เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 8 เมษายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,736
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +26,399
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๘ เมษายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,736
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +26,399
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพวิ่งไปยังวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) หมู่ที่ ๕ ตำบลเขาวง อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี เพื่อไปร่วมงานปลุกเสกวัตถุมงคลของทางวัดเขาวง โดยพระเดชพระคุณพระราชภาวนาพัชรญาณ วิ. (เจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสระบุรี เจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) นิมนต์ไว้ โดยนิมนต์พระในสายลูกศิษย์หลวงพ่อวัดท่าซุงด้วยกัน มาร่วมงานในลักษณะเหมือนกับวันชุมนุมศิษย์เก่าวัดท่าซุงก็ว่าได้

    ผู้ที่อาวุโสพรรษามากที่สุดก็คือหลวงพ่อโอ (พระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) ซึ่งท่านเองอายุกาลผ่านวัยมาถึง ๗๘ ปีแล้ว แต่ว่าถ้านับในเรื่องของอายุแล้ว ตุ๊พ่อสิงห์ (พระอธิการสิงห์ วิสุทฺโธ) เจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ มีอายุมากกว่า แต่ว่าพรรษาน้อยกว่า ก็คือหลวงพ่อโอท่านบวชปี ๒๕๑๔ แต่ว่าตุ๊พ่อสิงห์มาบวชตอนชราแล้ว ปี ๒๕๒๐

    แม้แต่พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณหลวงตาก็อายุมากกว่าหลวงพ่อโอ ก็คือท่านเจ้าคุณหลวงตาปีนี้อายุ ๘๑ ปีแล้ว แต่ว่าท่านก็บวชเมื่อแก่เช่นกัน ก็คือบวชตอนอายุ ๔๐ เมื่อปี ๒๕๒๕

    อีกท่านหนึ่งที่อยู่ในงานก็คือหลวงพ่อชลอ (พระครูสาครสิทธิวิมล) วัดศาลพันท้ายนรสิงห์ ซึ่งท่านก็อายุ ๗๐ ปีแล้ว บวชปี ๒๕๒๓ ก่อนท่านเจ้าคุณหลวงตา ๒ พรรษา

    รูปที่พรรษาน้อยที่สุดก็คือพระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ ซึ่งท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) ในยุคปัจจุบันนี้ อายุก็มาถึง ๕๘ ปีแล้วเช่นกัน เรียกว่าย่างเท้าเข้าสู่หลัก ๖ หลัก ๗ หลัก ๘ ตาม ๆ กันไปแล้ว..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,736
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +26,399
    ตรงจุดนี้ท่านเจ้าคุณหลวงตาเคยปรารภว่า "เฮ้ย..เล็ก ไม่รู้ว่าพวกเราอยู่มาจนขนาดนี้ได้อย่างไรว่ะ ?" ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็เห็นด้วย เพราะว่าในชาติก่อน ๆ นั้น อายุของกระผม/อาตมภาพเต็มที่ก็ ๔๐ กว่า ๕๐ ปีเท่านั้น หลังจากนั้นก็เป็นอันว่าไปตามเวรตามกรรม ก็คือสร้างกรรมปาณาติบาต ฆ่าคนฆ่าสัตว์เอาไว้มาก ถึงเวลาก็อายุสั้นพลันตาย มาตอนช่วงนี้กระผม/อาตมภาพก็หมดอายุขัยแล้ว แต่ได้รับการ "ต่อวีซ่า" มา จึงสามารถที่จะปฏิเสธไม่ต่อวีซ่า ไปได้ทุกเวลาเช่นกัน..!

    ท่านเจ้าคุณหลวงตา ตามที่กระผม/อาตมภาพได้ทราบมา ท่านก็จะอยู่แค่อายุ ๘๓ ปี ก็แปลว่าอีก ๒ ปีเท่านั้น แต่ว่าบรรดาคณะศิษย์ โดยเฉพาะพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ตั้งใจจะเป็นเจ้าภาพจัดพิธีสืบชะตาต่ออายุให้พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณหลวงตาในวันที่ ๒๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ นี้ แต่ว่าจัดที่วัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เท่ากับว่ากระผม/อาตมภาพประกาศข่าวให้ล่วงหน้า ส่วนทางด้านวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) นั้น ก็มีการสร้างพระเจดีย์ไว้ในวัด ซึ่งอยู่ในลักษณะของการต่อบุญ เสริมบารมีอะไรประมาณนั้น

    เรื่องพวกนี้บางทีกระผม/อาตมภาพก็มีความเห็นค่อนข้างจะขวางโลก ก็คือ "คนจะไป แล้วจะรั้งให้อยู่ทำไม ?" ซึ่งความคิดลักษณะแบบนี้ บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายก็จะบ่นว่า กระผม/อาตมภาพใจร้ายเหลือเกิน ไม่ได้คิดถึงหัวอกของลูกศิษย์เลย

    แต่กระผมก็มองคนละอย่างเช่นกันว่า บรรดาลูกศิษย์รักตัวเองมากกว่ารักท่านเจ้าคุณหลวงตา คนอายุกาลผ่านวัยมาถึง ๘๐ กว่าปีแล้ว ยังจะให้ลากซี่โครงอยู่สงเคราะห์เขาทั้งหลายอีก แล้วแทนที่จะตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติให้เห็นมรรคเห็นผลกันไปเลย กลับสบายใจว่าท่านเจ้าคุณหลวงตาจะอยู่สงเคราะห์ตนต่อไป ดังนั้น..ก็เลยทำตัวประเภท "ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง" อีกต่างหาก..!

    ช่วงที่
    กระผม/อาตมภาพไปถึงวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) นั้นใกล้เพลเต็มทีแล้ว กราบกรานทักทายกัน สนทนาพอหายคิดถึงก็ไปว่ากันต่อในวงข้าว แต่ละคนก็สอบถามกันว่า ใครมีปัญหาเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บอะไรบ้าง ? ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเบาหวานและความดัน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,736
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +26,399
    ส่วนหลวงพ่อชลอนั้นท่านมีโรคพิเศษ ก็คือเป็นงูสวัดแถวบริเวณเอว อยู่ในลักษณะที่คนโบราณเรียกว่า "สังวาลพระอินทร์" ก็คือจะกินสะพายแล่งรอบลำตัว ยังดีที่หลวงพ่อชลอท่านรู้ตัวและรักษาทัน แต่ขนาดนั้นปลายประสาทก็โดนกินจนเสียหาย แม้ว่าบาดแผลภายนอกจะหายดี แต่ข้างในก็ยังมีอาการเจ็บแสบแปลบปลาบเหมือนโดนไฟลวกอยู่บ่อย ๆ ลักษณะบอกให้เห็นชัดว่าปลายประสาทชำรุดไปเรียบร้อยแล้ว..!

    หลวงพ่อชลอยังขอบอกขอบใจกระผม/อาตมภาพอยู่ ว่าไปช่วยประกาศให้หมู่ลูกศิษย์ได้ทราบ ก็เลยมีคนแวะไปถามไถ่อาการเจ็บไข้ได้ป่วย และถวายสังฆทานกับท่านเป็นจำนวนมาก โดยที่ท่านใช้คำว่า "ในเมื่อพี่ไม่ได้เรื่อง ก็ต้องอาศัยน้องแบบนี้ต่อไป"

    กระผม/อาตมภาพเองก็ยังขำอยู่ เนื่องเพราะว่าในช่วงที่อยู่ด้วยกันนั้น แต่ละคนจะรู้ว่าใครมีฝีมือในระดับไหน ถ้าหากว่าผู้ที่มาฝึกมโนมยิทธิแล้ว หลวงพ่ออาจินต์ (พระครูภาวนาธรรมนิเทศก์) เอาไม่อยู่ ก็จะมาตามท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยไปจัดการให้ ถ้าหากว่าท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัยไปแล้วยังเอาไม่อยู่ หลวงพ่ออาจินต์ท่านก็จะขับรถมาพร้อมกับท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย มาตะโกนเรียกหากระผม/อาตมภาพที่เข้าเวรอยู่หน้าตึกของหลวงพ่อฤๅษีฯ ว่า "เล็กโว้ย..ทิ้งงานมาหน่อย ไอ้พวกเรือเกลือมาอีกแล้ว..!"

    คำว่า "เรือเกลือ" ในที่นี้เป็นที่เข้าใจกันว่า ส่วนใหญ่ท่านทั้งหลายนั้นปรารถนาพุทธภูมิ ในเมื่อเป็นบุคคลที่มาในสายที่ต้องไปเป็นครูบาอาจารย์คนอื่นก็ต้องการรายละเอียดให้มากที่สุด เพื่อถึงเวลาจะได้สั่งสอนคนอื่นเขาต่อได้

    ดังนั้น..ท่านทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่ว่าฝึกมโนมยิทธิแล้วไม่ได้ หากแต่ว่าฝึกได้ แต่ต้องการรายละเอียดเป็นอย่างยิ่ง ชนิดที่รายสุดท้ายที่หลวงพ่ออาจินต์ขับซูซูกิคาริเบียนคันที่กระผม/อาตมภาพเรียกว่า "ไอ้เหลือง" มารับไปช่วยดำเนินการให้นั้น ท่านต้องการรายละเอียดถึงขนาดว่าบันไดขึ้นพระจุฬามณีมีกี่ขั้น ก็ค่อย ๆ เดินนับไป..!

    บางทีกระผม/อาตมภาพเองก็อยู่ในลักษณะใจร้าย ประมาณว่า "ถ้าหากว่าหลวงพี่จะค่อย ๆ นับขั้นบันได ก็นิมนต์นับไปนะครับ ผมไปละ..!" ดังนั้น..จึงทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องละความสนใจจากตรงหน้า เพื่อที่จะเข้าไปกราบพระเกศาธาตุ ตลอดจนกระทั่งพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วภายในพระจุฬามณีเสียก่อน ซึ่งคนอื่นไม่ค่อยที่จะกล้าไปดุ ไปว่า หรือว่าไปดึงให้ท่านเร็วขึ้น เนื่องเพราะเกรงว่าจะเป็นบาปเป็นกรรมกัน

    แต่กระผม/อาตมภาพถือว่า "ขึ้นจากน้ำมาแล้ว ไม่กลัวเปียกฝน" ตัวเองสร้างบาปสร้างกรรมเอาไว้มากมายมหาศาล ถ้าหากว่าเพิ่มขึ้นมาอีกนิดหนึ่งก็ไม่ได้รู้สึกว่ามากขึ้น หรือว่าลดลงไปหน่อย ก็ไม่ได้รู้สึกว่าน้อยลง จึงค่อนข้างที่จะกล้าทำในสิ่งที่สุ่มเสี่ยงมากในสายตาท่านอื่น ๆ
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,736
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +26,399
    แม้กระทั่งวันนี้ก็เช่นกัน เมื่อท่านพระครูปลัดเอ๊ด (พระครูปลัดนิพพาน โชติธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์) มาบอกกล่าวถึงกำหนดการแต่ละขั้นตอนว่าใครต้องทำอะไรบ้าง แต่พอเริ่มพิธีเข้าจริง ๆ แล้ว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าชี้มาที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ผู้เป็นครูบาอาจารย์ และท่านมเหสักขาที่เป็นพี่ใหญ่ของพวกเราว่าไปจัดการให้ด้วย

    หลวงพ่อท่านลงมาชี้ไม้เท้าไปทีเดียว วัตถุมงคลทั้งหมดก็สว่างไสวไปทั้งกองแล้ว ตามมาด้วยท่านพี่มเหสักขาที่ดูแลเกี่ยวกับบรรดาวัตถุมงคลซึ่งเป็นพระนารายณ์ทรงครุฑ สัญลักษณ์ของวัดเขาวง (ถ้ำนารายณ์)

    เมื่อท่านจัดการเรียบร้อยก็บอกว่าให้ดำเนินการต่อได้ ก็คือให้ดับเทียนสัตตบริภัณฑ์ ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าเทียนสำคัญในพิธีนั้นก็คือเทียนบูชาพระรัตนตรัย ซึ่งถ้าหากว่าเป็นทางภาคเหนือ จะเรียกว่าเทียนนวหรคุณ เทียนตรงนี้จุดบูชาพระรัตนตรัย แล้วหลังจากนั้นก็เป็นการจุดเทียนชัยในพิธี แล้วก็เป็นเทียนวิปัสสีซึ่งอยู่สองข้างของเทียนชัย ถ้าหากว่าไม่มีก็จะเป็นเทียนสัตตบริภัณฑ์ซึ่งล้อมรอบกองวัตถุมงคลอยู่

    เมื่อทำการดับเทียนสัตตบริภัณฑ์ พรมน้ำมนต์ โปรยดอกไม้แล้ว
    กระผม/อาตมภาพก็บอกกล่าวตามที่ครูบาอาจารย์ คือพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงสั่งมาว่า ให้คนอื่นทำน้ำมนต์ พรมในพิธีและโปรยดอกไม้เป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชาเสียก่อน หลังจากนั้นแล้วค่อยให้พระครูปลัดสมนึก โปรยน้ำอบน้ำหอมผ่านแก้วจักรพรรดิ โดยที่ท่านเองส่วนใหญ่แล้วก็มักจะระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอดจนกระทั่งหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นหลัก

    แต่ว่าหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ให้ระลึกถึงท่านปู่พระอินทร์และท่านย่า ซึ่งเป็นเจ้าของแก้วทั้งสองดวงด้วย เมื่อโปรยน้ำอบน้ำหอมผ่านแก้วจักรพรรดิแล้ว ก็ไม่ควรให้ใครพรมน้ำมนต์ทับลงไปอีก
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,736
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,558
    ค่าพลัง:
    +26,399
    ดังนั้น..ในวันนี้ก็เลยกลายเป็นว่ากระผม/อาตมภาพไปป่วนพิธีเขา จนกระทั่งผิดพลาดไปจากกำหนดการเดิมเสียมาก ต้องขออภัยต่อท่านเจ้าคุณหลวงตาและพระครูปลัดเอ๊ดไว้ ณ ที่นี้ด้วย

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากำหนดการของเรานั้น ไม่ว่าจะกำหนดเอาไว้ดีขนาดไหนก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับพระ หรือว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจะสั่งว่าเอาอย่างไร กระผม/อาตมภาพกลายเป็น "ไอ้ตัวป่วน" ในพิธีมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ท่านต้องเข้าใจว่า
    คำสั่งของพระหรือครูบาอาจารย์นั้นถือเป็นเด็ดขาด ซึ่งตรงนี้เจ้าคุณหลวงตาท่านก็เข้าใจ แล้วก็มักที่จะบอกว่า "เอาตามที่แกเห็นว่าสมควรก็แล้วกัน"

    เมื่อทำพิธีเสร็จสรรพเรียบร้อย กราบลาออกมาทางด้านนอก ญาติโยมทั้งหลายจะใส่ย่าม แต่กระผม/อาตมภาพไปไหนไม่ค่อยจะนำย่ามไปด้วย จึงบอกกับญาติโยมว่า พวกเราทั้งหลายร่ำรวยพอแล้ว ให้ทำบุญกับบรรดาพระเถระที่ตามออกมาข้างหลัง ซึ่งจะปิดท้ายด้วยท่านอาจารย์บ๊ะ (พระอาจารย์ศิริชัย ชยธมฺโม) วัดโพธิ์ลังกา

    แต่ปรากฏว่าท่านอาจารย์บ๊ะนั้นเผ่นตามกระผม/อาตมภาพออกมาติด ๆ กลายเป็นทั้งสองคนออกจากพิธีมาก่อนคนอื่นเขา ไม่ได้ไปนั่งเป็นเนื้อนาบุญ กระผม/อาตมภาพนั้นไม่อยากที่จะไปนั่งแล้วเสียเวลาตรงนั้นนาน เพราะว่าหนทางกลับวัดนั้นยาวไกลกว่าคนอื่นเขา แต่ว่าท่านอาจารย์บ๊ะนั้น กระผม/อาตมภาพเข้าใจว่าท่านจะออกไปหาที่สูบบุหรี่ ก็เลยฉวยโอกาสกลับวัดไปเลย ซึ่งตรงนี้เป็นอันว่าเรารู้กันอยู่ ต่างคนต่างขึ้นรถได้ก็เผ่นแน่บ..กลับไปวัดใครวัดมัน..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...