การยกจิตขึ้นไปกราบพระบนพระนิพพานเป็นวิธีการตัดกิเลสอีกวิธีหนึ่ง

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 15 พฤศจิกายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,742
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,560
    ค่าพลัง:
    +26,399
    3A69BFC5-527D-47D2-80AE-575B17B5855D.jpeg

    อย่าลืมว่ามโนมยิทธิสำหรับพวกเราก็คือโลกียอภิญญา ถ้าเรารวบรวมความมั่นใจได้เมื่อไรก็ได้เมื่อนั้น ก็จะได้ตอนนั้น ก็จะได้เดี๋ยวนั้น แต่ในขณะเดียวกันถ้าศีลบกพร่องเมื่อไรก็จะเสื่อม ก็จะคลายตัวไป เรามั่นใจใหม่เมื่อไรก็ได้อีกเมื่อนั้น

    เรื่องของอภิญญาโลกีย์ก็เป็นอย่างนี้ ถามว่าในเมื่อเป็นอภิญญาโลกีย์ ทำไมถึงไปนิพพานได้ เพราะว่าตอนช่วงนั้นครูฝึกจะสอนให้เราตัดกิเลสให้วางกำลังใจเราเทียบเคียงพระโสดาบัน พระโสดาบันแปลว่า ผู้เข้าถึงกระแสพระนิพพาน เราก็เลยไปนิพพานได้ แต่ของเราไปได้แค่ชั่วคราวถึงเวลาเขาไล่กลับ เขาไม่ให้อยู่หรอก

    เพราะฉะนั้น..ทำเอาไว้เถอะ เพราะถ้าหากว่าเราทำมโนมยิทธิได้แล้วให้เกาะพระนิพพานโดยตรง ให้เกาะพระพุทธเจ้าบนนิพพานโดยตรง อันนั้นเป็นวิธีตัดกิเลสโดยอัตโนมัติที่สุด รู้สึกว่าจะโกรธใครวิ่งเข้าไปกราบพระบนนิพพาน รู้สึกว่าราคะเกิดก็วิ่งไปกราบพระบนนิพพาน ถ้าหากว่าราคะ โลภะ โทสะ โมหะ ขึ้นอยู่กับตัวของเรานี้ไม่มีจิตไปปรุงแต่ง กิเลสเจริญงอกงามไม่ได้ ก็จะเฉาตายไปในเวลาอันรวดเร็วไม่เกินนาที สองนาที ถ้าเราทำอย่างนี้บ่อย ๆ จะเป็นการตัดกิเลสอัตโนมัติ ถ้าเคยชินจะเป็นพระอรหันต์ไปเลย มโนมยิทธิที่หลวงพ่อสอน จุดสำคัญที่สุดอยู่ตรงจุดนี้ อย่าไปใช้ผิดจุด

    ส่วนใหญ่เที่ยวดูอดีต ระลึกชาติเสร็จแล้ว ก็ไปฟื้นความหลัง เขาให้ดูแล้วใช้ปัญญาว่าเข็ดหรือยัง แต่ละชาติที่เกิดมาทุกข์ทั้งนั้น ถ้าเกิดอีกก็ทุกข์อีก ปัจจุบันที่ทุกข์อยู่ในเมื่อถ้าหากว่าเป็นอย่างนั้นแล้ว เราก็เกาะนิพพานเอาไว้อย่างเดียว หมดกิเลสเอาเฉย ๆ ของที่หลวงพ่อสอนให้นั่นราคามหาศาล เอาไปใช่แค่บาทหนึ่ง สลึงหนึ่งยังไม่พอ ยังเอาไปใช้ผิดอีกต่างหาก จำไว้ว่าอย่าทิ้ง ขอยืนยันว่าตั้งแต่ทำมาไม่มีกรรมฐานที่ไหนหรือของใคร สอนได้ง่ายกว่านี้อีกแล้ว

    อาตมาตั้งแต่เด็กมาช่างค้นคว้า ครูบาอาจารย์สายไหนก็ตาม บอกว่าดีลุยไป ไปขลุกอยู่กับครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่นตั้งหลายปีนะ หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่ขาว หลวงปู่เทสก์ เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ประเภทเรียกใช้สอยมาทั้งนั้น เพราะว่าของเราเป็นเด็ก ๆ มันวิ่งคล่อง

    ตอนนั้นที่วัดธรรมมงคล ซอยปุณณวิถี สุขุมวิท ๑๐๑ หลวงพ่อวิริยังค์ ท่านจะสร้างพระเจดีย์ใช่ไหม ? ที่บ้านเป็นกรรมการร่วมสร้างกับท่านทุกคน พอถึงเวลาเดือนมกราทุกปีก็จะมีการชุมนุมครูบาอาจารย์ สายหลวงปู่มั่นของเราก็จะไปวิ่งรับใช้ท่านอยู่ เพราะว่าเป็นเด็ก ๆ วิ่งคล่องตัว ท่านก็บอกว่าอยากได้ความดีก็ทำเอานะ ภาวนาเอานะ แต่ท่านไม่ได้บอกว่าทำอย่างไร ภาวนาอย่างไร ไม่เหมือนหลวงพ่อของเรา บอกรายละเอียดเอาไว้ครบหมด แล้วอันโน้นนี่ทำกันประเภท ต้องทุ่มเททั้งชีวิตจริง ๆ แลกกันไปเลย ตายเป็นตายขอให้ได้ธรรมะก็แล้วกัน อาจจะอดข้าวทีหนึ่ง ๗ วัน ๑๕ วัน หรือไม่ก็ฉันวันละคำ สองคำ แล้วก็เดินจงกรม ภาวนาทั้งวันตั้งแต่วันยันค่ำคืนยันรุ่ง นั่งตั้งแต่หัวค่ำยันสว่างอย่างนี้ ของเรากำลังใจของเราไปสู้ท่านไม่ได้ แต่ว่าก็มั่นใจว่า ถ้าทุกคนทำถึงแล้ว สภาพจิตจะเข้าถึงธรรมเหมือนกันหมด

    อย่างหลวงตาบัว ใคร ๆ ก็ว่าท่านดุ ใคร ๆ ก็ว่าท่านเด็ดขาด เคยขอหวยท่านมาแล้ว ท่านให้แล้วก็ออกตามนั้นด้วย คือท่านรู้ว่าไอ้เด็กตัวกระเปี๊ยกนี่มันข้องใจว่า พระที่ปฏิบัติตามสายบริสุทธิ์คือ วิสุทธิมรรคแบบนั้น ถึงเวลาแล้วจะมีฤทธิ์ มีเดช มีตาทิพย์ หูทิพย์อะไรไหม ? ก็ปรากฏว่าก็มีจริงตามนั้น อีกอย่างหนึ่งคือ เป็นคนไม่ชอบเล่นการพนัน ท่านก็เลยให้ สมัยนี้ลองไปขอท่าน ดูซิหัวจะแตกไหม ? ท่านรู้ว่าเราขอเพื่อต้องการพิสูจน์ ท่านก็ให้พิสูจน์ของจริงเขาไม่กลัวการพิสูจน์ แต่ขณะเดียวกันว่าคนที่ขอแล้วเอาไปเล่นเผลอเมื่อไรบอกคนอื่น พวกนั้นไม่ได้รับประทานหรอก
    .....................................
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. วัดท่าขนุน
    www.watthakhanun.com

    ขอบคุณภาพรูปหล่อพระวิสุทธิเทพ สมเด็จองค์ปฐม วัดพุทธพรหมยาน
    จากคุณ ภัทร์ษกรณ์ จิระประเสริฐสุข
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...