เรื่องเด่น รวมหลวงพ่อตอบปัญหา/จากคำบอกเล่า

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 21 กรกฎาคม 2012.

  1. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
    จิตเป็นทุกข์เพราะทำลูกแมวตาย, ตายชั่วขณะ
    IMG_20180114_121350.jpg IMG_20180114_121440.jpg

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 146 เมษายน 2536 หน้า 99-100)
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,855
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    .jpg
    ดูทีไรชื่นใจทุกทีค่ะ
     
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,855
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    หลวงพ่อพูดถึงที่มา ทำไมจึงไม่ให้เผาร่างของท่าน

    ". 1f337.png .ไม่ช้าวิญญาณก็ออกจากร่าง ร่างกายนี้ก็ ต้องทอดทิ้ง แต่อาศัยที่พระท่านสั่งว่า จงอย่าเผาร่างของเธอ ด้วยเหตุผลก็มีอยู่ว่า ลูกศิษย์มาก จะทะเลาะกันเรื่องกระดูก เรื่องกระดูกนั่นเป็นปัจจัยให้คนทะเลาะกันเยอะแล้ว เอาไปแล้วไม่ได้ทำอะไร ไปวางทิ้งที่บ้าน ไปวางทิ้งไว้ที่วัด ลืมการสนใจ มีหลายอาจารย์แม้แต่กระดูกหลวงพ่อปานเองก็เหมือนกัน เวลาเผาแย่งกันเกือบตาย พอได้ไปแล้วเปล่า ลืม บางคนก็ให้คนอื่นต่อไป แต่เวลาจะเอา แย่งกัน

    . 1f337.png .ทีนี้ ของอาตมา คณะเวลานี้เวลานั้นต่างกัน กำลังใจคนต่างกัน เวลานั้นว่ากันหยุด ขอร้องกันได้ แต่เวลานี้ไม่แน่ใจนักว่าจะว่ากันหยุดขอร้องกันได้ ท่านจึงหาทางป้องกันเรื่องร้ายเกิดขึ้น พระท่านบอกไม่ให้เผา ด้วยการชดเชยของท่าน ท่านก็บันดาลให้ชานหมากเป็นพระธาตุบ้าง บันดาลให้ผมเป็นพระธาตุ บันดาลให้หางพลูเป็นพระธาตุบ้าง ตามที่ปรากฏกับบรรดาท่านพุทธบริษัทแล้ว นี่เป็นพุทธบารมี ไม่ใช่อาตมา ไม่ใช่บารมีของอาตมา....

    . 1f337.png .ทั้งนี้เพราะว่าท่านสั่งไม่ให้เผา ถ้าไม่เผาธาตุ กระดูกก็ไม่ปรากฏขึ้น ไม่เป็นที่แย่งกัน..

    . 1f337.png .ฉะนั้นท่านจึงบันดาลให้ ชานหมากก็ดี ผมก็ดี หางพลูก็ดี เป็นพระธาตุขึ้นมา นี่เป็นอำนาจพุทธานุภาพ ไม่ใช่อาตมาเสก ไม่ใช่ความดีของอาตมา เป็นความดีของพระพุทธเจ้าท่าน อันนี้ของใครจะเป็นหรือไม่เป็นก็เป็นเรื่องที่ท่านบูชา และพระท่านสงเคราะห์ จะโทษอาตมาหาว่าลำเอียงก็ไม่ได้ อาตมาไม่ลำเอียง รักเหมือนกันทุกคน เห็นใจทุกคน.

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม(ท่าซุง)อุทัยธานี
    ขอบคุณที่มา :- https://www.facebook.com/พ่อสอนลูก-...งพ่อฤาษีวัดท่าซุง-สอนลูกหลาน-686581578116300/
     
  5. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
    24899826_653007191756372_4711494209018814160_n.jpg

    แจ้งข่าวการมรณะภาพของหลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศล

    ช่วงกลางดึกของวันที่10 กพ. 2561 ความดันโลหิตตกอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดหัวใจหยุดเต้น เมื่อเวลา
    04.49 น. ของวันที่ 11 ก.พ. 2561


    คณะพระผู้ดูแล
     
  6. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,855
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    สุดเสียใจอย่างยิ่ง ขอน้อมส่งหลวงพ่อสู่แดนนิพพานเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
     
  7. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
    IMG_20180101_141333.jpg IMG_20180101_141403.jpg IMG_20180101_141631.jpg
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,855
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    เพลงพ่อของฉัน-หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    photo.jpg
    เบื้องบาท พระยุคล
    Published on Jan 8, 2012

    วีดีโอชุดนี้จัดทำขึ้นเพื่อบูชาพระคุณอันหาประมาณมิได้ของคุณพระศรีรัตนตรัย อันมีพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เป็นที่สุด ขอท่านที่ได้ยินได้ฟังจงมีใจที่ผ่องใส ปราศจากกิเลส ขอให้จิตมีกำลังที่จะประหัสประหารกิเลสเพื่อพระนิพพานในชาตินี้เทอญ.
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
    DSC05233.jpg

    เรื่องบูชา ร. 5 มีลาภมาก

    มีคนหนึ่งมันเล่าให้ฟังว่าโลกนี้ไม่นับถือใครเลย เราก็ตกใจ เอ้า แล้วมึงห้อยอะไรล่ะนี่ มันก็บอกนี่รัชกาลที่ 5 พระเจ้าไม่เอา พระช่วยผมไม่ได้ ไม่ไวเท่ากับรัชกาลที่ 5 ถามว่าช่วยได้ยังไง มีอยู่วันแกก็ไปไหว้ที่เขาไปไหว้กันน่ะ แกก็ไปอธิษฐาน เจ้าประคู๊ณขอให้รัชกาลที่ 5 โปรดสงเคราะห์ไอ้ผมนี่เป็นลูกจ้างขับแท๊กซี่จนกระทั่งเถ้าแก่รวยมามาก ขอให้ผมมีรถเป็นของตัวเองซักคันหนึ่งเถอะ

    พออธิษฐานเสร็จมาประมาณไม่ถึงปีน่ะ แกมีโอกาสผ่อนแล้วได้ 1 คัน แกก็นับถือ ยังไม่พอใจก็ยังกะลิ้มกะเหลีี่ยไปอีก แหมถ้าเป็นไปได้เอาอีกซักคันหนึ่งนะครับ จะให้เขาเช่าจะได้มีรายได้ ได้ครับได้ 2 คัน แกก็เลยนับถือตั้งแต่นั้นมา

    ปัญหามีอยู่ว่าถ้าสมมุติว่าองค์เดียวกันนะ ทำไมถึงได้เมตตาขนาดนั้น หลวงพ่อที่ไปนิพพานจะช่วยคนได้หรือไม่เพราะไปนิพพานอยู่เย็นเป็นสุขแล้วนี่ จะเป็นไปได้หรือไม่

    อ๋อ...หมายความว่ายังไง(หัวเราะ) หมายความว่าหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม เขาไปขอที่พระรูปทรงม้านั่นทำไมถึงมีผล ใช่ไหม

    ก็จริงๆแล้วนี่หลวงพ่อบอกว่า อย่างอ่านหนังสือของพลตรีมนูญแล้ว มีหลักฐานเอาวัตถุกัน เห็นง่ายๆพลตรีมนูญอยู่ที่เมรุกับหลวงพ่อนี่ หลวงพ่อเผาศพอยู่ พลตรีมนูญก็บอกหลวงพ่อครับแขกมารอที่กุฏิ หลวงพ่อก็บอกใครมารอที่กุฏิ ก็บอกแขกผู้ใหญ่ หลวงพ่อบอกมนูญแกไปก่อนไป ไปรับหน้าก่อนไป มนูญก็รีบตาลีตาเหลือกมา หลวงพ่อยังอยู่ที่เมรุอยู่นี่ ก็รีบมารับแขก ไปถึงหลวงพ่อไปอยู่ที่นั่นเสียแล้ว

    ก็เรามาไวกว่าหลวงพ่อทำไมหลวงพ่ออยู่ที่กุฏิเสียแล้ว แต่จริงๆท่านบอกว่าเทวดาที่เป็นองค์แทน ก็เรียกว่าเทวดาที่รับหน้าที่ตรงนี้ที่คุมพระรูปอยู่นี่ อย่างกับพระพุทธรูปบางองค์ก็ศักดิ์สิทธิ์ ใช่ไหม หลวงพ่อโสธรนี่ อู้หูคนไปปิดทองจนตัวนิ่มหมดแล้วนี่ องค์นิ่มเลย เขาว่ายังงั้น จับนี่นิ่มเลย จับอย่างกับจับผู้หญิงเลย เขาว่าอย่างนั้นความหนาของทอง

    ทำไมท่านถึงศักดิ์สิทธิ์ เทวดาที่รักษาองค์พระนี่ที่มีฤทธิ์ ใช่ไหม ที่หลวงพ่อบอกเทวดาที่มีฤทธิ์ก็มีที่มีฝ่ามือแดงก็มีฤทธิ์อะไรอย่างนี้ เทวดารักษาพระ

    แต่พูดตามหลักพระพุทธศาสนาจริงๆแล้วนี่ การบูชาต้องได้รับการบูชาตอบ หลวงพ่อปราถนาพุทธภูมิวิริยาธิกะ คือบูชา ร. 5 ทำไมมีลาภ เขาว่าไวกว่าสมัยก่อนอีก ไวกว่าหนึ่งท่านวิริยาธิกะ สมบัติของประเทศไทยของท่านจะมีมากกว่าหรือเปล่าก็ไม่รู้ ทองเป็นกี่ร้อยตัน นี่ท่านใช้มา 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่สร้างวัดสร้างวา เราทำบุญมานี่ใช้สมบัติไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์

    ที่เหลือก็ให้ไอ้ขวัญ สาธุ (หัวเราะ)

    ให้ทุกคนแหละ ให้ทุกคน

    มีอยู่จุดหนึ่งเคยถามปัญหาที่ซอยสายลมว่า หลวงพ่อครับหลวงพ่อมีลูกมีหลานมีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง ในขณะเดียวกันคนนั้นก็จุดธูป คนนี้ก็จุดธูปแล้วก็เรียก แล้วหลวงพ่อจะทำยังไง จะไปช่วยใครก่อน

    หลวงพ่อก็ตอบว่าในขณะเดียวกันท่านสามารถแบ่งได้ถึงจำนวนเป็นหมื่นเป็นแสน รู้เรื่องทุกอย่างได้ด้วยทุกอย่าง แล้วก็บอกว่าถ้ามันเกินกว่านั้นทำยังไง ฉันฝากเทวดาทุกเขตในประเทศไทย ทุกหนทุกแห่งว่า ถ้าฉันไปไม่ทันฝากลูกฝากหลานฝากไอ้ขวัญมันด้วย (หัวเราะ) เข้าล๊อกกันดี ท่านฝากจริง

    ท่านบอกความเป็นทิพย์ไปได้ ท่านว่าอย่างนั้น

    ขวัญถามว่า อยากให้เทวดาที่บ้านมีฤทธิ์มีเดช มีบุญญาธิการมากๆ จะทำอย่างไร

    เฮี้ยนๆใช่ไหม คือตามหลักที่ว่าทำบุญแล้วมีอานุภาพยังไงบ้าง มีรัศมี ถ้าอานุภาพมากก็ถวายพระพุทธรูป ให้เทวดาโมทนาใช่ไหม สร้างพระพุทธรูปมีเดชมีอำนาจมาก ที่บ้านอยู่ตรงไหนล่ะ จะไปสู้กับใครเขาล่ะ



    หลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล(อนันต์ พทฺธญาโณ)

    (จากคอลัมภ์ "จากคำบอกเล่า" ธัมมวิโมกข์ ตุลาคม 2537 หน้า 89-90)


    The_Equestrian_Statue_of_King_Chulalongkorn_Rama_V_the_Great.JPG
     
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
    361055.jpg
    เล่าประวัติตัวเอง

    จะขอเล่าประวัติตัวเองคือว่าเลวบริสุทธิ์เหมือนกัน ไอ้เลวนี่ไม่ใช่ว่าไปทำอะไรนะ คือว่าเกลียดพระมาก่อน เกลียดจริงๆเลย พระนี่เป็นมารสังคมจริงๆกินข้าวแล้วบางองค์ยังดูดกัญชาอีก เราเห็นแต่สิ่งที่ไม่ดีก็เลยเหมาหมดพระทั้งประเทศไม่ดีทั้งหมด

    ทีนี้เมื่อถึงเวลาบวชก็บวชเป็นประเพณีล่ะนะ แต่พอมาอ่านหนังสือประวัติหลวงพ่อปานเท่านั้น โอ้โฮ ! เรานี่คงหลวมตัวมากเพราะในประวัติหลวงพ่อปาน หลวงพ่อด่าพระเหมือนกัน "ไอ้พวกนี้ไอ้พวกเดียรถีย์ อาศัยพระพุทธศาสนาหากิน" อ่านปุ๊บก็ติดใจ เอ..พระองค์นี้นี่เหมือนกับเราเลย เราเกลียดพวกนี้อยู่แล้ว ทีนี้ก็ไปถามคนที่ให้หนังสือมาเขาก็พามาพบหลวงพ่อ พอพบหลวงพ่อหลวงพ่อท่านเป็นคนไม่ตามใจคนนี่ พอเจอเราเท่านั้นจวกต่อหน้าเลย หลวงพ่อนี่สมัยก่อนไฟท์เตอร์มากนะ จวกคนไม่ยั่นเลย พระเจ้าไม่ดีท่านจวกเลย "ไอ้ยอดแหลมๆนี่แหละตัวดีนัก" พวกเราพอเห็นหลวงพ่อมาโน่นหลบปั๊บ เมื่อก่อนท่านลงเทศน์ทุกวัน ถ้าไม่ดีท่านก็จวกตอนเทศน์นั่นแหละ นั่งคอตกเหงื่อแตก

    จะเล่าเรื่องสักเรื่องหนึ่งนะ ที่วัดนี่หลวงพ่อท่านไม่ให้พระเป็นคนสำอางค์ คือว่าเป็นพระแล้วก็ทำงานอะไรไม่ได้ ทำงานหนักก็ไม่ได้ ทำงานอะไรก็ไม่ได้ กินกับนอนอย่างเดียวนี่ไม่ได้ ท่านไม่ชอบให้พระเป็นอย่างนั้นท่านจึงใช้พระทำงานกันมาก ท่านบอกว่ามันเป็นกุศลด้วย ทีีนี้พระทำงานก่อสร้างกันทุกวันๆมันก็เบื่อก็เซ็ง บางองค์ก็บอกว่าผมไม่อยู่แล้ววัดนี้ ผมต้องไปละเพราะว่ามีแต่งานอย่างเดียวผมจะไปละ ถ้าเหาะไม่ได้ผมไม่กลับวัดนะ บางท่านก็บอกว่าผมจะไปธุดงค์ละ สัก 6-7 องค์ได้ คิดจะไปธุดงค์กันไม่ต้องทำงาน

    วันนั้นหลวงพ่อเกิดลงศาลา พระก็นั่งเป็นแถวบนศาลา ท่านก็เทศน์เลยบอก "ผมนี่นะเลี้ยงหมาไว้ฝูงหนึ่ง ไอ้หมาพวกนี้มันเป็นหมาขี้เรื้อนกันแล้วมันก็คัน มันก็เกาตัวมันแหละ มันลุกสบัดไปแล้วมันก็บอกว่าที่นี่ไม่ดีมันก็ไปนอนที่อื่นอีก แล้วมันก็เกาตัวมันเองอีกแล้วมันก็โทษว่าที่นี้ไม่ดี" บอก "ไอ้หมาฝูงนี้มันไม่โทษตัวมันเองหรอก มันโทษว่าที่ไม่ดี มันจะต้องย้ายที่ไปเรื่อยๆ"

    แหม....โยมคิดดูเถอะ บนอาสนสงฆ์นั่งคอตกเลยหมาฝูงนี้ ท่านบอกไม่โทษตัวมันหมายความว่าความคิดฟุ้งซ่านมันอยู่ที่ตัวเราไม่ใช่สถานที่ สถานที่เขาอยู่เฉยๆ จิตของตัวเราเองเท่านั้นแหละไม่ภาวนา ไม่ให้จิตมันสงบ แหม....ด่าเสียถอนกลดกันหมดเลย โอ...ท่านมีวิธีด่าเจ็บแสบเหลือเกิน

    ทีนี้พระบวชด้วยกันจะมีพระเก่าพระใหม่อยู่ด้วย พระเก่าต้องเป็นตัวอย่างกับพระใหม่ใช่ไหม ธรรมชาติแล้วพระเก่าต้องดี พระใหม่เขาจึงเอาเป็นตัวอย่างได้ ถ้าพระเก่าเลวท่านมีวิธีสอนอีก ท่านก็สอนเลยว่า "เออ..คนเรามันมี 2 อย่าง ถ้าเก่าดีเขาเรียกว่า เก่าลายคราม มีคุณค่าราคาหาประมาณมิได้ และไอ้เก่าอีกอย่างหนึ่ง พระเก่าก็ดี คนเก่าก็ดี ถ้ามันเก่ากะโหลกกะลามันหาราคาไม่ได้"

    แหม..ไม่รู้ท่านหาศัพท์มาจากไหน ทีนี้ก็โจษกันซิ "องค์นั้นซีเก่ากะโหลกกะลา" แน่...คุยวิจารณ์กัน ตกกลางคืนเอาอีก "ไอ้ตัวมันเองไม่ดูตัว ไปโทษคนนั้นคนนี้เก่ากะโหลกกะลา" จวกย้อนศรอีกเอาเราเข้าอีกแล้ว ท่านรู้จริงโอ้โฮ

    แล้วมีอีกคนฟังเทศน์แล้วไม่ค่อยจำ พระฟังเทศน์แล้วไม่มีใครจำใช่ไหม ท่านก็บอก "เออ..หัวนี่คล้ายๆพระนะ มีผ้าเหลืองหุ้มนี่คล้ายๆพระ แต่ไม่ใช่หรอกหัวตอ ไอ้ตักน้ำรดหัวตอนี่มันยังดีนะมันยังเปียก คำสอนเข้าหูซ้ายออกหูขวามันยังผ่านบ้าง แต่ตักน้ำรดหัวหมาชิบพอมันเปียก สลัดพรืด หลุดหมดเลย ไอ้พระจังไรนี่ก็เหมือนกันสอนแล้วไม่จำ..." เรานี่ไม่รู้จะเอาหน้าไว้ไหน โอ้โฮ ไม่รู้ท่านเอาคำเปรียบเทียบมาจากไหน ท่านมีคำที่ปราบได้เด็ดขาด ด่ากันซึ่งๆหน้าอย่างนี้ใครเห็นใครจะอยู่ล่ะ พอเห็นหลวงพ่อมาก็หลบโน่นต้องบอกว่าท่านเก่ง เรากลัวจนลาน กลัวขนาดคุยกับท่านน่ะไม่รู้เรื่องหรอก "ครับๆ" แต่ไม่รู้เรื่องซักคำ ประหม่า แต่ถามคนที่่อยู่ข้างๆจึงจะรู้

    ตอนหลังท่านไม่ได้ลงกรรมฐาน ตอนท่านป่วยมากๆนี่ ท่านลงเมื่อครั้งสุดท้ายนี้ก็มีอยู่คราวหนึ่ง เมื่อปี 35 ทำบุญวันปิยมหาราชที่วิหาร 100 เมตร เด็กนักเรียนก็นั่งเป็นแถว พระก็มาแล้วละ แต่ยังมาไม่ครบ หลวงพ่อมาก่อน "เออ..พระเอ้ย ยังมาไม่ครบกันเหรอ มาครบหรือยัง" "ยังครับ" "เออ...เข้ามานั่งใกล้ๆ" ใครมาไม่ครบท่านก็ดูเอาเทปวาง "เออ...พระมาไม่ครบเหรอ..." เรานึกหลวงพ่อจะคุยอะไร ไม่ได้ด่ากันมานาน "เออ...นันต์ พระลงกรรมฐานครบไหมหว่า.." "ไม่ครบครับ" "เอ้าไปไหนกันหมดล่ะ" "ไม่ทราบครับ" "เลี้ยงสัตว์เดรัจฉานไว้ที่นี่เหรอ มันไม่คุ้มค่าข้าวของชาวบ้านเขานะ"

    อู้หู..ไม่รู้มาจากไหนเรานึกว่าจะคุยกันดีๆ ท่านมีวิธีสอนอีกแบบหนึ่ง คือจวกต่อหน้าคนเยอะๆ จิตมัันจะจำ จะอาย จำแม่น ท่านไม่กลัวเสียคน พระเวลาปลงอาบัติต้องไม่มีอนุปสัมบัน คือเป็นเณรก็ดี ฆราวาสก็ดี ไม่มีใช่ไหม ปลงอาบัติคือสารภาพว่าวันนี้ไปทำผิดอะไรมาตามพระวินัยไม่ให้ทำ แต่ท่านให้มีคนของท่าน ท่านต้องการให้พระอายจะได้จำไม่ทำอีก เรียกว่าจำจนวันตาย

    อย่างอาตมานี่มีอาบัติอยู่ตัวหนึ่ง จะเล่าถึงความชั่วของตัวเอง ปลงอาบัติไปหลายตัวแล้วมาถึงตัวหนึ่ง อาตมานี่ปลงกับหลวงพ่อตัวต่อตัวเลยนะ เป็นองค์แรกที่กล้าปลงกับท่าน จดมาเลย อาตมาก็บอก "ข้าแต่หลวงพ่อผู้เจริญ ข้าพเจ้าได้ยืนปัสสาวะ..." พูดยังไม่ทันจบหลวงพ่อบอก "หยุด ๆ ๆ ๆ แกปลงไม่ตกหรอก แกต้องไปยกขาข้างหนึ่ง" ด่าเราแสบเสียอีก แหม...จำจนตายเลย

    พอปลงอย่างนี้ไม่กี่วัน มันก็มีงานอยู่งานหนึ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดอยุธยานิมนต์หลวงพ่อไปอยุธยา ให้อาตมาไปด้วย พระก็ไปหลายองค์ ไอ้เราก็ไปเที่ยววัดมงคลบพิตร ฝนมันก็ตก ก็ปวดปัสสาวะ ก็หาที่ไม่ได้ที่ปัสสาวะที่วัดมงคลบพิตร มีที่ยิืนทั้งนั้นนี่เราปลงอาบัติมาใหม่ๆ ก็นึก เอ...กูจะทำยังไงโว้ย คิดดูจะทำยังไง ก็เลยตัดสินใจไปบอกหลวงพ่อ ท่านบอก "ไอ้ระยำ ที่ยืนก็ต้องยืนซิ ที่ยืนจะไปนั่งมันงามที่ไหนล่ะ ที่ยืนก็ยืนเขาไม่ปรับหรอก" แหม....เราเถรตรงนี่ ลำบากเหมือนกัน กลัวก็กลัวท่าน แต่ก็ต้องเอาเพราะมันไม่สบายใจ จำไปตลอดชีวิต

    "เอ๋...เวลารับแขกหลวงพ่อท่านร่าเริง เวลาปรกติอยู่สองต่อสอง ท่านคุยยังไงบ้างครับ"

    เมื่อก่อนคุยไม่ออกหรอก มาตอนหลังนี่ได้มาอยู่ใกล้หลวงพ่อ เมื่อพ.ศ. 2525 ตอนนั้นท่านป่วยด้วย ตอนที่ท่านปัสสาวะไม่ออก กล้าตั้งแต่ตอนนั้น ตอนหลวงพ่อท่านจะกินยา ท่านจะปล่อยทุกอย่างมีอะไรก็คุยได้ดีทุกอย่าง คุยแบบเป็นตัวของท่านเองเลย ท่านมีเมตตาทุกอย่าง จะทำอะไรให้ก็ "ขอบใจนะลูกนะ" พูดเพราะ เรานี่พูดเลียนแบบไม่ได้ ท่านพูดเพราะมาก เป็นธรรมชาติของท่านจริงๆ แม้แต่พระพุทธเจ้าพูดกับหลวงพ่อ พูดลูกทุกคำเลย ดูท่านเขียนหนังสือซิ เขียนกับลูกดูซิ และหนังสือของท่านทุกตัวอักษรเลยนะ มีความหมายหมด เพราะว่าท่านเขียนด้วยสติสมบูรณ์ไม่เขียนลื่นไปลื่นมา

    หลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล(อนันต์ พทฺธญาโณ)



    (จากคอลัมภ์ "จากคำบอกเล่า" ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 146 เมษายน 2536 หน้า 103-105)

    12033020_474094946101296_707889612865361534_n.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มิถุนายน 2019
  11. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
    โทษเจ้าที่

    ผู้ถาม : กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง เนื่องจากที่บ้าน ภรรยา…คุณแม่ของลูก ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใด ปัจจุบันนี้มีแต่เรื่องไม่ค่อยดีอยู่เสมอ แต่ลูกมีความรู้สึกทางจิตว่า นี่เป็นเพราะเจ้าที่ท่านทำโทษอย่างแน่นอน ดังนั้นก็ไม่มีทางจะแก้ไขได้ ขอคำแนะนำจากหลวงพ่อได้โปรดสงเคราะห์ด้วยเถิดเจ้าข้า

    หลวงพ่อ : ไปโทษเจ้าที่ท่าน อะไรๆ ก็โทษเจ้าที่ท่าน โทษเทวดาบ้าง…โทษผีบ้าง…โทษพระบ้าง…สะดวกดี !

    ผู้ถาม : แต่ท่านก็ไม่เถียงนะครับ

    หลวงพ่อ : ไม่เถียง…แต่จะเอาเรื่องในเวลาตายน่ะซิ ไปรวมบัญชีไว้ตอนนั้นน่ะซิ ระวังให้ดีนะ…ก็รวมความว่า ถ้าเป็นเรื่องของเจ้าที่จริง เอาอย่างนี้ดีกว่า เวลาเจริญกรรมฐานก็มาทำกับเขาด้วย แล้วก็บอกครูผู้แนะนำว่า ต้องการดูเรื่องนี้ ถ้าเป็นเจ้าที่จริง เขาจะเอายังไงบ้าง ก็คุยกับเขาโดยตรง



    โทษพระภูมิ

    ผู้ถาม : ที่บ้านของลูกเมื่อประมาณ 10 ปีที่ผ่านมา พี่ชายกับพี่สะใภ้ 2 คน ไปจ้างคนทรงมาเชิญศาลพระภูมิที่บ้าน ต่อมาพี่ชายแต่งงาน พี่ชายกับพี่สะใภ้ก็ย้ายออกไป ตั้งแต่เขาไปแล้ว ที่บ้านของลูกเดือดร้อนต่างๆนานา คนนี้ตาย…คนโน้นเจ็บ ให้คนทรงเขานั่งดู เขาบอกว่า เป็นเพราะพี่ชายเอ็งไม่ได้บอกเอาพระภูมิไปด้วย พระภูมิเลยโกรธ เลยทำให้เหตุร้ายเกิดขึ้นในบ้าน ลูกอยากจะเรียนถามหลวงพ่อว่า ถ้าหากลูกไปหาพี่ชายบอกให้เอาพระภูมิติดไปด้วย แกไม่ยอมเอาไปแล้วจะทำยังไงดีเจ้าคะ…?

    หลวงพ่อ : นี่แสดงว่าพระภูมิว้าเหว่ เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ภูมิเทวดาย้ายท่านไม่ได้ ท่านมีสิทธิ์รักษาอาณาเขตแค่ไหน…เขตไหน…ท่านทรงอยู่ ใครย้ายไม่ได้ นอกจากท้าวมหาราชจะสั่งย้าย ท่านจึงจะย้ายได้ พวกเราย้ายไม่ได้ ทีนี้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นกฎของกรรมตัวเองมากกว่า พระภูมิทำไม่ได้หรอก

    (จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา เล่ม 5 หน้า 17-19)

    พระโสดาบันแต่งงานได้ไหม


    ผู้ถาม : สมมุติว่าพระโสดาบันเวลาไปแต่งงาน อยู่กับลูก อยู่กับผัว พระโสดาบันจะลดไหมเจ้าคะ?

    หลวงพ่อ : ไม่ลด แต่งงานได้ผัวใหม่อีกคน ไขลูกมาทีละหนึ่งๆ ดีไม่ดี หรือ แฝดดกๆ ยิ่งมากใหญ่ ไม่ลด แต่เขามีแค่ศีล 5 คุม พระโสดาบันกับพระสกิทาคามียังแต่งงาน คนที่แต่งงานแล้วไม่ต้องเลิกกัน คนที่ยังไม่แต่งงานอยากแต่งงานก็แต่งได้ อันนี้ไม่ห้าม

    อย่าง พระนางวิสาขา ท่านเป็นพระโสดาบันตั้งแต่อายุ 7 ปี พออายุ 16 ปีแต่งงาน ท่านมีลูก 20 คน

    อย่างเมีย พรานกุกกุฏมิตร ท่านเป็นพระโสดาบันตั้งแต่ 7 ปี แต่งงานแล้วก็มีลูก 7 คน ที่ถามนี่คงจะสงสัยว่าพระโสดาบันจะแต่งงานได้ไหม ใช่ไหม

    คนที่จะแต่งงานได้คือ

    1. ปุถุชน
    2. สาธุชน
    3. กัลยาณชน
    4. พระโสดาบัน
    5. พระสกิทาคามี

    รักษาแค่ศีล 5 ไม่เป็นไร ศีล 5 ไม่ได้ห้ามแต่งงาน

    ผู้ถาม : พอเป็นๆ อยู่นี้ยังไม่ได้พระโสดาบันแต่ก็มาถวายสังฆทานหลวงพ่อเป็นประจำทุกเดือนและอธิษฐานว่า

    "เมื่อลมหายใจจะขาดขอให้ได้ไปนิพพาน" อย่างนี้จะได้ไหมครับ?

    หลวงพ่อ : ได้แน่! แต่อย่ากลับไปตีหัวปลานะ อยากไปนิพพานอย่าขาดศีล 5

    ถ้าศีล 5 ไม่ขาด ก็เป็นพระโสดาบันอยู่ในตัวแล้ว พระโสดาบันนี่เป็นง่าย

    พระโสด่าเป็นยาก เพราะเราด่าเขา เขาก็ด่าเราน่ะซิ พระโสดาบันเราเป็นเงียบๆ ไม่เป็นไร


    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 246 เดือนกันยายน 2544 หน้า 68)





     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2024
  12. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,855
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    การขนศิษย์ไปนิพพาน

    ...ผู้เขียนเคยถาม
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านว่า

    " ท่านจะตัดตอนหยุดเก็บลูกศิษย์แค่ไหน
    (ที่เหลือก็ฝากพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป) "

    ท่านตอบว่า "ฉันจะเก็บของฉันไปจนหมด ฉันเก็บของฉันครบแน่"

    ท่านยืนยันว่า ลูกศิษย์ของท่าน หนึ่งแสน เจ็ดหมื่น ห้าพัน สี่ร้อยคนเศษนี้ท่านพบหมดแล้ว (ในภพภูมิต่างๆ) ตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.๒๕๓๓
    ...และส่วนใหญ่จะถึงนิพพานในชาตินี้ แต่ทุกคนจะถึงนิพพานหมดในชาติหน้า

    ท่านได้ยืนยันความรู้นี้ไว้หลายแห่งด้วยกัน...

    **วิธีการเก็บศิษย์ของท่านเท่าที่ทราบมีอยู่ ๗ วิธี คือ

    ๑. การออกหมายเกณฑ์ คือการตั้งสัตยาธิษฐานว่า ถ้าผู้ใดเป็นเชื้อสายของท่าน เมื่อได้อ่านหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งของท่าน หรือได้ฟังเทป หรือฟังวิทยุที่ท่านเทศน์ หรือได้อ่าน ได้ยิน ได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับตัวท่านแล้วขอให้เกิดศรัทธาปสาธะ จนต้องมาหาท่าน
    ๒. ฝากพระ พรหม หรือเทพยดา ให้ไปเข้าฝันตามตัวให้ หรือให้ไปบอกในสมาธิ
    ๓. ท่านไปเข้าฝันเอง ทำให้ต้องตามมาหาท่าน (มีเรื่องเล่ากันหลายเรื่องแล้ว) หรือไปสงเคราะห์ด้วยอภิญญา
    ๔. ตามเพื่อน ญาติ พี่ น้อง หรือคนรักมาวัด หรือซอยสายลม หรือที่อื่นๆเพื่อมากราบท่าน แล้วก็มาติดใจหลวงพ่อ
    ๕. แสวงหาพระดีทั่วประเทศ พอมาเจอหลวงพ่อวัดท่าซุงเข้า ก็เลิกแสวงหา
    ๖. พอเห็นท่านครั้งแรกโดยบังเอิญ ก็ติดใจ ทำบุญด้วยทันที โดยไม่รู้เลยว่าท่านเป็นใคร
    ๗. ท่านไปตามเก็บเอง เมื่อเป็นลูกศิษย์ท่านแล้ว ทุกคนจะทราบซึ้ง ในมหากรุณาอันมหาศาลของท่านเอง โดยมิต้องบรรยายในที่นี้ เพราะท่านทำทุกๆอย่าง เพื่อสงเคราะห์ลูกหลานของท่านในทุกโอกาส

    เรื่อง ลูกศิษย์ของท่านตายไปถึงพระนิพพานนั้น มีนับหลายร้อยคนแล้ว...
    .
    ...................................................................
    จากหนังสือประวัติหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง) จ.อุทัยธานี หน้า ๔๖๗ - ๔๗๑
     
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
    IMG_20170731_160813.jpg IMG_20170731_160842.jpg IMG_20170731_160931.jpg
     
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
    IMG_20180503_155321.jpg IMG_20180503_154936.jpg IMG_20180503_154959.jpg
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,855
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    คาถาหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
    พระพุทธคาถา
    สัมมาสัมพุทธัสสะ พระอะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ

    สวดทุกคืน คืนละ 7 จบ
    "อานุภาพคาถามีดังนี้




      • ศัตรูจะพินาศไปเองเมื่อคิดประทุษร้าย
      • จะเกิดผลในด้านมงคลทุกประการตามที่ปรารถนา
      • จะสามารถเห็นได้แจ่มแจ้งด้วยญาณ เห็นได้ชัดเจนทุกประการ และทุกขณะที่ประสงค์จะเห็น
      • เป่าให้ศิษย์ผู้เรียนทิพยจักขุญาณ และเรียนไปปรโลกได้ มีญาณเครื่องเห็นแจ่มใส
    ==คาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้า== ตั้งนะโมฯ 3 จบก่อนแล้ว นมัสการ ไตรสรณคมณ์ (พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆังสรณัง คัจฉามิ) แล้วให้สมาทานศีล 5 (ปาณา ฯลฯ สุราเมระยะฯ )หรือ ศีล 8 แล้วจึงท่อง สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม พรหมมา จะมหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ พรหมมาจะมหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม มิเตพาหุหะติ พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม สัมปะติจฉามิ เพ็งๆ พาๆ หาๆ ฤาๆ สวดเช้าเย็น ครั้งละ 9 จบ จะทำให้มีความคล่องตัวในความเป็นอยู่ เงินไม่ขาดมือ หลวงพ่อบอกอีกว่า เป็นเบี้ยต่อไส้ ถ้าภาวนาควบกับอาปาฯ จิตยิ่งสะอาดยิ่งเห็นผล ....

    คาถาอภิญญารวม
    โสตัตตะภิญญา

    คาถารวมจิต
    อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ มะมะ จิตตัง

    คาถาปราโมทย์
    ปราโมทย์
    ทำให้มีนิมิตที่เห็นชัด ในเวลาที่เรานั่งสมาธิ

    คาถาพระนิพพานนิมิต
    นิมิตจิตติ นิมิตจิตตา นิพพานจิตติ นิพพานจิตตา

    คาถาขีณาสวานิยตา และนิพพานสุขัง
    ขีณาสวานิยตา และนิพพานสุขัง

    คาถาเรียกจิตคน
    จิตตะ มหาจิตตัง ปิยัง มะมะ (เรียกจิตคนสำหรับเทศน์ อบรม สนทนา ทำให้ใจคนน้อมมาหา)

    คาถาสนองกลับผู้กระทำไสยศาสตร์
    สัมปจิตฉามิ
    หมายเหตุ: ก่อนจะสวดคาถานี้ ควรตั้ง นโม 3 จบก่อน จากนั้น สวด
    พุทธัง สรณัง คัจฉามิ
    ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ
    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
    รอบที่2 ก่อนจะว่า พุทธัง ธัมมัง หรือ สังฆัง ให้ว่านำด้วย ทุติยัมปิ ส่วนรอบที่3 ตติยัมปิ
    และ ต่อด้วย อิติปิโสฯ 3จบ เสร็จแล้วจึงว่าตัวคาถาต่อได้

    คาถาป้องกันคุณไสย และกันยาพิษ ยาสั่ง
    เมสัมมุขา สัพพาหะระติ เตสัมมุขา สัมปะจิตฉามิ

    คาถากำบังตัว
    สัมปะติจฉามิ

    คาถากันฟ้าผ่า
    อากาเสจะ พุทธทิปังกะโร นะโมพุทธายะ

    คาถาสมเด็จพระพุทธกัสสป
    หลวงพ่อบอกคาถาบทนี้ เมื่อวันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๒๐ คาถาบทนี้ ท้าวเวสสุวัณให้มา ท่านบอกว่าให้สวดมนต์ไว้ทุกคืน ก่อนอื่นให้ระลักถึงบารมีของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ อันมีสมเด็จพระพุทธกัสสปทรงเป็นประธาน เพราะท่านเป็นเจ้าของคาถานี้

    พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ ศัตรูทั้งหลาย วินาศสันติ

    พุทธัง มัดจิต ธัมมัง มัดใจ โรคภัยทั้งหลาย วินาศสันติ

    ในบรรทัดที่ ๒ นี้รักษาโรค ท่านบอกว่าเสกน้ำให้กิน เสกอะไรให้กิน เสกข้าวให้กินก็ได้นะ แม้แต่ยาพิษมันก็สลายตัว อีกบทหนึ่งเป็นของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน


    ฆะเตสิ ฆะเตสิ กิงกะระณัง ฆะเตสิ อะหังปิตัง ชานามิ ชานามิ

    ทั้งสามบทนี้ท่านให้สวดพร้อมกันเลย เวลาฉันข้าวก็เสก กลางคืนก็ให้ภาวนาไว้นะ ภาวนาไว้สักครู เช้าเย็นอะไรนี่นะ ท่านบอกว่าศัตรูจะพินาศไปเอง สำหรับบทหลังศัตรูทำอะไรไม่ได้ จะทำอะไรแล้วเราจะต้องรู้อยู่เสมอ บทกลางนะทำลายโรค ได้ทำลายโรคนี่ดีใช่ไหม เสกข้าวนะ ข้างที่เราจะฉัน เสกซะหมด และคนอื่นกินก็เป็นยาไปหมด ให้เป็นยาสำรับคนอื่นด้วยนะ ดีไหม ถ้าเห็นว่าดี ถ้าคุณจะให้รักษานี่นะ ถ้าจะใช้รักษาโรค คุณจะต้องหาดอกบัวมา ๓ ดอก ธูป ๕ ดอก เทียน ๑ เล่ม บูชาขอต่อพระพุทธรูป (ผมเข้าใจว่า ถ้าไม่นำสิ่งที่ให้นำมาผลกรรม โรค นั้นจะตกที่คนรักษา)


    ถ้าใครต้องการจะให้เรารักษา ต้องบังคับให้เขาเอาดอกบัวมา ๓ ดอกนะ ธูป ๕ เทียน ๑ เสกน้ำมนต์ เสกอะไร อะไรให้กินได้ นั่งทำก็ได้ นอนก็ได้ ภาวนาให้เป็นฌานเป็นฌานในกรรมฐานภายในตัวเสร็จ

    อย่าลืมนะ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เกาะก็ได้ผลเท่ากันเป็นฌาน

    คาถาพระอินทร์
    สหัสสเนตโต เทวินโท ทิพจักขุง วิโสทายิ

    (ใช้กับการเรียน ให้อ่านหนังสือแล้วจำได้ ทำข้อสอบได้)

    คาถาพระยายม
    ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุคะโต จุติ

    พุทธคาถา
    มหาวิชโย โหหิ อสังวาโส

    (ภาวนากันอันตรายทุกอย่าง ผู้คิดร้าย จะย่อยยับไปเอง

    คาถาเมตตา
    พระอรหัง สุคโต ภควา นะเมตตาจิต

    (คาถาบทนี้ หลวงพ่อบอกว่าให้ใช้เวลาไปติดต่อผู้อื่น เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยก่อนจะออกจากบ้าน ให้นึกใบหน้าของผู้ที่เราจะไปหาก่อน แล้วภาวนาคาถาบทนี้ไปด้วย เมื่อไปพบแล้วจะสำเร็จผลตามที่ต้องการ

    คาถานี้หลวงพ่อบอกว่า ท่านได้จากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า (จากหนังสือ สมบัติพ่อให้)
    คาถาสมเด็จประทาน
    มหาโคตมะ ปาทะเกหิ จะ อปาทะเกหิ เม เมตตัง เมตตัง

    (เสกของต่างๆ ให้มนุษย์ จะได้มีจิตเมตตาต่อกัน เสกอะไรก็ได้)

    คาถาพระโมคคัลลานะ ประทาน
    1.อิติ สุกขติ สุกขโต
    (ทำน้ำมนต์ให้คนอยู่ในบ้าน จะได้รับความเมตตาเป็นพิเศษ)

    2.อิติ สุคติ สุคโต
    (ทำน้ำมนต์ให้คนเดินทาง จะประสบผลสมประสงค์และปลอดภัยทุกประการ)

    คาถาท่านท้าวเวสสุวัณ
    พยัคฆัง พยัคฆา มานี่ให้หมด

    (เป็นคาถาภาวนาให้คนมารวมกัน อธิษฐานเอาตามใจ ภาวนาเรียกเสกแป้ง สีผึ้งก็ได้)

    คาถาป้องกันอันตราย
    รูปพระพุทโธ โหหิ

    (ภาวนาคาถานี้ เสกน้ำลายกลืนลงไปก่อนออกจากบ้าน ท่านกล่าวว่า แม้ปืนก็ยิงไม่ออก)

    คาถานวด
    อิมัสมิงมาเล อิมังเต มาสัง วัสสัง อุเปมิอิกวิติ

    (นึกถึงพระรัตนตรัยก่อนว่าคาถา แล้วให้ภาวนาเรื่อยไปขณะนวด)

    เสกของขายภายในร้าน
    นะมะนะอะ นอกอนะอะ กอออนออะ นะอะกะอัง อุมิอะมิ มหิสุตัง สุนะพุทธัง สุอะนะอะ

    คาถาท่านท้าวมหาราชทั้ง 4
    อิติ สัมมาสัมพุทธัสสะ พระอรหังรักษา

    (ท่านบอกว่าท่องคาถาบทนี้แล้ว ไม่ต้องกลัวอันตราย)

    คาถาสมเด็จพระพุทธกัสสป
    จิเจตะสา มหามันตัง

    (สอนให้ทำน้ำมนต์ ใช้การทุกอย่างสวัสดี เป็นมหาเมตตา และทำลายโชคร้ายทั้งหมด ให้กลายเป็นดี รักษาโรคทั้งหมด ตามแต่จะอธิษฐาน)

    คาถาโรยทราย (นะจังงัง)
    นะโม พุทธายะ (ว่า 1 จบ)
    อิติ ศัตรู ยามาคะตา(โรยไปว่าไป)

    (ป้องกันศัตรู)

    คาถาเสกขี้ผึ้งสีปาก เมตตามหานิยม
    (คาถาพระพุทธกัสสป)

    นาสังสิโม ปาสุอุชา 10รอบ
    .................................... EndLineMoving.gif
    :- https://th.wikisource.org/wiki/คาถาหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 ธันวาคม 2018
  16. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,855
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,047
    นั่งกรรมฐานมีคนดึง
    ผู้ถาม กราบเท้าหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง เวลาลูกนั่งพระกรรมฐานที่บ้านก็ตาม ที่ห้องพระก็ตาม ส่วนใหญ่ก็ถนัดเรื่องพุทโธ ที่ประหลาดใจก็คือว่า เวลานั่งภาวนาไปคล้าย ๆ จะมีใครก็ไม่ทราบ ดึงไปข้างหน้าหงายไปข้างหลัง เอียงไปข้าง ๆ ตัวโยกเยก เขาเรียกกรรมฐานโยกเยกเป็นเพราะอะไรครับ?
    หลวงพ่อ อย่างนี้เขาเรียก โอกกันติกาปีติ ปีติตัวที่ ๓ จิตเริ่มดีแล้ว แต่ทว่าเทวดาประจำบ้านท่านบอกว่า อารมณ์หยาบไปเวลาขึ้นต้น อาจารย์อ่านฉันก็ถามเทวดาท่าน...ไม่ยาก
    ท่านบอกเวลาเริ่มต้นอารมณ์หยาบไป ใช้อย่างนี้นะ ก่อนเริ่มต้น พอนั่งปั๊บ หายใจยาว ๆ แรง ๆ สัก ๕-๖ ครั้ง เป็นการระบายอารมณ์หยาบ ต่อไปอาการอย่างนั้นจะคลายตัว พออาจารย์ถามฉันก็ถามท่านเหมือนกัน ท่านก็เลยบอก... ใช้ได้
    ผู้ถาม อ้อ... ที่หลวงพ่อตอบเก่ง เพราะมีถามตอบอย่างนั้นหรือครับ?
    หลวงพ่อ ใช่... อีกหลายต่อ อย่างเมื่อคืนนี้อุทิศเจ๊งจั๊ง หลายต่อยุ่งเลย
    ผู้ถาม ผมจะขอต่ออีกนิดคือว่า บางครั้งจะเห็นเป็นคล้าย ๆ ดวงสีขาว ๆ คล้าย ๆ แก้ว ลูกไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรครับ?
    หลวงพ่อ นั่นละถูกแล้ว ปีติ พออารมณ์ใจเข้าถึงปีติ อารมณ์เริ่มเป็นทิพย์ เมื่ออารมณ์เริ่มเป็นทิพย์ เริ่มเห็นนิมิตที่ไม่มีภาพจริง ๆ นะ มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นเป็นของธรรมดา
    ผู้ถาม ครับ ๆ ที่เห็นนั่นก็เป็นของดีนะ
    หลวงพ่อ ดีแล้ว แต่ว่าใช้อามรณ์ให้ละเอียดกว่านั้นนะ อย่าลืมเอาแบบเกณฑ์ทหาร เขาทำอย่างไร หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกแรง ๆ ใช่ไหม... สัก ๕-๖ ครั้งระบายอารมณ์หยาบ
    ผู้ถาม แล้วก็บอกว่า สมัยก่อนลูกเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นโรคหัวใจ โรคโน่นโรคนี่ บัดนี้ลูกหายพอสมควรแล้ว จึงขอกราบขอบพระคุณที่หลวงพ่อเมตตาให้กรรมฐานปฏิบัติ แล้วลูกหายจากโรคภัยไข้เจ็บเจ้าค่ะ
    หลวงพ่อ ยังหายไม่หมดนะ
    ผู้ถาม เหลืออะไรครับ
    หลวงพ่อ โรคสงสัย
    :- http://www.larnbuddhism.com/grammathan/toppanha2.html
     
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
    78615e67.jpg

    เรื่อง "ขอไปนิพพานชาตินี้" หลวงพ่อเล่าให้ฟังเป็นความรู้พิเศษอีกเรื่องนึงครับ

    ขอ1.jpg ขอ3.jpg
    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 99 เดือนพฤษภาคม 2532 หน้า 29 )

    DSC06729.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 สิงหาคม 2020
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
    ใส่รองเท้าใส่บาตร, ใส่รองเท้าเข้าโบสถ์, อทิสสมานกายกราบพระไม่เรียบร้อย, กายทิพย์

    (จากธัมมวิโมขก์ มิถุนายน 2547 หน้า 89-90).jpg (จากธัมมวิโมขก์ มิถุนายน 2547 หน้า 89-90)2.jpg

    (จากธัมมวิโมขก์ มิถุนายน 2547 หน้า 89-90)

    ภาพด้านบนนำมาจาก E-Book เวบวัดท่าซุงตามลิงค์ด้านล่างครับ
    http://thasungmedia.com/wat/puy/ebook/index.php
     
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    116
    ค่าพลัง:
    +225,723
    598843_102431193285764_712091600_n_zpsc0979f28.jpg

    ภาวนาสัมปจิตฉามิกับพุทโธ


    ผู้ถาม : หลวงพ่อครับผมเคยภาวนา "สัมปจิตฉามิ" ตอนนั่งรถเมล์บ้าง ตอนนั่งสมาธิที่บ้านบ้าง ภาวนาไปได้สัก 1 อาทิตย์ก็ฝันว่าได้ทำบุญกับหลวงพ่อที่บ้านซอยสายลมนี้ หลวงพ่อได้เรียกชื่อผมและบอกให้ภาวนา "พุทโธ" ดีกว่านะสั้นๆง่ายๆแต่มีผลมากและผมได้รับปากหลวงพ่อ ฝันเช่นนี้แสดงว่าผมมีนิสัยสุกขวิปัสสโก ไม่ใช่แบบที่ฝึกอภิญญามาก่อนใช่หรือไม่ครับ ?

    หลวงพ่อ : เปล่า นั่นเขาเกรงว่าจะลืมพระพุทธเจ้า แต่ความจริง "สัมปจิตฉามิ" ก็ดี "สัมปติจฉามิ" นี่ก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐาน เพราะคาถา 2 บทนี้พระพุทธเจ้าบอกเอง จะเป็นอะไรก็ตามภาวนาอย่างไรก็ตามถ้านึกถึงพระพุทธเจ้าก่อนก็เป็นพุทธานุสสติกรรมฐานทั้งนั้น ทั้งนี้ที่เขาบอกอย่างนั้นเกรงว่าจะลืมไป ให้ใช้เวลาสลับกัน

    เวลายามปรกติภาวนาว่า "พุทโธ" สบายใจแล้วต่อด้วย "สัมปจิตฉามิ" ก็ได้ ขึ้นต้นไว้ก่อนนะ ท่านเกรงว่าจิตจะไม่มั่นคงเท่านั้นเองไม่มีอะไร

    "สัมปจิตฉามิ" ท่องเข้าไปเถอะ ชาติก่อนจะทรงอภิญญาหรือไม่ก็ตามภาวนาไปๆ อภิญญาก็มา อภิญญานี่เก่าไม่มีทำใหม่เกิดได้ ในครัวข้าวสุกไม่มีเราหาใหม่ได้นะ ดี ภาวนาไปเถอะ อย่าลืมขึ้น "พุทโธ" เสียก่อน คาถาที่พระพุทธเจ้าบอกพอจิตสบายก็ต่อเลย

    คือวันเวลาใกล้เข้ามาแล้ว ปีพ.ศ. 2542 เข้าเขตอภิญญาจะมา ต้องเพาะกำลังใจไปก่อนคำว่า "มา" หมายความว่ากำลังจิตคนจะเข้าถึงความเข้มข้นต้องทำก่อน ถ้าทำเวลานั้นก็ช้าไป ต้องทำเรื่อยๆไปนะ

    แล้วก็ "สัมปจิตฉามิ" เป็นคาถาผลัก ผลักทุกอย่าง เหตุร้ายใดๆที่เขาจะเข้ามาหาเราจะถูกผลักไปหาเจ้าของแต่เราไม่ยอมรับ ไม่ใช่บาป

    (จากธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 72 เดือนกุมภาพันธ์ 2530 หน้า 15)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มิถุนายน 2019

แชร์หน้านี้

Loading...