เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๕

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 1 สิงหาคม 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๕


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพได้ไปร่วมงานอบรมพระนวกะของคณะสงฆ์อำเภอหนองปรือ จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อไปถึงยังไม่มีพระเถระรูปอื่นมาถึงเลย

    ครั้นเมื่อถึงพิธีเปิดการอบรมโดยพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านได้เอ่ยถึงกระผม/อาตมภาพว่า "เป็นผู้ที่ทำทุกอย่างตามหน้าที่อย่างเด็ดขาดและจริงจัง แม้กระทั่งการอบรมพระนวกะ ซึ่งแต่ละอำเภอนั้นอยู่ห่างไกลกันมาก โดยเฉพาะจากอำเภอทองผาภูมิไปถึงอำเภอหนองปรือนั้น ต้องวิ่งเป็นระยะทางหลายชั่วโมง แต่ว่าพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. กลับมาถึงก่อนใคร เป็นตัวอย่างที่พระสังฆาธิการทุกรูปควรที่จะดูและเลียนแบบทำตามไว้"

    ตรงจุดนี้นั้น กระผม/อาตมภาพแค่มีหลักการว่า ในเมื่อมีหน้าที่ก็ต้องทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด การทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก็คือการทำแบบมีวันนี้วันเดียว ในเมื่อไม่มีวันพรุ่งนี้อีก สิ่งที่เราทำจึงทำในลักษณะ "ทิ้งทวน" หรือว่าฝากฝีมือเอาไว้ในแผ่นดิน จึงใช้กำลังใจแบบนี้ทำงานทุกอย่างโดยเต็มที่ เต็มกำลัง ซึ่งถ้าหากว่าทุกท่านวางกำลังใจในลักษณะแบบนี้ การงานทุกอย่างก็จะออกมาดีได้เช่นกัน

    โดยเฉพาะระยะนี้ ฝนฟ้าตกหนักมาก ทำให้การเดินทางเป็นไปโดยยาก ในสถานที่ไกล ๆ นั้น บางท่านถึงเป็นพระสังฆาธิการระดับสูง ก็ยังเกิดความท้อถอย หมดกำลังใจ ซึ่งตรงจุดนี้นั้น ไม่บังควรที่จะเป็นเช่นนั้น

    ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้สั่งสอนเอาไว้ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นข้อกลาง ก็คือสมาธิ จะทำให้เรามีความเข้มแข็งทั้งกายและใจ สามารถที่จะต่อสู้กับงานทุกอย่างได้เป็นอย่างดียิ่ง

    ในสมัยที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๒ อยากจะเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมว่า อำเภอทองผาภูมินั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก ถ้าหากว่าจำไม่ผิด เป็นอำเภอที่ใหญ่เป็นอันดับ ๓ ของประเทศไทย มีพื้นที่ประมาณจังหวัดสมุทรปราการ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ๓ จังหวัดรวมกัน โดยเฉพาะพื้นที่ต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่เป็นอุทยานแห่งชาติ และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ความกว้างใหญ่ไพศาลจึงไม่ได้หมายความว่าจะมีประชากรมาก

    โดยเฉพาะในส่วนของตำบลชะแลที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าคณะตำบลอยู่ขณะนั้น ใหญ่เกือบครึ่งอำเภอทองผาภูมิ..! ถ้าถามว่าใหญ่ขนาดไหน ? วัดสุดท้ายที่ดูแลอยู่ก็คือวัดคลิตี้ล่าง อยู่ห่างจากวัดท่าขนุน ๘๗ กิโลเมตร..! แล้วโดยเฉพาะเป็น ๘๗ กิโลเมตรที่หน้าฝนต่อให้มีรถขับเคลื่อน ๔ ล้อ ก็อาจจะต้องวิ่งไป ขุดไป เข็นไป

    ยังดีที่ว่าในระยะหลังนี้เริ่มมีองค์การบริหารส่วนตำบลขึ้นมา ทำให้สามารถจัดสรรงบประมาณ ราดคอนกรีตในช่วงที่น้ำกัดเซาะถนนจนกระทั่งกลายเป็นหลุม เป็นบ่อ เป็นปลัก โคลนไปได้มาก ทำให้ผู้ที่เดินทางในระยะนี้ ไม่ได้ยากลำบากเหมือนกับในระยะนั้นแล้ว
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    เมื่อรับตำแหน่งเจ้าคณะตำบลชะแล เขต ๒ ใหม่ ๆ กระผม/อาตมภาพก็เข้าไปสำรวจพื้นที่ว่ามีวัดและสำนักสงฆ์อยู่ในเขตที่ต้องดูแลเท่าไร ? ก็พบว่ามีวัดที่ต้องดูแลอยู่ ๕ วัด และสำนักสงฆ์อีก ๗ สำนักสงฆ์ โดยเฉพาะวัดทุ่งเสือโทน หรือในชื่อชาวบ้าน คือวัดคลิตี้บน มีหลวงปู่ไกโพ่ ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่

    พอเห็นหน้า ท่านถึงขนาดน้ำตาไหล บอกว่า "ผมเป็นเจ้าอาวาสมา ๒๗ ปีแล้ว เพิ่งได้มีวาสนาได้เห็นหน้าเจ้าคณะตำบลในวันนี้เอง..!" ก็แปลว่าตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่ท่านเป็นเจ้าอาวาสมา ๒๗ ปี แม้จะมีเจ้าคณะตำบลอยู่ตลอดมา แต่ก็ไม่มีใครกล้าฝ่าฟันความทุรกันดารเข้าไปตรวจการคณะสงฆ์ เหมือนดังที่กระผม/อาตมภาพได้ทำ

    ในช่วงนั้นกระผม/อาตมภาพต้องเดินทางเข้าไปทุกอาทิตย์ บางอาทิตย์ก็ ๒ - ๓ ครั้ง เพราะว่ามีงานด่วนของคณะสงฆ์เข้ามา แล้วในพื้นที่นั้น เนื่องจากว่าเป็นอุทยานและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แม้ว่าจะเป็นการประกาศขึ้นมาทีหลัง ชาวบ้านเข้าไปอยู่ก่อนก็ตาม แต่ก็มีการบังคับใช้กฎหมาย ทำให้ไม่สามารถที่จะตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ได้ จึงต้องเข้าไปส่งหนังสืออย่างเดียว

    การส่งหนังสือนั้น กระผม/อาตมภาพเคยสำรวจเส้นทางโดยการเซ็ตไมล์ในรถ การส่งหนังสือจากวัดแรกถึงวัดสุดท้าย ทั้งหมด ๕ วัดและ ๗ สำนักสงฆ์นั้น เป็นระยะทางถึง ๑๔๒ กิโลเมตร..! ถ้าญาติโยมทั้งหลายนึกไม่ออกว่ากว้างใหญ่ไพศาลหรือว่าไกลขนาดไหน ก็ให้นึกดูว่าจากกรุงเทพมหานคร ผ่านจังหวัดนครปฐม ผ่านอำเภอบ้านโป่งของจังหวัดราชบุรี ผ่านอำเภอท่ามะกา อำเภอท่าม่วง เข้าไปจนถึงอำเภอเมืองกาญจนบุรีนั้น เป็นระยะทางแค่ ๑๒๖ กิโลเมตรเท่านั้น

    แต่จากในส่วนของตำบลชะแลเขต ๒ ซึ่งกระผม/อาตมภาพวิ่งส่งเอกสารหนังสือต่าง ๆ นั้น ปรากฏว่าเป็นระยะทางถึง ๑๔๒ กิโลเมตร..! และเข้าไปทุกอาทิตย์ บางอาทิตย์ก็ ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง ตามแต่ความเร่งด่วนของเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการลงมา เข้าไปช่วยจัดการเรื่องบัญชีพระภิกษุสามเณรของวัดต่าง ๆ จนบังเกิดความชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นประวัติเจ้าอาวาส จำนวนพระภิกษุสงฆ์สามเณรจำพรรษา ขนาดพื้นที่ของวัดว่ามีกี่ไร่ กี่งาน กี่ตารางวา จนกระทั่งว่ามีสิ่งปลูกสร้าง ถาวรวัตถุกี่หลัง ขนาดเท่าใดบ้าง

    สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ความจริงแล้วเป็นข้อมูลสำคัญที่ทางผู้บังคับบัญชาจะต้องมีอยู่ในมือ แต่ว่าบุคคลที่รับหน้าที่เจ้าคณะตำบลในช่วงนั้น ไม่ได้มีกำลังใจที่จะทุ่มเทให้กับงานเหมือนกับกระผม/อาตมภาพ จึงไม่ได้เข้าไปดูแลในส่วนนี้ให้เรียบร้อย

    ดังนั้น...ทุกท่านจะเห็นว่า ในส่วนที่กระผม/อาตมภาพได้กระทำหน้าที่ไปนั้น เป็นการทำหน้าที่อย่างชนิดที่เรียกว่า ทำแบบมีวันนี้วันเดียว ถ้าหากว่าไม่มีวันพรุ่งนี้ เราก็ไม่มีอะไรค้างคาใจ เพราะว่าเต็มที่กับทุกอย่างในชีวิตแล้ว ดังที่เคยใช้คำพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า "อยู่คนเขาก็เกรงใจ จากไปคนเขาก็คิดถึง"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2022
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    โดยเฉพาะญาติโยมที่บ้านทุ่งเสือโทนหรือบ้านคลิตี้บน เมื่อถึงเวลามีงานมีการต่าง ๆ ก็จะมานิมนต์พระจากวัดท่าขนุนเข้าไปร่วมงานเสมอ เพราะว่าเมื่อกระผม/อาตมภาพได้ให้พระวัดท่าขนุนเข้าไปช่วยดูแลวัดให้ แล้วทุกคนไปสวดมนต์ ทำวัตร เจริญกรรมฐาน ดูแลทำความสะอาด จัดระเบียบวัดจนสะอาดสะอ้านเรียบร้อย ทุกคนจึงเห็นว่าการเป็นพระภิกษุสามเณรที่ดีนั้น จะต้องทำหน้าที่ของตนอย่างไรบ้าง ก่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาขึ้นมาอย่างจริงใจ

    ทุกวันนี้ถ้ากระผม/อาตมภาพออกปาก ไม่ว่าจะทางด้านผู้ใหญ่พล (นายนิติพล ตันติวานิช) ซึ่งดูแลบ้านทุ่งเสือโทนอยู่ หรือว่าทางด้านรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลชะแล ที่เรียกกันว่ารองทุ่ง หรือชื่อจริงก็คือ นางสาวกนกวรรณ ตันติวานิช ท่านก็เต็มใจที่จะเอาพืชผักผลไม้ต่าง ๆ มาช่วยงานอย่างเต็มที่ทุกครั้ง คำว่าเต็มที่ในที่นี้ก็คือ รถกระบะต่อคอก บรรจุผักผลไม้ต่าง ๆ จากในไร่มาชนิดเต็มคันรถ น้ำหนักนับเป็นพันกิโลกรัม..! จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพเกรงใจ มีงานก็ไม่กล้าบอก ไม่กล้ากล่าว ไม่กล้ารบกวน

    แล้วตอนที่ผู้ใหญ่พลกับรองทุ่งได้ทำการบวชลูกชาย ก็ยังมาจัดงานเลี้ยงให้กับลูกชายที่วัดท่าขนุน ซึ่งจำนวนโต๊ะที่ตั้งนั้น มากมายจนกระทั่งไม่สามารถจะตั้งในหอฉันได้หมด ต้องต่อเอาเต็นท์ออกมาหลายหลัง แล้วตั้งเรียงรายอยู่บนถนนด้านหน้ากุฏิแม่ชีนั่นเอง

    ดังนั้น...ในส่วนนี้เราจะเห็นได้ว่า การที่เราทำหน้าที่ของพระภิกษุสามเณรที่ดี ตามคำสั่งสอนของครูบาอาจารย์ ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้แนวทางเอาไว้นั้น บุคคลที่มีปัญญาหรือว่ามีความคิด ก็ย่อมเห็นว่าสิ่งใดถูก สิ่งใดผิด เมื่อเห็นสิ่งที่ถูกต้องว่าควรจะเป็นอย่างไร ก็เกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาขึ้นมาเอง

    ในวันนี้ที่นำเอาเรื่องนี้มาเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยม ก็เพื่อที่ให้ทุกท่านได้รู้ว่า เราในฐานะพุทธบริษัท ๔ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเราทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ พระพุทธศาสนาก็จะเจริญรุ่งเรืองเองโดยอัตโนมัติ

    โดยเฉพาะญาติโยมทั้งหลายที่เป็นอุบาสกอุบาสิกา ถ้าหากว่าตั้งหน้าตั้งตารักษาศีล ปฏิบัติธรรม จนสามารถเข้าถึงความดีอย่างแท้จริงได้ ท่านทั้งหลายก็จะสามารถนำความเลื่อมใสของบุคคลอื่นเข้ามาสู่พระพุทธศาสนาได้มาก เพราะว่าท่านมีกาย มีวาจา มีใจ ที่เป็นอรรถเป็นธรรม

    บุคคลที่หวังความดีทั้งหลายทั้งปวงเห็นเข้า ก็ย่อมรู้ว่าท่านผู้นี้เป็นผู้มีหลักธรรมประจำใจ มีคุณธรรมที่ปรากฏชัดออกมา จนกลายเป็นแบบอย่างที่ผู้อื่นนำไปปฏิบัติตาม หรือเรียกอีกอย่างว่าจริยธรรม เราก็จะเป็นผู้ที่ค้ำจุนพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรืองได้โดยอัตโนมัตินั่นเอง

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...