เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 24 กันยายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางออกจากที่พักไปยังสำนักสงฆ์ปรียนันท์ธรรมสถานตั้งแต่ตี ๕ เมื่อเดินทางไปถึง ปรากฏว่ามีพระเถรานุเถระมาแล้วเป็นจำนวนมากด้วยกัน

    เมื่อได้ตั้งวงฉันข้าวต้มกันเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มาจับไมค์ทักทายและสนทนาธรรมกับญาติโยมที่มานั่งรอเวลา ๖ โมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่กระผม/อาตมภาพจะต้องเข้าไปรับครูบาวิฑูรย์ ชินวโร ออกจากนิโรธกรรมที่เข้ามา ๙ วัน ๙ คืน ซึ่งคาดว่าถ้าใครบันทึกเสียงเอาไว้ ก็น่า
    ที่จะ "ได้น้ำได้เนื้อ" เลยทีเดียว เนื่องจากว่ามาแค่ปีละครั้ง จึงควรที่จะบอกกล่าวอะไรให้เกิดประโยชน์แก่ญาติโยมทั้งหลายผู้มีจิตศรัทธาบ้าง

    เมื่อได้เวลา กระผม/อาตมภาพก็เปิดประตู ๙ ชั้น ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าจะทำประตูไปมากมายทำอะไร เนื่องเพราะว่าถ้าคนเราตั้งใจที่จะฝึกฝนขัดเกลาตนเอง ต่อให้ไม่มีประตู ก็ยังคงตั้งใจทำอยู่ดี เมื่อเข้าไปถึงด้านใน ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว ครูบาวิฑูรย์ท่านก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อถึงเวลานอนภาวนาอยู่ ปรากฏว่ามีบุคคลผู้ไม่หวังดีตั้งใจที่จะทำร้าย..!

    ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแปลกว่า คนเรามักจะเห็นใครดีกว่าไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องของการเข้านิโรธกรรมนั้น มักจะมีผู้ที่อยากลองของอยู่เสมอ ดังนั้น..ไม่ว่าการเข้าหรือว่าการออก จึงต้องมีพระเถระที่เขาไว้วางใจได้ รับนิมนต์มาเป็นประธานในการนำเข้านำออกทุกครั้ง เรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการประกันความเสี่ยง

    ปีนี้เมื่อนำครูบาวิฑูรย์ออกมาถึงด้านนอกแล้ว ไม่มีการใช้เสลี่ยงคานหาม หากแต่ว่านั่งรถไฟฟ้า หรือที่หลายคนเรียกว่า "รถกอล์ฟ" โดยที่กระผม/อาตมภาพนั่งทางช่วงกลาง คอยขนาบครูบาวิฑูรย์ไว้เผื่อว่าท่านจะล้ม ครูบาหน่อแก้วฟ้า จากลานธรรมอรหันตาหน่อแก้วฟ้าโพธิญาณ อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา นั่งทางด้านหน้าคู่กับคนขับ แล้วพระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม หรือว่าหลวงพ่อนิล นั่งคู่กับพระอธิการสมมาศ คุณาธิโก หรือพระอาจารย์ติงลี่ ทางด้านเบาะหลัง

    เมื่อส่งเข้าถึงศาลาเอนกประสงค์ ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งท่านจะรับศรัทธาญาติโยม กระผม/อาตมภาพก็ทำการบวงสรวง บอกกล่าวครูบาอาจารย์ เจ้าที่เจ้าทาง เทวดาอารักษ์ทั้งหลาย ขอความสะดวกสำหรับงานสืบชะตา
    หลวง ๓๙ ปีครูบาวิฑูรย์ ชินวโรด้วย เสร็จสรรพเรียบร้อย ครูบาท่านก็ขอไปเข้าห้องน้ำ ช่วงเวลานั้น กระผม/อาตมภาพจึงต้องจับไมค์บอกกล่าวแก่ญาติโยมอีกรอบหนึ่ง ใครบันทึกเสียงไว้ก็ถือว่าเป็นคุณแก่ตัว

    เมื่อครูบาวิฑูรย์ออกมาแล้ว ญาติโยมทั้งหลายที่รออยู่ก็แห่กันเข้าไปถวายสังฆทาน ข้าวของปัจจัยไทยธรรมต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก ปีนี้มีความคล่องตัวขึ้น เนื่องเพราะว่าผู้รับข้าวของต่อจากครูบาวิฑูรย์นั้น โดนกระผม/อาตมภาพ "เฉ่ง" มาหลายปีแล้ว ก็คือถ้าไม่ใช่ช้าจนกระทั่งแถวญาติโยมต้องสะดุด ก็จะกลายเป็นว่าสติหลุด ถึงเวลาไปสนใจเรื่องอื่นแล้วทำให้งานตรงหน้าติดขัด ปีนี้สามารถหาคนที่มีความคล่องตัวในการรับของจากครูบาอาจารย์ได้ ถือว่า "ใช้ได้" รอดตัวไป
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    ครั้นญาติโยมเข้ามาทำบุญกันหมดแล้ว ก็มีการแสดงถวายเพื่อเป็นพุทธบูชา ปรากฏว่านางรำทั้ง ๕ รายนั้น มีอยู่ ๓ รายที่ "แม่ให้มา" มากเป็นพิเศษ ทำเอาครูบาเหนือชัยหันมาปรารภว่า "อสุภกรรมฐานครับ เพิ่งตายใหม่ ๆ เลย" กระผม/อาตมภาพบอกว่า "คิดอย่างนั้นไม่ทัน ต้องหยุดคิดให้ได้ ถ้าหากว่าเราเห็นเป็นอสุภกรรมฐาน แปลว่าข้าศึกเข้ามาตีถึงประตูบ้านแล้ว ตั้งรับไม่ทันแน่นอน..!"

    "ทำอย่างไรที่เราจะสักแต่ว่าเห็น ก็คือไม่ใช่เห็นเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย หากแต่สักเห็นว่าเป็นรูปเท่านั้น หรือถ้าคิดมากกว่านั้นหน่อยก็คือมหาภูตรูป ๔ ดิน น้ำ ไฟ ลม ประกอบขึ้นมาเป็นเรือนร่างให้เขาอาศัยแค่ชั่วคราว หรือไม่ก็มองเห็นทุกข์เห็นโทษแล้วหยุดการคิดปรุงแต่งไปเลย ไม่อย่างนั้นแล้วเราจะเสียท่า แค่เห็นว่าเป็นหญิงเป็นชายก็เตรียมตัวแพ้ได้แล้ว..!"

    ครูบาเหนือชัยอึ้งไปพักหนึ่งแล้วก็ปรารภว่า "พระพุทธเจ้าของเรานี่รอบด้านจริง ๆ สอนอะไรก็ล้วนแล้วแต่สามารถนำมาใช้ต่อสู้กับกิเลสได้ทุกอย่าง ทุกประเภท เพียงแต่ว่าจะต้องใช้ให้ถูก ไม่เช่นนั้นแล้ว เราอาจจะแพ้แล้วแพ้อีก โดยที่ไม่รู้ว่าแพ้อะไร..!"

    เมื่อบรรดานักแสดงทำการแสดงเสร็จสรรพเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็แจกรางวัลตามระเบียบ ปรากฏว่าพระเดชพระคุณพระเทพรัตนนายก (จำรัส ทตฺตสิริ ป.ธ.๗) เจ้าคณะจังหวัดลำพูน ประธานขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านศีล ๕ ระดับหน (เหนือ) มาถึงพอดี กระผม/อาตมภาพก็ถวายการต้อนรับ ทักทายพูดคุยกันอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะส่งท่านเข้าอาสนะของตน

    หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าสู่พิธีกรรม ก็คือพระเดชพระคุณพระเทพรัตนนายก ท่านเป็นผู้ "ฮ้องขวัญ" ซึ่งก็คือร้องเรียกขวัญของภาคกลางนั่นเอง เหลือเชื่อว่าเจ้าคณะจังหวัดระดับนั้นจะมาเป็นผู้ร้องขวัญให้ ต้องบอกว่าเป็นเกียรติเป็นศรีแก่ครูบาวิฑูรย์เป็นอย่างยิ่ง..!

    เมื่อร้องขวัญเสร็จเรียบร้อย ท่านเดินผ่านอาสนะที่กระผม/อาตมภาพขึ้นนั่งเพื่อเตรียมที่จะอธิษฐานจิต พอเหลือบเห็นป้าย ท่านถึงกับร้อง "เฮ้ย..วัดท่าขนุน" กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะทราบว่า ท่านเองแค่คุ้นเคยมาก แต่นึกไม่ออกว่า
    กระผม/อาตมภาพเองอยู่วัดไหน เมื่อท่านถลาเข้ามาจับมือถึงได้เปิดหน้าให้ดู บอกท่านว่า "กราบขออภัยครับพระเดชพระคุณ กระผมนึกว่าจำได้ เห็นคุยกันเป็นอย่างดี ไม่นึกเลยว่าแค่คุ้นเคยเท่านั้น แต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร" ท่านก็บอกว่า "ถ้ารู้ว่าเป็นวัดท่าขนุนตั้งแต่แรกก็คงจะคุยนานกว่านี้อีก แต่นี่เริ่มงานแล้ว ขอให้เข้าสู่งานไปก่อน"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    กระผม/อาตมภาพเมื่อส่งท่านกลับสู่อาสนะแล้ว ก็ไปจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย จุดเทียนสัตตบริภัณฑ์ จุดเทียนค่าคิง หรือว่าเทียนที่ความสูงเท่าตัวของเจ้าของงาน ซึ่งถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพก็ลำบากหน่อย เพราะว่าเทียนสูงตั้ง ๑๗๒ เซนติเมตร..! เมื่อเสร็จสรรพก็เข้าสู่ที่ภาวนา ปล่อยให้ท่านอื่นเป็นผู้ทำหน้าที่ของตนกันต่อไป จนกระทั่งบรรดาพระเถรานุเถระเจริญพระพุทธมนต์ถึงบทสุดท้าย กระผม/อาตมภาพก็เข้าไป "ผูกขวัญ" ถวายครูบาวิฑูรย์

    เมื่อกลับสู่ที่นั่ง บรรดาพระเถระที่นั่งปรกอธิษฐานจิตก็ทยอยกันไปผูกขวัญให้ เมื่อเสร็จแล้วครูบาวิฑูรย์ก็มาถวายพานขอขมา และถวายปัจจัยไทยธรรม กระผม/อาตมภาพขออนุญาตลากลับก่อน เนื่องเพราะว่าเป็น "คนบ้านไกล" แต่เมื่อเดินอ้อมมาทางด้านหลัง ปรากฏว่าเจอพระครูมนูญกิจจาทร (จรัญ กิตฺติปญฺโญ) วัดทากาศ รองเจ้าคณะอำเภอแม่ทา เมื่อกราบทักทายพูดคุยกันแล้ว เพิ่งทราบว่าท่านเป็นเจ้าคณะอำเภอแล้ว จึงต้องขออภัยที่ไม่ได้แสดงความยินดีด้วย

    หลังจากนั้นก็เป็นการเดินทาง ทำให้ญาติโยมส่วนหนึ่งวิ่งกันตีนพลิก เพราะว่าอยากจะทำบุญกับพระครูวิลาศกาญจนธรรม อาตมภาพต้องบอกว่าให้ทำบุญไว้ที่นี่ เนื่องเพราะว่าญาติโยมทั้งหลายก็เห็นอยู่ว่ากระผม/อาตมภาพ นอกจากมอบเงินทำบุญที่ญาติโยมทั้งหลายใส่ขันไว้ตรงหน้าจำนวนหลายหมื่นบาทให้แก่ครูบาวิฑูรย์ ยังควักกระเป๋าของตนเองเพิ่มเติมไปอีก
    "การที่เราไปยังวัดใดวัดหนึ่ง ถ้าหากว่าไปทำบุญกับวัดอื่น ถือว่าเสียมารยาท" ไม่ทราบเหมือนกันว่าญาติโยมฟังเข้าใจหรือไม่ ?

    ระหว่างที่เดินทางกลับ มีญาติโยมโทรศัพท์เข้ามาเป็นระยะ สร้างความปวดหัวให้กับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ผู้ทำหน้าที่พลขับอย่างมาก ทั้ง ๆ ที่ใช้บลูทูธหูฟังแล้ว ก็ยังต้องระมัดระวังว่าจะเสียสมาธิหรือเปล่า ญาติโยมแต่ละท่านก็มักจะถามหาว่ากระผม/อาตมภาพจะเข้ากรรมฐาน ๓ วันหรือไม่ ? กฐินวัดท่าขนุนเป็นวันไหน ?

    กระผม/อาตมภาพได้ยินแล้วก็ถอนใจ เนื่องเพราะว่าวัดท่าขนุน อย่างน้อย ๆ ที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสมาก็ ๑๕ ปี ขึ้นปีที่ ๑๖ แล้ว ทุกครั้งก็ทอดกฐินสามัคคีในบ่ายวันตักบาตรเทโว คือ วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ โดยช่วงเช้านั้นเป็นการตักบาตรเทโว ช่วงบ่ายเป็นการทอดกฐิน ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย จนกว่ากระผม/อาตมภาพจะล้มหายตายจากไป ข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้ ท่านสามารถหาได้ในอินเตอร์เน็ตทั่วไป แต่ก็
    มักง่าย ขี้เกียจหาข้อมูล ใช้วิธีโทรมาถาม โดยที่ไม่ได้คิดว่าอีกฝ่ายหนึ่งขับรถอยู่ จะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่..!?
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ แสดงออกถึงความมักง่าย ก็คือความขี้เกียจมีมากกว่าความขยัน จึงทำให้ท่านใช้วิธีโทรถาม แล้วพอเขาตัดสายเนื่องจากขับรถอยู่ ยังมีการโกรธกันอีกด้วย..!

    ส่วนนี้กระผม/อาตมภาพไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร บางทีก็ยุน้องเล็กไปเลยว่า "บล็อก" ท่านทั้งหลายถ้าได้ยินคำนี้ แล้วอยู่ ๆ โทรศัพท์ไปไม่มีใครรับสาย โปรดรู้ว่ากระผม/อาตมภาพเป็นต้นเหตุเอง ในฐานะที่ท่านเป็นคนพูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง จึงสั่งให้ผู้รับบล็อกไปเลย แล้ว
    โทรศัพท์ไปวัดท่าขนุน ไม่ต้องหวังว่าจะได้คุยกับหลวงพ่อเล็ก เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพเลิกรับโทรศัพท์เองมาหลายปีแล้ว..!

    เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าดึกดื่นเที่ยงคืน ตี ๑ ตี ๒ ถ้าท่านไม่หลับ ท่านก็คิดว่าคนอื่นไม่หลับ แล้วก็โทรมา กระผม/อาตมภาพเองเป็นคนที่หลับแล้ว ถ้าโดนปลุกตื่นขึ้นมาก็จะไม่นอนอีก บางที ๓ ทุ่มครึ่งเพิ่งจะหัวถึงหมอน หลับไป ๓๐ นาที ๔ ทุ่มญาติโยมโทรมา ก็เป็นอันว่าเวรกรรม ก็เป็นอันว่าวันนั้น
    กระผม/อาตมภาพได้นอนแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น จะนอนอีกทีก็ต้องรอคืนต่อไปแล้ว..!

    ในเมื่อสุขภาพชำรุดลงไปเรื่อย จึงต้องเลิกรับโทรศัพท์ ท่านสามารถที่จะติดต่อเบอร์ไหนได้ก็ติดต่อไปเถิด แต่ถ้าติดต่อแล้วไม่ได้คำตอบอย่างที่ต้องการ ก็โปรดอย่าใส่อารมณ์ ไม่เช่นนั้นแล้ว คำว่า "บล็อก" ก็บอกชัด ๆ แล้วว่าท่านจะเจออะไรบ้าง..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...