เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๖๖

​

 

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพเองต้องเดินทางไปยังวัดเกิดการอุดม หมู่ที่ ๖ ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานีตั้งแต่เช้า เพื่อทำการตรวจประเมินชุมชนหมู่ ๖ ยกขึ้นเป็นหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ

แต่ว่าได้กราบเรียนคณะกรรมการด้วยกันทั้งหมดว่า เมื่อทำการประเมินเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพต้องขอตัวก่อน เนื่องเพราะว่าต้องวิ่งไปร่วมงานวันเกิดของพระเดชพระคุณพระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ.๖) เจ้าอาวาสวัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

โดยที่เราไปถึงสถานที่ไหนก็ตาม พระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือว่าท่านเจ้าคุณแย้ม พระเดชพระคุณพระเทพปวรเมธี (ประสิทธิ์ พฺรหฺมรํสี, ป.ธ.๕), รศ.ดร. หรือท่านเจ้าคุณอาจารย์ประสิทธิ์ ท่านจะเข้าโบสถ์ของสถานที่นั้นก่อน เพื่อที่เจริญพระพุทธมนต์ ถวายให้แก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในสถานที่นั้น ๆ ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านก็สอนกระผม/อาตมภาพมาแบบนี้ ว่า ถ้าหากว่ามีกิจการงานที่วัดไหนก็ตาม เมื่อเราไปถึง ก็ให้ไปกราบพระในโบสถ์ ในลักษณะรายงานตัว หรือว่าขอพรให้มีความสะดวกคล่องตัวในการงานนั้น ๆ ก่อน

หลังจากที่ถ่ายรูปหมู่กันในโบสถ์แล้ว พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณแย้มท่านก็ได้พาพวกเราเดินชมนิทรรศการต่าง ๆ ซึ่งทางด้านชุมชนหมู่ ๖ ตำบลคลองสามนี้ มีบางสิ่งบางอย่างที่กระผม/อาตมภาพก็นึกไม่ถึง ก็คือ การทอเสื่อกก เนื่องเพราะลืมไปว่า ไม่ว่าสถานที่ใดก็ตาม ถ้าหากว่าใกล้น้ำก็ย่อมต้องมีต้นกก หรือว่าต้นกระจูดเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น..เมื่อแรกมาเห็นก็ยังงง ๆ อยู่ แต่พอญาติโยมทั้งหลายแสดงการทอเสื่อให้ดูก็เข้าใจ เนื่องเพราะว่าเคยไปถึงยังบ้านบางสระเก้า จังหวัดจันทบุรี เพื่อที่ไปซื้อวัสดุต่าง ๆ ที่ทำมาจากเสื่อกระจูด ตรงนั้นต้องบอกว่าเป็นสถานที่ในการดัดแปลงเสื่อกระจูดให้เป็นงานศิลปะต่าง ๆ จำนวนมากต่อมากด้วยกัน ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทยก็ว่าได้

คราวนี้จากการที่ตกลงกันก็คือ คณะกรรมการแต่ละท่านต้องผลัดกันเหมา ผลัดกันซื้อ บรรดาสินค้าต่าง ๆ ที่ทางด้านเจ้าภาพได้นำมาแสดง เนื่องเพราะว่าถ้าให้ชาวบ้านด้วยกันซื้อก็จะเป็นเรื่องยาก งานนี้กระผม/อาตมภาพจึงได้เหมาขนมดอกจอก ให้น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) เอาไปไล่แจกบรรดาเพื่อนพลขับของพระเถระทุกคน ก็หมดเงินไปหลายร้อยบาทอยู่

 

หลังจากนั้นก็เข้าไปในศาลาตรวจประเมิน ทำการไหว้พระ เจริญพระพุทธมนต์ สรรเสริญในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ต่อด้วยการเปิดเพลง "กราบสมเด็จช่วงด้วยดวงใจ" ถวายพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ ป.ธ.๙) อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นต้นดำริในโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕

ท่านรองผู้ว่าจังหวัดปทุมธานีกล่าวรายงาน และกล่าวต้อนรับ แต่ว่าท่านรองผู้ว่าฯ น่าจะเป็นผู้ปฏิบัติธรรมชั้นยอด ดังนั้น..ในคำกล่าวต้อนรับ จึงกลายเป็นสอนกรรมฐานแก่พระไปเสียนี่..! แล้วท่านเจ้าคุณปัญญา (พระปริยัติวรานุกูล) เลขานุการโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ หนกลาง ได้ทำการแนะนำพระเถระผู้เป็นกรรมการตรวจประเมินในวันนี้

ระหว่างนั้นกระผม/อาตมภาพก็ทำการประเมินตามเอกสาร เมื่อให้คะแนนเสร็จสรรพเรียบร้อย เซ็นชื่อกำกับแล้ว ก็ส่งให้หลวงพ่อเจ้าคุณทินน์ (พระโสภณพัฒนคุณ) เจ้าคณะอำเภอหนองม่วง เจ้าอาวาสวัดพุน้อย จังหวัดลพบุรี หรือที่รู้จักกันในนามเศรษฐีเรือทอง ซึ่งท่านเป็นคู่ประเมิน ให้เซ็นชื่อร่วมกัน

เมื่อได้รับการแนะนำและแสดงตัว ต่อทั้งคณะกรรมการฝ่ายพระสงฆ์และฆราวาสแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัว เดินทางจากวัดเกิดการอุดม ฝ่ารถติด กว่าจะไปถึงวัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร ก็เที่ยงตรงพอดี ได้เข้าไปถวายมุทิตาสักการะ พระเดชพระคุณพระราชวิสุทธาภรณ์ รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งท่านเจริญอายุวัฒนมงคล ๗๔ ปีในปีนี้

เมื่อรับไทยธรรมที่ท่านถวายกลับมาเป็นน้ำใจแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวเดินทางเข้ายังที่พัก เนื่องเพราะว่า ดร.พระครูโรจน์ (พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร.) เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ท่านไปนัดช่างภาพมาถ่ายรูปกระผม/อาตมภาพกับพัดยศ

กระผม/อาตมภาพตั้งแต่รับพัดยศมา ไม่ว่าจะเป็นพระใบฎีกาก็ดี พระครูธรรมธรก็ดี พระครูวิลาศกาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโทก็ดี พระครูวิลาศกาญจนธรรม รองเจ้าคณะอำเภอทองผาภูมิก็ดี ตลอดจนกระทั่ง พระครูวิลาศกาญจนธรรม เทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระก็ตาม ไม่เคยได้ถ่ายรูปกับพัดยศอย่างเป็นทางการเลย..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าอันดับแรก รับมาก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลย ประการที่สองก็คือ กระผม/อาตมภาพนั้น ถ้าหากว่าจะผูกตัวเองอยู่กับสภาพใดก็มักจะอยู่ได้ไม่นาน เอาแค่การทำนามบัตรของตนเองก็แล้วกัน ทำนามบัตรเมื่อไร ก็เปลี่ยนชื่อเมื่อนั้น ดังนั้น..จึงต้องเลิกไปโดยปริยาย เนื่องเพราะว่าถ้าถ่ายรูปกับพัดยศ อาจจะต้องเปลี่ยนพัดยศใหม่ ถ้าตำแหน่งหน้าที่ หรือสมณศักดิ์ใหญ่ขึ้น ก็แปลว่าภาระงานจะต้องหนักขึ้นไปด้วย

เสร็จสรรพเรียบร้อย ก็รีบมาถ่ายรูปวัตถุมงคลส่งให้ไอ้ตัวเล็กเอาไปลงในเว็บวัดท่าขนุน เพื่อให้ญาติโยมได้ทำบุญในรายการสร้างพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุน และรายการทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร

 

คราวนี้ในสิ่งทั้งหลายที่นำไปลงนั้น ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า เป็นสิ่งที่กระผม/อาตมภาพได้คัดแล้วว่าจะนำเข้าพิพิธภัณฑ์ แต่ภายหลังเมื่อเปลี่ยนใจ เนื่องเพราะว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ ๓๑ ภพภูมิ ตลอดจนกระทั่งพระนิพพาน และมีห้องประวัติหลวงปู่สาย ห้องการทรงงานของในหลวงรัชกาลที่ ๙

ในส่วนของวัตถุมงคล จึงตัดเหลือแค่ ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดินเป็นหลัก และวัตถุมงคลอื่น ๆ ในลักษณะหยิบเอาชิ้นสำคัญมาอย่างละ ๕ ชิ้น อย่างเช่นว่าแหวนพิรอด สายคาดเอว ลูกอม มีดหมอ เหล่านี้เป็นต้น ในส่วนที่ตั้งใจคัดของดีของสวยเอาไว้ เพื่อที่จะเก็บให้ดูในพิพิธภัณฑ์ จึงนำมาจำหน่ายเพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์บ้าง เพื่อเป็นทุนการศึกษาบ้าง

โดยเฉพาะพระหรือว่าลูกอมเนื้อเมฆสิทธิ์ ของ หลวงปู่ทับ วัดอนงคารามนั้น ทางวงการเขาถือว่าเป็นวัตถุมงคลที่เสริมดวง พลิกชีวิตได้เป็นอย่างดีเลิศ เนื่องเพราะว่าเนื้อเมฆสิทธิ์นั้นเป็นโลหะสำคัญที่มีอานุภาพยิ่งใหญ่ภายในตัวอยู่แล้ว

อีกส่วนหนึ่งก็คือในเรื่องของตะกรุดมหาจักรพรรดิตราธิราช ของ หลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราชนั้น ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่ากระผม/อาตมภาพคัดเอาแต่ละขนาดเอาไว้อย่างละดอกเดียวเท่านั้น โดยเฉพาะดอกที่ลงไปในวันนี้คือขนาด ๓๙ นิ้ว เป็นที่น่าเสียดายว่า กว่าที่จะมาถึงมือของกระผม/อาตมภาพนั้น ท่านเจ้าของต้องผจญกับน้ำท่วมปี ๒๕๕๔ จึงทำให้ฐานตะกรุด ไม่ทราบว่าลอยน้ำไปไหน ? หรือว่าเก็บข้าวเก็บของแล้วไปยัดเก็บไว้ที่ไหน ? เจ้าของจึงหาไม่เจอ

ในเมื่อลูกหลานไม่เห็นคุณค่า จึงนำมาปล่อยต่อให้กระผม/อาตมภาพเอาไว้ ซึ่งเมื่อเก็บไปเก็บมาแล้ว จะเอาออกพิพิธภัณฑ์ก็จะกินเนื้อที่มาก เนื่องเพราะว่าแต่ละดอกนั้น เป็นตะกรุดที่หลวงปู่เทียมท่านตั้งใจทำให้เป็น "ของประจำตระกูล" เป็นที่น่าเสียดายว่า ของสำคัญที่ครูบาอาจารย์ตั้งใจทำให้ กลับหลุดไปสู่มือของบุคคลอื่น ซึ่งมีบุญเพียงพอ เอาไว้เป็นของประจำตระกูลของเขาไปแทน

อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะบอกกล่าวก็คือว่า ใกล้ที่จะออกพรรษาแล้ว กระผม/อาตมภาพจะมีโปรแกรมการเดินทางไปยังประเทศลาว เพื่อที่จะไปชมแก่งหลี่ผีมหาสีทันดร และมหาน้ำตกคอนพะเพ็ง ซึ่งเป็น "น้ำตกพิทักษ์แผ่นดินลาว" ถ้าไม่ใช่น้ำตกนี้ ฝรั่งเศสจะยึดประเทศลาวได้เร็วกว่านี้อีกหลายปี และอาจจะได้รับทราบเรื่องราวสำคัญต่าง ๆ ซึ่ง "ท่านบรรดาผู้ที่ไม่เห็นตัว" อาจจะบอกจะกล่าวให้ทราบเมื่อไปถึง

โดยเฉพาะในส่วนของแม่น้ำโขง สิ่งสำคัญลี้ลับต่าง ๆ ก็มีอยู่มาก ดังนั้น..ถ้าหากว่าท่านใดที่ตั้งใจจะร่วมขบวนเดินทางไปด้วยกัน ก็คงต้องไปติดต่อกันเองที่เว็บเพจกิฟท์จังพลังเวทย์ กระผม/อาตมภาพมีหน้าที่รับนิมนต์ไปร่วมทริปเท่านั้น

 

ไม่ใช่แต่เพียงเท่านี้ แต่ว่าลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เจ้าของเว็บเพจกิฟท์จังพลังเวทย์ ซึ่งกระผม/อาตมภาพเองแทนที่จะเห็นเป็นหลาน ก็เห็นเป็นลูกมาหลายปีแล้ว ได้ทำโปรแกรมคร่าว ๆ ในการที่จะไปยังเมืองซาปา ประเทศเวียดนาม ซึ่งถ้าปะเหมาะเคราะห์ดี ปีหน้าก็อาจจะได้ชมหิมะกันที่เวียดนามก็เป็นได้

เวียดนามในส่วนอื่น ๆ นั้น กระผม/อาตมภาพไม่มีอารมณ์ที่จะไป เพราะว่าเบื่อรถติด แต่ทางด้านเมืองซาปา ซึ่งเป็นด้านเหนือ ใกล้ประเทศจีนนั้น รถไม่ได้มากมายเหมือนทางด้านใต้ ถึงเวลาก็คาดว่าญาติโยมทั้งหลายจะได้ร่วมขบวนไปด้วยกันอีก เพราะว่ากระผม/อาตมภาพไม่ใช่ผู้จัด แต่เป็นทางด้านเติมเต็มทัวร์ หรือว่าเว็บเพจกิฟท์จังพลังเวทย์เป็นเจ้าภาพ เช่นเดียวกับการไปชมแก่งหลี่ผีมหาสีทันดร และมหาน้ำตกคอนพะเพ็งที่ลาวใต้ แขวงนครจำปาศักดิ์ในครั้งนี้

ท่านใดก็ตามที่อยากเดินทางร่วมขบวนไปกับกระผม/อาตมภาพ ก็ลองติดต่อไปทางเว็บเพจดู ได้ยินว่ายังมีที่ว่างอยู่บางที่ แต่ว่าในส่วนของไปยังเมืองซาปา ประเทศเวียดนามนั้น ยังไม่ได้เปิดให้จอง กระผม/อาตมภาพมาปูดข่าวล่วงหน้าก่อน ถ้าเป็นโบราณเขาต้องเรียกว่าพวก "ฆ้องปากแตก" ก็คือมีเรื่องอะไรก็เก็บไม่อยู่ แต่กระผม/อาตมภาพถือว่า มีอะไรเราก็บอกกันตรงไปตรงมา ท่านทั้งหลายจะได้มีเวลาตัดสินใจล่วงหน้าได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)