เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 27 สิงหาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๗ สิงหาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้เดินทางไปยังธุดงคสถานกองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโท ที่ตำบลบ้านแหลม อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อทำหน้าที่หลายประการด้วยกัน

    ประการแรกก็คือ บวงสรวงบูชาพระรัตนตรัยและปลุกเสกวัตถุมงคลให้กับทางกองทุนฯ ซึ่งในพิธีบวงสรวง ก็โดนท่านท้าวธตรฐทักท้วงว่า ทางด้านเจ้าภาพ คืออาจารย์ต้น (ธนสาร เซ้งรักษา) ตั้งรูปของท่านผิดทิศ เมื่อท่านอาจารย์ต้นได้รับคำบอกเล่าจากกระผม/อาตมภาพก็รีบมาดู แล้วก็ยอมรับว่าผิดทิศจริง ๆ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ารูปที่ท่านอาจารย์ต้นเอามาตั้งในพิธีนั้น เป็นรูปวาดของช่างจากกรมศิลปากร

    ถ้าหากว่าตามความเป็นจริง ขอย้ำว่าตามความเป็นจริง ท้าวมหาราชทั้ง ๔ พระองค์นั้น สามารถที่จะแยกแยะได้ง่ายที่สุดจากอาวุธที่ใช้ ก็คือท้าวเวสสุวรรณใช้พลองยาว ท้าวธตรฐใช้พระขรรค์ ท้าววิรุฬหกใช้กระบองสั้น และท้าววิรูปักข์ใช้จักรเป็นอาวุธ

    แต่ว่าทางด้านกรมศิลป์นั้นรับการสืบทอดองค์ความรู้มาจากครูบาอาจารย์หลายยุคหลายสมัย สำหรับท้าวเวสสุวรรณนั้นไม่มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นหน้ายักษ์หรือว่าหน้าเทวดา เขาก็จะวาดกระบองเกลียวอันยาวใหญ่ให้ท่านเป็นปกติอยู่แล้ว

    เริ่มมามีปัญหาตรงท้าวธตรฐ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้วจะวาดให้ท่านถือพิณอยู่ในมือ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าท้าวธตรฐเป็นท้าวมหาราชผู้ดูแลหมู่คนธรรพ์ ซึ่งคนธรรพ์นั้นมีความสามารถพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือเล่นดนตรีได้ไพเราะมาก จึงเป็นเทวดาที่รับหน้าที่ขับกล่อมในงานรื่นเริงต่าง ๆ ของสรวงสวรรค์ ดังนั้น..การที่ครูบาอาจารย์จากกรมศิลปากรหรือว่าเพาะช่าง วาดให้ท่านท้าวธตรฐถือพิณ ก็นับว่ามีเหตุผลอยู่

    พอมาท่านท้าววิรุฬหกนั้น ถ้าหากว่าในความเป็นจริง ท่านจะถือกระบองเกลียวสั้น หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า "ตะบองสั้น" แต่ว่าหลายแห่งก็วาดให้ท่านถือดาบบ้าง ถือพระขรรค์บ้าง ก็ต้องดูลักษณะของรูปร่างว่าต่างกับท่านท้าวธตรฐตรงที่ว่า คนธรรพ์ส่วนใหญ่เขาวาดให้รูปร่างสะโอดสะอง แต่ถ้าหากว่าเป็นกุมภัณฑ์อย่างท่านท้าววิรุฬหก ก็จะวาดรูปร่างให้ล่ำสันกว่า

    ส่วนท่านท้าววิรูปักษ์ที่ในความจริงท่านใช้จักรเป็นอาวุธ ครูบาอาจารย์ก็มักจะวาดให้ท่านใช้ศรเป็นอาวุธ เพียงแต่ถ้าสังเกตจะเห็นว่า คันศรของท่านก็คือพญานาคทั้งตน ก็แปลว่าท่านเป็นผู้นำในหมู่พญานาคนั่นเอง หรือบางที่ก็วาดให้ท่านถืออาวุธอื่นอยู่ในมือ แต่ว่ามีนาคหรือว่างูพันแขนหรือพันคอเป็นสัญลักษณ์

    ดังนั้น...การที่ท่านอาจารย์ต้นวางผิดก็ไม่นับว่าแปลก เพราะว่าไม่ตรงกับความเคยชินหรือว่าสิ่งที่ตนเคยเห็นมา จึงทำให้วางผิด โดยที่ท่านก็พูดขำ ๆ ว่า "ผมเมากาแฟไปหน่อยครับ กรำงานมาจนง่วงนอนมาก ดื่มกาแฟเข้าไปเลยโดนกาแฟดีดเอา..!"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    หลังจากนั้น เมื่อทำพิธีพุทธาภิเษกเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้มามอบของที่ระลึกให้แก่เจ้าภาพกองบุญต่าง ๆ ที่ร่วมบุญกับทางด้านธุดงคสถานกองทุนหลวงปู่ปานมานาน

    แล้วก็มาทำพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐม บนเกศของพระพุทธรูปสมเด็จองค์ปฐมซึ่งสร้างจาก "เหล็กเงินยวง" เป็นประธานในเรือนกรรมฐานของทางธุดงคสถานกองทุนหลวงปู่ปาน จากนั้นก็ได้มาทำหน้าที่เปิดผ้าแพรคลุมป้ายเรือนกรรมฐาน

    แล้วไปเป็นประธานหล่อพระกริ่งสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลที่ ๑ ซึ่งก่อนหล่อพระกริ่งนั้น ฟ้าดินก็มืดมัวไปหมดด้วยฤทธิ์ของ "พายุโซนร้อนหมาอ๊อน" ซึ่งเป็นภาษากวางตุ้ง แปลเป็นภาษาไทยว่า อานม้า แต่ว่าเมื่อเริ่มทำพิธี ปรากฏว่าเมฆแหวกให้เป็นช่อง แสงอาทิตย์ส่องลงมาในบริเวณธุดงคสถานทั้งหมด อยู่ในลักษณะที่สว่างไสวเจิดจ้ามาก เหมือนกับนิมิตที่กระผม/อาตมภาพเห็นตอนที่กำลังพุทธาภิเษกอยู่

    ซึ่งพระท่านบอกว่า ทุกคนต้องการให้เสกวัตถุมงคลที่ติดตัวอยู่ด้วย และเขาเหล่านั้นก็เป็นนักบุญ จึงสมควรที่จะสงเคราะห์ แล้วให้กระผม/อาตมภาพขยายภาพพระพุทธนิมิต ครอบคลุมทั้งธุดงคสถาน ลักษณะก็เป็นวงกลม รับพลังจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ส่องลงมา สว่างไสวเหมือนตะวันยามเที่ยง อยู่ในลักษณะเดียวกันทุกประการ

    เมื่อเสร็จพิธี ก็มานั่งรับการทำบุญจากญาติโยม ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้ทำตามความเคยชิน ก็คือมอบไว้ให้ทางธุดงคสถานเอาไว้ใช้งาน แต่ท่านอาจารย์ต้น (ธนสาร เซ้งรักษา) ก็ได้ถวายคืนมา โดยบอกว่า "ขอร่วมบุญในกองผ้าป่าสร้างวิทยาลัยสงฆ์ครับ"

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะท่านอาจารย์ต้นเห็นว่า กองผ้าป่าสร้างวิทยาลัยสงฆ์นั้นได้ไม่เต็มจำนวน ๑ ล้านบาทที่กระผม/อาตมภาพได้ถวายให้กับทางวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิไป จึงขอมีส่วนร่วมในกองบุญตรงนี้ด้วย สิ่งที่พิเศษก็คือได้ถวายไม้เท้าหัวถมตะทอง น่าจะเป็นฝีมือช่างทางนครศรีธรรมราชมา ๑ อัน
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    ในเรื่องของไม้เท้านั้น กระผม/อาตมภาพพยายามที่จะเลี่ยงมาตลอด เลี่ยงมานานมากตั้งแต่ต้น ก็คือบรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดท่าซุง ซึ่งออกไปปฏิบัติหน้าที่ของตนตามแหล่งต่าง ๆ ของประเทศไทย ก็มักจะมีสัญลักษณ์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงติดไปด้วย อย่างเช่นว่าบางท่านก็ฉันหมาก บางท่านก็เป่ายานัตถุ์ เป็นต้น

    ครั้งหนึ่ง..กระผม/อาตมภาพเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ซึ่งตอนนั้นเพิ่งจะไปอยู่ที่เกาะพระฤๅษีได้ไม่นาน ไม่มีรถยนต์ส่วนตัว อาศัยเดินทางด้วยรถสองแถวบ้าง รถเมล์บ้าง รถทัวร์บ้าง

    วันนั้นนั่งรถทัวร์อยู่ กำลังกำหนดใจภาวนา ได้ยินเสียงเป่ายานัตถุ์ดังปื้ดอยู่ข้างหู กลิ่นยานัตถุ์ฟุ้งตลบอบอวล เกิดความรู้สึกอยากยานัตถุ์จนน้ำลายยืด ทำให้ตกใจมาก จนต้องรีบกราบเรียนบอกกับหลวงพ่อท่านว่า "ไม่เอานะครับ หมากก็ไม่เอา แว่นตาก็ไม่เอา ยานัตถุ์ก็ไม่เอา"

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านถามกลับมาว่า "แล้วไม้เท้าจะเอาไหม ?" กระผม/อาตมภาพต้องหุบปากเงียบ เพราะตอนนั้นบอกว่าเอาหรือไม่เอา ก็โดนฟาดกบาลอย่างแน่นอน จึงขอหุบปากไว้เพื่อความปลอดภัยจะดีกว่า..!

    แล้วจากความตั้งใจส่วนตัวนั้น ได้ตั้งใจว่าจะใส่แว่นก็ต่อเมื่ออายุ ๔๘ ปีไปแล้ว แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงอายุ ๔๖ ก็ต้องอ่านหนังสือด้วยการยืดจนสุดแขน แล้วจากการที่เป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือมาก กว่าจะจบแต่ละเล่มทำให้เมื่อยมือสุด ๆ จึงต้องกัดฟันไปหาหมอเพื่อตัดแว่น

    เป็นระยะเวลาหลังจากที่กราบเรียนท่านว่าไม่เอาแว่น น่าจะนานถึงประมาณ ๑๐ กว่าปีด้วยกัน ทันทีที่รับแว่นมาใส่เข้าไป เสียงหลวงพ่อท่านหัวเราะ "หึ..หึ" ข้างหู บอกว่า "คราวนี้แกรู้แล้วใช่ไหม..ว่าข้าอยากได้นักนี่..ไอ้แว่นแบบนี้..!" แล้วท่านก็พูดต่อไปว่า "สังขารมีความเสื่อมเป็นธรรมดา อะไรที่จำเป็นก็ต้องใช้ ไม่ใช่ปฏิเสธไปเสียหมด ถ้าแบบนั้นก็นับว่าโง่มาก..!"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    แต่กระผม/อาตมภาพก็มีความเห็นว่า บุคคลบางประเภทไม่ค่อยจะคิดในแง่ดี มักจะมีวาจาเหมือนขวานถาก ก็คือสามารถถากถางสิ่งอื่นหรือคนอื่นได้ตลอดเวลา แต่ถากด้ามของตัวเองไม่ได้..! คนทั้งหลายเหล่านี้เห็นเมื่อไร ก็จะต้องกล่าววาจาถากถางขึ้นมาทันที โดยที่ไม่ได้สนใจว่าจะเกิดทุกข์เกิดโทษแก่ตัวเองเพียงไร กระผม/อาตมภาพจึงป้องกันไม่ให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อน ด้วยการพยายามที่จะไม่ใช้อะไรเลย ในปัจจุบันนี้ก็มีเพียงใช้แว่นตาเท่านั้น

    แต่ว่า
    ตั้งแต่อายุ ๖๐ ปีมา มีญาติโยมถวายไม้เท้ามาเป็นสิบอันแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงนำมาตอกโค้ดนะโมตาบอดแล้วนำเข้าพิธีพุทธาภิเษก ออกให้ญาติโยมทั้งหลายบูชากันไปตามลำดับ

    แต่ว่าวันนี้ก็ต้องรับมาอีกอันหนึ่งแล้ว และเป็นไม้เท้าที่ถูกใจด้วย เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเป็นคนที่ค่อนข้างสูง ไม้เท้าที่ใช้จึงอยากจะให้ยาวสักหน่อย ไม่ใช่สั้น ๆ และโดยเฉพาะไม้เท้า..ถ้ายาวหน่อย ลูกศิษย์ถึงอยู่ไกลก็ตีกบาลถึง...! เป็นต้น

    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกก็คือว่า ระยะนี้กระผม/อาตมภาพเป็นคนที่หยิ่งมาก ไม่ยอมคุกเข่าให้ใคร เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเล็บหลุด ทำให้ไม่สามารถที่จะคุกเข่ากราบพระได้

    โดยเฉพาะวันนี้ มีผู้หวังดีปรารถนาดีแจ้งมาจากต่างประเทศว่า กระผม/อาตมภาพได้รางวัลอีก ๗๕๐ ล้านดอลลาร์..! ซึ่งก่อนหน้านี้ กระผมก็เคยได้รับแจ้งว่าถูกล็อตโต้จากการสุ่มเบอร์โทรศัพท์เป็นเงิน ๓ ล้านดอลลาร์ ให้ติดต่อไปที่หมายเลขโทรศัพท์นี้หรือว่าที่อีเมล์นี้ เพื่อที่จะได้แสดงตนรับเงินจำนวนนี้ไป
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    เมื่อกระผม/อาตมภาพไม่ได้สนใจ ดีดอีเมล์ทิ้งไป ปรากฏว่าปีต่อมาได้รับอีเมล์แจ้งมาว่าถูกล็อตโต้อีก ๒ ล้านดอลลาร์ กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ใส่ใจ ดีดทิ้งไปตามเดิม มางวดนี้เขาแจ้งมาอีกว่า มีเงินสะสมที่ถูกรางวัลหลายครั้งหลงเหลืออยู่ เนื่องจากว่าไม่ยอมไปรับสักที รวมแล้วเป็นเงิน ๗๕๐ ล้านดอลลาร์..!

    กระผม/อาตมภาพก็เห็นว่าตนเองโดยปกติก็ร่ำรวยพอแล้ว จากพระคาถาเงินล้านที่ภาวนาอยู่เป็นประจำ ดังนั้น..เงินแค่ ๗๕๐ ล้านดอลลาร์ ก็เหมือนกับเศษเงินหลังตู้เย็น..! รวยจนไม่ยอมคุกเข่าให้ใครอย่างที่เห็น จึงปล่อยทิ้งเอาไว้ที่นั่นแหละ ถ้าวันไหนมีอารมณ์แล้วค่อยไปเบิก..แต่ต้องไม่ใช่วันนี้..!

    เหตุที่เป็นเช่นนี้ ขอให้ญาติโยมทั้งหลายเข้าใจว่า ถ้าคนเราไม่มีความโลภ คนอื่นจะหลอกเราได้ยากมาก แต่ถ้าหากว่าเรามีความโลภเมื่อไร ก็จะโดนคนอื่นหลอกจนกระทั่งเสียหายได้ บางคนถึงขนาดหมดเนื้อหมดตัวไปเลยก็มี ดังนั้น..ให้ท่องคาถาเอาไว้ประจำใจเลยว่า เราจะไม่โลภกับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ไม่เช่นนั้นแล้วสักวันหนึ่งเราก็อาจจะโดนจนได้เช่นกัน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกเล่าแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒๗ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...