เรื่องเด่น ชาวสงขลาต้อนรับขบวน “ตูน บอดี้สแลม” อย่างล้นหลาม ยอดบริจาคพุ่งเป็น 81 ล้านบาทแล้ว

“จิมมี่ ชลาลา”เศรษฐีใจบุญเมืองคอนประกาศบริจาค 29 ล้านเพื่อการกุศล-ให้ “ตูน บอดี้แสลม” 16 ล้านบาทเมื่อวิ่งผ่านจังหวัดนครศรีธรรมราช-ส่วนอีก 13 ล้านมอบให้พนักงานและหน่วยกู้ภัยฯที่ช่วยเหลือตัวเองและครอบครัว 6 ชีวิตรอดตายจากเหตุเพลิงไหม้กลางเมือง​

โครงการวิ่งการกุศล “ก้าวคนละก้าว” จากใต้สุดที่ อ.เบตง จ.ยะลา สู่เหนือสุด อ.แม่สาย จ.เชียงราย เพื่อนำรายได้จัดซื้อเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลศูนย์ 11 แห่ง ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนด เนื่องจากประสบปัญหาฝนตก และมีประชาชนมาต้อนรับเป็นจำนวนมาก และอาการเจ็บขาที่บริเวณกล้ามเนื้อ เนื่องจากวิ่งและหยุดมาตลอดทาง ล่าสุดได้เข้าสู่ อ.เทพา จ.สงขลาแล้ว มีประชาชน ชาวบ้าน มารอต้อนรับและร่วมบริจาคเงิน พร้อมถ่ายรูปเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยในวันนี้คณะของตูนจะออกวิ่งออกจากสงขลาเพื่อมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดนครศรีธรรมราชต่อไปนั้น

ในขณะที่เฟซบุ๊กบัญชีชื่อว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้โพสต์ข้อความโดยอ้างอิงข้อมูลมาจาก “ Surin Sirichayanon “ ถึงนายจิมมี่ ชวาลา เศรษฐีเจ้าของห้างขายผ้าชื่อดังของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เตรียมจะบริจาคเงินให้ตูน บอดี้สแลม จำนวน 16 ล้านบาทด้วย โดยเนื้อหาทั้งหมดระบุว่า “ท่านจิมมี่ #จิมมี่ชวาลา” มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ บริจาคเงิน 16 ล้านบาท ให้กับ #ตูนบอดี้สแลม #ก้าวคนละก้าว ในวันที่ “ตูน” วิ่งผ่าน จังหวัดนครศรีธรรมราช แทนคนนครทุกคน คนละ 10 บาท สาธุบุญ และเรื่องราวดีดีในสังคม ครับ โดยมีผู้เข้าไปแชร์และแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง

นายสุรินทร์ สิริชยานนท์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช และผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่านายจิมมี่ ชวาลา เป็นคหบดีใหญ่เจ้าของธุรกิจห้างผ้ารายใหญ่ “จิมมี่ คลังผ้า” ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช เป็นเศรษฐีใจบุญที่เคยบริจาคเงินช่วยเหลือสาธารณะกุศลมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อปลายปี 2558 ได้บริจาคเงินสด 28 ล้านให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์เพื่อนำไปสมทบทุนบูรณะปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช โดยเมื่อวันที่ 4 พ.ย.60 ที่ผ่านมาเกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ศูนย์การค้ารองเท้าและเสื้อผ้า”เซ็นเตอร์พอยด์” เลขที่ 1334 ริมถนนราชดำเนิน ย่านการค้าตลาดท่าวัง ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชซึ่งอยู่ใจกลางเมืองติดกับห้างผ้าจิมมี่ คลังผ้า ควันไฟได้พวยพุ่งเข้าไปในห้างผ้าของนายจิมมี่ จนนายจิมมี่และลูกเมียต้องหนีตายออกมาได้

แต่นางสาวพี่ดี ชวาลา อายุ 70 ปี น้าสาวที่นอนป่วยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ยังติดอยู่ในห้องพักชั้น 5 นายจิมมี่ และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยประชาร่วมกันฝ่าดงไฟบุกขึ้นไปช่วยเหลือนางวันดี ลงมาได้ โดยทั้งนายจิมมี่ และนางวันดี สำลักควันไฟจนอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่หน่วยก้ำภัยรีบนำส่ง รพ.นครคริสเตียน ให้แพทย์ช่วยเหลือจนอาการปลอดภัยทั้งคู่ โดยเหตุการณ์เพลิงหม้ายอาคารร้านค้าวอดไป 3 คูหากว่า 10 ล้านบาทเจ้าหน้าที่สามารถสกัดเพลิงจนสงบก่อนลุกลามเผาผลาญห้างจิมมี่ ทำให้ห้างผ้าจิมมี่รอดพ้นการถูกเพลิงไหม้ราวปาฏิหาริย์

นายสุรินทร์ เล่าว่านายจิมมี่ เชื่อว่าเป็นเพราะผลบุญกุศลที่ได้กระทำมาอย่างต่อเนื่องทำให้รอดพ้นภัยพิบัติที่เกิดขึ้น ทำให้เมื่อคืนที่ผ่านมาท่านได้ประกาศบนเวทีงานแต่งงานนักธุรกิจที่โรงแรมทวินโลตัส ท่ามกลางผู้คนนับพันคนว่าเหตุการณ์เพลิงไหม้ดังกล่าวทำครอบครัว 6 ชีวิตรอดตายหวุดหวิด จึงอยากจะบริจาคเงินช่วยสาธารณะกุศลจำนวน 29 ล้าน โดย 16 ล้านคนนายจิมมี่ จะมอบให้โครงการก้าวคนละก้าวของตูน บอดี้สแลม ส่วนอีก 13 ล้านบาทจะมอบให้พนักงานในร้านและหน่วยกู้ภัย และช่วยเหลือสาธารณะกุศลอื่น ๆ.

ขอบคุณที่มา
http://www.thaipost.net/?q=node/37711

 

ขบวนนักวิ่งในโครงการก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศเบตง-แม่สาย ที่นำโดย ตูน บอดี้สแลม ในวันนี้ (6 พ.ย.) ได้เริ่มวิ่งออกจากลานกีฬาในอำเภอเทพา หลังจากเดินทางมาถึงพื้นที่จังหวัดสงขลาเมื่อเย็นวานนี้ ตลอดเส้นทางยังคงได้รับแรงใจจากประชาชนในพื้นที่ สำหรับสภาพอากาศในเช้าวันนี้เป็นใจต่อการวิ่งอย่างมาก เพราะท้องฟ้าครึ้มฟ้าครึ้มฝน ไม่มีแดด แต่ก็ไม่มีฝนตกลงมา ตลอดเส้นทางมีกำลังตำรวจตระเวนชายแดน และตำรวจภูธรเทพา ปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยแลดูแลในเรื่องของการจราจร โดยขณะนี้ ทีมนักวิ่งอยู่ระหว่างการหยุดพัก ณ จุดเช็กพอยท์แรก ที่คิตตี้ รีสอร์ท ซึ่งมีประชาชน และทีมนักวิ่งหลายทีม ที่มารอเพื่อวิ่งสมทบร่วมกับตูน

สำหรับสุขภาพโดยรวมของตูนนั้น ทีมงานแจ้งว่าสภาพร่างกายนั้นยังมีความพร้อมที่จะวิ่งได้ตามกำหนดการวิ่งตามปกติ ทั้งนี้ชาวจังหวัดสงขลาได้มีการรณรงค์ผ่านโลกออนไลน์ ให้งดการเซลฟี่ ถ่ายภาพร่วมกับตูนระหว่างเส้นทาง เพื่อลดอาการบาดเจ็บของตูน และให้รวมตัวกัน ณ จุดเช็กพอยท์ในแต่ละจุด ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี



ขบวนวิ่งก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ เริ่มปล่อยตัวออกจากจุดเช็กพอยท์แรก ที่คิตตี้รีสอร์ท อำเภอเทพา เมื่อประมาณ 40 นาทีที่ผ่านมา โดยมีประชาชนร่วมบริจาคเงินและถ่ายภาพร่วมกับตูน บอดี้แสลมกันเป็นจำนวนมาก และตลอดเส้นทาง มีประชาชนรวมตัวกันรอบริจาคและต้อนรับขบวนวิ่งกันเป็นระยะ ซึ่งขบวนวิ่งในวันนี้นั้น มี นพ.พุฒิศักดิ์ พุทธวิบูลย์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ นำทีมแพทย์ของโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และแพทย์จากโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ณ อำเภอนาทวี รวมถึงเครือข่ายนักวิ่งภาคประชาชน เข้าร่วมขบวนวิ่งสมทบกับตูนด้วย โดย นพ.พุฒิศักดิ์ กล่าวชื่นชมในการทำกิจกรรมในครั้งนี้ และร่วมขบวนวิ่งไปกับตูนจนถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช จากนั้นจะมีทีมแพทย์จากจังหวัดสุราษฎร์ธานี รับไม้วิ่งร่วมขบวนต่อไป

ในขณะที่วันนี้ ตูนบอกว่าร่างกายยังแข็งแรงดี และจากการวิ่งในพื้นที่สีแดง ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นตูนบอกว่า มองเห็นเป็นสีชมพู และได้รับกำลังใจอย่างมาก ทั้งการร่วมบริจาค การให้กำลังใจ ที่สำคัญการวิ่งในครั้งนี้นั้น นอกจากการรับบริจาคแล้ว ก็อยากที่จะให้ประชาชน ร่วมกันตื่นตัวในการดูแลสุขภาพของตัวเอง เพื่อลดภาระการใช้เครื่องแพทย์ รวมถึงการดูแลรักษาโรคต่างๆ ของแพทย์ด้วย



สำหรับยอดเงินบริจาคล่าสุดในโครงการนี้นั้นพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดยอดมากกว่า 81 ล้านบาทแล้ว ในส่วนของเส้นทางนั้น วันนี้ในช่วงสาย ตูนจะมีกำหนด ที่จะวิ่งมาอยู่ที่โรงเรียนบ้านปากบางสะกอม และมีกำหนดทำกิจกรรมการบริจาคที่โรงเรียนแห่งนี้ด้วย โดยมีกำหนดระยะทางวิ่ง 49.5 กม.ของวันนี้ และมีจุดสิ้นสุดที่ปั๊ม ปตท.นาหม่อม อำเภอนาหม่อม ในช่วงค่ำ



ที่มา : มติชนออนไลน์



ขอขอบคุณที่มา
https://www.prachachat.net/spinoff/entertainment/news-66351

 

​

เศรษฐีควัก16ล. ร่วมวิ่งคนละก้าว

ตูนวิ่งถึงสงขลาได้รับกำลังใจท่วมท้น ยอดบริจาคทะลุ 100 ล้านไปเยอะหลังเศรษฐีใจบุญ “จิมมี่ ชวาลา” ประกาศสมทบ 16 ล้าน สะเดาะเคราะห์ที่รอดตายจากไฟไหม้ เด็กหญิงเขียนจดหมายถึงร็อกเกอร์หนุ่ม ระบุตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า-ไร้ค่า แต่หันมาคิดบวกเพราะเห็นตัวอย่าง เจ้าตัวดีใจ ไทยพุทธ มุสลิม ผนึกแนบแน่นจนพื้นที่สีแดงกลายเป็นสีชมพู

ความคืบหน้านายอาทิวราห์ คงมาลัย หรือ “ตูน บอดี้สแลม” ร็อกเกอร์หนุ่มชื่อดังของเมืองไทย พร้อมด้วย ก้อย รัชวิน พิธีกร-นักแสดง ซึ่งเป็นแฟนสาว ได้ออกวิ่งระดมเงินจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลในโครงการ “ก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ” จากสุดเขตแดนใต้ สู่เหนือสุดแดนสยาม เริ่มต้นจาก อ.เบตง จ.ยะลา ไปสิ้นสุดที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย รวมระยะทาง 2,191 กิโลเมตร เริ่มออกสตาร์ทตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ อ.เบตง จ.ยะลา และตั้งใจที่จะวิ่งให้ถึงจุดหมายปลายทางภายในวันที่ 25 ธ.ค. รวมระยะเวลา 55 วัน โดยเป้าหมายยอดเงินบริจาคจำนวน 700 ล้านบาท

ล่าสุด ตูนและคณะ ซึ่งวิ่งเข้าเขต อ.เทพา จ.สงขลา รอยต่อกับ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ตั้งแต่ช่วงค่ำวันอาทิตย์ และเช้าวันจันทร์ก็ได้เริ่มออกวิ่งในเขตพื้นที่ของ จ.สงขลา เป็นวันแรกตามโปรแกรมที่วางเอาไว้ที่จะวิ่งใน จ.สงขลา ทั้งหมด 4 วัน ใน 7 อำเภอ ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยจากเจ้าหน้าที่ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) และอาสาภาคประชาชน นับพันนาย ทั้งติดตามคณะและตรึงกำลัง รวมทั้งควบคุมดูแลมวลชนตลอดเส้นทางที่ตูนและคณะวิ่งผ่าน เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตูนและคณะได้ออกวิ่งจากจุดสตาร์ทเซตแรก บริเวณลานกีฬา กม. 72 (ค่ายทหาร) อ.เทพา จ.สงขลา มุ่งหน้าสู่คิตตี้ รีสอร์ท อ.เทพา จ.สงขลา รวมระยะทาง 12.30 กม. ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่มายืนรอบริเวณจุดเช็กพอยต์ เพื่อร่วมสมทบทุนเงินและให้กำลังใจ รวมทั้งถ่ายภาพเอาไว้เป็นที่ระลึกกันอย่างเนืองแน่น ซึ่งตูนได้พูดคุยอย่างเป็นกันเองกับทุกคน รวมทั้งร่วมเซลฟีเท่าที่จะทำได้ พร้อมกับบอกเด็กนักเรียนหลายโรงเรียนที่มาร่วมต้อนรับตลอดเส้นทาง และมอบเงินบริจาค ดอกกุหลาบ ว่าให้เป็นเด็กดีและตั้งใจเรียน อีกทั้งยังได้ขอบคุณผู้คนตลอดเส้นทางด้วย

หลังจากหยุดพักในเซตแรกที่คิตตี้ รีสอร์ท เป็นเวลา 40 นาที ตูนก็ออกวิ่งต่อในเซตที่ 2 ไปสิ้นสุดที่โรงเรียนปากบางสะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ระยะทาง 13.7 กิโลเมตร หยุดแวะพักทำกิจกรรมเพื่อสังคมด้วยการมอบเงิน 50,000 บาท ให้แก่ทางโรงเรียน โดยมีนายกิตติโชค แลบา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านปากบางสะกอม เป็นตัวแทนรับมอบ นอกจากนี้ยังได้มอบทุนการศึกษาในแก่นักเรียนชั้น ป.6 อีกจำนวน 2 ทุน ทุนละ 10,000 บาท ซึ่งเป็นทุนเรียนดี ให้แก่ ด.ช.ธีรภัทร ยอดยิ่ง และ ด.ญ.มนต์นภา เพชรเกลี้ยง

ล่าสุด ตูนวิ่งถึงป้อมตำรวจทางหลวงป่าชิง ซึ่งจุดหมายสุดท้ายในวันนี้คือที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.นาหม่อม อ.นาหม่อม โดยยอดเงินบริจาคพุ่งถึง 90 ล้านบาทแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวจังหวัดสงขลาได้รณรงค์ผ่านโลกออนไลน์ไม่เซลฟีระหว่างการวิ่งในเส้นทาง เพื่อให้การวิ่งของตูนบรรลุตามเป้าหมายและลดอาการบาดเจ็บ โดยให้ผู้ต้องการถ่ายรูปคู่กับตูนไปรวมตัวที่จุดเช็กพอยต์ในแต่ละจุด ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

ส่วนตูนเปิดเผยว่า วันนี้ร่างกายยังแข็งแรงดี และจากการวิ่งในพื้นที่สีแดงของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ตนได้เห็นเป็นสีชมพูและได้รับกำลังใจอย่างมากจากประชาชนในพื้นที่ ที่สำคัญการวิ่งในครั้งนี้นอกจากการรับเงินสมทบทุนแล้ว อยากที่จะให้ประชาชนร่วมกันตื่นตัวในการดูแลสุขภาพด้วย

นักร้องจิตใจงามผู้นี้ยังได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม @artiwara เป็นภาพจดหมายฉบับหนึ่งเขียนด้วยลายมือที่ได้รับระหว่างวิ่ง เป็นจดหมายของเด็กคนหนึ่ง ความว่า

“ถึงพี่ตูน หนูชื่อ…..นะคะ หนูป่วยเป็นโรคซึมเศร้าค่ะ ก่อนหน้านี้หนูรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า ไม่มีคุณค่าอะไรเลย แต่หนูเห็นในเพจก้าว ที่พี่ตูนออกมาวิ่ง มาทำประโยชน์ให้คนอื่น มันทำให้หนูอยากมีชีวิตต่อ สร้างประโยชน์ให้ผู้อื่น ให้ตัวเองกลับมามีคุณค่าอีกครั้ง ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”

ขณะที่แฟนเพจเฟซบุ๊ก @กลุ่มต่อต้านมุสลิมหัวรุนแรง 3 จังหวัดชายแดนใต้ ก็ระบุว่า “เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจกว่า 300 นาย เรียงแถวให้กำลังใจส่งท้ายภารกิจดูแลเส้นทางพี่ตูน ณ เกาะหม้อแกง รอยต่อเขตพื้นที่จังหวัดปัตตานี เข้าสู่พื้นที่จังหวัดสงขลาต่อไป พี่ตูนขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ดูแลตลอดเส้นทางวิ่งโครงการก้าวคนละก้าว ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ #ก้าวคนละก้าว #พี่ตูน #เบตงแม่สาย #โรงพยาบาล11แห่ง”

แอดมินเพจดังกล่าวยังได้ระบุว่า “เจ้าหน้าที่ทุกนายที่มุ่งมั่นปฏิบัติงานตลอด 5 วันที่ผ่านมา โดยไม่ได้พักผ่อน เพื่อสนับสนุนคนดี ทำกิจกรรมดีๆ ต่อสังคมไทย รวมถึงชื่นชมกับสิ่งที่คนดีคนนี้ ทำให้คนทั้งประเทศได้ทราบว่ ดินแดนที่ใช้กฎหมายพิเศษผืนนี้ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่หลายๆ ท่านคิดกัน / ขอบคุณ ผบ.ฉก.ทพ.43”

นอกจากนี้ เฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้โพสต์ข้อความถึงนายจิมมี่ ชวาลา เศรษฐีเจ้าของห้างขายผ้าชื่อดังของจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่เตรียมจะบริจาคเงินให้ตูน บอดี้สแลม จำนวน 16 ล้านบาทด้วย เนื้อหาระบุว่า “ท่านจิมมี่ #จิมมี่ ชวาลา” มหาเศรษฐีผู้ใจบุญ บริจาคเงิน 16 ล้านบาท ให้กับ ตูน บอดี้สแลม ก้าวคนละก้าว ในวันที่ “ตูน” วิ่งผ่านจังหวัดนครศรีธรรมราช แทนคนนครทุกคน คนละ 10 บาท สาธุบุญ และเรื่องราวดีๆ ในสังคม ครับ”

นายสุรินทร์ สิริชยานนท์ เลขาธิการสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครศรีธรรมราช เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าว กล่าวว่า นายจิมมี่ ชวาลา เป็นคหบดีใหญ่เจ้าของธุรกิจห้างผ้ารายใหญ่ “จิมมี่ คลังผ้า” ในตัวเมืองนครศรีธรรมราช เป็นเศรษฐีใจบุญที่เคยบริจาคเงินช่วยเหลือสาธารณกุศลมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อปลายปี 2558 ได้บริจาคเงินสด 28 ล้านบาทให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ เพื่อนำไปสมทบทุนบูรณปฏิสังขรณ์พระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช และเมื่อวันที่ 4 พ.ย.60 เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่ศูนย์การค้ารองเท้าและเสื้อผ้า “เซ็นเตอร์พอยต์” เลขที่ 1334 ริมถนนราชดำเนิน ย่านการค้าตลาดท่าวัง ต.ท่าวัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองติดกับห้างผ้าจิมมี่ คลังผ้า นายจิมมี่กับคนในครอบครัวรวม 6 ชีวิต หนีรอดจากกองเพลิงออกมาได้ แม้ตัวเองและน้าสาวจะสำลักควันไฟ จึงคิดว่าเป็นเพราะผลบุญกุศลที่ได้กระทำมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รอดพ้นภัยพิบัติที่เกิดขึ้น

กระทั่งเมื่อคืนวันอาทิตย์ นายจิมมี่ได้ประกาศบนเวทีงานแต่งงานนักธุรกิจที่โรงแรมทวินโลตัส ว่าจะบริจาคเงินช่วยสาธารณกุศลจำนวน 29 ล้าน เพื่อมากกว่าที่เคยบริจาคบูรณะพระบรมธาตุฯ 28 ล้านบาท โดยจะแบ่งเงิน 16 ล้านบาท บริจาคแทนชาวนครฯ 1.6 ล้านคน ร่วมโครงการ “ก้าวคนละก้าว เพื่อโรงพยาบาล 11 แห่ง ของ “ตูน บอดี้สแลม” คนละ 10 บาท รวมเป็นเงินจำนวน 16 ล้านบาท และมอบให้ตูนเมื่อวิ่งถึงนครศรีธรรมราชในวันที่ 11 พ.ย. ส่วนเงินที่เหลืออีก 13 ล้านบาท จะมอบให้พนักงานในร้านและหน่วยกู้ภัย กับช่วยเหลือสาธารณกุศลอื่นๆ

คำประกาศของนายจิมมี่ที่จะบริจาคเงิน 16 ล้านบาทให้ตูน เมื่อรวมกับยอดเงินบริจาคถึงบ่ายวันจันทร์กว่า 90 ล้านบาท ทำให้เงินบริจาคพุ่งขึ้นกว่า 106 ล้านบาทแล้ว

ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า สธ.ได้ส่งทีมแพทย์เข้าไปร่วมกับทีมแพทย์ของตูนเพื่อดูแลสุขภาพตูนแล้ว ซึ่งตนมีความเป็นห่วง เนื่องจากเป้าหมายในการวิ่งมีระยะทางไกลกว่าพันกิโลเมตร จึงได้มอบหมายให้ นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัด สธ. ประสานงานเพื่อขอข้อมูลทางวิชาการนำมาช่วยดูแลสุขภาพของตูน และสนับสนุนให้ทำอย่างพอดี เพราะไม่อยากให้สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับคนดีๆ.

ขอขอบคุณที่มา
http://www.thaipost.net/?q=node/37725

 

เปิดชีวิต ‘จิมมี่ ชวาลา’ เศรษฐีใจบุญเมืองคอน




ข่าวใหญ่ระหว่างที่ “ตูน บอดี้สแลม” วิ่งจากเบตงสู่แม่สาย ตามโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 รพ. ปรากฏว่า “นักบุญ” เมืองนครศรีธรรมราช แสดงเจตจำนงจะมอบเงิน 16 ล้านบาท สมทบโครงการก้าวคนก้าว สร้างความปลาบปลื้มใจให้แก่คนไทยทั่วไป และมีหลายคน อยากรู้จักเศรษฐีใจบุญคนนี้

สำหรับคนนครฯ รู้จักชื่อเสียงของเศรษฐีคนนี้เป็นอย่างดี และที่น่าทึ่งในหลักคิด “เศรษฐีต่างคนรวย” ฉะนั้น เขาภูมิใจในการเป็น “เศรษฐี”


“จิมมี่” หรือ นายจิมมี่ ชวาลา (Jimmy Chawala) เป็นพ่อค้าผ้าชาวไทย เชื้อสายอินเดีย เจ้าของร้านจิมมี่ ขายผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนคร ร้านนี้สืบทอดกิจการมาจากปู่ย่าและพ่อ ดำเนินการมานานกว่า 70 ปี ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกถนนราชดำเนิน บริเวณสี่แยกท่าวัง ใจกลางเมืองนครศรีธรรมราช

ปู่ของจิมมี่ชื่อ นายเดสราช ชวาลา (Desraj Chawala) ย่าชื่อ นางวิทยา ขันตี ชวาลา (Vidya Wanti Chawala)

“บรรพบุรุษของผมเดินทางเข้ามาอยู่ในเมืองไทย เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีเต็มๆ ผมคิดว่าน่าจะตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 คุณปู่กับคุณทวดผมเดินทางมาเมืองนครโดยทางเรือมาขึ้นที่ปากพนัง ผมกำลังดูให้ละเอียดเลยว่าผมมาจากไหน ผมมีตู้เหล็กจากอินเดีย ตอนนี้ก็ยังอยู่” จิมมี่ เล่าประวัติส่วนตัว

อย่างไรก็ตาม จิมมี่ทราบเพียงคร่าวๆ ว่าถิ่นกำเนิดของบรรพบุรุษอยู่ในรัฐที่เป็นของปากีสถานไปแล้ว อยู่ใกล้ๆ ปัญจาบ พอมีการแบ่งประเทศ สื่อสารกันไม่ได้ แต่รู้ว่าต่างฝ่ายยังอยู่

ร้านจิมมี่ ก่อตั้งเมื่อปี 2500 เมื่อก่อนร้านนี้ชื่อร้านนายชม ร้านของคุณทวดคุณปู่ ทำไมทวดจึงตั้งชื่อนี้ เพราะว่าปู่เป็นคนพูดดี ปู่จะพูดชมคนทุกคน จนคนเปลี่ยนชื่อจากนายเดสราช เป็นนายชม

จิมมี่บอกว่า ตระกูลชวาลา ในเมืองนคร นับตั้งแต่คุณทวดคุณปู่จนถึงร้านจิมมี่ น่าจะราวๆ 97 – 98 ปีแล้ว

พ่อของจิมมี่ ชื่อนายราม ชวาลา (Ram Chawala) แม่ชื่อ นางยานกี เดวี ชวาลา (Janki Devi Chawala) ก่อนแต่งงาน ก่อนออกตลาดขายผ้าอย่างจริงจัง นายรามต้องต่อสู้อย่างปากกัดตีนถีบ เป็นอย่างนั้นจริงๆ นายรามเป็นนักมวยชื่อ “รามซิงค์ ศิษย์สุริยา”

จิมมี่เรียนชั้นประถมที่โรงเรียนชูศิลป์วิทยา ขณะนั้นตั้งอยู่ในวัดบูรณารามบริเวณสี่แยกท่าวัง พอจบชั้นประถมปีที่ 2 ครอบครัวตัดสินใจส่งไปศึกษาต่อจากคลาส 2 ถึงคลาส 9 ที่ Wynberg-Allen High School ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำที่ครูอาจารย์เป็นชาวยุโรป โรงเรียนตั้งอยู่ที่ Mussoorie City ใน Uttra Pradesh State ประเทศอินเดีย และศึกษาต่อระดับ 10 – 11 ที่ Bishop-Cotton School ที่ Simla City ใน Himachal Pradesh State ประเทศอินเดีย

ทำไมจิมมี่ จึงชอบบริจาคเงินช่วยเหลือสังคม จนได้ฉายา “เศรษฐีใจบุญ” ?

คำตอบคือ “เศรษฐี” กับ “คนรวย” มีความหมายต่างกันในทัศนะของจิมมี่

“คนรวยคือคนที่มีทรัพย์ มีเงิน อาจจะมีหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เศรษฐีที่แท้จริงคือคนที่มีทรัพย์ คนที่มีเงิน มีทรัพย์สินและมีน้ำใจ ประเสริฐที่สุดคือ เขามีใจที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณา”

“น้ำใจที่จะเกื้อกูลเพื่อนร่วมเมือง เพื่อนร่วมชาติ และพุทธศาสนา แปลง่ายๆ ก็คือ คนที่มีกินมีใช้ และมีใจต่อเพื่อนต่อพุทธศาสนา ใจต่อศาสนาของเขาเอง รวมกันเราเรียกว่าเศรษฐี คำว่าเศรษฐี ภาษาอังกฤษไม่มี ถ้าบันทึกใหม่ผมไม่ทราบนะครับ ในตู้ผมมีพจนานุกรมอยู่หลายเล่ม ผมเปิดดูไม่มีคำนี้ ผมนั่งคิดอยู่นานว่า ‘เศรษฐี’ แปลว่าอะไร จนผมเป็นเศรษฐี ผมถึงรู้ ตอนนี้ผมเป็นเศรษฐีครับ”

“คนบางคนมีเงินแสนล้านก็เป็นได้แค่คนรวย แต่คนมี 5 ล้าน 1 ล้าน แสนเดียวหรือหมื่นเดียวก็เป็นเศรษฐีได้ ถ้าเขามีน้ำใจ สามล้อก็เป็นเศรษฐีได้ ถ้ามีรายได้จากน้ำพักน้ำแรง 150 บาท ก่อนกินข้าวแกง 25 – 30 บาทตอนเที่ยง แต่ตอนเช้าเขาซื้อข้าวซื้อแกงใส่บาตร คนมีเงินแสนล้านมีเวลาทำไหม เป็นคนรวยกับเศรษฐี จึงแตกต่างกัน”

ด้วยเหตุนี้ “จิมมี่” จึงภาคภูมิใจในการดำเนินชีวิตในฐานะ “ผู้ให้”

“ผมเป็นเศรษฐี ผมไม่บอกว่าแต่ละวันผมได้ทำอะไรบ้าง แต่ผมเป็นเศรษฐีคนหนึ่ง”

———————-

ขอขอบคุณ : ข้อมูลชีวิต “จิมมี่ ชวาลา” ของ จำลอง ฝั่งชลจิตร นักเขียนชาวนครศรีธรรมราช ที่เคยเขียนลงในนิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์

ขอขอบคุณที่มา
http://www.komchadluek.net/news/people/301299

 

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนามิ

 

สาธุขออนุโมทนาบุญครับท่าน