แหะๆๆแค่ต้องการพิสูจน์ตัวเองน่ะค่ะ ว่าสิ่งที่สัมผัสได้จริงไหม อย่างที่เคยบอกพี่รั้งค่ะไม่เคยเชื่อตัวเองถ้าไม่มีการพิสูจน์ อิอิ
เคยอธิษฐานดูพระหลวงปู่ทวด หลังเตารีด ปี2505 เนื้อทองแดง สัมผัสได้ว่า ท่านปลุกเสกด้วยพระคาถาเมตตา คือออกเย็นๆ และพระคาถาที่ออกทางคุ้มครอง เช่น แคล้วคลาด และพระคาถามหาอุด ครับ แต่ต้องเข้าฌานลึกถึงฌานสี่แล้วถอยลงมาฌานสามเพื่ออธิษฐาน แล้วจึงกลับไปฌานสี่อีกครั้งหนึ่งครับ จึงจะสัมผัสได้ครับ เรียกว่า ยากเหมือนกันครับ แล้วก็ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ครับ แต่ปกติไม่ค่อยกล้าทำเช่นนั้น เพราะเคยทำแบบนี้กับหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานแล้วออกร้อนไปสามวันสามคืนครับ
ขอบคุณท่านประธานค่ะ เอ๋!!!!?????? ว่าแต่ว่าท่านเหล่านั้นจะไปไหนกันหนอ ??? (i)(i)(i)(i)(i) (smile) ชัก อยากรู้หนอ ขึ้นมาทันทีเลย อิอิ
ยังไม่ง่วงเหรอคุงคู คุยกับเรามากๆ เดี๋ยวเก็บไปฝันอีกน้า..าาา อย่าเห็นเป็นป้อจายไปหาซะล่ะ หล่อซะด้วยจิ ระยะหลังๆ มานี้ เห็นแปลกๆ ไป ก็เลยคิดว่าจะบอกลาแระ รู้สึกเหนื่อยกับการคอยเอาอกเอาใจคนโน้นคนนี้อ่ะ มันขัดที่ใจ ขัดได้ทุกวัน ขััดยังไง ใจก็ยังไม่สะอาดซักที ก็เลยคิดว่าจะหยุดตัวเองไว้เพียงนี้ แล้วให้เวลากับการพิจารณาตัวเองให้มากกว่าีนี้
ท่านประธานเจ้าคะ..แล้วนู๋ ที่ท่องคาถาไม่เป็นซักบท..จะทำฉันใดดี<!-- google_ad_section_end --> ก็แปลงร่างเป็นพญานาค ซิครับ เขาจะได้ตกใจกลัว หรือไม่ก็---หนอครับ
ชีวิตเราช่างคล้ายกันมากนะค่ะ แต่ไม่เป็นไรค่ะ เลือกในเส้นทางที่เราคิดว่ามันดีที่สุด ชะตาชีวิตเราไม่อาจลิขิตได้แต่เราเลือกที่จะเป็นได้ เมื่อเราเลือกแล้วมันก็ต้องอยู่ได้ อยู่ที่ว่า ณ ตอนนั้นเรากล้าที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงไหม อิอิ สู้ๆๆๆค่ะ เบื้องหลังอุปสรรค ก็คือความสำเร็จ
ขัดใจตัวเราเองดีกว่า..มั๊ย.. ขาวแวววาว..ปิ๊ง.งงงงงง ไม่มีอะไรหรอก..ก็ตอนนั้นตัวเองคุยกับเรา แล้วบอกว่าใจหวิวๆ จะเป็นลม ไม่รู้ว่ารับอะไรของเราไป...เราก็เลยต้องประเมินสถานการณ์ก่อน..เล็กน้อย ไม่ชอบเป็นสาเหตุให้ใครเป็นลม หรือใจคอวาบหวิว..ววววว เด๊อ.ออ ค่ะ..
ฮ่า..ฮ่า.. นู๋แปลงร่างเป็นพญานาคคงไม่ได้..หนอ แล้ว หรือไม่ก็....หนอ นี่รัยอ่ะ วิ่งหนีป่าราบ.บบบบ เหรอเจ้าคะ..rabbit_run_away
มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก สภาวะแบบนี้เราเป็นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เห็นใครร้องไห้ ก็เป็นลมเพราะเอาใจเ้ข้าไปรับทุกข์แทนเค้า ความสงสารมันบีบใจ เห็นหนุ่มสาวกอดกัน ยังเป็นลมเลย ได้ยินเค้าบอกรักกันก็เป็นลม เพราะมันเห็นทุกข์ เห็นเลือดก็เป็นลม เดี๋ยวนี้ดีขึ้นบ้างแล้ว เพราะพยามยามทำใจให้กระด้างเข้าไว้ วันนั้น พอได้ยินตะเองบอกว่ากำลังปรับร่างกาย เหงื่อไหลท่วม ก็เลยส่งใจไปรับ อยากให้หายไวๆ ไม่อยากให้ทุกข์กายทุกข์ใจ แต่สภาวะนั้นก็เป็นอยู่ไม่นาน เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็หายเป็นปกติแล้ว มันเป็นสภาวะที่เราส่งจิตออกนอกเอง ไม่ได้มีใครส่งกระแสอะไรมากระทบ
รู้สึกคุ้นๆลีลาการถามแบบนี้จังฮิฮิ คุณยุ้ยเริ่มจะมีลีลาระดับเทพแบบท่านประธานแล้วสิคะ เนียนได้ใจมากๆค่า ฮี่ๆๆๆ อยากรู้เรื่องนี้ด้วยคนค่ะ
น้องมุกมิก..เป็นงัยบ้างอ่ะ เงี๊ยบ.บบบ เงียบ.บบบบ เชียว..ระวังน้ำลายบูด.ดดด เน้อ.อออ ขยันเรียนมาก.กกกก ครูก็หักคะแนนนะ..จะบอกให้ เหอ..เหอ..(หัวเราะแบบครูใจแม่มด..ฮ่าฮ่า)
แหม !!!! ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะคุณ zaxc มันอาจจะเป็นการซึมซับ ลีลาการเล่านิทาน การถามคำำถาม จากการอ่านนิทานของท่านประธาน มาเนินนานก็ได้นะค่ะ อิอิ
ครั้งหนึ่งนั่งสมาธิแล้วเห็นตัวเองออกมาเดินรอบห้องแต่ก็เห็นตัวเองที่นั่งสมาธิอยู่เหมือนกัน ไม่เดยเป็นมันคืออะไร รบกวนท่านผู้รู้ ใครก็ได้ค่ะ ตอบให้ด้วยเหมือนในจิตเราจะกำหนดได้แล้วจิตบอกไปว่า ไป
พูดถึงท่องคาถาไม่เป็น..ก็เล่าเรื่อง คนผีเข้าซักเรื่องละกัน ...ตอนนี้เรากำลังร่วมมือกับชาวบ้านและคนที่เคารพ รัก ศรัทธา พระเจ้าตาก ได้สร้างศาล และหล่อพระบรมรูปขนาดเท่าพระองค์จริง แทนศาลเดิมที่ชำรุด ณ วัดแจ้ง คืนหนึ่งเกือบสามทุ่มแล้วมั๊ง มัคทายกวัดก็โทรมาหาเรา แล้วบอกว่า...(เลียนแบบประธาน..อิอิ) ....(เค้าเรียกเรา)...เมื่อกี้พระเจ้าตากลงร่าง ยาย.... แล้วบอกว่า กูอยากพักผ่อน ให้กูได้นั่งอย่าให้กูยืน ..คงพูดคุยกันสักพัก แล้วตอนนี้ ยาย...กำลังนอนเป็นลมอยู่ แล้วเราจะทำงัยกันดี เราก็เลยบอกว่า..คงช้าไปแล้ว เพราะผ่านขั้นตอนต่าง ๆ มามากแล้ว ไม่เป็นไรประชุมคราวหน้า ให้ ยาย... มาด้วย จะได้ดูว่าเป็นพระเจ้าตากจริงมั๊ย ถ้าจริงก็จะได้ขอ เพราะเราเชื่อว่า พระเจ้าตาก ไม่เคยทำให้ลูกหลานเดือดร้อน โดยส่วนตัวเราไม่เชื่อว่าเป็นพระเจ้าตากมาลงร่าง ยาย... เด็ดขาด พอถึงวันประชุม ก็ประชุมกันไปตามปกติ พอเลิกประชุม ป๊าด.ดดดดดดด ยาย..ออกอาการเลย เราก็นั่งกินข้าวต้ม กับผู้ชาย ๔-๕ คน เค้าก็บอกว่า...เอาแล้ว ๆ เราก็มองเฉย.ๆ วางใจเป็นกลางๆ แล้วรับสัมผัสด้วยใจ ก็ไม่มีอะไร เฉยๆ ว่าง ๆ ก็เลยไม่ได้สนใจ สักพักเค้าพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ เราก็เลยบอกว่า พูดภาษาพม่าหรือไง พม่าชัดๆ คนอื่นๆ ก็เลยบอกว่า อ้าว..พม่า ก็คิดจะมาทำลายให้ทำไม่สำเร็จอ่ะสิ.. ยาย...เค้าก็นั่งคอตก ผมห้อยปรกหน้า ทำตาขวางอยู่ แต่เราก็ไม่ได้สนใจ พอกินข้าวต้มหมดชาม ยาย..ก็นั่งปกติ หวีผมมัดผมเรียบร้อย.. เราก็คอยระวังเหมือนกัน ถ้าแกวิ่งมาหาเราจะทำงัยดีเหว่ย.ยยย (มีดาบซักเล่มนะ..ฮึ) แต่ก็แปลก มือเราที่ตักข้าวต้มกินก็สั่นแฮะ ไม่รู้เพราะอะไร สัมผัสรู้สึกอะไรไม่มีเลย... ปัจจุบันการดำเนินงานทุกอย่างก็เดินหน้าอย่างเดียวไม่มีถอย.. เสือดาว* ดึกแระ..ขอตัวก่อนนะคะ ขอให้สบายกายสบายใจทุกทุกคนค่ะ..
ร้านพี่รั้ง ซิ อยากเห็นบ้านพี่รั้ง อยากเห็นร้านว่าเป็นยังไง เหมือนจะมีอ่างบัวอยู่หน้าร้าน ไม่แน่ใจ แล้วก็เห็นบริเวณร้าน อุปทานหรือเปล่า ไม่เชื่อตัวเอง แล้วเราก็ดึงจิตกลับมาที่ร่าง แต่เหมือนกับจิตเราเดินไปรอบๆๆห้อง แล้วเราก็ดึงกลับเขามาที่ตัวเอง ตอนแรกคิดว่าจะลองไปที่อื่นดูแต่ไม่กล้าอ่ะ กลัว เพราะไม่เคยเป็นแบบนี้ รบกวนด้วยนะค่ะ ว่าต้องแก้ไขอย่างไร ยินดีรับคำชี้แนะจากทุกคนค่ะ สอนน้องหน่อยนะค่ะน้องเป็นเด็กหัดฝึกน่ะค่ะไม่ค่อยได้ฝึกเท่าไหร่ เมตตาด้วยนะค่ะ
รอให้คุณคุรุวาโรมาแนะนำดีกว่าค่ะ พี่ไม่เคยมีประสบการณ์ถอด..แบบนี้ พี่ไปไหนที ก็ไปสบายๆ ค่ะ นอนไป หรือก็คือไปตอนที่กายเนื้อหลับแต่มีสติ เห็นตัวเองมี 2 กายบ้าง 3 กายบ้าง จะเป็นลักษณะดูทีวีจอยักษ์ แถมเป็นทีวีสีอีกต่างหาก ทั้งภาพและเสียงชัดเจนค่ะ แต่ไม่เคยไปดูของใครนะคะ มารยาทดี ไม่ล่วงละเมิดสิทธิส่วนบุคคลค่ะ ครูบาอาจารย์สอนไว้ไม่ให้ไปดูคน เพราะจะทำให้ศีลด่างพร้อยค่ะ เราก็เคารพเชื่อฟังครูบาอาจารย์ค่ะ
เรื่องถอดกายทิพย์เคยมีประสบการณ์บ้างเหมือนกันครับ และส่วนมากนักปฎิบัติมักเกิดปัญหา ๒ เรื่อง คือความกลัวตายและ เรื่องความสงสัย ทำให้ไม่ก้าวหน้าในการเจริญวิปัสสนาญาณ ซึ่งสภาวธรรมดังกล่าวนั้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มตน ของสมถะ คือเมื่อจิตสงบลงไปแล้ว รูป,นาม(ร่างกาย,จิต)จะแยกออกจากกันเป็นอิสระโดยอัตโนมัติ(ไร้การควบคุมในเบื้องต้น แต่เมื่อฝึกจนชำนาญแล้วจึงสามารถควบคุมบังคับได้ ด้วยอำนาจวิปัสสนาญาณ...มิใช่ด้วยอุปาทาน) ดังนั้น คำแนะนำสำหรับข้าพเจ้าคือ เมื่อจิตแยกออกจากกายหยาบได้แล้ว ให้พยายามระลึกเพ่งมองดูกายหยาบของตนเองนั้นแหละ...ส่วนใดส่วนหนึ่งในอาการ ๓๒ มีผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น เมื่อย้อนจิตออกมาจ้องดูกายหยาบของตนเองอยู่ "เดี๋ยวพระธรรมท่านก็จะแสดงความจริงให้เราเห็นเอง เป็นปัจจัตตัง ของนักปฎิบัติแต่ละท่าน จะเห็นไม่เหมือนกันครับ แต่ลงในหลักเดียวกัน" เช่น หลวงพ่อพุธ ฐานิโย แห่งวัดป่าสาลวัน ท่านเห็นกายหยาบของตนเอง ค่อยๆเปลี่ยนแปลง จากเด็ก เป็นหนุ่ม เป็นคนแก่ เป็นกระดูก สุดท้ายเป็นขี้เถ้า... จากนั้น ก็เป็นแบบเดิม ฯลฯ ปัญญาท่านก็สว่างขึ้น รู้เห็นความเป็นจริงของชีวิต พร้อมทั้งปล่อยวาง ความยึดมั่นถือมั่นได้อย่างสนิทใจ เพราะจิตที่สงบลงไปแล้ว เห็นร่างกายอันเป็นที่รักของตนนั้นเปลี่ยนแปลงตามความเป็นจริง เป็นสัจธรรมของชีวิต.... สำหรับท่านหน่อนั้น เห็นฟันของตนเองกำลังขบกันจนแน่น จิตเกิดความกลัว จึงถอนออกจากสมาธิ...อีกสาเหตุหนึ่งนั้นเพราะจิตท่านยังไม่ถอนปณิธาน จึงยังมิอาจทำให้วิปัสสนาญานขั้นสูงเกิดขึ้นได้(ข้ออ้าง) จึงอาศัยร่างแมวเหมียวท่องเว็บบอร์ดไปวันๆหนึ่ง ครับ :'(
ท่านประธานคับถ้าฝันแบบนี้แปลว่ายังงัยคือฝันว่าตัวเองเป็นพระแล้วกำลังไปหาพระรูปหนึ่งกำลังอาพาธอยู่พอไปถึงในห้องที่ท่านนอนอยู่พอท่านเห็นผมแล่วก้อเอามือของท่านมาจับที่บ่าผมเหมือนว่าท่านรับรู้ว่าผมมาแล้วแล้วท่านก้อนอนลงต่อและต่อไปก้อจำไม่ได้แล้ว หุหุ