เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 24 พฤศจิกายน 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนวันนี้ ณ ที่พักพระภิกษุสามเณรสนามบินนานาชาติอุบลราชธานี

    สำหรับในช่วงเช้าวันนี้ ด้วยความที่พระท่านไม่ได้มารับบิณฑบาต ญาติโยมทั้งหลายก็เลยเอากระผม/อาตมภาพเป็นเนื้อนาบุญแทน โดยการร่วมทำบุญมาจำนวนมากต่อมากด้วยกัน แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นธนบัตรใบละ ๒๐ บาท แต่ว่าเล่นใส่กันคนละ ๕ ใบบ้าง ๑๐ ใบบ้าง ก็ดูมากเอาการทีเดียว

    ส่วนน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) น่าจะเป็นคนที่มีโชคที่สุดในคณะ เนื่องเพราะว่าตามที่แม่หญิงสมฮัก หรือว่าแม่หญิงปุ๋ยได้บอกเอาไว้ ก็คือถ้าหากหาดอกจำปาลาวที่มี ๔ กลีบ หรือว่า ๖ กลีบได้ ถือว่าเป็นโชคดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าโดยปกติแล้ว ดอกจำปาลาว หรือว่าดอกลีลาวดี หรือในชื่อเก่าก็คือดอกลั่นทมนั้น จะมี ๕ กลีบเสมอ ปรากฏว่าน้องเล็กเดินลงไปถึง ก็เจอดอก ๖ กลีบก่อน เพิ่งจะหยิบขึ้นมาถ่ายรูป ยังไม่ทันจะเดินได้สองก้าว ก็เจอดอก ๔ กลีบอีก ๑ ดอก ทำเอาในคณะแตกตื่นฮือฮากันไปหมด

    สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพตั้งใจที่จะไปนั่งที่รถบัสหมายเลข ๒ เพื่อที่จะได้พูดคุยสนทนาเรื่องราวบางอย่างให้กับญาติโยมของคันที่ ๒ บ้าง โดยเฉพาะในวันนี้ ท่านปู่พระอินทร์มีความเมตตาเป็นอย่างยิ่ง เกรงว่ากระผม/อาตมภาพถ้าเจออากาศเปลี่ยนรุนแรง แล้วเกิดจับไข้ อาจจะไปงานต่อไม่ไหว เนื่องเพราะว่าพรุ่งนี้จะมีงานแต่เช้าเลย จึงได้ส่งพี่ ๆ ทั้ง ๔ ท่านก็คือพี่เกศแก้วมณี พี่พรทิพย์ พี่พวงทิพย์ และพี่พรสวรรค์มาช่วยดูแล

    ถ้าท่านทั้งหลายเคยติดตามบันทึกการเดินทาง ชุดไปเที่ยวพม่าของกระผม/อาตมภาพ ก็จะเห็นฤทธิ์ของพี่ทั้ง ๔ ท่าน ที่ปลอมตัวเป็นพระพม่า นั่งเต็มหลังคารถมากับกระผม/อาตมภาพที่นั่งโด่เด่อยู่คนเดียว จนกระทั่งจราจรโบก แล้วยึดใบขับขี่เจ้าของรถสองแถว เนื่องเพราะว่าให้พระนั่งบนหลังคามากจนอาจจะเกิดอันตรายได้..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    เจ้าของรถที่จะเร่งไปส่งพวกเรา แม้ว่าจะงง ๆ กับข้อหาของตำรวจ เนื่องเพราะว่าเห็นมีกระผม/อาตมภาพอยู่รูปเดียว แต่ก็ยอมให้ยึดใบขับขี่ นัดแนะกันว่า เมื่อส่งคณะของกระผม/อาตมภาพแล้ว ก็จะรีบกลับมา "เคลียร์" เรื่องให้เรียบร้อย ไม่ทราบเหมือนกันว่าจนป่านนี้เรียบร้อยไปเท่าไร เนื่องเพราะว่าพี่ ๆ ทั้งหลาย เมื่อได้รับคำสั่งท่านปู่พระอินทร์มา ก็เล่นกันสนุกสนาน จนตำรวจเห็นว่ามีพระนั่งอยู่บนหลังคา ๕ รูป แต่เจ้าของรถเห็นกระผม/อาตมภาพรูปเดียว

    ท่านพี่ทั้ง ๔ นี้ ต้องบอกว่า ความจริงท่านก็อยู่บนพระนิพพานกันแล้ว เพียงแต่ว่าวิสัยเก่าเป็นผู้มีความสนุกสนานเฮฮา เหมือนกับที่ญาติโยมบางท่านที่ให้คำจำกัดความว่า กระผม/อาตมภาพนั้น "ซนมาก" แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าไปแล้ว บางอย่างก็เป็นการรื่นเริงในธรรม เมื่อได้พี่ทั้ง ๔ มาช่วยเหลือ ไม่ให้อากาศกระชากลงไปมากมายนัก ทำให้กระผม/อาตมภาพยังมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะอยู่ได้ โดยไม่จับไข้เมื่ออากาศเปลี่ยนแรง

    หลังจากที่รออยู่บนรถบัสคันที่ ๒ ประมาณครึ่งชั่วโมง ไม่มีใครขึ้นมาสักคนแม้กระทั่งพลขับ กระผม/อาตมภาพจึงตัดสินใจเดินกลับไปนั่งที่รถบัสหมายเลข ๑ แทน เนื่องเพราะว่าญาติโยมทั้งหลายส่วนมากแล้ว ถ้าไม่ใช่ไฟลนก้นก็ไม่ขยับกัน ขนาดมาเที่ยวนี้ แม้กระทั่งบรรดาหัวหน้าทัวร์ ไกด์ ตลอดจนกระทั่งสตาฟฟ์ต่าง ๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยังไม่เคยทำทัวร์ที่คณะเตรียมพร้อมได้รวดเร็วขนาดนี้มาก่อน อยากจะบอกว่าขนาดนี้ของญาติโยมนั้น ยังไม่ได้ ๕๐ เปอร์เซ็นต์ที่กระผม/อาตมภาพต้องการเลย..!

    พวกเราเดินทางออกจากโรงแรมจำปาสัก
    แกรนด์ หลังที่เช็คเอาท์ทุกอย่างแล้ว โดยมีกระผม/อาตมภาพคนเดียว ที่ลืมกุญแจคีย์การ์ดทั้ง ๒ ใบติดกระเป๋ามา เนื่องจากว่าติดตัวมาตลอด ๓ วัน จึงลืมคืนให้ ต้องส่งให้เจ้าหน้าที่เขาทั้งที่อยู่บนรถนั่นเอง พวกเราวิ่งตรงไปยังภายในตัวเมือง ผ่านทางด้านที่เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเซ ที่เรียกกันว่าเซโดน แล้วก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปยังหน้าศาลหลักเมือง อ้อมหลักเมืองแล้วมาจอดที่หน้าวัดหลวงปากเซ ซึ่งอยู่แค่ถนนคั่นกับศาลหลักเมืองเท่านั้น

    กระผม/อาตมภาพพาคณะเข้าไปกราบสักการะองค์พระประธาน แล้วให้ทุกคนร่วมทำบุญบูรณปฏิสังขรณ์วัดหลวงปากเซแห่งนี้ โดยเฉพาะใครที่มีเงินลาว ให้เทลงตรงนี้ให้หมด สถานที่อื่นที่จะใช้เงินลาวของเรานั้นไม่มีแล้ว เมื่อได้เงินมาพานใหญ่ ก็ถวายให้กับพระที่ทำหน้าที่ดูแลอุโบสถ เนื่องเพราะว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสออกไปกิจนิมนต์..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    เมื่อถ่ายรูปหมู่กันที่หน้าอุโบสถเสร็จเรียบร้อย กระผม/อาตมภาพก็พาทุกคนข้ามไปยังศาลหลักเมือง ซึ่งมีหลักเมืองเก่า ที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าฟ้าง้มแหล่งหล้าธรณี กษัตริย์แห่งล้านช้างพระองค์แรก แล้วมามีอีก ๑ ต้น ที่น่าจะเพิ่งทำขึ้นในระยะไม่นานนี้เอง น่าจะเป็นช่วงเดียวกับการสร้างศาลหลักเมืองแห่งใหม่ เพราะว่าแกะสลักด้วยหินอ่อนสีขาว

    เมื่อสักการะและพยายามแกะภาษาลาวโบราณ โดยที่อ่านได้ไม่หมดแล้ว พวกเราก็ถ่ายรูปหมู่กัน แล้วก็ข้ามไปถ่ายรูปหมู่ที่บริเวณริมแม่น้ำเซ ที่เรียกว่าเซโดน จากนั้นก็ขึ้นรถ วิ่งย้อนข้ามสะพานข้ามแม่น้ำโขง คือสะพานลาว - ญี่ปุ่น ทิ้งโรงแรมจำปาสักแกรนด์เอาไว้ด้านหลัง โดยที่ผ่านด่านเก็บเงินไปตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงบริเวณด่านวังเต่าของประเทศลาว

    เมื่อจอดรถลงแล้ว ทางด้านเจ้าหน้าที่ก็นำพาพวกเราเดินผ่าน ตม.ลาวไปหน้าตาเฉย ทะลุไปเข้าห้องน้ำที่ร้านค้า
    ปลอดภาษีดาว กระผม/อาตมภาพนั่งอยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง "บิ๊กก๊อต" ก็นำพาหัวหน้าด่านช่องเม็กของฝั่งไทยข้ามมากราบ ขอโทษขอโพยว่าวันที่เดินทางมา ติดภารกิจสำคัญที่เจ้านายใช้ให้ไปทำ จึงไม่ได้มากราบบริการหลวงพ่อ ต้องมากราบกันในวันนี้เอง

    เมื่อพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อย ทางด้านเจ้าหน้าที่ของเติมเต็มทัวร์ ก็นำเอาหนังสือเดินทางของทุกคนมาส่งคืนให้ เมื่อตรวจดูว่ามีตราประทับทั้งขาเข้า - ขาออก เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินออกมาทางอุโมงค์เส้นเดิม ที่ขาเข้าเดินลอดเข้าไป แต่ว่าขาออกนั้นต้องเดินชิดซ้ายออกมา แล้วก็มาผ่านด่านตม.ไทย ที่ประทับตราพาสปอร์ตให้ด้วยความรวดเร็วคล่องตัว

    พวกเรารออยู่ทางด้านนอกไม่กี่นาที รถบัสทั้งสองคันก็ข้ามมา เมื่อตรวจสอบผู้คน สิ่งของ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วว่าไม่มีอะไรตกหล่น พลขับทั้งสองก็พาพวกเรา วิ่งตรงเข้ามายังตัวเมืองอุบลราชธานี โดยที่มีการแวะเข้าห้องน้ำกลางทาง แต่ไม่ว่าจะแวะที่ไหน ร้านสะดวกซื้อก็มักจะเป็นจุดหมายสำคัญ พอ ๆ กับร้านกาแฟ ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อผู้หญิงสยายผม หรือว่ายี่ห้อนกแก้วก็ตาม เมื่อเดินทางต่อมาจนถึงภัตตาคารหงษ์ฟ้า พวกเราก็ขึ้นไปรับประทานอาหาร ที่ "บิ๊กก๊อต" และสตาฟฟ์ของทางฝั่งลาว ข้ามมาถวายภัตตาหารเพลทางนี้ แล้วขอให้กระผม/อาตมภาพ ช่วยเคาะหัวให้เพื่อเป็นสิริมงคลอีกด้วย..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    อาหารของทางด้านนี้ที่ขึ้นชื่อก็คือขาหมูน้ำแดง ซึ่งคาดว่าหลายคนที่รังเกียจขาหมู ก็คงอดไม่ได้ที่จะกินกันไปเต็มคราบ ส่วนของอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นแหนมเนืองก็ดี หรือว่า "ส้มบักนัด" ก็ตาม เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับความคุ้นเคยว่าใครชอบอะไร

    เมื่อเสร็จสรรพเรียบร้อย เห็นทุกคนเฮละโลออกมาจากชั้นสองของภัตตาคารหงษ์ฟ้า ลงไปยังชั้นล่าง กระผม/อาตมภาพยังคิดว่าจะไปขึ้นรถ ที่ไหนได้..หมู่คนจำนวนมากแห่เข้าไปในร้านขายขนม ซึ่งน่าจะเป็นขนมเค้กแบบโฮมเมด ขนซื้อกันไปทั้งที่เป็นของฝาก และกินกับน้ำชากาแฟไปเลย

    กระผม/อาตมภาพไปกับรถตู้ของ "บิ๊กก๊อต" เพื่อที่จะไปกราบสักการะพระบรมธาตุหนองบัว ที่วัดพระธาตุหนองบัว (ธ) ถนนธรรมวิถี ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งนอกจากจะมีพระเจดีย์ซ้อนพระเจดีย์แล้ว องค์พระประธานทั้ง ๔ ทิศภายในเจดีย์ ยังสร้างเลียนแบบหลวงพ่อพระพุทธเมตตาที่ประเทศอินเดียได้งดงามมาก ลวดลายต่าง ๆ ภายในก็สวยงามละเอียดลออเป็นอย่างยิ่ง ทางด้านนอกก็ยังมีเสาไฟ ซึ่งทำเป็นลวดลายเลียนแบบต้นเทียนพรรษา ของงานแห่เทียนพรรษาอันโด่งดังของจังหวัดอุบลราชธานี แถมยังมีพญานาคใหญ่ ๒ ตัวให้เป็นจุดเช็คอินถ่ายรูปอีกต่างหาก

    กระผม/อาตมภาพรอจนกระทั่งคณะใหญ่ตามกันมาถึง ให้ทุกคนได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกันแล้ว ก็ขึ้นไปนั่งภาวนาเพื่อสะสม "เสบียงบุญ" เอาไว้เป็นค่าเดินทาง ทุกคนเมื่อกราบไหว้พระกันเสร็จเรียบร้อย ก็มารับน้ำหวาน น้ำอัดลม ตลอดจนกระทั่งผ้าอนามัย ขออภัย..ติดภาษาลาวที่เรียกผ้าเย็นว่า "ผ้าอนามัย"..!

    เมื่อทำตัวสดชื่นเรียบร้อยแล้ว โชเฟอร์ก็พาพวกเราตรงไปยังสนามบินนานาชาติอุบลราชธานี กระผม/อาตมภาพให้รางวัลแม่หญิงปุ๋ยและแม่หญิงแนนไปคนละ ๒,๐๐๐ บาท มอบให้ลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เพื่อจัดสรรปันส่วนให้กับทีมสตาฟฟ์อีกคนละ ๕๐๐ บาท

    เจ้าหน้าที่ของสนามบินได้พากระผม/อาตมภาพมายังที่นั่งพักวีไอพี เฉพาะพระภิกษุสามเณรเท่านั้น เมื่อเห็นว่ามีเวลามาก ก่อนที่จะทำการเช็คอิน กระผม/อาตมภาพจึงได้ทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนเอาไว้ก่อน และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อปิดโรมมิ่งไปเรียบร้อยแล้ว การอัพโหลดเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนในวันนี้ ก็คงจะใช้เวลาไม่กี่วินาทีเท่านั้น..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๒๔ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...