จะทำเวลาที่ต้องตื่นผิดเวลาจากปรกติค่ะ และก็ตื่นตามที่ตั้งใจไว้ทุกครั้งค่ะ ส่วนเวลาปรกติจะตื่นเวลาเดิมอยู่แล้ว ไม่ต้องตั้งใจ....
สรรพสิ่ง สรรพชีวิต เข้ากันได้ด้วยธาตุ .................................................. บางที กระแสพลัง กระแสจิต ที่ปรากฏรายล้อมกับกระแสใจที่พุ่งไปในที่ต่างๆ อาจไม่กลมกลืน หรือ มีปฏิกิริยากับ สถานที่นั้นๆ กับ พลังงานที่รายล้อม ชีวิตต่างๆในสถานที่นั้น ...แม้ผู้ส่งใจมาเยือนไม่ได้ตั้งใจ ก็ตาม อาจรู้สึกอึดอัด , มีอะไรพุ่งเข้าทำปฏิกิริยากับพลังที่หุ้มห่อกายทิพย์ , ถ้า ปกติ ผู้เป็นเจ้าของสถานที่เป็นผู้สงบนิ่งได้ มีกำลังของใจหนักแน่น จะเห็นปฏิกิริยาที่เกิดโดยไม่ตั้งใจของเศษพลังงานรอบตัวที่ปะทะกัน จะจางหายแล้วค่อยๆปรับเข้าหากันเอง ยกเว้น แต่อยู่คนละขั้วคนจริงๆ คือ ขาว กับ ดำ เลย ที่ต้องผลักกันไปคนละทาง +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ตัวอย่างจากประสพการณ์ของคนๆหนึ้่งมีดังนี้คื อ ณ สถานที่หนึ่ง ปกติเจ้าของในปัจจุบันก็เป็นคนปฏิบัติธรรม และแผ่อานิสงส์ให้ทุกภพอยู่เนืองนิจ จนมาวันหนึ่งแปลกใจที่มีปรากฏการณ์เกียวกับพยานาคเกิดบ่อย แม้กลางวันแสกๆ ไม่ว่าหลับตา ลืมตา ไม่ว่าจะเป็นเหมือนงูขนาดใหญ่จริงๆ มานอนบนบ้านด้วย ตอนแรก เล่าให้พระสงฆ์ที่มีชื่อเสียงเกี่ยวพันธ์กับพยานาคท่านหนึ่งฟัง ( ท่านสร้างวัดด้วยบารมีพยานาคมานับร้อยวัด ) ท่าน ก็บอกให้จัดเครื่องสักการะเชิญพยานาคออกนอกพื้นที่ แต่ผลกับตรงกันข้าม มีพลังตีกลับที่รุนแรงกว่าเดิม จึีงต้อง อาราธนาท่านผู้เป็นใหญ่ในภพภูมิสากลเป็นตัวกลางเคลียรสถานการณ์ จึงได้ทราบว่า พยานาคสีดำท่านหนึ่ง ถูกลงทัณฑ์ให้มาบำเพ็ญที่ปากประตูทางเข้าเมืองนาค ซึ่ง มีอาณาเขตกินเข้ามาถึงบ้านของคนๆนี้นั่นเอง พยานาคสีดำ ท่านไม่มีเจตนาที่จะเบียดเบียนใคร เพราะจิตอยู่ในการบำเพ็ญ แต่เพราะออร่าหรือพลังของท่านนั้นรุนแรงมาก สิ่งที่อยู่ในอาณาบริเวณที่จำศีลของท่านจึงได้รับผลกระทบ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นสารกัมมันตภาพรังสี นำไปวางไปไว้ที่ใด รังสีที่เปล่งออกรอบๆ ก็มีอานุภาพกระทบสิ่งรอบข้าง เป็นต้น ท่านผู้เป็นใหญ่ในโลกทิพย์ จึง ต้องครอบกันกระแสบารมีของพยานาคสีดำไว้ชั่วคราว และเจรจาให้เจ้านายสายตรงของพยานาคสีดำ เรียกตัวกลับเมือง เป็นอันว่า ทุกอย่างจบลงด้วยดี ไม่มีวาระกรรมที่เป็นเวรต่อกันเป็นห่วงโซ่ต่อไป ทั้งหมด ขึ้นกับ การใจเย็นขอให้ผู้เป้นกลางที่ทรงธรรม แก้ไขด้วยธรรม ทุกอย่างจึงจบด้วยดี ................ธรรมย่อมคุ้่มครองผู้ประพฤติธรรม และ เมตตาธรรมค้ำจุนโลก สมดังพุทธพจน์.........................................
ขอขอบพระคุณ คุณดาบหัก ค่ะที่นำเรื่องดีๆ มาเล่าให้ฟัง...ภาพที่นำมาลงก็สวยงามมากค่ะ (เรื่องพลังงานแบบนี้ เคยมีพระรูปหนึ่งเล่าให้ฟังเหมือนกันค่ะ เพราะตอนนั้นมีเรื่องสงสัยบางอย่าง เลยถามท่าน)
รอคำตอบจากคุณคุรุวาโร ว่า สถานที่บนเมฆนั้นคือสถานที่ใด..... <TABLE id=post5578130 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead>เมื่อวานนี้, 11:16 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right>#375 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ดาบหัก<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5578130", true); </SCRIPT> สมาชิก วันที่สมัคร: Oct 2010 ข้อความ: 1,757 พลังการให้คะแนน: 195 </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_5578130 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->มีวิหาร และเจดีย์สีขาว อยู่บนเมฆ แต่ ตรงทางขึ้นจากโลกไปถึงวัดบนเมฆนี่สิ กว้างประมาณถนนสองเลนธรรมดา โรยด้วยหินคล้ายกรวดแม่น้ำ ที่สะดุดตา คือ มีคล้ายๆกำแพงกั้นขอบถนนสูงขึ้นมาประมาณเอว .และมีพญานาคสีเขียว บนขอบกำแพงกั้นถนนสีขาวนั้น ( คล้ายบันไดขึ้นวัดบนเขา และมีพญานาคนั่นแหละครับ ) ความลาดเอียงมาก คงประมาณ 45 องศาได้ ต้องเร่งเครื่องรถขึ้นไป หมดสิทธิ์ถอย ในวิหารบนเมฆนี้มีผอบพระธาตุเต็มไปหมดเลย ไม่ทราบที่นี่คือที่ไหนครับท่านคุรุวาโร..............<!-- google_ad_section_end --> </TD></TR></TBODY></TABLE> พระที่อยู่ในวัดนั้น ท่านรูปร่างอ้วนๆผิวสองสี กำลังสร้างบารมี( พุทธภูมิ )
คิดเหมือนผมเลยครับ แต่มันขัดกันตรงนี้ ผมก็งงไม่กล้าตอบไม่รู้เขาถามเรื่อง ทิพย์ หรือ เรื่องจริงบนโลกนี้ ถ้าเป็นเรื่องทิพย์นะ ถ้าพี่เขาอธิฐานอีกหน่อยพี่เขาจะๆได้เห็นมากกว่านี้
สวยมากเจ้าค่ะ อย่ทางเหนือหรือปล่าวเจ้าค่ะ เดาๆๆเอานะเจ้าคะ อนุโมทนากับพระคุณท่านที่กำลังสร้างบารมีด้วยเจ้าค่ะ สาธุ สาธุ
แหม รถก็คือ กำลังของใจที่ส่งไป เร่งเครื่องไม่ให้ถอย คือ จิตที่ต้องทรงอารมณ์ให้ดี หรือความตั้งมั่นของจิต บางอย่างก็ต้องบอกเป็นอุปมาอุปไมย หรือ บุคลาธิษฐานไป
จุดประสงค์แฝงอย่างหนึ่งที่เล่าเรื่องนี้ ก็คือ การเร่งเครื่องรถยนต์ของจิต ( สมาธิเป็นกำลังเครื่อง การเห็นออกจากตัวรถคือญาณรู้ สี่ล้อของรถคืออิทธิบาทสี่ที่มีเป็นพื้น) เห็นมิตรสหายทั้งหลายกำลังเตรียมตัวกันไปเที่ยวด้วยใจ เลยเล่าเรื่องนี้ ในรูปอุปมาของจิต การเห็นของจิตของคน ต่างกัน เพราะ ขันธ์ห้าในจิตมีไม่เท่ากัน ตัวเวทนาขันธ์ ตัวสัญญาขันธฺ์ ตัวสังขารขันธ์ ตัววิญญาณขันธ์( เห็น จำ คิด รู้) มีความสะอาดเนื่องจากการหยุดนิ่งไม่เท่ากัน พูดง่ายที่สุดให้เข้าใจคือ มีกำลังฌาณ(สมาธิ) และจิตสะอาดจากกิเลสต่างกัน ทำให้การเห็น(ด้วยญาณ) ต่างกัน ขออนุโมทนาในกุศลอันเกิดจากกิจกรรม เพื่อน้อมนำใจให้เชื่อในคำสอนของพระรัตนตรัยและ เกิดปัญญารู้เห็นทุกอย่างตามความเป็นจริง สาธุ สาธุ สาธุ
ภาพวัดที่มองเห็นเมฆ และ บันไดพยานาค เป็นรูปที่ผมหาในเน็ตมาแทน ครับ ผมไม่ได้ติดใจมากว่าเป็นที่ไหน แต่ จากการพิจารณาธรรมออกมาจากใจ คือ การจะเรียนรู้อะไรโดยเฉพาะธรรมของพระพุทธองค์แล้ว ต้องตั้งใจให้ดี ดังกล่าวมาแล้วในโพสข้างบนครับ ส่วนคำตอบอื่น เดี๋ยวก็จะทราบเองเป็นเรื่องเฉพาะตนไป
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะ ว่าจิตเราสะอาดจากกิเลศระดับไหน อะไรคือตัวชี้วัดหรือบ่งบอก...ขอตัวอย่างได้มั้ยคะ...ขอบคุณค่ะ