำ คุณคนเขาใช้คนทำ มีหลวงพ่อรูปหนึ่งท่านไปเทศน์ ได้กลิ่นธูปเหมือนกับกลิ่นศพแล้วก็หน้ามืดหมดสติไป หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้วจมูกก็บวมแดง แล้วก็เน่าลามไปเรื่อย จนจมูกแหว่งไปเลย
แล้วอยู่ ๆ วันหนึ่งขณะที่ท่านกำลังจะฉันเช้า ท่านก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรงขึงขัง กลายเป็นอีกคนหนึ่งไปเลย บอกว่า "ลูกกูป่วยแค่นี้พวกมึงรักษาไม่ได้หรือ ?" คนเขาก็แปลกใจ แต่คนแถวนั้นเขาเชื่อเรื่องอย่างนี้อยู่แล้ว ก็ถามว่า "ท่านเป็นใคร ?" ท่านก็บอกว่า "กูคือพระอินทร์ ลูกกูไปโดนเขาทำคุณไสยมา เขาใช้น้ำเหลืองผีตายโหงผสมกับผงธูป ปั้นเป็นธูปแล้วจุดในพิธี"
เพราะฉะนั้น..ใครเทศน์คู่อยู่จะโดนผีของเขาคุมหมด แล้วใครหายใจเข้าไปจมูกก็เน่าไปด้วย มีคนถามว่า "ในเมื่อรักษาไม่ได้ แล้วพ่อปู่จะรักษาอย่างไร ?" ท่านบอกว่า "ไปเอาน้ำมา เดี๋ยวข้าจะเสกน้ำมนต์ให้" พอท่านเสกน้ำมนต์ให้ ทั้งกินทั้งอาบก็หาย แต่จมูกยังแหว่งอยู่อย่างนั้น
ทางใต้นี่เล่นกันหนัก ยิ่งทางอีสานออกไปทางด้านเขมรต่ำ อย่างพวกสระแก้ว บุรีรัมย์นั่นยิ่งสาหัสเลย สมัยหลัง ๆ อาตมาไปยังโดนเลย
ถาม :... -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๖ -
"ใจไม่มีเรือนอยู่ คือไม่ภาวนา" (หลวงปู่สิม พุทธาจาโร)
.
"ใจไม่มีเรือนอยู่ คือไม่ภาวนา"
" .. "เราสร้างบ้านเรือนให้สวยให้งามหลายชั้น ถึงร้อยชั้นกว่าก็มี ให้รูปร่างกาย" หรือว่าเรือนของกาย ทีนี้เรือนใจไม่มี "ใจไม่มีเรือนอยู่ คือไม่ภาวนา" ทุกขณะทุกเวลา "จิตมันก็เร่ร่อน ไม่มีบ้านเรือนอยู่"
เหมือนคนไม่มีบ้านเรือนอยู่ "แดดออกมา ฝนตกก็เปียกทุกข์มาก เพราะคนไม่มีที่พักพิงอิงอาศัย" หลักฐานของตัวเองไม่มี ลอยเลื่อนก็มีความทุกข์
"จิตไม่มีสมาธิ จิตไม่มีภาวนา" จิตไม่มีพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ในนั้น "เป็นจิตที่เลื่อนลอย ฟุ้งซ่านรำคาญ เลื่อนลอย" รั่วไหล อยู่ใต้อำนาจกิเลส "จิตจึงได้มีความทุกข์ ความเดือดร้อนวุ่นวาย" .. "
"พุทธาจารปูชา"
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร -
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖
หน้า 37 ของ 414