เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 ตุลาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,560
    ค่าพลัง:
    +26,400
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๕


    [/SIZE]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ตุลาคม 2022
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,560
    ค่าพลัง:
    +26,400
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังหมู่บ้านแมกไม้ แถวบึงกุ่ม เพื่อไปบ้านของนายแพทย์ประสิทธิ์ - คุณสุภาวดี จงเสริมศิริสกุล ซึ่งสองท่านนี้ได้ปวารณาอุปถัมภ์กระผม/อาตมภาพมาตั้งแต่สร้างเกาะพระฤๅษี โดยเป็นเจ้าภาพกฐินให้ทุกปี และโดยเฉพาะถ้ามีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยใด ๆ ก็ขอให้รีบแจ้งให้ทราบ ทั้งสองท่านจะดำเนินการรักษาให้โดยเร่งด่วน

    เมื่อคุณหมอประสิทธิ์ตรวจสอบดูแล้วก็สรุปว่า เหตุที่
    กระผม/อาตมภาพปากเบี้ยวไปด้านหนึ่งนั้น น่าจะเกิดจากการอักเสบเฉพาะปลายประสาทเส้นที่ ๗ เท่านั้น เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ากระผม/อาตมภาพล้มเอาคางบริเวณประสาทเส้นที่ ๗ ไปกระแทกกับบันไดคอนกรีตเข้า ไม่ได้เกิดจากการที่ฐานกะโหลกร้าว เพราะว่าถ้าฐานกะโหลกร้าวแล้วไปกดเส้นประสาท จะทำให้เบี้ยวไปทั้งใบหน้า ไม่ได้เป็นเฉพาะปากแบบนี้ และถ้าหากว่ามีเลือดออกในสมอง ก็คงไม่ได้เดินเที่ยวอยู่ตั้งหลายวัน น่าจะมีอันเป็นไปตั้งแต่แรกแล้ว..!

    แต่ว่าเพื่อความสบายใจ คุณหมอประสิทธิ์ก็ให้ไปยังโรงพยาบาลรามคำแหง ซึ่งเพื่อนของท่านก็คือนายแพทย์สุธี ลีละเศรษฐกุล เป็นผู้อำนวยการอยู่ที่นั่น เมื่อไปถึง ขนาดที่ไปเช้ามาก ๆ ก็คือ ๗ โมงเช้า คุณหมอสุธีก็ยังรีบมาดูอาการให้โดยด่วน แต่เมื่อเห็นป้ายที่ติดหน้าห้องคุณหมอก็ทำเอา
    กระผม/อาตมภาพสะดุ้งไปเหมือนกัน เพราะที่ป้ายระบุเอาไว้ว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโรงมะเร็ง แต่ว่าคุณสุภาวดี ขันธิกุลที่ไปด้วยนั้นแจ้งว่า อาจารย์หมอท่านเก่งทุกอย่าง ถ้าท่านพิจารณาแล้วก็จะจัดส่งคนไข้ไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเอง

    เมื่อท่านอาจารย์หมอตรวจสอบทุกวิธีแล้ว ไม่ว่าจะให้กัดฟัน แยกเขี้ยว เม้มปาก ตลอดจนกระทั่งหลับตา จับแหกตาแหกปาก สารพัดวิธี ยื่นมือ เหยียดมือ แบมือ ชูมือ กระทบมือทุกอย่างแล้ว สรุปว่าไม่น่าจะมีอะไร แต่ว่าถ้าจะดีก็จะส่งไปให้นายแพทย์พชร ลี้มิ่งสวัสดิ์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมประสาทวิทยาตรวจสอบซ้ำอีกรอบ

    ขอบอกว่าคุณหมอพชรนี้จบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับ ๑ เสียด้วย แต่เมื่อไปถึงคุณหมอพชรแล้ว ทุกอย่างที่วินิจฉัยออกมา ตรงกับที่คุณหมอประสิทธิ์และคุณหมอสุธีบอกเอาไว้ทั้งหมด แล้วคุณหมอพชรก็บอกว่า "เพื่อความสบายใจก็ให้หลวงพ่อไปทำซีทีสแกนเสียก่อน จะได้มั่นใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ถึงหลวงพ่อไม่เป็นอะไร แต่ว่าญาติโยมอาจจะกังวลใจ"

    ในระหว่างที่รอเอกสารเพื่อส่งไปทำซีทีสแกน ก็มีบรรดาพยาบาลและเจ้าหน้าที่ซึ่งแสดงตนเป็น "FC วัดท่าขนุน" มาร่วมทำบุญด้วยหลายราย ทำเอา
    กระผม/อาตมภาพ "หัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก" เพราะว่าระยะหลังนี้ไปที่ไหนก็หนีคนรู้จักไม่พ้น จนกระทั่งเจ้าหน้าที่พาขึ้นลิฟท์ไปยังชั้น ๓ ห้องรังสี จึงรู้สึกสบายใจขึ้น เพราะว่าบริเวณนั้น ถ้าหากว่าไม่มีความจำเป็นจริง ๆ ไม่มีใครอยากที่จะเข้าไป เนื่องจากว่าอาจจะมีผลกระทบจากรังสีเอ็กซเรย์ได้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,560
    ค่าพลัง:
    +26,400
    นายแพทย์รังสีวิทยาท่านทำการเอ็กซเรย์หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะให้ก้ม ให้เงย ให้อ้าปาก ให้หุบปาก ท้ายที่สุดก็จับห่อเป็นข้าวต้มมัดยัดเข้าเครื่องไป ซึ่งเสียงเครื่องทำให้กระผม/อาตมภาพไปนึกถึงตอนที่เครื่องบินกำลังเร่งเครื่องจะเทคออฟ แต่ว่าเป็นเสียงที่ฟังแล้วนุ่มนวลกว่ามาก สักครู่หนึ่งคุณหมอก็เอาออกมาจากอุโมงค์ บอกว่าให้นั่งรอผล กระผม/อาตมภาพจึงไปนั่งรอผลการวินิจฉัยจากคุณหมอพชร ลี้มิ่งสวัสดิ์ตามเดิม

    ครู่ต่อมาคุณหมอที่ตรวจสอบฟิล์มเอ็กซเรย์แล้วก็แจ้งให้ทราบว่า ไม่มีอะไรชำรุดสึกหรอเลยแม้แต่นิดเดียว คางก็ไม่มีแตกไม่มีร้าว เลือดออกในสมองก็ไม่มี รอยร้าวที่ฐานกะโหลกอย่างที่วิตกไว้ก็ไม่มี น่าจะเกิดจากการที่
    กระผม/อาตมภาพเอาคางไปกระแทกกับบันไดคอนกรีต แล้วทำให้ปลายประสาทช้ำ จึงไม่สามารถที่จะบังคับริมฝีปากตนเองได้อย่างใจ ให้พยายามฉันยาที่หมอจัดให้ไป แล้วหลังจากนั้น อีก ๒ อาทิตย์ค่อยมาให้ตรวจใหม่

    ถ้ามีการตอบสนองต่อยาดีมาก ก็มีโอกาสที่จะหายเป็นปกติภายใน ๓ เดือน แต่ถ้าหากว่า ๓ เดือนผ่านไปแล้วยังไม่เป็นปกติ ก็จะไปทำการรักษาด้วยการกระตุ้นปลายประสาทด้วยระบบไฟฟ้าต่อไป เหตุที่ไม่ให้รักษาตั้งแต่ตอนนี้ก็เพราะว่า เพิ่งจะเกิดอุบัติเหตุมาใหม่ ๆ ระบบร่างกายยังไม่เข้าที่ ถ้าไปชิงรักษาตัดหน้าเสียก่อน อาจจะมีอาการไม่พึงประสงค์แถมมา อย่างเช่นว่า ริมฝีปากอาจจะกลับคืนสู่สภาพปกติ แต่ได้ของแถมก็คือกล้ามเนื้อใบหน้าบางส่วนอาจจะกระตุกขึ้นมาแทน..!

    กระผม/อาตมภาพไม่ได้มีความหนักใจอะไรอยู่แล้ว จึงเรียนคุณหมอไปว่า จะนัดให้มาเมื่อไรก็ว่ามาได้เลย ส่วนในเรื่องของการรักษานั้น แล้วแต่คุณหมอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญก็แล้วกัน หลังจากรับยาแล้วก็ลาคุณหมอออกมา ดูบิลแล้วก็ไม่ได้หนักใจอะไร อย่างเช่นว่าค่าซีทีสแกน ๖,๕๐๐ บาท

    เนื่องจากว่ากระผม/อาตมภาพนั้นได้ทำประกันสุขภาพเอาไว้ มีทั้งประกันอุบัติเหตุ ประกันสุขภาพ ประกันแบบผู้ป่วยนอก ประกันแบบผู้ป่วยใน เรียกง่าย ๆ ว่าทำเอาไว้ทุกอย่าง นึกอยากจะได้เงินประกันเมื่อไร แค่ก็ไปนอนเล่น ๆ ที่ โรงพยาบาลก็ได้ แต่ว่าเนื่องจากเป็นบุคคลที่มีงานมากเป็นพิเศษ โอกาสที่จะไปนอนอู้แบบนั้นจึงไม่มี..!

    แต่เมื่อเดินทางกลับถึงที่พักแล้ว ปรากฏว่ามีลูกศิษย์ส่งภาพแค็ปฯ หน้าจอมาให้ดู มีผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้าย ไปบอกบุญค่ารักษาพยาบาลให้กับพระครูวิลาศกาญจนธรรม ซึ่งเรื่องนี้ขอใช้คำพูดเดิม ๆ ที่เคยบอกอยู่เสมอว่า "อะไรที่ไม่ได้สั่งโปรดอย่าเสือก...!"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,560
    ค่าพลัง:
    +26,400
    เนื่องเพราะว่าวัดท่าขนุนมีระเบียบห้ามบอกบุญ ห้ามเรี่ยไร นอกจากเป็นการรบกวนญาติโยมที่ไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่ปวารณา ทำให้ผิดพระวินัย ศีลขาดแล้ว ยังเป็นการป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพหาประโยชน์จากทางวัด ด้วยการเอาชื่อวัดหรือว่าชื่อของกระผม/อาตมภาพไปขายด้วย แต่เนื่องจากว่ามีบุคคลที่หวังดีแต่ประสงค์ร้ายในลักษณะนี้จำนวนมาก ที่ไม่ได้ดูกฎเกณฑ์กติกาของทางวัดเลย

    ขอให้รับรู้รับทราบตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปว่า สิ่งที่ท่านกระทำนั้น ทางวัดไม่ได้มีความเกี่ยวข้องและอาตมภาพไม่ได้สั่งการอะไรเลย เพราะว่าตนเองมีกรมธรรม์ประกันสุขภาพอยู่แล้ว ต่อให้นอนโรงพยาบาลเอกชนเป็นหมื่นเป็นแสน ก็ปล่อยให้ประกันเขาจ่ายไป ไม่จำเป็นที่จะต้องไปรบกวนขอรับบริจาค จากญาติโยมทั้งหลายให้เดือดร้อนตามที่ท่านได้ทำอยู่ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ต่อให้เตือนจนปากฉีกถึงหู ท้ายที่สุดก็ต้องมีไอ้พวกไม่รู้ภาษามาดำเนินการในลักษณะนี้อีกจนได้..!

    การดำเนินการบอกบุญเรี่ยไรต่าง ๆ นั้น ทางวัดท่าขนุนจะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่แค่ ๒ รายเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนี้ รายแรกคือบุคคลที่ใช้ยูสเซอร์เนมว่า "ตัวเล็ก" รายที่สองก็คือบุคคลที่ใช้ยูสเซอร์เนมว่า "นางมารน้อย"

    ผู้ใช้ยูสเซอร์เนมว่าตัวเล็กนั้น จะรับหน้าที่ในการแจ้งให้ญาติโยมทั้งหลายทราบว่า ทางวัดมีกองบุญการกุศลอะไรให้ท่านทั้งหลายได้กระทำบ้าง แล้วก็จะมีวัตถุมงคลมอบให้

    ส่วนนางมารน้อยนั้นมีหน้าที่นำวัตถุมงคลของทางวัดท่าขนุน ไปให้ญาติโยมที่ไม่สะดวกในการเดินทางไปวัด ได้บูชาทางหน้าเว็บเพจวัดท่าขนุนก็ดี เว็บเพจกิฟท์จังพลังเวทย์ก็ตาม ซึ่งเขาก็จะบวกค่าดำเนินการให้ ๑๐๐ บาทต่อชิ้น ซึ่งถ้านึกถึงเรื่องของการที่จะต้องเสียเวลามานั่งดำเนินการให้ท่านทั้งหลาย บวกกับการซื้อกล่อง ซื้อวัสดุในการแพ็คสิ่งของไปแล้ว ค่าดำเนินการ ๑๐๐ บาทนั้น ต้องบอกว่าเป็นการกระทำในลักษณะเหนื่อยฟรีเสียด้วยซ้ำไป..!

    นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีบุคคลอื่นที่ได้รับอนุญาตจากกระผม/อาตมภาพให้ไปดำเนินการในเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ยกเว้นในสมัยก่อนที่ยังมีบุคคลซึ่งเป็นบุคลากรผู้ร่วมก่อตั้งของเว็บไซต์วัดท่าขนุนเอง ก็คือ "นางมารร้าย" ท่านทั้งหลายฟังดูแล้วคงจะคิดว่า บุคลากรของวัดท่าขนุนคงหาดีไม่ได้เลย มีทั้งนางมารร้าย มีทั้งนางมารน้อย..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,560
    ค่าพลัง:
    +26,400
    "นางมารร้าย" นั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นบุคลากรสำคัญของวัดท่าขนุนก็ตาม แต่เนื่องจากว่าจองบูชาวัตถุมงคลในเว็บไซต์วัดท่าขนุนแล้ว โอนเงินไม่ทันตามระเบียบ ตามระยะเวลา จึงโดนบล็อคไอดีไปเรียบร้อยแล้ว..! ไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ได้อีก ทำให้ยูสเซอร์เนมนางมารร้าย จึงมีอยู่แค่หัวข้อในการบอกบุญเกี่ยวกับการร่วมบุญผางประทีปหรือเว็บไซต์วัดท่าขนุนเท่านั้น แต่ไม่ได้ดำเนินการโดยตรงแล้ว นอกจากเป็นผู้ดูแลบัญชีในส่วนนั้นเท่านั้น

    นอกจากนี้ท่านอื่น ๆ ถ้าหากว่าไปดำเนินการก็คือกระทำไปโดยพลการ ท่านทั้งหลายไม่บังควรที่จะเชื่อถือ โดยเฉพาะในส่วนที่บอกบุญต่าง ๆ เกี่ยวกับกระผม/อาตมภาพนั้น ถ้าหากว่าจะให้น่าเชื่อถือก็ต้องเป็นเว็บไซต์วัดท่าขนุนเอง หรือว่าเว็บเพจวัดท่าขนุนที่ดำเนินการโดยไอ้ตัวเล็ก

    ท่านทั้งหลายอาจจะเห็นว่าบุคลากรของเว็บไซต์วัดท่าขนุนก็ดี เฟซบุ๊กวัดท่าขนุนก็ตามมีน้อยมาก ๆ เพราะว่าป้องกันในเรื่องของการนำเอาชื่อวัด หรือตัวกระผม/อาตมภาพไปหากิน จึงต้องได้บุคคลที่เชื่อมั่นจริง ๆ ว่าเป็นบุคคลที่เสียสละ ทำงานด้วยศรัทธา
    กระผม/อาตมภาพถึงจะไว้วางใจให้ทำงานทั้งหลายเหล่านี้ได้

    สำหรับญาติโยมที่ฟังอยู่ทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ไม่ต้องกังวลไป กระผม/อาตมภาพยอมไปหาหมอเพราะทนการรบเร้าของลูกศิษย์ไม่ไหว โดยปกติตัวเองอยู่ ๆ ก็มีหน้าแบบใหม่ คือเบี้ยวไปด้านหนึ่งก็รู้สึกว่าดีมาก ไม่ต้องไปถึงเกาหลี เราก็มีโฉมใหม่ได้..! แต่ว่าลูกศิษย์เขารับไม่ได้ ทำใจไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่สอนมาไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไรแล้วว่า อย่าไปสนใจเรื่องของร่างกายให้มากนัก ก็เลยต้องไปเพื่อให้เขาสบายใจกัน

    เพราะกระผม/อาตมภาพเองรู้ดีว่า สิ่งที่เป็นอยู่นั้นเป็นไปโดยแรงกรรม ต้องไปชดใช้หนี้เดิม ๆ ที่ได้สร้างไว้กับเขาทั้งหลายเหล่านั้น แต่ในขณะเดียวกัน บารมีพระก็ดี วัตถุมงคลก็ดี ครูบาอาจารย์ ตลอดจนกระทั่งเจ้าของพื้นที่ก็ตาม ท่านได้พยายามผ่อนหนักให้เป็นเบาอย่างที่สุดแล้ว ขนาดเตือนให้ไปปล่อยปูปล่อยปลาล่วงหน้า แต่ก็ยังต้องบาดเจ็บขึ้นมาแบบนี้ เพียงแต่ว่าเป็นการบาดเจ็บที่เจ็บแล้ว
    กระผม/อาตมภาพก็ยังคงเที่ยวต่อจนครบทริป ทำงานต่อจนกระทั่งครบตามเวลา ถึงได้มาให้หมอตรวจตามที่ญาติโยมต้องการ..!

    ปัจจุบันนี้ก็รู้สึกว่าสบายดี ไม่มีอะไรผิดปกติ นอกจากว่าฉันยาตามที่หมอบอก แล้วอีก ๒ อาทิตย์ก็ไปตามนัดใหม่เท่านั้นเอง จึงขอให้ทุกท่านสบายใจได้ว่าพระอาจารย์ยังไม่ตายในวันนี้อย่างแน่นอน..!

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๒๕ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...