เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 18 ธันวาคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ด้วยความอนุเคราะห์ของพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ซึ่งตนเองมีงานยุ่งอยู่แล้ว แต่ก็ยังอุตส่าห์ไปส่ง

    เพียงแต่ว่าการนัดพบการเวลาตี ๕ ตรง ที่ชั้น ๔ ประตู ๘ เคาน์เตอร์ S ของสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมินั้น เมื่อกระผม/อาตมภาพไปถึง ได้พบเพียงพระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ปธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ จังหวัดราชบุรี รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม นั่งอยู่รูปเดียวเท่านั้น

    เมื่อทักทายกันเรียบร้อยแล้วก็นั่งรอกันต่อไป จนกระทั่งญาติโยมและพระค่อย ๆ ทยอยกันมา บุคคลที่มาถึง ประกอบไปด้วย พระครูโสภิตปัญญากร (เชาวลิตร ชิตงฺกุโร) เจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่ (พระอารามหลวง) ท่านอาจารย์พระมหาสุรชัย วราสโภ, ดร. ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองน้ำขุ่น รักษาการเจ้าคณะอำเภอเขาชะเมา

    เมื่อนั่งคุยกันได้สักครู่หนึ่ง ปรากฏว่ามีพระ ตลอดจนกระทั่งญาติโยมจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ท่านขอมาทำบุญด้วย ซึ่งพระรูปนั้นก็คือครูบาแก้ว ขนฺติโก พรรษา ๒๐ จากแขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ ส่วนญาติโยมทั้งคู่นั้นเคยไปวัดท่าขนุนมาแล้ว ก็คือคุณทิปกร และคุณอาภรณ์ทิพย์ ไซยะวงศ์แสง ซึ่งมาถวายเหรียญสมเด็จองค์ปฐมยิ้มรับทรัพย์ พิมพ์เล็ก เนื้อทองคำ เลี่ยมทอง พร้อมกับสร้อยคอทองคำ น้ำหนักน่าจะประมาณ ๕ บาท พร้อมกับเงินสดอีก ๕๐,๐๐๐ บาท เพื่อร่วมบุญในการเดินทางไปยังประเทศศรีลังกาครั้งนี้

    เมื่อบรรดาญาติโยมทยอยกันมาครบแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ตรวจสอบรายชื่อ แจกป้ายติดกระเป๋า ครั้นได้เวลาจึงมายืนรอเช็คอิน เพียงแต่ว่าไม่ถึงกับกดดันเจ้าหน้าที่เท่านั้น โดยงานนี้ท่านอาจารย์พระมหาสมคิด ได้ขนเครื่องสักการบูชาพระบรมธาตุเขี้ยวแก้วมา อย่างชนิดที่เรียกว่ามากมายทีเดียว โดยที่บรรจุหีบห่อมาอย่างดี

    แต่ด้วยความที่ว่าข้าวของเยอะมาก ต้องเฉลี่ยน้ำหนักกับผู้อื่น โดยที่กระผม/อาตมภาพนั้น ไม่มีกระเป๋าที่จะฝากขึ้นเครื่องเลย จึงยกน้ำหนัก ๓๐ กิโลกรัมให้ไปทั้งหมด ขนาดนั้นกว่าที่จะเสร็จเรียบร้อย ก็ตกครึ่งค่อนชั่วโมงสำหรับพระ แล้วทางด้านญาติโยมจึงเข้าแถวต่อ เพื่อที่จะเช็คอิน
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    กระผม/อาตมภาพเดินเข้าไปยังภายในก่อน ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ชี้ให้ไปช่องทางด่วนพิเศษ แล้วเข้าไปสแกนพาสปอร์ตโดยระบบอัตโนมัติ กระผม/อาตมภาพไม่เคยสแกนผ่านในระบบอัตโนมัติมาก่อนเลย เนื่องเพราะว่าสมณศักดิ์ของพระนั้น ไม่มีการเว้นวรรคนามสกุลเหมือนอย่างกับญาติโยมเขา แต่ครั้งนี้ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น จึงมีความสะดวกเป็นพิเศษ สามารถที่จะสแกนผ่านโดยง่าย แล้วก็เข้าไปตรวจผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ จนกระทั่งเข้าไปนั่งรออยู่ที่หน้าประตูขึ้นเครื่อง โด่เด่อยู่คนเดียว

    เป็นเวลานานมาก กว่าที่พระครูสิทธิวัฒนคุณ (พรพรหม ฐิตคุโณ) เจ้าอาวาสวัดกระจัง จะตามเข้ามาเป็นรูปที่สอง ครั้นสอบถามแล้วจึงได้รู้ว่า บรรดาพระและญาติโยมนั้น เมื่อผ่านเข้ามาแล้ว ก็ไปฉันเช้าและรับประทานอาหารเช้ากันอยู่ จนกระทั่งทางด้านนี้เรียกขึ้นเครื่องแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงไม่รอใคร ขึ้นไปนั่งรออยู่ด้านบนก่อน ท่านอื่น ๆ ค่อย ๆ ทยอยตามกันมา

    ศรีลังกันแอร์ไลน์ ขึ้นตรงเวลา คือ ๙ โมงเช้าของประเทศไทย กระผม/อาตมภาพไม่ได้ใส่ใจเรื่องการขึ้นลงของเครื่องบิน หากแต่กำหนดจิตเข้าสู่สมาธิ น้อมกราบขอบารมีพระ พรหม เทวดา และครูบาอาจารย์ทั้งหมด ให้การเดินทางครั้งนี้สะดวกและปลอดภัยทุกประการด้วย

    จากนั้นก็ภาวนา สะสม "เสบียงบุญ" ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท่านอาจารย์พระมหาสุรชัย วราสโภ, ดร. ท่านสะกิดว่าเขาเอาอาหารมาส่ง ก็ได้แต่ยกมือตีใบ้ว่าไม่รับ เมื่อภาวนาไปประมาณ ๒ ชั่วโมง คลายกำลังใจออกมา ปรากฏว่าเครื่องบินค่อย ๆ ลดระดับลงแล้ว และท้ายที่สุดก็ลงสู่สนามบินนานาชาติบันดราไนยเก เมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา

    ครั้นเมื่อพวกเรานั่งรถบัสจากกลมงสนามบินเข้ามาจนถึงตัวอาคารผู้โดยสารแล้ว ก็ต้องมาผ่านกองตรวจคนเข้าเมืองศรีลังกา แต่เจ้าประคุณรุนช่องเถอะ..! ทุกช่องมีแต่คนเข้าคิวยาวเหยียดยืดยาดมาก มีช่องเดียวที่ว่างอยู่ ครั้นกระผม/อาตมภาพเดินเข้าไปถึง แล้วไปยืนงง ๆ อยู่เล็กน้อย เพราะเขาเขียนว่า Crew Only สำหรับบรรดาลูกเรือเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือพนักงานบนเครื่องบินทั้งสิ้น

    บรรดาพรรคพวกเพื่อนฝูงพระภิกษุ เห็นกระผม/อาตมภาพเดินเข้าไป ก็ตามกันมาจนหมด ทำเอาบรรดาแอร์โอสเตส แม้กระทั่งสจ๊วต หรือว่ากัปตันก็ยืนตาปริบ ๆ กระผม/อาตมภาพก็เกรงใจว่าเขาอาจจะต้องเร่งไปเปลี่ยนเครื่องลำใหม่กัน จึงโบกมือให้บรรดาลูกเรือผ่านหน้าไปก่อน เมื่อเขาทั้งหลายเหล่านั้นผ่านไปแล้ว เจ้าหน้าที่ก็เรียกพวกกระผม/อาตมภาพเข้าไป ตรวจสอบวีซ่า แล้วก็ประทับตราลงบนพาสปอร์ตให้
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    เมื่อขึ้นรถเสร็จสรรพเรียบร้อย ทางด้านโชเฟอร์ก็พาวิ่งไปยังวัดเกลาณิยวิหาร หรือที่คนไทยเรียกว่าวัดกัลยาณี ซึ่งใช้ระยะเวลาในการเดินทางนานเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน

    ครั้นพอเห็นรั้วยาวเหยียด กระผม/อาตมภาพก็จำได้ว่าเป็นวัดเกลาณิยวิหารแล้ว แต่คราวนี้เขาไม่ให้เลี้ยวซ้ายไปยังลานจอดรถ เหมือนครั้งก่อนที่กระผม/อาตมภาพมา แต่ว่าเขาเปิดประตูใหญ่ให้ตรงเข้าไปจอดด้านในเลย โดยที่อยู่ห่างจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ไม่ไกลเท่านั้น พวกเราจึงเข้าไปถ่ายรูปหมู่กันก่อน หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่นำเอาน้ำและดอกไม้ มาให้พวกเรารดถวายต้นพระศรีมหาโพธิ์ และนำเอาดอกไม้นั้นเข้าไปบูชาพระในมหาวิหาร

    หลังจากที่สวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ถวายเป็นพุทธบูชา และถวายดอกไม้กันแล้ว พวกเราก็เดินชมความงามในมหาวิหาร ส่วนที่น่าชื่นชมที่สุดก็คือภาพเขียนสีงาม ๆ ที่ส่วนใหญ่แล้วพวกเราจะได้เห็นก็ต่อเมื่อเป็นโบสถ์ฝรั่ง หรือว่าบรรดาปราสาทราชวังของทางยุโรปเท่านั้น แต่มหาวิหารวัดเกลาณิยวิหารนี้ มีรูปเขียนสีงาม ๆ และรูปปูนปั้นลงสีงาม ๆ จำนวนมากด้วยกัน โดยเฉพาะมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ในจุดที่พระไตรปิฎกกล่าวถึงว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเสด็จมาโปรดที่ตัมพปัณณิทวีป ซึ่งทุกคนก็ทราบว่าคือเกาะลังกานั่นเอง

    เมื่อถ่ายรูปและชมสถานที่ภายในกันเรียบร้อยแล้ว ก็ออกมาสักการะพระเจดีย์ ถ่ายรูปหมู่ จากนั้นก็ไปเข้าห้องน้ำ แล้วกลับขึ้นรถ ให้เขาพาวิ่งเข้าสู่ใจกลางเมืองโคลัมโบ ตรงไปยังวัดคงคาราม ซึ่งวัดนี้เป็นวัดที่แปลกมาก เพราะว่าเป็นวัดที่รวมศาสนาพุทธทุกนิกายยังไม่พอ ยังมีฮินดู อย่างรูปของพระพิฆเณศวร์ รูปของพระสุรัสวดีทรงนกยูง จึงทำให้เห็นว่าเป็นวัดที่เปิดกว้างมาก

    พวกเราเข้าไปเจริญพระพุทธมนต์ถวายองค์พระประธาน แล้วถ่ายรูปหมู่ร่วมกัน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็นำเข้าไปสักการะพระบรมธาตุ โดยเฉพาะพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการสวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ถวายเป็นพุทธบูชาแล้ว พระเจ้าหน้าที่ก็พาเข้าไปด้านใน นำเอาพระพุทธรูปซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ครอบศีรษะเพื่อความเป็นมงคลให้กับทุกคน แล้วออกมาพาพวกเราเข้าไปชมพิพิธภัณฑ์ของวัด

    ส่วนที่กระผม/อาตมภาพสนใจที่สุดก็คืองาช้างแกะสลักต่าง ๆ จำนวนมากมาย เพราะว่าศรีลังกานั้นมีช้างเป็นสัตว์ประจำชาติ แล้วขณะเดียวกันการถวายสิ่งของเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชานั้น ก็นิยมถวายงาช้างด้วย โดยเฉพาะส่วนหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพสนใจก็คือ บรรดางางอก หรือว่าคดงาช้าง ซึ่งของที่นี่นั้น มีทั้งที่สวยงามชนิดเหมือนกลึงขึ้นมาเลยก็มี หรือว่ามีเฉพาะที่รูปทรงเป็นธรรมชาติก็มาก

    บางอันก็เป็นงาในลักษณะของขนาย แต่ว่างอกตะปุ่มตะป่ำไปทั้งอัน ส่วนทั้งหลายที่จัดแสดงอยู่ นี้ คราวที่แล้วกระผม/อาตมภาพไม่ได้มากับ VVIP อย่างท่านอาจารย์พระมหาสมคิด จึงไม่ได้เข้าไปชมภายในใกล้ชิดแบบนี้
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    ครั้นกลับมาขึ้นรถแล้ว พวกเราก็วิ่งไปยังที่พักคืนนี้ ซึ่งห่างออกเป็นระยะทางรถวิ่งเป็นชั่วโมง ท่านอาจารย์พระมหาสมคิดบอกว่า Suriya Resort นี้อยู่ติดทะเล เป็นที่พักระดับ ๔ ดาวครึ่ง

    ขณะเดียวกัน เมื่อเริ่มออกเดินทางก็มีการสวดมนต์ไหว้พระ แล้วก็ให้กระผม/อาตมภาพบอกกล่าวเรื่องที่สมควรจะบอกให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ฟัง กระผม/อาตมภาพจึงได้เล่าในเรื่องของพระพุทธศาสนาในศรีลังกา ว่ามีความสัมพันธ์กับสยามประเทศอย่างไร บรรยายไปเกือบชั่วโมง พอส่งไมโครโฟนคืนไป ฝนก็ตกลงมาพอดี พวกเราจึงต้องวิ่งฝ่าฝนไปยังที่พัก

    จนกระทั่งเวลา ๕ โมงกว่าของทางประเทศศรีลังกา จึงไปถึง Suriya Resort เข้าไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่มาต้อนรับ ให้พวกเราจุดประทีป เพื่อเป็นการนำแสงสว่างให้กับรีสอร์ทของเขา อยู่ในลักษณะการอำนวยพรให้เขาเจริญรุ่งเรือง กระผม/อาตมภาพจึงจุดให้ไป ๒ ดวงเลย

    หลังจากนั้นก็มารับเครื่องดื่มต้อนรับหรือ Welcome Drink ซึ่งมีน้ำแตงโม อีกอย่างหนึ่งนั้น ทางด้านพนักงานบอกว่าเป็น Wood Apple กระผม/อาตมภาพก็ไม่รู้จัก Wood Apple ว่าเป็นอะไร เมื่อรับมาชิมเข้าไปก็ร้องอ๋อ..! ที่แท้ก็มะขวิดนี่เอง เขาเอามะขวิดมาทำเป็นน้ำผลไม้ต้อนรับพวกเรา

    ครั้นรับ Welcome Drink กันเสร็จสรรพเรียบร้อย ก็รอท่านอริยรัตนะ ซึ่งไปจัดการเคลียร์เรื่องห้องพักให้ กระผม/อาตมภาพกับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) นั้นได้รับสิทธิพิเศษ พักห้องเดี่ยว ขณะที่รูปอื่นแม้ว่าจะเป็นหัวหน้าคณะอย่างท่านอาจารย์พระมหาสมคิด ก็ยังต้องพักคู่กับพระรูปอื่น

    เมื่อกระผม/อาตมภาพมาถึงห้องพัก ก็รู้สึกว่าสมกับราคาคุยว่าเป็นรีสอร์ต ๔ ดาวครึ่ง เพราะบรรยากาศโดยรอบริมทะเลงดงามสุด ๆ จึงได้รีบทำการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ก่อน เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว ว่าจะไปขอรหัส WIFI จากทางรีสอร์ต แล้วมาทำการส่งเสียงธรรมให้ไอ้ตัวเล็ก จะได้ทำการอัพลง YouTube ให้ญาติโยมได้ฟังกันต่อไป

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๑๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...