อ.ไก่ ตอบคำถามการฝึกมโนฯ และอื่น ๆ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Gottama, 9 พฤศจิกายน 2006.

  1. Gottama

    Gottama เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2006
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +229
    <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD> 2006116172411.jpg

    1. ผมรู้สึกว่าการได้มโนฯ แบบครึ่งกำลัง มันยังเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เพราะว่าด้วยอาศัยความรู้สึกแรก อะไรๆ มันก็ยังไม่ชัดเจน และมีความเสี่ยงที่จะเป็นการอุปทานไปเอง ผมจึงอยากจะฝึกแบบเต็มกำลังให้สำเร็จ อยากขอคำแนะนำแบบเร่งรัดการปฏิบัติ เฉพาะตัวผมครับ



    .../....ขอแนะนำว่าฝึกแบบครึ่งกำลังให้มีความชำนาญในการจับภาพนิมิต ญาณแปดบางตัวที่ตนเองเห็นว่ามีความแม่นยำมากที่สุดให้ย้ำในการศึกษาเรื่องนั้นเป็นเดือนเป็นปี ทำให้เหมือนกินข้าวที่ต้องกินเป็นเดือนเป็นปี กินจนชำนาญ การฝึกเต็มกำลังนี่เพิ่งเริ่มฝึกกันไม่เท่าไรก็เริ่มท้อเสียแล้ว ฝึกแบบรู้ฉลาดนี่ อย่าลืมคำแนะนำของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่บอกว่าให้ฝึกแบบคนโง่ๆ แล้วได้ดีเอง เพราะไม่มีวิจิกิจฉานั่นเอง ทางที่ดีควรเร่งรัดเรื่องคุณธรรมของ ทาน ศีล สมาธิให้ทรงตัวจะทำให้มโนมยิทธิทั้งเต็มกำลังและครึ่งกำลังมีความแจ่มชัดแม่นยำเสมอกัน

    .......การฝึกเต็มกำลังนั้นมีความแจ่มชัดก็จริงอยู่ แต่ผู้ฝึกต้องฝึกแบบคนโง่ๆ โง๊ โง่ จริงๆ จึงจะได้แบบเต็มกำลัง ส่วนใหญ่คนที่ฝึกเต็มกำลังไม่ได้ เพราะว่าฉล๊าด ฉลาดที่จะเอากรรมฐานกองอื่นเข้ามาแทรกในระหว่างฝึก นำอารมณ์จิตไปฟุ้งซ่านเปรียบเทียบอิจฉาชาวบ้านอยู่ในที หูยาวไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องชาวบ้านเสียส่วนใหญ่ เขาปิติข้างตัวก๊อกๆ แก๊กๆ หน่อยแทบจะเปิดหน้ากากเข้าไปดู แหมเมื่อไรก็จะได้อย่างนี้บ้าง คนฉลาดประเภทนี้แหละที่ไม่ค่อยได้

    ....ผมเองผ่านข้อทดสอบนี้มาแล้ว แม้แต่ไปฝึกที่บ้านคนเดียวก็ยังรู้ฉลาดไม่เข้าเรื่อง ปิติจนหงายท้องไปถึงห้าครั้งกายทิพย์ก็ยังไม่หลุด เพราะว่ามีกายทิพย์ของเราอีกตัวหนึ่งคือตัวสงสัยนั่นแหละคอยจ้องดูว่ามันจะถอดกายทิพย์ออกในรูปแบบใด...จนในครั้งที่หกเลยตัดสินใจว่า อย่าไปเสือกรู้ให้มันมากเลย มันจะชักดิ้นชักงอตายเพราะปิติหายใจไม่ออกก็ช่างหัวมัน มันจะหลุดหรือไม่หลุดก็ช่างหัวมัน ถ้าฝึกครั้งที่หกนี้ไม่ผ่านกูเลิก ถือว่ามันโง่เอง พอตัดสินใจในครั้งที่หกอย่างนี้เอง ครั้งที่หกมันไปหมดเอง ไปเป็นพระพุทธองค์ไปเห็นพระพุทธองค์กับหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤาษีฯ อมยิ้มใหญ่...อายเสียไม่มี ถ้าเปรียบได้สมมติว่าได้อภิญญา แทรกแผ่นดินหนีได้ไปเจอไส้เดือนก็คงอายมันเหมือนกัน มันคงอมยิ้ม ว่าไอ้โง่ ...สะใจไหม


    2. จากการที่อ่านมามาก พอจะรู้ว่าการที่จะให้สมาธิก้าวหน้าต้องเอาวิปัสนาญาณมาช่วย แต่พอผมทำวิปัสนา มันก็ยิ่งเซ็งหนักเข้าไปกว่าเดิม ทั้งเบื่อด้วย ไม่เห็นว่ามันพิจารณาแล้วจะร่าเริงแจ่มใสไกลกิเลสเลยครับ กลับหดหู่ใจ

    .../....เขาเรียกว่าเป็นผลของวิปัสสนาญาณในเบื้องต้นจะรู้สึกว่าหดหู่ สะอิดสะเอียนกับกิเลสที่ติดกับคนและสัตว์รอบด้าน ที่สุดก็จะสะอินสะเอียน แม้แต่ตัวตนที่มีอยู่
    ....ขนาดกลางความสะอิดสะเอียนนั้นหายไป ทนรับได้บ้างไม่ได้บ้าง จิตใจครึ่งๆ กลางๆ เหมือนคนบ้า คุ้มดีคุ้มร้าย ว่าจะเบื่อมันก็อยาก ว่าจะอยากมันก็เบื่อ

    ...ถ้าอย่างปลายแต่ยังไม่ได้ถึงอารมณ์ของพระโสดาบันนะจ๊ะ ปลายแบบพอใช้งานได้ ก็จะเริ่มยอมรับนับถือในความมีกิเลสของบุคคลอื่น และมีความหมั่นเพียรในการที่จะปราบกิเลสของตนเองให้หมดไป เกิดมีปัญญารู้สึกมีความปลื้มอกปลื้มใจด้วยธรรมปิติในความปรีชาสามารถของครูบาอาจารย์ ความปรีชาสามารถของพระพุทธองค์ จิตใจจะร่าเริงแจ่มใสเพลิดเพลินในความดีของพระพุทธองค์ ยกตัวอย่างเช่น พอบุคคลใดๆ มีกิเลสล้นออกมากระทบเราด้วยสายตา กิริยาท่าทาง ด้วยคำพูด เราจะรู้สึกได้ว่านี่แหละคือ ครูเรา พระพุทธองค์ได้กล่าวไว้ถูกต้องแล้ว ครูบาอาจารย์ได้กล่าวไว้ถูกต้องแล้ว หากเรามาเกิดในชาตินี้ไม่เจอคนประเภทนี้ ตายไป ท่านถามว่าเคยเจอคนพาลหรือเปล่าลูก แล้วเราก็ส่ายหัวชฎาเกือบหลุดว่า หึ...ไม่เคยเห็นเลย...ถ้าถึงเวลานั้นนะเราจะรู้สึกว่าเสียชาติเกิดมาก เกิดกี่ภพชาติก็ยังเสือกโง่อีกไม่รู้จักคนพาล คิดอย่างนี้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ใจร่าเริงตรงที่ว่า พอเจอคนพาลภายนอกก็นึกถึงพระคุณของพระ
    พุทธองค์ ก็รู้สึกว่าท่านฉลาดจริงๆ ที่ท่านบอกไว้ก่อน พอเจอกิเลสในใจของตัวเองก็รู้สึกว่ารักพระพุทธเจ้ามากขึ้นอีกว่า กิเลสนี้มันละเอียดจริง ๆ พระพุทธองค์ไม่ทรงกล่าวไว้ว่าอนุสัยเป็น กิเลสละเอียดที่พึงต้องละ แปลงออกได้สิบอย่างคือสังโยชน์สิบนั่นเอง แต่เวลามันแสดงออกโดยเราไม่รู้ตัวอยู่ในรูปของนิวรณ์ห้าประการ

    .......หากเป็นเช่นนี้อยู่บ่อยๆ เราก็จะสนุกสนานกับการต่อสู้กับกิเลสของตนเอง มันเป็นกีฬาที่ทั้งโหดและสนุกอย่างสุดๆ ให้พิจารณาโดยใช้ข้อธรรมเข้าไปเปรียบเทียบเท่าที่รู้ทันที


    3. หากไม่ขึ้นอานาปาก่อน ไปขึ้นกสิณอย่างเก่งก็ไปได้ถึงแค่อุปจาร อันนี้ถูกต้องไหมครับ ถ้าตรงนี้ถูกต้องผมจะฝึกเต็มกำลังก็ควรเริ่มจากอานาปา ไม่ใช่อาโลกสิณใช่ไหมครับ

    .../....อานาปานสติเป็นพื้นฐานของกรรมฐานทั้งปวงทิ้งไม่ได้ แต่จะไปควบกับกรรมฐานกองอื่นๆ อีก ๓๙ กอง ก็ทำให้กรรมฐานนั้นๆ มีความมั่นคง

    .....การฝึกมโนมยิทธิเป็นการใช้ผลของอภิญญาจากชาติที่แล้วมาส่งผลในชาตินี้ด้วยการเดินคาถา เช่น นะมะ พะธะ (ดิน น้ำ ลมไฟ) ส่วนใหญ่ท่านอาจารย์จะมักให้เตรียมตัวด้วยการท่องคาถา นะมะ พะธะแล้วฝึกจำพุทธนิมิตเป็นหลัก ผลของการฝึกจะเกิดง่ายกว่าการกำหนดนิมิตอื่นๆ .....หลายท่านที่เคยฝึกวิชาธรรมกายมาแต่ก่อน มักจะติดในอาโลกสิณ ซึ่งถ้าเปรียบกับการฝึกมโนมยิทธิยังเป็นองค์กสิณที่ห่างไกลในการได้มโนมยิทธิแบบฉบับวัดท่าซุงมาก

    .....เพราะด้วยว่ามโนมยิทธิที่หลวงพ่อฤาษีฯ เมตตาแนะนำนั้นในที่สุดจะถามพระพุทธองค์โดยตรงเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเราไม่จับนิมิตพระพุทธองค์เริ่มต้นแล้วถึงเวลาจริงจังก็จะทรงอารมณ์ที่จะอยู่ต่อเบื้องพระพักตร์ได้ยาก เพราะใจห่างพุทธานุสตินั่นเอง
    ....มีหลายคนเหมือนกันที่มาถามผมแล้วผมก็ยืนยันพุทธนิมิตให้เขากำหนดไว้ประจำใจ แต่ก็หลายคนอีกนั่นแหละ พยายามต่อรองที่จะเอากสิณกองอื่นบ้าง เอาอาโลกสิณอย่างเดียวบ้าง ตามความอยากของตนเองก็เลยอนโลมให้ใช้ไป แต่ความนานเนี่ยจะไม่บอกเพราะถือว่าไม่เชื่อกัน...ช่วงที่ผมฝึก ผมเชื่อหลวงพ่อฤาษีฯ ๑๐๐
    เปอร์เซ็นต์ แต่เด็กยุคใหม่ไม่ถือว่าผมเป็นอาจารย์ละมั้ง เลยไม่เชื่อ คอยต่อรอง เห็นผมเป็นเครื่องต่อรองแทนเบื้องบนไปได้ น่าสงสารพวกนี้จริงๆ บางคนโทรศัพท์มาคุยเพื่อขอจับอารมณ์อาโลกสิณว่าอย่าทำเลย ที่สุดก็อยากจะทำก็จำเป็นต้องตัดหางปล่อยวัดเหมือนกัน ว่าอยากรู้ก็ลองดู แต่ช้าอย่ามาโทษกัน


    4. หากผมฝึกอานาปาณสติอย่างเดียวจนถึงฌาน4 จะสามารถอธิฐานถอดจิตแบบเต็มกำลังได้ไหมครับ หรือว่าต้องไปต่อตัวอื่นอีก

    .../....ก็ถามและอยากทำอย่างนี้ไง คำตอบข้างบนนะตรงนี้เลย ทำนะได้ แต่ยากเป็น ๑๐ เท่า


    5. มีตำราหนึ่ง เขาสอนการถอดจิตโดยการกำหนดจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว จนเกิดอาจารเสียวแปลบปลาบที่บริเวณดั้งจมูก (ผมว่ามันไม่เสียวอย่างเดียว เดี๋ยวมีมึนหัวตามมา)อยากถามอาจารย์ว่าวิธีนี้เป็นเฉพาะตัว หรือคนอื่นหากนำไปใช้ก็ได้ผลครับ


    .../....เป็นวิธีที่ใช้ได้ผลตามทฤษฎีของเขา แต่ได้แค่เห็นผี เห็นเทวดาที่เรียกกันว่าวิชชาสาม แต่โอกาสจะได้น้อย ต้องดูที่ตัวบริกรรมคาถาเป็นหลักว่าเป็นคาถาเมฆจิตบทใด อ้างถึงบารมีผู้ใดในการให้เกิดทิพจักขุญาณ ยากกว่ามโนฯ เต็มและครึ่งกำลังแน่นอน และขาดหลักการในขั้นตอนต่อๆ ไป เพราะเป็นการรู้ด้วยกำลังของกุศลเดิมเหมือนกัน แต่เป็นการใช้กำลังใจตนเอง ความคลาดเคลื่อนมีมาก อย่าเสียเวลาดีกว่า


    6. หากข้อ 5 การฝึกถอดจิตโดยกำหนดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว คนอื่นก็สามารถใช้ได้ผล ขอถามว่า ระหว่างวิธีนี้ กับ อานาปาณสติ ผมปฏิบัติวิธีไหนถึงจะไปได้เร็ว

    [​IMG]

    .../....มโนมยิทธิวัดท่าซุง ถ้าฝึกตรงนี้ไม่ได้อีกสองอย่างเป็นสิ่งที่ยากกว่ามาก อย่าไปหวังเพราะกำลังใจไม่พอ


    7. เมื่อไม่นานมานี้ ผมเพ่งไฟจากเปลวเทียนเป็นกสิณ จนพอหลับตาก็สามารถเห็นได้ลาง ๆ ในจิต เพ่งไปชั่วขณะได้ปรากฏภาพผู้หญิงในชุดขาวที่สวยที่สุดเท่าที่จะเคยเจอมา ความรู้สึกแรกในขณะนั้นบอกว่านั่นคือ เจ้าแม่กวนอิม จึงกำหนดจิตนอบน้อม แต่ก็ไม่ได้สนทนาอะไรกับท่านได้แต่ขอให้ท่านกลับไป อาจจะฟังดูเลวถ้าผมจะบอกว่าทำอย่างนั้นเพราะกลัวจิตคิดอกุศล ผมค่อนข้างมั่นใจว่าที่เห็นนั้นของจริง เพราะว่าผมไม่ได้นึกคิดถึงท่านมาก่อนเลย จึงอยากถามอาจารย์ว่า หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านต้องการมาหาเราเอง เราก็สามารถเห็นท่านได้ง่าย กว่าการที่เรานั่งตามแบบครึ่งกำลังจากบ้านสายลมที่ว่าพอครบ 10 นาที ก็ให้คลายสมาธิมาที่อุปจาร แล้วก็เชิญพระพุทธเจ้ามา วิธีนั้นผมไม่เห็นเลยครับ เห็นก็ลาง ๆ จะเห็นได้ก็ตอนที่อยู่บ้านสายลมเท่านั้น เหมือนใช้กำลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย อันนี้ถูกไหมครับ

    .../....ยังไม่ถูกต้องตามหลักการของการฝึกเตโชกสิณ การฝึกได้เตโชกสิณจะต้องเพ่งไฟจนนิมิตทรงตัวและจะเข้าฌานจนถึงฌานสี่ในเตโชกสิณ สามารถสลับฌานของเตโชกสิณได้อย่างคล่องแคล่ว ละจากนั้นอธิษฐานยกเลิกภาพกสิณในอุปจารสมาธิ และอธิษฐานขอเห็นภาพเจ้าแม่กวนอิมหรืออื่นๆ แล้วลดกำลังจิตมาที่อุปจารสมาธิก็จะเห็นภาพแม่กวนอิมหรืออื่นๆ

    ......การที่คุณเล่ามานั้นแสดงว่าเป็นนิมิตที่ควรตัดทิ้งในเบื้องต้นคือเห็นภาพแม่กวนอิมต้องตัดภาพท่านทิ้งไปเสียเอาแต่ภาพเตโชกสิณเป็นหลัก จนกว่าจะได้ฌาน...ขอขยายความว่า...นิมิตแม่กวนอิมนั้นนอกเหนือกองกรรมฐานที่คุณฝึกต้องละเสีย


    8. สมมุติว่าเอาผ้าแดงที่อาจารย์ให้มาผูกแล้วนั่งภาวนาเพื่อหวังเต็มกำลัง หากจิตถึงขั้นปฐมฌานปุ๊บ มันจะเดินจิตถึงขั้นฌาน 4 โดยอัตโนมัติหรือป่าวครับ หรือว่า ไม่แน่ และหากสมมุติว่าจิตถึงฌาน 4 แล้วจะเป็นที่แน่นอนว่าจะออกเต็มกำลังเลยหรือป่าวครับ หรือไม่แน่อีกเหมือนกัน

    .../....การเข้าสมาธิแบบมโนฯเต็มกำลังไม่ว่าจะใช้ยันต์นโม พุทธายะที่ทำไว้ให้หรือเป็นกระดาษเขียนโน พุทธายะมีประสิทธิภาพเหมือนกัน เวลาจิตเข้าฌาน กุศลที่เราได้สมาทานกรรมฐานและหลักสูตรของวิชามโนมยิทธิเต็มกำลังจะรวบรวมกุศลเก่าในการทรงฌาน อภิญญาของชาติที่แล้วเข้ามาในสมาธิ จิตจะเข้าฌานหนึ่งถึงสี่โดยอัตโนมัติ และในระหว่างที่กำลังบริกรรมภาวนานั้นจะสลับฌานกับกสิณโดยเฉียบพลัน ผู้ที่ชำนาญในฌานจะรู้ได้ นอกนั้น ผู้ฝึกจะรู้สึกเหมือนติดๆ ดับๆ ในการเข้าอารมณ์ฌาน จนในที่สุด จิตกับกายแยกกันโดยเด็ดขาดโดยอัตโนมัติ เมื่อจิตมีความเป็นทิพย์จะมีความรู้สึกมีแรงดึงดูดจากแสงนอกกาย หรือพลังดึงดูดนอกกาย ซึ่งหมายความถึงว่าเป็นพลังฉัพพรรณรังสีของพระพุทธองค์มาช่วยน้อมนำกายทิพย์ของเราไปยังที่ท่านต้องการให้ไป


    9. ทุกคำถามของผมเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการฝึกเต็มกำลังของผม และการที่ผมนั่งสมาธิ ก็เพื่อต้องการเต็มกำลัง หากอาจารย์มีเทคนิคอะไรในเรื่องนี้ก็โปรดบอกผมด้วยเถอะนะครับ ผมเชื่อว่าพระพุทธเป็นครูที่ดีที่สุด พระองค์รู้อุปนิสัยของแต่ละคนว่าควรฝึกแบบไหน และพระองค์ก็เคยผ่านมาหมด หากทำตามที่พระองค์ตรัสก็สามารถเห็นผลได้ และผู้ที่สามารถสื่อคำตอบจากพระองค์ได้เป็นคำพูดอย่างชัดเจนที่ผมรู้ ก็มีแต่อาจารย์ไก่ โปรดสงเคราะห์ด้วยครับ

    .../....อุ๊ย อย่ามายอนะจ๊ะ เขิน เพียงรู้งูๆ ปลาๆ มาสอนกันเท่านั้นแหละ .....สิ่งที่อยากจะแนะนำคือ ในระหว่างฝึกมีนิวรณ์ตัวสงสัยและอารมณ์จิตที่เป็นอุปกิเลสเร่งเวลาในการหาความรู้เรื่องนี้มากเกินไป ที่เขาเรียกว่าตัวอยากนั่นแหละ มันคือตัวร้ายเลยสำหรับคุณตัองหักห้ามใจเยอะหน่อย ความก้าวหน้าจะเกิดขึ้นเยอะหน่อยขอให้มั่นใจ


    "
    <TABLE width="100%" border=0><TBODY><TR><TD>
    </TD><TD>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ใกล้ถึงกระทู้ผมแล้ว ผมจะขอถามนะครับ
    1.พระของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ปางพระขี่ไก่(คล้ายที่หลวงพ่อปานเคยสร้าง) และเหรียญหลวงปู่แหวน ที่ผมมีอยู่ขอเรียนถามอาจารย์ว่าแท้หรือไม่

    .../....ปางหลวงพระขี่ไก่อาจจะไม่เคยเห็นสำหรับผม เลยไม่สามารถยืนยันได้ ไม่คิดว่าหลวงพ่อทำด้วย
    ....เหรียญหลวงปู่แหวนเป็นของแท้


    2.ผมเคยให้เพื่อนผมนั่งมโนฯ ถามว่าเคยมีบุพเพร่วมกับหลวงปู่ปานหรือป่าว ท่านก็บอกว่าเคย ทีนี้ก็เลยให้เขาขอให้หลวงปู่ปานเป่ายันต์เกราะเพชรให้ แล้วผมก็ถามว่าได้ไหม เขาบอกว่าได้ แต่ยังไม่ถึงเวลา เลยคิดได้ว่าคงต้องเป็นวันเดียวกับที่หลวงพี่เล็กเป่ายันต์เกราะเพชร จึงอยากถามว่า ถ้าวันนั้นผมและเพื่อนไม่ไปร่วมพิธีถึงกาญฯ แต่นั่งมโนฯขอให้หลวงปู่ปานเป่าให้ อย่างนี้จะได้ไหม


    .../....เอาเป็นว่าวันที่ ๒๕ ที่หลวงพี่เล็กจัด อธิษฐานกันใหม่ดีกว่า รับยันต์เกราะเพชรในเวลา ๑๐.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐ น. อย่างนี้จะแน่นอนกว่า


    ....แต่เคยมีประสบการณ์มาว่าในบางกรณีที่เราฝึกมโนฯขึ้นไปเบื้องบนหากเรามีความจำเป็นเฉพาะกิจในการป้องกันตัวแล้วทำความเป็นทิพย์ขึ้นไปหาท่าน ท่านก็จะอนุเคราะห์เฉพาะกิจเหมือนกัน


    3.ทราบมาว่า หากใครเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ราช จะมีเทวดานำรัตนะทั้ง 7 มามอบให้ หากพระมหาจักรพรรดิ์ตาย รัตนะทั้ง 7 เทวดาก็จะนำกลับ เพราะเป็นของส่วนบุคคล ไม่ใช่ตกทอดให้ลูกหลานได้ จึงอยาถามว่า อย่างอิตถีรัตนะ(นางแก้ว) นี่เทวดาต้องนำมามอบให้ด้วยหรือป่าว แล้วถ้าพระมหาจักรพรรดิ์ตาย เทวดาจะเอานางแก้วกลับไปหรือ และหากมีพระมหาจักรพรรดิ์องค์ใหม่เกิดขึ้น นางแก้วที่เป็นเมียพระจักรพรรดิ์องค์ก่อน เทวดาก็จะนำมามอบให้องค์ใหม่หรือ

    .../....ส่วนใหญ่นางแก้วจะตายไปด้วย นางแก้วต้องจุติในตระกูลที่เหมาะสมกัน เทวดาดลใจมาให้เจอกัน (เทวดาคิ้วปิด)


    4.เท่าที่รู้ รัตนะของพระมหาจักรพรรดิ์มี 7 อย่าง แต่ในหนังสือประวัติหลวงพ่อปานมีกล่าวถึงธนูศิลป์ศร (มันก็เกิน7 สิครับ)

    .../....เกินเจ็ดอย่างก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ที่เขาระบุเจ็ดอย่างนั้นนะเป็นของพื้นฐานที่มี ก็เหมือนมีเกือกเก้า ก็มีส้นเกือกด้วยนั่นแหละ


    5.หากในยุคของพระมหาจักรพรรดิ์มีผู้ได้อภิญญา๕ หวังราชสมบัติ ใครจะมีฤทธิ์มากกว่ากัน

    .../....มหาจักรพรรดิ์ เด่นโดยทุกประการด้วยปัญญา คนได้อภิญญาห้าโง่ๆ ก็มีมากมาย



    6.หลวงพี่เล็กเคยบอกว่า หลวงพ่อฤาษียังไม่ทันได้เรียนวิชา นะปัดตลอด พลวงพ่อปานก็มรณะภาพ จึงอยาถามว่า กำลังของพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาณาน ท่านไม่รู้หรือ ถึงเรียนไม่ทัน ท่านใช้ทิพยจักษุย้อนดูไม่ได้หรือ ไม่ก็นั่งเต็มกำลังถามหลวงปู่ปาน

    .../....เนื่องจากหลวงพ่อฤาษีท่านเป็นบุคคลที่มีความเคารพครูบาอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง สิ่งใดให้ก็รับในขณะที่มีชีวิตอยู่ ถ้าท่านทิ้งสังขารแล้วท่านไม่สอนให้ท่านก็ไม่ขวนขวายที่จะเรียน .....เพราะหัวใจของหลวงพ่อฤาษีนั้น มุ่งหวังแต่พระนิพพานอย่างเดียวเป็นหลักนั่นเอง


    7.มโนฯครึ่งกำลังสามารถดูได้ว่าใครมีภูมิธรรมละดับไหน จากการขอบารมีพระพุทธ แสดงภาพอทิสมานกายของคนที่เราต้องการจะรู้ บางคนก็เห็นเป็นกายมนุษย์ บางคนก็เห็นเป็นกายเทวดา เทวดาก็ยังแบ่งอีกว่าเป็นกายเทวดาชั้นอะไร


    .../....ก็รู้ตามหลักสูตรเจโตปริยญาณ แต่ก่อนจะรู้จิตคนอื่น ท่านมุ่งเน้นให้รู้จิตที่มีกิเลสและไม่มีกิเลสของเราก่อน จนถึงกับตัดอาสวะกิเลสได้มั่นคงไม่มีเอียงซ้ายไม่เอียงขวา เมื่อขอบารมีพระจะมีความมั่นแม่นยำ


    8.ขอถามอ.ไก่ ว่ามีวิธีอะไรที่จะทำให้เกิดภาวะกรรมร่วมกันกับเทพ ที่เราต้องการจะขอความช่วยเหลือจากเขา ให้เขาเดกรรมร่วมที่จะสามารถช่วยเหลือเราได้ เช่น สมมุติว่าเราทำบุญให้เขา เพื่อให้เกิดการตอบแทนบุญคุณให้เขามาช่วยที่เราขอ อะไรแนว ๆ นี้ได้ไหม

    .../....ก็ให้เขาโมทนากุศลที่เราทำเป็นวิธีที่ง่ายๆที่สุด ตามเจตนาที่คุณต้องการนั่นแหละ


    9.ขอความเมตตาจากอาจารย์ ช่วยเจรจากับท่านเทพชื่อ ดุษฎี(ที่ผมขอความช่วยเหลือ) ให้ท่านช่วยเรื่องที่ผมขอกับท่าน เพราะว่าเรื่องนี้มีเพียงท่านที่จะสามารถช่วยได้

    .../....ท่านช่วยอยู่ แต่แกอย่ามาเร่งรัดฉันมาก เพราะสิ่งที่แกต้องการเกินกฎแห่งกรรมอยู่เล็กน้อย



    10.อย่างหลวงปู่ปาน ถ้าท่านจะทรงอารมณ์พระอรหันต์ท่านก็ต้องตัดทุกอย่างแม้แต่โพธิญาณ(ชั่วคราว)ใช่ไหมครับ แล้วทีนี้การตัดแบบนั้น จิตจะเลยโคตรภูญาณหรือป่าวครับ

    .../....จิตเข้าแน่นอน....แต่ตอนใกล้ตายเท่านั้นที่ขอเป็นพระโพธิญาณไม่ขอเข้าพระนิพพาน


    11.การใช้มโนฯ ในการดูเลข( หวย) ในกรณีนี้ยังไม่พูดถึงความผิดชอบชั่วดี แต่อยากถามว่า จะสามารถเห็นได้อย่างแม่นยำหรือไม่


    .../....เห็นได้แม่นยำ จะเห็นได้ต่อเมื่อจิตว่างจากกิเลสจริงๆ


    12.มีผู้พบโยคีที่มีอายุเป็นหมื่นปี อาศัยอยู่ที่แกรนแคนยอน ขอถามว่าทำไมเขาถึงได้อายุยืนขนาดนั้น และอย่างพระพุทธเจ้าของเรา หากพระอานนท์อาราธนาให้พระองค์อยู่ พระองค์คงอยู่ได้มากกว่าพันปี จึงอยากถามว่า สังขารมก็ต้องเสื่อม เดี๋ยวนี้ 80 ปียังเดินไม่ไหว แล้วเป็นไปได้ไหมที่พระพุทธจะอยู่ได้ขนาดนั้น หัวใจมนุษย์จะสามารถเต้นได้เป็นหมื่นปีโดยที่ไม่มีวันหยุดเลยหรอ แล้วเส้นเลือดที่มันเหนี่ยวรั้งหัวใจนี่มันจะไม่มีเสื่อมแบบว่าเต้นจนหลุดออกมาหรอ



    .../....อยู่ด้วยฌานอภิญญาห้าที่มีความคล่องตัวสูงสุด ส่วนพระพุทธองค์นั้นต้องเป็นไปตามวาระเพื่อเป็นแบบอย่างของบุคคลทั่วๆไปที่มีความเกิด แก่ เจ็บตายไม่เว้นแม้แต่พระพุทธองค์...ไม่เช่นนั้นทุกคนก็กลัวตายเลยปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ากันหมด จะได้อายุยืน ถ้าเป็นเช่นนั้นลองคิดดูว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วนับไม่ถ้วน มารวมอยู่ในโลกใบนี้ คนจะเอาอะไรกินกันนี่ คนปฏิบัติก็มีแต่จะอยู่ในโลกมนุษย์อายุยืนๆ กัน ตรงนั้นพระพุทธองค์ไม่ทำแน่นอน....อย่างเช่นหลวงปู่เทพโลกอุดร และหลวงปู่อุปคุตท่านอธิษฐานกายให้อยู่เพื่อสั่งสอนสมมติสงฆ์ที่เอาดีในการปฏิบัติเพื่อให้สืบต่อพระพุทธศาสนาครบห้าพันปีท่านก็ละสังขารเหมือนกัน เคยมโนฯไปถามท่านเหมือนกันว่าท่านไม่เบื่อหรือ ท่านบอกว่า เบื่อ แต่ด้วยอธิษฐานจิตเลยต้องทนๆ ไป เพื่อสนองคุณพระพุทธเจ้าเป็นมูลเหตุใหญ่


    13.ผลิตภัณฑ์ที่แม่ผมทำ ต่อไปจะติดตลาดหรือไม่ และทำต่อไปมันจะรุ่งไหม หรือถ้าไม่รุ่งควรประกอบอาชีพอะไรดีครับ


    .../....จะติดตลาดขนาดปานกลาง รุ่งแบบปานกลาง ทำต่อไปดี



    14.มีบุญอะไรไหมที่ส่งผลให้รวยได้ในชาตินี้ และในยุคนี้ยังมีไหมพระอรหันต์ที่เข้านิโรธสมาบัติ อย่างหลวงพ่อฤาษีทำไมท่านถึงไม่เข้านิโรธสมาบัติแล้วพอออกจากนิโรธสมาบัติมาให้ลูกศิษย์ท่านทำบุญด้วย ในเมื่อท่านรู้ว่าทำบุญับพระที่เพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติมีอานิสงค์มาก ให้รวยในวันนั้น และถามต่อว่ามันจะดูแปลก ๆ ไหม หากมีคนจนในยุคนี้และมีโอกาสได้ทำบุญกับพระที่เพิ่งออกจานิโรธสมาบัติ พอกลับมาถึงกระท่อมหรือบ้าน อะไรประมาณนี้กลายเป็นทองทำไปหมด (เหมือนในสมัยพุทธกาลที่ ที่นาเคยลายเป็นทองคำมาแล้ว)


    .../....ยังพอหาทำบุญได้อยู่ เขาเข้าสมาบัติหรือผลของสมาบัติเป็นหลัก แต่นิโรธก็ช็อตสั้นๆ ไม่ได้นิโรธยาว ตัวอย่างหลวงพ่อฤาษีฯท่านก็ทรงนิโรธสมาบัติอยู่เกือบๆ ทุกวินาที เข้าๆ ออกๆ จนคล่องตัว หลายท่านที่ไปทำบุญด้วยจิตแน่วแน่ ผู้ใดตั้งใจทำบุญด้วยความศรัทธาปราศจากความอยาก ย่อมได้ผลแท้จริงอยู่หลายๆ ท่าน ขณะนี้ก็พอจะหาอยู่ได้บ้างไปด่อมๆ มองๆ แถวอนุสาวรีย์เสาร์ อาทิตย์ต้นเดือนก็แล้วกัน เจอเมื่อไรก็รีบทำบุญตั้งใจไว้ให้ดี แต่บอกไม่ได้ว่าท่านชื่ออะไร เดี๋ยวจะถูกเขกกะโหลก


    15.โสตัตภิญญา จัดเป็นกรรมฐานกองใดใน กรรมฐาน๔๐ แล้วภาวนาแบบนี้จะทรงอารมณ์ได้มากสุดที่ไหน อุปจาร หรือ ปฐมฌาน หรือมากกว่านั้น และตอนใช้ฤทธิ์จะใช้ยังไง

    .../....โสตัตภิญญาเป็นคาถารวบยอดของกสิณสิบจึงจัดอยู่ในรูปแบบของอภิญญาหรือฉฬภิญโญนั่นเอง ทรงอารมณ์ได้ถึงฌานสี่ละเอียด
    ....ตอนใช้ฤทธิ์เมื่อเข้าฌานสี่คล่องตัวแล้ว นึกสิ่งใดสมความปรารถนา ถ้ามีความคล่องตัวในการเข้าฌานสี่ก็สมความปรารถนาอย่างด่วนถ้าอย่างกลางก็ช้าไปหน่อย ถ้าอย่างเบาก็อาจจะหลายวันกว่าผลจะเกิด


    16.อย่างหนังเช่น เรื่อง โกยเถอะโยม อะไรแนว ๆ นี้ที่เอาพระไปล้อเล่นเป็นเรื่องตลก นี้เป็นการปรามาสหรือไม่ มีผลเช่นใด


    .../....มองได้สองแบบ แบบที่ ๑ เป็นการสะท้อนสังคมของสมมติสงฆ์ในปัจจุบันว่าผิดเพี้ยนพระธรรมวินัยจนเกิดโลกวัตชะถึงกับนำมาล้อเลียนได้ พึงให้สมมติสงฆ์ทั่วๆ ไปนำมาเป็นตัวอย่างแล้วให้ปฏิบัติตนอยู่ในธรรมวินัย ถ้าหมู่สงฆ์ใดเห็นแล้ว ดูแล้วนำมาสอนตนก็เป็นบุญมหาศาลของคณะจัดทำหนัง
    ....แบบที่ ๒ ถ้าคณะจัดทำหนังมุ่งหวังเพื่อจะเหยียดหยามพระพุทธศาสนาก็จะฉิบหายไปเอง

    17.ถ้าถามพระมีสิทธิ์โดนมารหลอก แล้วถ้าขึ้นไปถามท่านบนนิพพาน ต่อให้มารตามขึ้นไปได้นั่นก็หมายความว่าเขาต้องเปลี่ยนอารมณ์ ไปทรงอารมณ์พระอรหันต์ ใช่หรือไม่ แล้วเช่นนั้น การถามบนพระนิพพานก็จะไม่ถูกหลอก ใช่หรือไม่

    .../....การสอบถามพระนั้น ต้องชำระจิตตนเองให้ว่างจากกิเลสจริงๆ โดยพิจารณาตัดขันธ์ห้ายอมรับสภาวธรรมว่า เกิด แก่ เจ็บ ตาย พลัดพรากเป็นทุกข์ ไม่ต้องการเกิดเป็นมนุษย์อีกต่อไป ต้องการเกิดอยางเดียวคือพระนิพพาน วางอารมณ์ความอยากอย่างเดียวชั่วขณะอย่างบริสุทธิ์จึงได้คำตอบที่แน่นอนจริงๆ


    18.พระพุทธเจ้าของเราบริจาคลูกเมียในชาติพระเวสสันดร หรือว่ายังมีบริจาคมากกว่าครั้งนั้นอีก แล้วอย่างพุทธภูมิท่านอื่น เวลาบริจาคลูกเมีย พระอินทร์ท่านจะแปลงกายมารับและถวายคืนหรือไม่

    .../....พระพุทธเจ้าบริจาคครั้งสุดท้ายคือภรรยาให้กับพระอินทร์เพราะรู้ว่าพระอินทร์แกไม่กระพริบตาเลย ถวายผู้หญิงให้เทวดาก็เท่านั้นแหละ พระอินทร์มาทดสอบกำลังใจพระพุทธองค์ ท่านก็ยกให้อย่างสบายใจ สมมติว่าพระอินทร์เป็นคนทรงเครื่องรัตนะดูงดงาม รวยขนาดนี้ พระโพธิสัตว์เห็นความอยากจนของตนเอง และภรรยาก็ทุ่มเทเพื่อตนเองลำบากถึงขนาดนั้น ก็คิดไปว่าหากภรรยาตายก่อนก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าท่านตายก่อนภรรยาจะลำบากมาก ทางที่ดียกภรรยาให้ไปเป็นเมียคนรวยๆ ดีกว่า อย่างเก่งก็ด่าเจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน แต่ภรรยาได้ดูแลเป็นอย่างดี เพราะตนเองนั้นถือว่าไม่มีอนาคตแล้ว พระโพธิสัตว์ย่อมคิดอย่างนี้เป็นส่วนใหญ่ มุ่งความสุขของคนอื่นเป็นหลัก ตามที่ปัญญาของตนจะเห็นว่าสมควร...เลยไม่รู้ว่าผิดหรือถูกเหมือนกันไปนั่งคิดเอาเอง

    ....ก็อยากจะขอยกตัวอย่างเรื่อง แม่โค กับลูกโค ที่เสือจะมากินลูกโค ปรากฏว่าทั้งแม่โคและลูกโคแย่งกันตาย ผลสุดท้ายเสือบอกกูเบื่อฉิบ ไปดีกว่า เถียงกันอยู่นั่นไม่ได้กินสักที กรณีนี้ ก็คล้ายๆ กัน

    19.หลายปีก่อนผมเคยนั่งเพ่งเทียน ระหว่างเพ่งหลับตามันก็มืด ๆ (มารู้ตอนหลังว่าเห็นโดยความรู้สึก)เพ่งไปประมาณชั่วโมง ก็นอน พอกึ่ง ๆ จะหลับเห็นไฟที่เป็นเปลวเทียนดวงใหญ่ชัดมาก ๆ สว่างมาก ๆ ที่สุดแล้ว เห็นแค่ชั่วอารมณ์ตอนที่เห็นมันก็ตกใจเพราะชัดมาก พอตกใจมันก็หลุด หลังจากนั้นก็ไม่ได้เพ่ง สรุป ก็คล้าย ๆ กับว่าเพ่งครั้งนั้นครั้งเดียว เลยอยากถามอาจารย์ว่า เป็นไปได้ไหมว่าไอ้ตอนที่ผมเพ่งมันเครียดไป พอตอนนอนคลายอารมณ์ออมันก็เลยเห็นชัด และไอ้ตอนที่เห็นมันเป็นอารมณ์ไหน

    .../....ความเข้าใจนั้นถูกต้อง แต่จะเลือกอารมณ์ให้พอเหมาะพอสมนั้นมันยากใช่ไหม ทั้งขึ้นทั้งล่อง ไอ้อยากตัวเดียวนั่นแหละมันทำให้เป็นแบบนี้ มันน่าโมโหตัวเดียว ลองละตัวอยากเหมือนเป็นการบังคับจิตตัวเองออกไปเสียก็จะเห็นนิมิตได้ดีกว่านี้

    20.ในสมัยพุทธกาล มีเมียของพระราชา ผมไม่แม่นชื่อ แต่ตลอดชีวิตทำความดี แต่ก่อนตายดันไปคิดอกุศล เลยลงนรกสัก7 วัน ถามว่าเขาไม่ผ่านสำนักท่านพระยายมหรอ

    .../....เขาไม่ผ่านให้ต้องตัดสิน แต่ผ่านไปรับโทษเลย เท่ดี เพราะมันเป็นโทษแบบมโนสาเล่ อยู่นอกเหนือกฎของนรก


    21.พระนางอุบลวรรณา เป็นผู้เป็นเลิศด้านมีฤทธิ์มาก ทำไมชาติสุดท้ายท่านถึงโดนข่มขืน ทำไมท่านถึงไม่ใช้อภิญญา

    .../....เพราะท่านรู้ว่าเป็นกฏแห่งกรรม เพราะพระอรหันต์ทั้งหลายจะใช้อภิญญาต่อเมื่อมีเหตุจำเป็นเล็กๆน้อยๆ ก็ไหนๆ ยกตัวอย่างแล้วก็ขอยกตัวอย่างท่านพระโมคคัลลานะ โดนโจรห้าร้อยทุบกระดูกแหลกเหลวทั้งตัวหนักกว่าท่านแม่อุบลวรรณาเถรีอีกก็ยังไม่ใช้ฤทธิ์ ....แต่กลับใช้ฤทธิ์รวมสังขารใหม่เพื่อไปลาเข้าพระนิพพานกับพระพุทธเจ้าเท่านั้นเอง แล้วก็คลายอภิญญาเละเหมือนเดิม

    .....พึงสังเกตว่าพระอรหันต์ทั้งหลายย่อมยึดถือกฏแห่งกรรมเป็นหลัก ย่อมชดใช้กรรมเมื่อสภาวะนั้นมาถึง ด้วยว่าที่สุดก็ตาย ตายเร็ว ตายช้าก็พระนิพพาน ตรงนี้เราน่าที่จะนำมาเป็นตัวอย่างในการทรงอารมณ์

    23.ขอถามอาจารย์เกี่ยวกับความคืบหน้าในการฝึกมโนฯของเพื่อนผมคนนึงครับ คนนี้ฝึกครั้งกำลังได้ บางครั้งผมก็ถามเขา ขอถามว่าความแม่นยำของเขาที่ได้รับการสื่อมา เป็นจริงสักกี่ % ครับ

    .../....๖๕ เปอร์เซ็นต์

    24.แก้วจักรพรรดิ์ที่หลวงพ่อฤาษีมี และหลวงพี่เล็กเคยกล่าวถึงว่า ได้มาจากการสำเร็จปรอท ขอถามอาจารย์ว่า มันหายากไหมครับ แล้วถ้ามีแล้วมันจะเป็นยังไง แล้วรายละเอียดมันคืออะไร ใช่อันเดียวกับแก้วมณีที่มีแล้วจะมีฤทธิ์เหาะได้ไหมครับ


    .../....เป็นแก้วที่อธิษฐานตามหลักสูตรที่หลวงพ่อมีอยู่ มีไว้เพื่อเป็นศิริมงคลเน้นการทำมาหากินให้รวย แต่จะเหาะได้นั้นต้องนำมาเป็นนิมิตในอาโลกสิณ ร่วมกับคาถาโสตัตตะภิญญา จะทำให้เหาะได้เร็วขึ้น


    25.ตอนนี้ผมเริ่มจะเป็นเบาหวานหรือยังครับ แล้วต่อไปมีโอกาสจะเป็นมะเร็งไหมครับ มันเป็นโรคที่ผมขยาดที่สุด ถ้าหากว่ามีโอกาสเป็น ขออาจารย์ช่วยถามถึงวิธีแก้จากพระท่านให้ด้วยครับ


    .../....ไปตรวจที่หมอเลยพ่อคุณมันไม่ยากเย็นอะไรนัก จะได้หมดเรื่องเสียเลือเนื้อนิดเดียว


    26.ในชาติก่อน ๆ ผมเคยได้พวกของวิเศษไหมครับ ถ้าเคยได้ ชาตินี้สามารถอธิฐานให้กลับมาได้ไหมครับ
    .../....เคยมี แต่ชาตินี้จะหายากหน่อย ยังจมอยู่ในใต้ดินลึกๆ





    </TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 26/10/2549 22:00:34 </TD></TR></TBODY></TABLE>



    [​IMG]




    ตอบเพิ่มเติม

    <TABLE width=550 border=0><TBODY><TR><TD>1. ผมรู้สึกว่าการได้มโนฯ แบบครึ่งกำลัง มันยังเอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เพราะว่าด้วยอาศัยความรู้สึกแรก อะไรๆ มันก็ยังไม่ชัดเจน และมีความเสี่ยงที่จะเป็นการอุปทานไปเอง ผมจึงอยากจะฝึกแบบเต็มกำลังให้สำเร็จ อยากขอคำแนะนำแบบเร่งรัดการปฏิบัติ เฉพาะตัวผมครับ


    .../..ก่อนอื่นต้องขอชีแจงสักนิดความชัดเจนในการฝึกมโนฯครึ่งกำลังพอจะรวบรวมได้ดังนี้

    ......./............เริ่มที่ครงนี้.....ซึ่งเป็นเนื้อหาหลักในหนังสือ คู่มือการฝึกมโนมยิทธิ......เรียบเรียงโดยคนเมืองบัว.......เล่มที่ ๑..




    ....ตัดตอนมาให้อ่านดั่งนี้
    ..๒) ในการฝึกมโนมยิทธิ อิริยาในการฝึกก็เหมือนกับพระกรรมฐานกองอื่นๆ คือปฏิบัติได้ทั้ง ๔ อิริยาบทคือ ยืน เดิน นั่ง นอน ที่จะกล่าวต่อไปนี้จะเป็นอริยาบท นั่ง กล่าวคือ นั่งในท่าที่สบายวางมือบนตัก หรือที่หัวเข่าทั้งสองข้างก็ได้ ให้ลำตัวตรงพอเหมะพอดี

    ๓) มี สติ-สัมปชัญญะ ระลึกรู้ ลมหายใจเข้าและออก กล่าวคือ เมื่อหายใจเข้าก็รู้ว่าหายใจเข้า ก็รู้ว่าหายใจสั่นก็มีความพอใจว่าหายใจสั่น เมื่อหายใจยาวก็มีควาสมพอใจว่าหายใจยาว ผ่อนคลายลมหายใจให้อยู่ในระดับปกตินั้นเอง
    ตำแหน่งในการกำหนดลมหายใจ เข้า/ออก อารมณ์ใจเข้าไปรับรู้ลมที่สัมผัสที่ปลายจมูกที่เดียวก็ได้ แบบฐาน เดียว หรือ อารมณ์ใจเข้าไปรับรู้ลมที่สัมผัสที่ปลายจมูก อารมณ์ใจเข้าไปรับรู้ลมที่สัมผัสที่เพดานออ่น อารมณ์ใจเข้าไปรับรู้ลมที่สัมผัสที่ลิ้นปึ่ ฐานกำหนดลมหายใจ ๓ ฐานก็ได้ ฯลฯ

    . ๔) นำสติ-สัมปชัญญะไป กำหนดรู้คำภาวนา ที่ระลึกรู้อยู่ในใจ ให่มีความสอดคล้องกับ การกำหนดลม กล่าวคือ
    เมื่อหายใจเข้า ให้กำหนดรู้คำภาวนา ที่ระลึกรู้อยู่ในใจว่า “ นะ มะ “
    เมื่อหายใจออก ให้กำหนดรู้คำภาวนา ที่ระลึกรู้อยู่ในใจว่า “ พะ ทะ “
    อารมณ์ใจ จะดำเนินเข้าสู้ อารมณ์ฌาน คือ ขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ ฌาณที่ ๑ ฌาณที่ ๒ ฌาณที่ ๓ ฌาณที่ ๔ ตามลำดับ จะกล่าวเรื่องลำดับของฌานอีกครั้งในบทท้ายเล่ม

    ข้อควรปฏิบัติเพิ่มเติม ในการบริกรรมภาวนา ไม่ควรที่จะท่องออกมาเป็นเสียงคำพูด เพราะจะเป็นเหตุให้เข้าฌานได้ข้าไป
    ข้อควรสังเกตุ การเข้าสู้อารมณ์ฌานในการฝึกมโนมยิทธิ จะเข้าสู้ฌานที่รวดเร็ว ด้วยเหตุว่าเป็นพระกรรมฐานรวบยอด นำกุศลบารมีในพระกรรมฐานที่เนื่องด้วย อภิญญา ๕ หรือ ๖ นำมาใช้งานในชาติปัจจุบัน ความแตกต่างๆจะเห็นได้ชัดเจน
    ปิติ๕ อย่างอาจจะเกิดขึ้น อย่างใดอย่างหนึ่ง ได้เร็วกว่าก่อนๆมา



    ๕) ระหว่างที่ กำหนดรู้ลมหายใจ เข้า/ออก กับ ภาวนา “ นะมะ พะทะ “ ให้แยก สติ-สัมปชัญญะ ออกไปอีกส่วนหนึ่งไประลึกรู้ รูปนิมิตของพระพุทธรูป องค์ใดก็ได้ที่เราสามารถ กำหนดจดจำได้ หรือให้สมมุติขึ้นเป็นจินตนาการขึ้นมา องค์ที่มีพุทธลักษณะที่เราชอบมากที่สุด เช่น พระพุทธชินราช หลวงพ่อโสธร ฯลฯ

    การกำหนดพุทธนิมิต ผู้ปฏิบัติพระกรรมฐานใหม่ บางท่านที่ไม่คุ้นเคยกับการฝึกกำหนดนิมิตในกสิณ ๑๐ หรือในบางท่านที่ ฌาน ๑ ถึง ๔ ยังไม่ทรงตัวอาจเป็นเหตุให้ พระพุทธนิมิตไม่ชัดเจน ไม่ทรงตัว ในกรณีเช่นนี้หากกำหนดพุทธนิมิตได้เพียงใด ก็เพียงนั้นไปก่อน อย่าเร่งรัดจนร้อนใจว่าทำไม่ได้พุทธนิมิตสักที ไม่จำเป็นที่จะต้องฝืนเพ่งด้วยในตาที่ยังหลับอยู่ หรือบังคับใจให้เกิดนิมิต จนทำให้ปวดหัวหรือปวดตา จะกลายเป็นการฝึกแบบตึงเกินไปจะไม่มีผล ให้กำหนดรู้ว่าเรามีความเพียรดีที่สุดแล้วไม่เกิดพุทธนิมิตก็ไม่เป็นไร ให้รู้กำหนด ภาวนา และลมหายใจเข้าออกตามปกติ
    กรณีที่ฝึกกันใหม่ๆจริงในการกำหนดภาพ พุทธานุสสติ ในทางปฏิบัติ

    ๕.๑) ให้นำพระพุทธปฏิมากร มาวางตรงหน้า ในขณะที่คุณจะทำการฝึก
    ๕.๒) เลือกองค์พระที่เหมาะสมแก่การจำ แบบใดก็ได้
    ๕.๓) ระยะห่างที่มองแล้วสบายตา
    ๕.๔) ในอิริยาบถใดก็ได้
    ๕.๕) กำหนดสายตาจ่องมองที่พระพุทรูปนั้น เมื่อได้เวลาระยะหนึ่ง( ๑ หรือ ๓ หรือ ๑๐ วินาทีก็ได้) จึงหลับตา นิมิตจะค้างอยู่ในระยะเวลาหนึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์ ต่อมาก็จางไป
    ๕.๖) หากยังจำได้หมายรู้ไม่ได้ ต้องมีความเพียรต่อไปตามข้อที่ ๕.๕) จนกว่า พุทธนิมิตจะมีนิมิตทรงตัวดี


    ๖) กำหนดระยะเวลาในการภาวนา พอสมควรท่านผู้เป็นต้นตำรับท่านกล่าวว่า ควรประมาณกาลเวลาโดยมีข้อสังเกตในอารมณ์จิตต์ เป็นสุข(เอกคตารมณ์ )ทรงอยู่ในขณะหนึ่งอาจอยู่ในช่วงเวลา ๕ ถึง ๑๐ นาทีสำหรับผู้ฝึกใหม่ แต่สำหรับผู้ที่เข้าฌานได้คล่องตัวแล้ว ควรอยู่ในช่วงเวลา ๕ ถึง ๑๐ วินาที ในการทรงฌาน ๔
    การทรงอารมณ์ของสมาธิในฌาณ ๔ มีความสำคัญมาก เพราะเปรียบเสมือนเป็นกำลังขับเคลื่อน ในระหว่างเคลื่อน อทิสมานกายไป พระนิพพาน ท่องเที่ยว รู้ในญาณ ๘ และวินิจฉัยธรรมต่างๆ เพื่อเป็นสติเตือนใจตนในการละกิเลสในที่สุด

    ๗) ทุกข์ ...ด้วยการเห็นทุกข์ในรูปแบบของ รูป และอรูป กล่าวคือ เมื่อสมาธิทรงตัวให้มีความสุขอยู่ในฌานนั้น ๆแล้วให้ลดอารมณ์จิตลงมา ที่อุปจารสมาธิ หรืออารมณ์ใจที่เป็นปกติที่ไม่เพ่งในฌานนั้นเอง เพื่อมาวินิจฉัยวิปัสนาญาณ ๙ แบบย่อว่า
    ความเกิดเป็นทุกข์
    ความแก่เป็นทุกข์
    ความตายเป็นทุกข์
    ความพลัดพรากจากของที่รักที่ชอบก็เป็นทุกข์
    การติอยู่ในโลกธรรม ๘ เป็นทุกข์ ไดแก่ มีลาภ เสื่อมลาภ มียศ เสื่อมยศ สุข ทุกข์ สรรเสริญนินทา
    ข้อสังเกตเพิ่มเติม
    ในระหว่างที่ตั้งกำลังใจในการเจริญ วิปัสสนาญาณนี้ นิมิตของพระพุทธองค์ ผู้ฝึกบางท่านนิมิตอาจหายไปหรือเลือนไป ก็ไม่ต้องหนักใจแต่ประการใดส่วนท่านผู้ฝึกท่านใดยังคงนิมิตนั้นไว้ได้ ก็ดีเป็นกำลังใจมากขึ้น และทั้งสองกรณีก็อนุโลมถือว่า ท่านได้อธิษฐานบารมีในการพิจารณาวิปัสสนาญาณ ต่อหน้าพระพุทธองค์เหมือนกัน แต่จะมีความชัดเจนในความเป็นเพียงใดก็ต้องศึกษาข้อต่อๆไป

    ๘) สมุทัย....โดยเห็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง พิจารณาด้วยความนอบน้อม เข้าใจ ในธรรมนั้นจริง ๆ ให้เห็นโทษในการเกิดในภพทั้ง ๔ คือ พรหมะโลก เทวะโลก มนุษย์โลก อบายภูมิ ๔ รู้จักเข็ดหลาบในการเกิดในกามภพทั้ง ๔

    ๙) นิโรธ....ดับเสียซึ่งความทยานยากเกิดในภพทั้ง ๔ ( อวิชชา) ด้วยการตั้งกำลังใจนอบน้อมจิต อธิษฐานตัดอวิชชาในขอบเขตที่ว่า ขึ้นชื่อว่า พรหมโลก เทวะโลก มนุษย์โลก และอบายภูมิ ๔ เราไม่ต้องการที่จะไปเกิดอีก เราต้องการอย่างเดียว คือเมื่อสังขารสลายจากโลกนี้ไปแล้ว ขอตามรอย พระบาทของพระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลายเพื่อไป อยู่ที่เมืองนิพพาน
    ๑๐) มรรค......ย่อมปรากฏขึ้นทันที่ ตรงนี้(จากข้อที่๙ ) ขอให้ตัดสินใจอย่างแน่วแนอย่าได้ลังเลสงสัย ถ้าลังเลแล้วจะส่งผลให้เกิดเป็นผลให้ ภาพนิมิตในขั้นตอนการฝึกต่อไปจะมีความ มัวมากขึ้นถือว่ายังมี สักกายทิฏฐิ อยู่อารมณ์จิตต์ยังไม่เข้าสู่นิพพิทาญาณ
    ใจนอบน้อมเหมือนระลึกว่า อทิสมานกายของเราได้นั่งพับเพียบพร้อมทั้ง พนมมือไหว้พระ เสมือนเราได้อธิษฐานจิต ต่อหน้าพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าในนิมิต กราบลง ๓ วาระ วาระแรกกราบพระพุทธเจ้า วาระที่สองกราบพระธรรม และ วาระที่สามกราบพระสงฆ์ ในระหว่างนี้อารมณ์จิตจะฟู ละจากกิเลสชั่วขณะ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า เกิด ปิติธรรม เนื่องจากปีติแห่งธรรมสูงมาก จิตจะมีอาการเบาสบาย จิตจะชุ่มชื่นในธรรมมาก
    ขออธิบายแทรกเล็กน้อย

    ทิพย์จักขุญาณ ในเชิงปฏิบัติมีความหมายว่า มีความรู้สึกทางใจคล้ายตาเห็น
    มโนมยิทธิ ในเชิงปฏิบัติมีความหมายว่า มีฤทธิทางใจ มีคุณสมบัติชี้เฉพาะว่า สามารถถอด อทิสมานกาย แยกออกจากกายเนื้อไปได้ เพื่อไปสำรวจ อวัยวะในอาการ ๓๒ หรือนำไปรู้ในญาณ ๘ หรือ นำมาเป็นเครื่องรู้ตัดอาสวะกิเลสได้
    ในที่สุดความรู้ทั้ง ๒ประการนี้ต่างเอื้อซึ้งกันและกันในที่นี้ขอเรียกเป็นความหมายที่รู้กันว่า “ความเป็นทิพย์”

    ในการวางอารมณ์ใจ นอบน้อมในวิปัสนาญาณ ๙ มีความรู้สึกของอารมณ์ใจ ยอมรับความเป็นธรรมดาของความทุกข์ คือ ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความพลัดพรากจากของที่รักที่ชอบก็เป็นทุกข์ การติอยู่ในโลกธรรม ๘ เป็นทุกข์ อารมณ์ใจเกิดความ เข็ดหลาบในทุกข์นั้นบ้างหรือไม่ การยึดมั่นถือมั่นในความปรารถนาการเกิดในภพทั้ง ๔ ซึ่งในที่สุดก็ต้องเวียนมาเกิดในโลกมนุษย์นี้อีก
    โดยจัดความชัดเจนมีอยู่ ๓ ระดับคือ

    ๑) ความชัดเจนระดับต้น มีอารมณ์ใจขอบเขตน้อม เชื่อมั่นในพระธรรมข้างต้นนั้น ดั่งท่องจำแต่เพียงอย่างเดียว(ด้วยวาจา) มีผลให้เกิดสภาวะความเป็นทิพย์ จะไม่ปรากฏเป็นภาพนิมิต จะมีอารมณ์ใจเหมือนจิตเราตอบจิตของเราเอง

    ๒) ความชัดเจนระดับกลาง มีอารมณ์ใจขอบเขตน้อม เชื่อมั่นในพระธรรมข้างต้นนั้นได้ชั่วขณะแล้วค่อยๆเลือนไป(ด้วย กาย ด้วยวาจา) มีผลให้เกิดสภาวะความเป็นทิพย์ จะปรากฏเป็นภาพนิมิต เห็นอยู่ซึ่งหน้าแต่ลางเลือน หรือ ชัดบ้างไม่ชัดบ้าง

    ๓) ความชัดเจนระดับปลาย มีอารมณ์ใจขอบเขตน้อม เชื่อมั่นในพระธรรมข้างต้นนั้น อย่างแน่นอน(ด้วย กาย วาจา ใจ) มีผลให้เกิดสภาวะความเป็นทิพย์ จะเป็นนิมิต ที่มีความชัดเจนดั่งกลางวัน หรือหมือนกลางวันของเรานั้นเปรียบเทียบได้กับแสงหิ่งห้อย
    .......ยังมีต่อ......

    ........./....จบคำตอบที่ตรงนี้...........ลองไปทำดู....น่าที่จะมีความสว่างสดใสพอๆกับเต็มกำลัง
    ..

    2. จากการที่อ่านมามาก พอจะรู้ว่าการที่จะให้สมาธิก้าวหน้าต้องเอาวิปัสนาญาณมาช่วย แต่พอผมทำวิปัสนา มันก็ยิ่งเซ็งหนักเข้าไปกว่าเดิม ทั้งเบื่อด้วย ไม่เห็นว่ามันพิจารณาแล้วจะร่าเริงแจ่มใสไกลกิเลสเลยครับ กลับหดหู่ใจ



    .../..แสดงว่าเป็นอารมณ์เริ่มต้นที่ได้ผลบ้างเล็กน้อย......พอในระดับกลางเริ่มเห็นทุกข์ทุกอย่างเป็นธรรมดา......พอในขั้นปลายจะยอมรับความทุกข์ตามความเป็นจริง ยิ่งรักพระนิพพาน ยิ่งรักพระพุทธองค์ร่าเริงในธรรม ขำตนเองที่มีแต่อวิชชา คอยหาเหตุผลมาแก้ตัวให้กับกิเลสของตน มีปิตในทางธรรมทั้งที่กายมันทุกข์อยู่แต่ใจไม่ได้ทุกข์ไปด้วย

    ..
    3. หากไม่ขึ้นอานาปาก่อน ไปขึ้นกสิณอย่างเก่งก็ไปได้ถึงแค่อุปจาร อันนี้ถูกต้องไหมครับ ถ้าตรงนี้ถูกต้องผมจะฝึกเต็มกำลังก็ควรเริ่มจากอานาปา ไม่ใช่อาโลกสิณใช่ไหมครับ

    .../...สามารถที่จะกำหนดไปพร้อมๆกันได้ /แต่ถ้าผู้ใดมีความคล่องในฌานอานาปานสติ ย่อมได้ฌานในกสินโดยง่ายเช่นกัน
    .

    4. หากผมฝึกอานาปาณสติอย่างเดียวจนถึงฌาน4 จะสามารถอธิฐานถอดจิตแบบเต็มกำลังได้ไหมครับ หรือว่าต้องไปต่อตัวอื่นอีก


    .../..ทำได้แต่จะต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ ในการออกอทิสมานกายเพราะเป็นการถอดกายทิพย์แบบใช้กำลังตนเองเหนื่อยและหนักกำลังตนเองมาก
    ......ก็ให้ใช้คำภาวนา ” นะมะ-พะทะ” ควบคู่กันไปก็แล้วกัน..นะครับ...จะได้ผลแบบเต็มกำลังไปเลย..


    5. มีตำราหนึ่ง เขาสอนการถอดจิตโดยการกำหนดจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว จนเกิดอาจารเสียวแปลบปลาบที่บริเวณดั้งจมูก (ผมว่ามันไม่เสียวอย่างเดียว เดี๋ยวมีมึนหัวตามมา)อยากถามอาจารย์ว่าวิธีนี้เป็นเฉพาะตัว หรือคนอื่นหากนำไปใช้ก็ได้ผลครับ

    .../..ท่านอื่นจะนำไปใช้ก็ได้ แต่เป็นการใช้กำลังฌานที่มีอยู่ในตนณ.ปัจจุบันนั้นๆ จะเหนื่อยมากและเมื่อถอดกายทิพย์ได้แล้วมักจะปวดศรีษะ เพราะใช้อารมณ์มาข่มฌานให้เกิดเป็นการบังคับฌาณ ไปในตัว.....ผลเสียคือ ในที่สุดก็จะพลาดและคลาดเคลื่อน ในฌาณ ๘

    ......ในกรีณีเช่นนี้เขาฝึกกันเพียงต้องการเห็น ผีแบบเด็กๆ ไปเท่ยว สวรรค์ พรหม นิพพานไม่ได้ทุกเขต
    .......ในที่สุดก็ต้องไปคบกับพวกสัมภเวสี....อาจกลายเป็นร่างทรงองค์เทพในที่สุด
    ..


    6. หากข้อ 5 การฝึกถอดจิตโดยกำหนดกึ่งกลางระหว่างคิ้ว คนอื่นก็สามารถใช้ได้ผล ขอถามว่า ระหว่างวิธีนี้ กับ อานาปาณสติ ผมปฏิบัติวิธีไหนถึงจะไปได้เร็ว

    .../..ได้ความเป็นทิพย์แบบเพ่งระหว่างคิวได้เร็วกล่าว.....แต่ข้อเสียมีมาก
    ..../....แบบอานาปานสติ จนถึ.ฌาณ ๔ระเอียด...จนอทิสมานกายแยกออกจากกายเนื้อ โดยท่องเที่ยวในกายเนื้อก่อน เมื่อเบื่อหน่ายใยกายเนื้อ(เห็นทุกข์ จึงตัดเสียซึ้งความเกิดคือ สมุทัย...นิโรธะ...เข้าสู้มรรค..) ...ก็สามารถเป็นมโนมยิทธิได้...
    ....” แนวทางนี้แหละที่หลวงปู่มั่น ฯท่านเจริญพระกรรมฐาน.....แล้วท่านจึงต่อด้วยพระกรรมฐานทั้ง ๔๐ กอง...เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ
    ......ศิษย์ที่เดินอารมณ์ตามที่.เป็นพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณเช่น หลวงปู่แหวน สุจินโน / หลวงปู่สิม พุทธาจาโร/ หลวงปู่ขาว อนารโย / หลวงปู่ฝัน อาจาโร / เป็นต้น.


    7. เมื่อไม่นานมานี้ ผมเพ่งไฟจากเปลวเทียนเป็นกสิณ จนพอหลับตาก็สามารถเห็นได้ลาง ๆ ในจิต เพ่งไปชั่วขณะได้ปรากฏภาพผู้หญิงในชุดขาวที่สวยที่สุดเท่าที่จะเคยเจอมา ความรู้สึกแรกในขณะนั้นบอกว่านั่นคือ เจ้าแม่กวนอิม จึงกำหนดจิตนอบน้อม แต่ก็ไม่ได้สนทนาอะไรกับท่านได้แต่ขอให้ท่านกลับไป อาจจะฟังดูเลวถ้าผมจะบอกว่าทำอย่างนั้นเพราะกลัวจิตคิดอกุศล ผมค่อนข้างมั่นใจว่าที่เห็นนั้นของจริง เพราะว่าผมไม่ได้นึกคิดถึงท่านมาก่อนเลย จึงอยากถามอาจารย์ว่า หากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านต้องการมาหาเราเอง เราก็สามารถเห็นท่านได้ง่าย กว่าการที่เรานั่งตามแบบครึ่งกำลังจากบ้านสายลมที่ว่าพอครบ 10 นาที ก็ให้คลายสมาธิมาที่อุปจาร แล้วก็เชิญพระพุทธเจ้ามา วิธีนั้นผมไม่เห็นเลยครับ เห็นก็ลาง ๆ จะเห็นได้ก็ตอนที่อยู่บ้านสายลมเท่านั้น เหมือนใช้กำลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย อันนี้ถูกไหมครับ


    .../...เพ่งไฟจากเปลวเทียนเป็นกสิณ เมื่อมีนิมิตอื่นๆเข้ามานระหว่างอุปจารสมาธิ ให้ตัดละภาพนิมิตนั้นเสียไม่ต้องไปสนใจ แม้จะเป็นพุทธนิมิตก็ตาม
    .

    8. สมมุติว่าเอาผ้าแดงที่อาจารย์ให้มาผูกแล้วนั่งภาวนาเพื่อหวังเต็มกำลัง หากจิตถึงขั้นปฐมฌานปุ๊บ มันจะเดินจิตถึงขั้นฌาน 4 โดยอัตโนมัติหรือป่าวครับ หรือว่า ไม่แน่ และหากสมมุติว่าจิตถึงฌาน 4 แล้วจะเป็นที่แน่นอนว่าจะออกเต็มกำลังเลยหรือป่าวครับ หรือไม่แน่อีกเหมือนกัน

    .../....ไม่แน่เพราะจะต้องย่ำในอารมณ์ของฌานตามกุศลเดิมสลับฌานโดยอัตโนมัติ กำลังใจจะสลับฌานโดยอัตโนมัติโดยคุณไม่ต้องไปนั่งจับผิดหรือคอยตรวจตราว่าตอนนี้อยู่ที่ฌานนี้ตอนนี้อยู่ที่อยู่ฌานนั้น อย่างนี้เป็นต้น เพราะอารมณ์ที่ลดลงมาเพื่อตรวจสอบกำลังฌานในที่สุดคุณก็จะไม่ได้ฌาน เพราะอารมณ์ตรวจสอบคุมกำลังใจอยู่ที่อุปจารสมาธิตลอดเวลาก็เท่ากับ ณ เวลาที่คุณเสียไปนั้นคุณอยู่ในอารมณ์อุปจารสมาธินั่นเอง ....ผมว่า คุณคงตกอยู่ในอารมณ์นี้แน่นอน ตรงนี้แหละที่เรียกว่า วิจิกิจฉาละเอียด

    [​IMG]

    9. ทุกคำถามของผมเป็นไปเพื่อประโยชน์ในการฝึกเต็มกำลังของผม และการที่ผมนั่งสมาธิ ก็เพื่อต้องการเต็มกำลัง หากอาจารย์มีเทคนิคอะไรในเรื่องนี้ก็โปรดบอกผมด้วยเถอะนะครับ ผมเชื่อว่าพระพุทธเป็นครูที่ดีที่สุด พระองค์รู้อุปนิสัยของแต่ละคนว่าควรฝึกแบบไหน และพระองค์ก็เคยผ่านมาหมด หากทำตามที่พระองค์ตรัสก็สามารถเห็นผลได้ และผู้ที่สามารถสื่อคำตอบจากพระองค์ได้เป็นคำพูดอย่างชัดเจนที่ผมรู้ ก็มีแต่อาจารย์ไก่ โปรดสงเคราะห์ด้วยครับ

    .../....เทคนิคคือให้ฝึกแบบคนโง่ๆ จิตอย่าฉลาดไปเที่ยวตรวจตราว่าตรงกับตำราหรือไม่ตรงกับตำรา เพราะในระหว่างที่ได้นั้นไม่ต้องเปิดตำรา ยกตัวอย่างเช่น คนฝึกหัดขับรถยนต์ หากมัวแต่เปิดตำราไปด้วยแล้วขับรถไปด้วยก็คงจะละล้าละลังกันน่าดู อารมณ์พุทธภูมิแบบคุณก็เป็นเช่นนี้เอง ไม่ว่ากัน





    </TD></TR><TR align=right><TD>จากคุณ คนเมืองบัว เมื่อวันที่ 8/11/2549 12:53:36 </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา
    http://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=17524
    http://www.konmeungbua.com/webboard/aspboard_Question.asp?GID=14779
     
  2. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,223
    ค่าพลัง:
    +15,634
    ผมฝึกมาแบบยุบหนอพองหนอ ตอนนี้ทำสมาธิทุกวัน ครั้งละ 30 นาทีและมีความรู้สึกร่างกายขยายเกร็ง ถ้าจะเพ่งอาโลกากสิณหรือเตโชกสิณ ผมจะต้องทำอย่างไรและจะกำหนดภาวนากสิณตอนไหน หรือเริ่มตั้งแต่ตอนต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2006
  3. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    ขอโมทนาบุญในธรรมทานกับ อ.ไก่ และโมทนาบุญกับคุณ Gottama ที่นำมาเผยแพร่ให้อ่านกันด้วยครับ


    .
    .
     
  4. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    พี่ไก่ดังแล้ว 555
     
  5. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    ถ้าถามพี่ไก่ถึงอดีตังของตัวผม พี่ไก่จะบอกให้ฟังได้ไหม
    อยากจะถามว่า คนที่ต้องเกิดเป็นขอม ในยุคประมาณหลังพระเจ้าชัยวรมันที่7 อันนี้จะสงเคราะห์เล่าให้ฟังบ้างได้ไหม ถ้าเกิดว่าได้ทำลายพุทธรูปเพื่อเปลี่ยนเป็นมหายาน หรือ ทางพราหมณ์ แล้วจะมานั่งพิมพ์แบบนี้ได้อีกไหม อิอิ และที่หนักไปอีกเกิดเป็นเจ้านายของขอมสบาดโขลญลำพง อันนี้ก็คือศัตรูของท่านพ่อ
    ลูกที่ต้องเกิดเป็นฝ่ายตรงข้ามกับพ่อนี่ มีเยอะไหม
    ถ้าไม่เกิดเป็นฝ่ายตรงข้ามเพื่อให้อาณาจักรมีความอ่อนแอ ท่านพ่อจะได้ยึดเมืองได้ง่าย คิดแบบเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่า 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2006
  6. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    [​IMG]

    อนุโมทนาธรรมกับอาจารย์ไก่ด้วยครับ เรื่องปราถนาโพธิญาณท่านเด็ดเดี่ยวจริงๆ

    ผมเคยมีโอกาสไปศึกษาและฝึกมโนมยิทธิกับ อ.ไก่ครั้งหนึงเมื่อนานมาแล้วท่านสอนถูกต้องตามแบบฉบับหลวงพ่อฤาษี ขอรับรอง...และโมทนาในบุญบารมีอาจารย์ไก่ด้วยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจุบันเพื่อเป็นกำลังในการสร้างบารมีต่อไป


    (f)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤศจิกายน 2006
  7. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    การปรารถนาพุทธภูมิของแต่ละท่าน อาจจะไม่ถูกใจเราบ้าง เพราะเหตุแห่งการบำเพ็ญมีลักษณะเป็นไปตามเส้นทาง ตามนิสัยของใครของมัน

    แต่ที่พอจะเห็นความดีกันได้ คือ กำลังใจการทำความดีเพื่อคนอื่นครับ

    อ.ไก่ แกพยายามปฏิบัติงานสาธารณะมาก... เป็นตัวอย่างที่ดีได้ครับ ... แต่ก็จะออกแนวคนเข้าใจแกน้อยหน่อย ... เพราะว่า บางอย่างเสียวนรกเหมือนกัน หุหุ ... แต่ความพยายามทำเพื่อคนอื่น แกก็ทำไป ไม่ได้สนใจอะไรมาก

    ผมฝึกมโนฯ สำเร็จครั้งแรก ที่มั่นใจ และใช้งานได้ กับ อ.ไก่ นี่แหละครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 พฤศจิกายน 2006
  8. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    โมทนา บารมีอาจารย์ไก่ เเละทุกคนครับ ตั้งเเต่อดีต ปัจจุบัน อนาคต ครับ
     
  9. chayapa_p

    chayapa_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +231
    ถามอาจารย์ได้มั๊ยค่ะ
     
  10. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    ได้ครับ
     
  11. chayapa_p

    chayapa_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +231
    คือได้มีโอกาสไปฝึกมโนฯที่วัดท่าซุงแล้วด้วยความอยากรู้ว่าเราจะได้หรือเปล่า? แล้วมีจริงหรือเปล่า? ก็ตั้งใจว่าจะไม่อ่านเรื่องที่คนอื่นฝึกแล้วเห็นอะไรเป็นอย่างไรได้ผลเป็นอย่างไรคือจะเริ่มจากศูนย์จะได้ไม่เกิดคิดไปเองจากที่อ่านมาเพราะเราไม่เคยนั่งสมาธิเลย ก็เลยโง่มากๆเลย วันแรกและวันที่สองที่ฝึกจะตอบคำถามตามความรู้สึกเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งครูยังถามไม่จบเลยเราจะเหมือนรู้คำตอบได้ ถ้าเห็นก็เหมือนรูปแว๊บมาแล้วก็หายไป อย่างพระจุฬาฯไม่เห็น แต่ที่วิมานของตัวเองเห็นและเข้าไปได้พอเข้าไปชุดจะสวยขึ้นก่อนครูจะถามอีก ส่วนวิมานก็ไม่ได้ใหญ่มากประมาณถ้าเทียบขนาดก็เท่ากับวิมานองค์ปฐมที่วัดท่าซุงหมายถึงขนาดนะค่ะคือเปรียบเทียบให้ดูคงไม่เป็นการปรามาสนะแต่มีปัญหาดังนี้คือที่พื้นจะเหมือนไม่มีพื้นดูมืดๆลึกๆทำให้กลัวและต้องคิดทุกครั้งว่าขอให้มีอะไรมารับเวลาเราก้าวเข้าไปแล้วพอเราก้าวก็จะมีเหมือนขั้นบันไดพอก้าวอีกก็มีรับอีกแต่ไม่เห็นว่ามีอยู่ก่อนเราจะได้เดินแบบสบายๆหรือเวลานั่งก็มีเป็นที่นั่งพอนอนก็ยาวออกเป็นที่นอนแต่ไม่อยู่บนพื้นนะ ลอยอยู่ ทำมั้ยเป็นแบบนี้หรือเราทำบุญน้อยไม่กล้าถามครูอาย เวลาครูถามว่ามีพระพุทธรูปเยอะมั้ยที่วิมานเรารู้สึกว่าเยอะมากแต่เราไม่เห็นพอถามว่าพระองค์ที่ใหญ่สุดใหญ่แค่ไหนสีอะไรเราเห็นภาพชัดมากแล้วพอถามว่าทำอะไรถึงได้พระองค์นี้มาเราก็เห็นภาพแขนผู้หญิงกำลังถอดกำไลทองออกจากแขนเราก็ไม่รู้เขาเรียกว่าอะไรเราเลยบอกทำบุณ แต่ระหว่างที่ฝึกนั้นเราจะมีความสงสัยตลอดว่าจริงหรือคิดเอาเองตลอดมันอดไม่ได้มีคนเตือนว่าอย่าคิดเพราะจะบาปแต่ห้ามไม่ได้ วันที่สามต้องออกมานั่งข้างนอกไม่มีครู นั่งไปซักพักเราเป็นตัวเล็กๆเหาะขึ้นไปเราเห็นข้างล่างภาพต่างๆเหมือนดูทีวี แบ๊บเดียวขึ้นไปที่วิมานตัวเองแต่เราซนมากไปที่วิมานเราเองเราไม่กล้าไปไหนเพราะซนมากกลัวรบกวนคนอื่นเหาะขึ้นเหาะลง ตีลังกาเหมือนลิงเลยคุมไม่ได้ เราอยากไปที่พระจุฬาฯพอคิดก็ถึงเลยเมือนเราลอยอยู่ห่างจากตรงบันไดพอสมควรแล้วเห็นเทวดาตัวเล็กๆ(ใส่ชุดเหมือนเทวดา)๒องค์เดินขึ้นบันไดมาแต่เรารู้ว่าเราเป็นคนที่เดินที่หลังคืออยู่ดีดีมีตัวเองสองคนงงมั๊ย แล้วไม่รู้ทำยังไงเราก็รู้สึกว่าเราเหลือแต่ที่ใส่ชุดเทวดาคนเดียวพอขึ้นบันไดมาเสร็จเราเห็นรองเท้าปลายงอนเป็นแก้วเพชรใสสวยมากแต่ใหญ่ม๊ากๆเพราะตัวเราเล็กมากเทียบกันเท่ากับปลายรองเท้าเป็นตึกใบหยกเก่าได้เราก็เลยรู้สึกว่าเราตัวเล็กขนาดนี้จะไปเห็นอะไรตัวเท่าไม้ขีดเอง เข้าไปก็คงมองอะไรไม่เห็นขนาดปลายหัวของรองเท้ายังแหงนคอตั้งบ่าก็เลยกราบแล้วลงมา(โง่มากๆ)ไม่ได้เข้าไปพระจุฬาฯ (ถามนิดเจ้าของรองเท้าคือองค์ใดคนที่ได้แล้วช่วยตอบด้วย) พอลงมาก็ไม่รู้จะไปไหนแต่กลับเป็นตัวที่ซนเหมือนลิงแล้วนะก็เลยไปที่ตึกขององค์ปฐมพอกราบเสร็จขึ้นไปนั่งบนมือองค์ปฐมแล้วเอาก้นพยายามดันลูกแก้วเล่นเราตกใจมากกลัวนรกจะถามหาคือเรากลัวบาปเพราะเราเป็นผู้หญิงแล้วขึ้นไปแบบนั้นรู้สึกผิดมากๆรู้ว่าไม่สมควร แต่เหมือนเราดูแลเด็กตัวเล็กๆซนมากเร็วมากเราไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรมาก่อนแต่ไอ้ตัวเล็กนั้นนะเรางงมั๊ย เรารีบกลับมาที่ตัวเราที่นั่งสมาธิอยู่ ก็พอดีหมดเวลา ตอนนั้นเราเข้าใจว่าเราคิดไปเองด้วยนะไม่รู้ว่าคือมโนฯก็ยังกลัวบาปเลย เพราะเราคิดว่าอทิสมานกายต้องเท่าตัวเราแล้วรู้ว่าออกอย่างไรเป็นขั้นเป็นตอน ตอนนั่งรถกลับที่พักเราก็เล่าให้แม่ชีฟังแล้วแม่ชีบอกว่านี่คือมโนฯแล้วไปได้แล้วถ้าอยากตัวใหญ่ให้อธิฐานเอาเล็กก็ได้ใหญ่ก็ได้ (เราโง่ตลอดเลยด้วยความไม่เคยอ่านหนังสือมาก่อนแต่ก็เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่ามีจริงๆ) <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    วันใหม่ ตั้งใจเต็มที่จะไปดูพระจุฬาฯและเฝ้าพระพุทธเจ้าเพราะตอนที่เป็นตัวเล็กเห็นภาพชัดเหมือนดูทีวีเลย ไม่มี ไม่ได้ ไม่เห็นอะไรเลย ปวดขาเหน็บกินอีกต่างหากเพราะ เราไม่รู้ว่าตัวเล็กออกจากเราอย่างไงตอนไหนคือเมื่อวานมันมีขึ้นมาเอง ด้อยประสบการณ์จับต้นชนปลายไม่ถูก ทำอีกไม่ได้ คือได้แบบฟลุ๊คๆ ส่วนมากเราจะได้อะไรแบบนี้ตลอดแล้วพอเราตั้งใจจะทำเราก็ไม่รู้จะเริ่มตรงไหน พอกลับมาบ้านก็ไม่ได้ทำ อาทิตย์ ที่แล้วพึ่งจะลองหัดนั่งสมาธิดู ต้องขอบคุณคุณ yellow และคุณcarbonato ด้วยที่ช่วยแนะนำคิดว่าคงตกฌานจริงๆ ส่วนมโนฯคงฟลุ๊กครั้งนี้ครั้งเดียวถ้าฝึกที่บ้านคงยากเพราะนั่งสมาธิยังไม่ได้เลย เข้ามาอ่านในนี้แล้วมีแต่คนเก่งๆทั้งนั้นฝึกอภิญญา กสิน กันหมดแล้ว เราพึ่งเริ่มคงอีกนานขอถามว่าที่เล่ามาเป็นมโนฯแบบไหนเพราะไปตามอ่านตามกระทู้มโนฯอื่นๆไม่เห็นมีใครเป็นตัวเล็กๆเหมือนเราเลย เวลาเราฝึกกับครูแล้วพอตอบคำถามแล้วเหมือนเสียสมาธิต้องเริ่มใหม่บ่อยๆหรือเพราะฝึกครั้งแรกเลยไม่ชินต้องไปฝึกกับครูกี่ครั้งถึงฝึกเองที่บ้านได้
     
  12. chayapa_p

    chayapa_p เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +231
    ขอโทษด้วยที่ตัวหนังสือเล็กเพราะพิมพ์ไม่เก่งต้องพิมพ์ใส่ที่อื่นไว้ก่อนใช้เวลาพิมพ์ทั้งหมด ๘ ชั่วโมงพอดี
    เข้ามาอ่านแล้วคนอื่นเขาฝึกแล้วเจริญๆขึ้นแต่เราฝึกทำมั๊ยเจริญฮวบๆ
     
  13. KomAon11

    KomAon11 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    4,802
    ค่าพลัง:
    +18,984
    แก้ไขข้อความเก่า ที่ <!-- End Post Thank You Hack --><!-- Start Post Groan Hack -->[​IMG] ของข้อความนั้นๆ ที่จะแก้นะครับ

    ...แก้โดยใช้ตัวอักษร แบบใหม่นะครับ ...

    ไม่ก็ก๊อปไปใส่ text document ก่อน .. แล้วค่อยก๊อปมาใส่เว๊ปอีกที .. มันจะไม่มีปัญหาครับ
     
  14. chakrit

    chakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +967
    โมทนากับอาจารย์ไก่ครับเป็นคำตอบที่เข้าใจง่ายจริงๆครับ
    ขอให้อาจารย์ไก่สำเร็จกิจที่หวังโดยเร็วเพื่อเป็นกำลังแก่พุทธศาสนา
    และชาวโลก(verygood)
     
  15. มหัศฤทธิ์

    มหัศฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +855
    อนุโมทนาในกุศลผลบุญกับอาจารย์ไก่ที่ได้ทำมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันด้วยครับสา..ธุ...
     
  16. มหัศฤทธิ์

    มหัศฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +855
    อาจารย์ไก่รับฝึกสอนมโนมยิทธินอกสถานที่ไหมครับ...
    มีข้อกำหนดกฏเกณฑ์อย่างไรบ้างครับ...
    ใครรู้ช่วยบอกที...
     
  17. bingping

    bingping เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2005
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +391
    อยากให้อ.ไก่ สอนที่หาดใหญ่ในช่วงเช้า ของวันเสาร์/อาทิตย์ แล้วมีที่ไหนสอนบ้างอีกครับ (มโนแบบครึ่ง และ เต็ม )
     
  18. narz

    narz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +2,659
    ขอเรียนเชิญท่านที่สนใจ ร่วมฝึกพระกรรมฐานมโนมยิทธิครับ
    โดยอาจารย์ไก่ คนเมืองบัวครับ สามารถดูกำหนดการบรรยายธรรมได้ที่นี่ครับ
    กำหนดการบรรยายธรรม โดย คนเมืองบัว

    แผนที่ สถานที่สอนพระกรรมฐาน มโนมยิทธิ / ญาณ ๘ / สุขวิปัสโก โดย คนเมืองบัว
    แผนที่ สถานที่สอนพระกรรมฐาน มโนมยิทธิ / ญาณ ๘ / สุขวิปัสโก โดย คนเมืองบัว
     
  19. center-in-center

    center-in-center เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,717
    ป๋มยังไม่มีโอกาสเจอ อาจารย์ไก่ เลยงับ
     
  20. narz

    narz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2008
    โพสต์:
    329
    ค่าพลัง:
    +2,659

แชร์หน้านี้

Loading...