เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 9 พฤศจิกายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,742
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,560
    ค่าพลัง:
    +26,399
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,742
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,560
    ค่าพลัง:
    +26,399
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพเดินทางออกจากวัดท่าขนุนตั้งแต่ตี ๓ เพื่อที่จะไปบรรยายให้กับผู้ปฏิบัติธรรมที่สถาบันวิปัสสนาธุระ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ถนนพหลโยธิน หมู่ที่ ๑ ตำบลลำไทร อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งบางทีเพื่อนพระสังฆาธิการก็ได้บอกว่า "พระอาจารย์เล็กเก่งนะ งานใกล้ไกลไปได้หมด" แต่ว่าหลายท่านที่รู้จริงก็พูดต่อไปว่า "แต่คนขับรถเก่งกว่า..!" ซึ่งต้องบอกว่าเป็นเรื่องจริง

    กระผม/อาตมภาพนั้นมีเวรมีกรรมในเรื่องของคนขับรถมาตลอด เพราะว่าคนขับรถที่เป็นผู้ชายนั้น เมื่อมาขับให้ไม่นานก็จะขอบวชกันหมด รายสุดท้ายก็คือน้องชาย พระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล ขับรถให้อยู่ประมาณ ๓ ปี แล้วก็ขอบวช จนปัจจุบันนี้ก็คือเจ้าสำนักสงฆ์ถ้ำทะลุ ซึ่งอยู่ห่างจากวัดท่าขนุนประมาณ ๑๘ กิโลเมตร

    เมื่อหาใครไม่ได้ จึงต้องขอให้น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) มาขับรถให้ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็เป็นญาติร่วมสายโลหิตนั่นเอง เนื่องเพราะว่าตระกูลของกระผม/อาตมภาพนั้น บังคับให้ลูกหลานทุกคนท่องจำไว้ว่า ถ้าเป็นแซ่ เซียว อุน เอี๊ยบ ชี น่ำ ๕ แซ่นี้ก็คือพี่น้องกัน

    เนื่องเพราะว่าในช่วงที่ ดร.ซุน ยัตเซ็น กวาดล้างอำนาจเก่าซึ่งเป็นฐานของราชวงศ์ชิงนั้น บรรดา "นายทหาร ๘ กองธง" ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่โดน "ปูนหมายหัว" ไว้ทั้งสิ้น ทางด้านปู่ทวดของกระผม/อาตมภาพจึงให้ลูกชาย ๕ คนเปลี่ยนแซ่เป็นอีก ๔ แซ่ คือจากแซ่หลักแซ่เซียว ก็เปลี่ยนไปเป็นแซ่อุน แซ่เอี๊ยบ แซ่ชี และแซ่น่ำ รวมแล้ว ๕ แซ่ด้วยกัน แยกย้ายกระจัดกระจายกันไป

    ส่วนที่อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารที่ประเทศสยามนั้น ก็ได้สั่งกำชับกันนักหนาว่า ทั้ง ๕ แซ่นี้คือพี่น้องร่วมปู่ทวดเดียวกัน ถ้าพบเจอแซ่ทั้ง ๕ นี้ ต่อให้รักชอบกันขนาดไหนก็แต่งงานกันไม่ได้ เพราะว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันทั้งหมด

    หลายคนก็อาจจะสงสัยว่ากระผม/อาตมภาพกับน้องเล็ก ตลอดจนกระทั่งญาติพี่น้องนั้น ทำไมหน้าตาคล้ายคลึงกันหมด ก็ขอบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกันจริง ๆ เมื่อแนะนำตัวให้กับเจ้าคณะพระสังฆาธิการ กระผมก็ยืนยันด้วยความภาคภูมิใจว่า "เป็นน้องสาวของผมเอง" แต่ถ้าหากว่านับกันตามลำดับรุ่นแล้ว ดีไม่ดีน้องเล็กอาจจะเป็นรุ่นแม่ของกระผม/อาตมภาพเองก็ได้..!

    แต่เนื่องจากว่าทางด้านน้องเล็กไม่ชัดเจนในเรื่องลำดับรุ่น เพราะว่าทางบ้านไม่ได้บังคับให้ท่องจำ จึงไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า ตนเองอยู่ในลำดับรุ่นอักษรอะไร จึงทำให้กระผม/อาตมภาพ "ตีขลุม" เอาว่า อีกฝ่ายหนึ่งอายุน้อยกว่า เป็นน้องไปก็แล้วกัน..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,742
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,560
    ค่าพลัง:
    +26,399
    บรรดาเจ้าคณะพระสังฆาธิการในจังหวัดกาญจนบุรี ตลอดจนกระทั่งในคณะสงฆ์ภาค ๑๔ แรก ๆ ก็จะงง ๆ ว่า ในหมู่พลขับของบรรดาเจ้าคณะพระสังฆาธิการทั้งหมด อยู่ ๆ ก็มีผู้หญิงปรากฏขึ้นมา ในช่วงแรกก็ลำบาก เพราะว่าเวลาไปนั่งร่วมวงกับบรรดาคนขับรถด้วยกัน ผู้ชายทั้งหลายก็ทำอาการ "กลืนไม่ลง" ก็คืออยู่ ๆ มีผู้หญิงมาอยู่กลางวงด้วย ไม่สามารถที่จะเอะอะโวยวาย "มึงวาพาโวย" ได้เหมือนเดิม

    จนกระทั่งตอนหลัง พอคบหาใกล้ชิดสนิทสนม ทุกคนเห็นว่าน้องเล็กเป็นคนง่าย ๆ ก็เริ่มมีรายการประเภทชักชวนกันไปกินเอง ไม่ต้องเสียเวลามานั่งมองอีกฝ่ายหนึ่งกิน เพราะว่าตัวเองไม่กล้าที่จะกินแหลกเหมือนเดิมได้

    กระผม/อาตมภาพเองก็เคยโดนเจ้าอาวาสวัดสำคัญแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรีนี่เอง ที่โดนข้อหาเดินทางร่วมกับผู้หญิง เมื่อโดนเจ้าคณะพระสังฆาธิการสอบสวน โดยเฉพาะพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ.๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งตอนนั้นท่านยังเป็นพระราชวิสุทธิเมธีอยู่

    เมื่อสอบสวน อีกฝ่ายหนึ่งก็อ้างว่า "พระอาจารย์เล็กวัดท่าขนุนก็ใช้ผู้หญิงขับรถเหมือนกัน" ทำเอาพระเดชพระคุณท่านเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีออกอาการ "ของขึ้น" ดุไปว่า "พระอาจารย์เล็กใช้ผู้หญิงขับรถก็จริง แต่พยายามกลับวัดก่อนค่ำทุกวัน ส่วนคุณเอง ออกจากวัดหลัง ๔ ทุ่ม กลับมาตี ๓ ตี ๔ แล้วจะให้เหมือนกันได้อย่างไรวะ ?"

    กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้คิดว่าตนเองอยู่ในสายตาของผู้บังคับบัญชามาโดยตลอด ก็ยังสงสัยอยู่ว่า ทำไมกระผม/อาตมภาพใช้น้องสาวตัวเองขับรถ แต่ได้รับการยอมรับจากทุกคน ขณะที่รายนี้ใช้ผู้หญิงขับรถ แล้วโดนสอบสวนจนกระทั่งบังคับให้ลาสิกขาไป เพราะว่ามีเรื่องอื้อฉาว..!

    ที่แท้ผู้บังคับบัญชาก็สังเกตว่า กระผม/อาตมภาพนั้น ไม่ว่าจะไปงานใกล้ไกลขนาดไหนก็ตาม สิ่งหนึ่งที่จะทำอยู่เสมอก็คือ ถ้าสามารถกลับไปทันทำวัตร ก็จะกลับให้ทัน เพื่อที่จะไปร่วมทำวัตรกับพระภิกษุสามเณรที่วัดของตน สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนพระสังฆาธิการสังเกตอยู่โดยตลอด จึงทำให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้น กลายเป็นผู้ที่ช่วยปกป้องกระผม/อาตมภาพอีกส่วนหนึ่ง

    แม้กระทั่งมีคนไปปล่อยข่าวว่า "ที่พระอาจารย์เล็กมีเงินมากมาย ไปช่วยเหลือที่โน่นที่นี่นั้น เพราะว่าขายยาบ้า..!" กระผม/อาตมภาพเองตอนแรกก็ไม่รู้ว่ามีบุคคลผู้หวังดีมาปล่อยข่าวอย่างนี้ จนกระทั่งมีสายสืบซึ่งเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบมาขอพบ และแอบกระซิบบอกว่า ได้ติดตามดูกระผม/อาตมภาพอยู่เป็นปี และรายงานผู้บังคับบัญชาไปแล้วว่า "หลวงพ่อเล็กบริสุทธิ์ ไม่มีการยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างแน่นอน แต่ว่ามีสามเณรในวัดท่าขนุนรูปหนึ่ง มีพฤติกรรมติดต่อกับพวกบรรดาผู้ขายยาเสพติด ขอให้หลวงพ่อช่วยจัดการให้ด้วย"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,742
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,560
    ค่าพลัง:
    +26,399
    กระผม/อาตมภาพจึงไปบอกกับสามเณรรูปนั้นว่า "ทางตำรวจบอกมาอย่างนี้ คุณจะพิจารณาอย่างไรก็ตามแต่คุณจะเห็นสมควร" ปรากฏว่าสามเณรรูปนั้นขอลาสิกขาไป ก็คือสึกไปให้พ้นจากวัด เพื่อที่จะไม่กลายเป็น "แกะดำ" ให้เป็นที่เพ่งเล็งของทางตำรวจอีกต่อไป

    ส่วนการที่ไปบรรยายในโครงการปฏิบัติธรรมของนิสิตระดับบัณฑิตศึกษาและประชาชนทั่วไป ที่สถาบันวิปัสสนาธุระในวันนี้นั้น กระผม/อาตมภาพก็ได้ย้ำในเรื่องของการปฏิบัติธรรมว่า ท่านทั้งหลายซึ่งโดนหลักสูตรบังคับให้ปฏิบัติธรรมทุกปีนั้น ความจริงแล้วเป็นผู้ที่โชคดีเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่ว่าการปฏิบัติธรรมสายพองยุบนั้น อาจจะไม่ถูกใจของพวกท่าน เพราะว่าไม่ตรงกับสายเดิมที่ปฏิบัติมา

    แต่ขอให้ลองคิดดูว่า ถ้าเราใช้เงินไทยอยู่ตลอด แล้วอยู่ ๆ มีคนเอาเงินดอลลาร์บ้าง เงินหยวนบ้าง เงินยูโรบ้างมามอบให้กับท่าน ท่านไม่คิดจะลองเก็บเอาไว้ใช้ในยามที่ถึงเวลาเดินทางไปในสถานที่ซึ่งเขารับเงินทั้งหลายเหล่านี้บ้างหรือ ?

    อีกประการหนึ่งก็คือ การที่ท่านทั้งหลายปฏิบัติธรรมแล้ว แทนที่จะลด ละ กิเลสให้น้อยลงไป กลับเอากิเลสไปชนกันว่าสายปฏิบัติธรรมของเราดีกว่า สายโน้นสู้ไม่ได้ เป็นต้น สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีแต่จะเพิ่มกิเลส มานะ ทิฏฐิให้แก่พวกเรา ควรที่จะวางให้เร็วที่สุด โดยถือหลักว่า วางก่อน สบายก่อน


    อีกประการหนึ่งก็คือ ท่านทั้งหลายปฏิบัติธรรมแล้ว ไม่ได้รักษาอารมณ์ใจให้ต่อเนื่อง เมื่อถึงเวลาเลิกก็ทิ้งหมดเลย การปฏิบัติธรรมเหมือนกับการว่ายทวนน้ำ เมื่อท่านทั้งหลายว่ายมาในระดับที่ตนเองพอใจแล้ว ก็ปล่อยให้ไหลตามน้ำไป พอถึงเวลาก็ว่ายทวนน้ำขึ้นมาใหม่ อย่างดีที่สุดก็ได้ระยะเท่าเดิม ไม่มีทางที่จะได้มากกว่าเดิม ถ้าวันไหนเหนื่อยล้าก็จะได้น้อยกว่าเดิม กลายเป็นคนขยันทำงานทุกวัน แต่ผลงานไม่มี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายท่านปฏิบัติธรรมมาหลายปี แต่ว่าไม่มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติเลย

    เมื่อได้ให้ข้อคิดข้อสังเกต ตลอดจนกระทั่งแนวทางในการปฏิบัติธรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพรับปัจจัยไทยธรรมมาทั้งหมด ก็มอบให้เป็นประโยชน์แก่ทางสถาบันวิปัสสนาธุระต่อไป ส่วนตนเองก็เดินทางกลับมายังจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อที่จะเตรียมไปดูแลสถานที่ ตลอดจนกระทั่งควบคุมการสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอกสนามหลวง ตามที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการอำนวยการ ในส่วนนี้ก็ต้องกินเวลาไปอีกหลายวัน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,742
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,560
    ค่าพลัง:
    +26,399
    ส่วนญาติโยมท่านใด หรือว่าพระภิกษุสามเณรท่านใดที่ต้องการจะฟังเนื้อหาในการบรรยายทั้งหมด ทางด้านไอ้ตัวเล็ก ก็ได้นำลงยูทูบไปแล้ว ท่านสามารถที่จะไปฟังฉบับเต็มได้จากที่นั่น

    อีกเรื่องหนึ่งก็คือว่าท่านอาจารย์วิสุทธิ์ วรรณวงษ์ศิริ ซึ่งเป็นบุคคลที่กระผม/อาตมภาพให้ความเชื่อถือในเรื่องของการพิจารณาความแท้ ความใช่หรือไม่ใช่ของเครื่องรางของขลัง ท่านไปได้วัตถุมงคล คือพระปิดตาพิมพ์ปั้น ของหลวงพ่อแก้ว วัดในปากทะเล ซึ่งภายหลังท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดเครือวัลย์ แล้วสร้างพระปิดตาหลังแบบอันโด่งดังราคาไปถึงเลข ๘ หลัก พูดง่าย ๆ ว่าถ้าไปเจอท่านที่ต้องการจริง ๆ เขาให้แพงกว่าพระสมเด็จวัดระฆังเสียอีก

    ท่านไปได้พระปิดตาซึ่งอยู่ในวัดเก่า (วัดในปากทะเล) ซึ่งจมน้ำทะเลไปมาหลายองค์ มอบหมายให้กระผม/อาตมภาพนำมาลงในเว็บไซต์วัดท่าขนุน เพื่อที่จะได้สร้างกองบุญการกุศลต่าง ๆ

    ในส่วนนี้กระผม/อาตมภาพต้องรอจนกว่าจะได้กลับวัดท่าขนุนไปก่อน แล้วถึงจะนำสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นออกมา อันดับแรกเลยก็ต้องพิจารณาว่า เมื่อจมน้ำทะเลอยู่นาน จะต้องมีคราบเกลือ ซึ่งจะฝังแน่นอยู่ตามซอกองค์พระ ไม่สามารถที่จะล้างออกได้ เนื่องเพราะว่าตกอยู่ใต้ทะเลมาเป็นระยะเวลาหลายสิบปี

    ประการต่อไปก็คือ ต้องใช้กำลังใจพิจารณาซ้ำว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ใช่หรือไม่ใช่ ? ซึ่งโดยปกติแล้ว ในส่วนนี้กระผม/อาตมภาพจะไม่ใช้เลย จะใช้การพิจารณาตามหลักสากล ก็คือดูเนื้อ ดูพิมพ์ ซึ่งถ้าหากว่าผิดเนื้อผิดพิมพ์ ต่อให้มีพุทธานุภาพขนาดไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็จะไม่นำออกไปลงเว็บไซต์ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ "ใช่เฉพาะของเรา ไม่ใช่ในสิ่งที่เป็นสากล"

    สำหรับส่วนนี้ เอาไว้ได้วัตถุมงคลมาอยู่ในมือแล้วค่อยพิจารณากันต่อไปว่า จะนำลงให้ร่วมกองบุญการกุศลในส่วนใด ? ซึ่งส่วนมากแล้ว ของจากท่านอาจารย์วิสุทธิ์ ท่านจะไม่ให้ลงในราคาแพง ของราคาเป็นแสนท่านก็ให้ลงแค่หลักหมื่น ของราคาเป็นหมื่น ท่านก็มักจะให้ลงแค่หลักพันเท่านั้น จึงขอเจริญพรขอบพระคุณท่านอาจารย์วิสุทธิ์ วรรณวงษ์ศิริ มา ณ ที่นี้ด้วย

    วันนี้รบกวนเวลาพวกเรามากแล้ว สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๙ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...