น่าเป็นห่วง หลักสูตรพุทธศาสนา จากบางอาจารย์ สอนตายแล้วสูญ ( หลักสูตร ม.1- ม.6)

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 24 มกราคม 2006.

?
  1. ไม่เห็นด้วย (คิดว่าสอนผิด)

    0 vote(s)
    0.0%
  2. เห็นด้วย (คิดว่าสอนถูก)

    0 vote(s)
    0.0%
  1. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    แก้ข้อกล่าวหาเรื่องที่ ๘ เรื่องสมาธิสูงๆจะทำให้มีอิทธิฤทธิ์ได้หรือไม่? <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    นี่ก็เป็นเรื่องเด็กๆอีกเหมือนกัน คือพอจนตรอกที่จะสอนเข้าก็เลยต้องใช้วิธีบอกให้ไปปฏิบัติเอาเองจึงจะเห็นจริง ใครสอนผิดจากหลักของตน ก็กล่าวหาว่าปฏิบัติไม่ถึงขั้น หรือไม่ได้ปฏิบัติ ส่วนตนเองนั้นกลับปฏิบัติไม่ได้ พอปฏิบัติไม่ได้ก็กลัวคนอื่นว่าโง่ เลยจำต้องบอกว่าเคยปฏิบัติได้แล้วบ้าง เสื่อมไปแล้วบ้าง คนที่ไปลองปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติต่อแล้วไม่ได้อีกก็กลัวเขาหาว่าโง่อีก ก็เลยต้องใช้วิธีเดิมอีก เป็นลูกโซ่ไปเรื่อย เป็นจิตวิทยาที่เข้าใจได้ง่ายๆ
    ตามความจริงที่ปรากฏก็คือ เคยมีใครมาแสดงอะไรที่เป็นพวกอิทธิปาฏิหาริย์ หรือแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นกันจริงๆบ้าง? ไม่มีเลย มีแต่เรื่องเล่าลืบๆกันมาเท่านั้น แล้วก็อ้างว่าสมัยนี้ทำไม่ได้แล้ว ถ้าสมมติว่ามีใครทำได้จริง ป่านนี้คงโด่งดังกันไปทั่วโลกแล้ว คงมีคนมานับถือกันอย่างล้นหลามเลยทีเดียว <o:p></o:p>
    ลองคิดง่ายๆ ว่าพวกนักเล่นกลเขาทำสิ่งที่ดูว่าเหนือธรรมชาติได้อย่างไร? ซึ่งเราก็ทึ่งเขามาก แต่เราก็รู้อยู่ว่าเขาเล่นกล เราจึงไม่ไปศรัทธาเชื่อถือเขาเป็นศาสดาของเรา ถ้าเกิดเขาหลอกเราว่าเขาทำได้จริง ก็คงเกิดลัทธิอะไรแปลกๆขึ้นมาในโลกอีกมากเป็นแน่<o:p></o:p>
    สมาธิสูงๆจะทำให้มีอิทธิฤทธิ์ได้หรือไม่นั้นไม่ได้มีความสำคัญเลย เพราะพุทธศาสนาสอนให้ใช้สมาธิมาช่วยดับทุกข์ ไม่ได้สอนให้ทำสมาธิเพื่อสร้างอิทธิฤทธิ์เลย ถ้าสมมติมีอิทธิฤทธิ์ได้จริง แล้วไม่นำมาใช้ดับทุกข์ มันก็ไม่เป็นประโยชน์ ซ้ำยังจะกลับมาทำให้เกิดทุกข์ขึ้นอีกเสียด้วยซ้ำ แต่ดูว่าใครๆก็อยากจะมีสมาธิสูงๆเพื่อมีฤทธิ์มีเดชมีอำนาจอย่างที่ครูอาจารย์สอนไว้ เพื่อที่จะนำมาใช้สร้างชื่อเสียงลาภยศให้กับตนเองตามอำนาจกิเลสที่แอบแฝงอยู่ในจิต คือเท่ากับเพิ่มกิเลส ไม่ได้ลดกิเลส<o:p></o:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2006
  2. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    แก้ข้อกล่าวหาเรื่องที่ ๙ เรื่องถ้าสอนว่าไม่มีชาติหน้าคนจะทำชั่วเพราะไม่ต้องรับผล<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    การเอานรกมาขู่ หรือเอาเรื่องชาติหน้ามาสอนนั้นจะมีส่วนดีตรงที่คนที่ไม่มีความรู้ หรือคนป่าคนดงจะกลัวและไม่ทำความชั่ว แต่ปัจจุบันนั้นทำไม่ได้แล้วเพราะคนมีความรู้มากขึ้น คนที่จะเชื่อเรื่องชาติก่อนชาติหน้าเริ่มลดน้อยลง คนจึงเริ่มทำชั่วกันมากขึ้น การที่จะหันมาทุ่มเทสอนเรื่องชาติก่อนชาติหน้านั้นคงได้ผลน้อย จะมีก็แต่คนหัวอ่อนเท่านั้นที่ยังจะเชื่ออยู่บ้าง <o:p></o:p>
    ในเรื่องนี้ลองไปอ่านหนังสือของอาตมาดูก็จะเห็นว่าอาตมาสอนเรื่อง
     
  3. เตชปญฺโญ ภิกขุ

    เตชปญฺโญ ภิกขุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    494
    ค่าพลัง:
    +117
    ตอบข้อข้องใจ จาก เตชปญฺโญ ภิกขุ

    แก้ข้อกล่าวหาเรื่องที่ ๑๐ เรื่องบิดเบือนคำสอน<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    คำกล่าวที่มีผู้โพสเข้ามากที่สุดก็คือเรื่องว่าอาตมาบิดเบือนคำสอนของพระพุทธเจ้า คนที่กล่าวหานั้นมีความรู้ในพุทธศาสนามากน้อยเพียงใดจึงใช้คำพูดเช่นนี้ คุณเอาอะไรมาเป็นบรรทัดฐานว่าคำสอนใดถูก คำสอนใดผิด หรือว่าคิดเอาตามครูอาจารย์ที่สอนเอาไว้ ถ้าใครสอนผิดจากครูอาจารย์ของตนเองก็กล่าวหาว่าเขาสอนผิด ถ้าเป็นกรณีนี้ก็ยังจัดว่าใช้ความคิดแบบเด็กๆ หรือเป็น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2006
  4. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +494
    อืม อย่างนี้เผาหนังสือพุทธทาสทิ้งกันดีไหมครับ(ฮา)
    หรือว่าจะสอนคนที่นับถือท่านพุทธทาสให้เชื่อในสิ่งที่ถูกที่ควรดี
    หรือว่าจัดการมารที่ดลใจ...
     
  5. Merin

    Merin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +562
    อ่านดูแล้วก็เห็นว่าผิดไปจากพระไตรปิฏกมาก แต่ขอตั้งข้อสังเกตุว่า เนื่องจากคนแต่งตำราหรือผู้สอนส่วนมาก ไม่มีความสามารถพิสูจน์ เรื่อง เทวดา, กรรม หรือเด็กๆ เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรม เนื้อหาจึงพยายามหาทางออกผิดๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับเด็กๆอย่างแน่นอน

    เห็นด้วยครับ ถ้าคุณ web snow จะชี้แจงให้ กระทรวงศึกษา และขอปรับปรุงเนื่อหาให้ถูกต้อง ขออนุโมทนา
     
  6. bb.boy

    bb.boy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +381
    ด้วยความไม่รู้ ผมขอตอบอย่างผู้ไม่รู้คนหนึ่ง นะครับ

    อ่านข้อความมาทั้งหมด ก็ได้พบกับจิต ในจริตต่างกันมากมาย

    เพราะคนเราแตกต่างกัน คิดต่างกันนั่นเอง......


    ถ้าถาม ถามว่าเพราะอะไรถึงเชื่อว่า โลกกลม
    ทุกคนคงตอบว่า วิทยาศาสตร์ ทำให้เราก้าวหน้า และค้นพบความจริงว่าโลกกลม

    ถ้าถามว่า ทำไมวิทยุ จึงสามารถสื่อสารกันโดยไร้สายได้
    ก็เพราะว่า มีคนบ้าคนหนึ่ง เชื่อว่ามันทำได้ และได้ ใช้ธรรมชาติ ยืมมือธรรมชาติ หาใช่การเอาชนะธรรมชาติ


    ถ้าถามว่า คุณเชื่อไหนว่าเชื้อโรคมีจริง ?
    นั่งๆอยู่อย่างนี้ คุณเห็นด้วยตาไหม

    แล้วอะไรที่ทำให้คุณเชื่อว่ามีจริง

    ผีล่ะ คุณเห็นได้ด้วยตาไหม แล้วอะไรจึงมีเหตุให้คุณเชื่อว่ามีจริง ไม่มีจริง

    ความไม่รู้ของบุคคล ความมองไม่เห็นได้ด้วยตา
    ก็มิอาจสรุปได้ว่า สิ่งที่ไม่เห็นไม่รู้นั้น มีอยู่จริงไหม


    อย่าเชื่อ ตามตำรา อย่าเชื่อ ตามเค้าพูดกัน
    พระพุทธเจ้าท่านก็ได้สอนเอาไว้

    ดังนั้น ใครจะเดินตามทางใด ก็ควรเป็นเรื่องส่วนบุคคล
    ไม่มีใครทราบว่า ใครถูก ใครผิด ได้จริง
    เพราะเราก็ต่างคือผู้ไม่รู้

    ถึงผมจะกินโค๊ก แล้วมานั่งเล่าว่า น้ำโค๊กที่ผมกินมานี้ รสชาติเป็นอย่างไร
    ก็คงไม่เท่ากับคุณได้ดื่มเอง ได้กินเอง

    ปัตจัตตัง ครับ
    ปัตจัตตัง
    ปัตจัตตัง ครับ......

    ปล.
    ข้าพเจ้า ขออุทิศส่วนกุศล ให้แด่ทุกผู้ทุกนาม ที่เดินหลงทางให้ได้พบทางตรง ทางหลุดพ้น ทุกท่านเทอญ...

    แง่คิด....
    เมื่อมองว่ารู้ ก็คือ ผู้ไม่รู้
    เมื่อมองว่าดีกว่าผู้อื่น ก็เลวกว่าผู้อื่น


    บัวมีหลายเหล่า คนมีหลายหลาก
    หากบัวไม่มีราก ก็มิอาจจะเติบโต

    บุญรักษาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 ตุลาคม 2006
  7. ผู้ด้อยในปัญญา

    ผู้ด้อยในปัญญา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2006
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +36
    น่าจะเป็นแผนการทำลายล้างพระพุทธศาสนา โดยปลอมแปลงเข้ามาบวชแล้วอาศัยผ้าเหลืองสร้างศรัทธาก่อน เพราะคนจำต้องเชื่อเพราะเห็นว่านุ่งเหลืองห่มเหลือง จากนั้นก็เริ่มปลูกฝังเด็ก ๆ เพื่อง่ายต่อการทำลายล้างพุทธศาสนา

    น่าจะจับสึกออกไป แล้วไล่ออกไป

    กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทำการตรวจสอบหลักสูตร
     
  8. YoUxIpUn

    YoUxIpUn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +172
    เอาตามที่เว็หสโนว์บอกอ่าคะ

    คิดดูสิค่ะ หากเยาวชน ขอย่ำว่า "เยาวชนของไทย"ไร้ความศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    และไม่เชื่อเรื่อง เรื่องการทำดีและชั่วที่จะได้รับผลดีและชั่วในอนาคต ก็จะไม่เกรงกลัวความผิดใดๆ เมื่อเยาชนได้เติบโตขึ้น ก็อาจจะนำสิ่งผิดๆเหล่านี้ไปสอนเยาวชนรุ่นไหม่

    พูดง่ายๆ มันทำให้คนไทยที่เชื่อในความความนี้ เลว
     
  9. ศุภกร

    ศุภกร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +49
    ผู้ที่สามารถตอบคำถามได้ดี อย่างยิ่ง หลวงปู่เกษม อาจิณฺณสีโล

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 999.jpg
      999.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.1 KB
      เปิดดู:
      204
  10. dpongchai

    dpongchai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +33
    วิทยาศาสตร์คืออะไร? เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบเช่นกันถ้าแค่พิสูจน์ทราบได้ตามหลัก ตั้งคำถาม ตั้งสมมุติฐาน ตรวจสอบ สรุปโดยอาศัย"เครื่องมือ ต่าง ๆ หรือเครื่องมือเฉพาะ" แล้วไซร้ดาวเคราะห์อีกหลายดวงที่มีปรากฏอยู่จริง แต่เครื่องมือไม่สามารถรับภาพได้เราจะบอกไม่มีดาวเคราะห์ดวงนั้นหรือ...เพราะ "พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้" งมงาย

    ผมคิดว่ามันต่างกันนะครับ..อีกประการหนึ่ง รอบ ๆ ตัวเราก็มีคลื่นต่าง ๆ มากมายคลื่นวิทยุ คลื่นโทรทัศน์ คลื่นโทรศัพท์ ขอเพียงเรามี "เครื่องมือ" มันก็แปลผลได้แปลให้เป็นภาพ เป็นเสียง ฯลฯ ให้อายตนภายนอกของ "คน" ส่งเข้าไปแปลผลสัญญาณ (รูป รสกลิ่น เสียง สัมผัส) อีกครั้งที่สมอง

    ผมคิดว่าการฝึกจิต คือการสร้าง"เครื่องมือเฉพาะ" ให้พิสูจน์ทราบได้ซึ่งวิธีการสร้างเรื่องมือก็ปรากฏชัดแจ้งในตำราอยู่แล้ว และไม่ได้มีวิธีเดียวด้วยมีตั้งหลายวิธี (แค่พระกรรมฐาน ก็ปาเข้าไปตั้ง 40 วิธีแล้ว)แต่เพื่อให้เข้าสู่ปลายทางเดียวกัน..เพียงแต่เครื่องมือที่ว่านี้เป็นเรื่องที่คนสนใจก็สร้าง คนไม่สนใจก็ไม่สร้างคนสร้างเครื่องมือย่อมได้ใช้เครื่องมือ คนไม่สร้างย่อมไม่ได้ใช้อาจจะรู้ผลของการใช้ (ว่าจริงหรือไม่จริงก็พิจารณาตามแต่วิจารณญาณของคนที่ไม่สร้างนั้น) แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือ คำว่า "ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ"นั่นเองที่ทำให้คนที่เพียรสร้างเครื่องมือด้วยตัวเอง เท่านั้น ที่จะพิสูจน์ทราบได้<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    โดยภาพรวมผมว่าที่ หลวงพี่เตชปัญโญ ภิกขุ กล่าวนั้น ผมก็ยังไม่อาจอ่านพระไตรปิฎกจนจบ หรือแตกฉาน แต่ขอเสนอว่าเช่นนั้นก็ควรอารัมภบทหรือขยายอรรถถึงรายระเอียดในส่วนอื่น ๆ ด้วย (อาจเป็นภาคผนวก)เพราะท่านแสดงธรรมในส่วนของชาติปัจจุบันและส่วนที่พิสูจน์ทราบได้ด้วยวิถี วิทยาศาสตร์ ครับ
    <O:p</O:p
    อ้อ สายวิทยาศาสตร์ก็มีงานวิจัยหลายชิ้นที่สอบถามความคิดเห็นสอบถามประวัติการกินอาหาร แล้วก็มาสรุปว่า นี่ นั่น เป็นสาหตุของการเกิดโรคมีความเสี่ยง..โดยเฉพาะสายการแพทย์...การวิจัยเหล่านั้น ก็ใช้กระบวนการทาง "วิทยาศาสตร์" นะครับ แต่ถามว่าน่าเชื่อมั๊ย ผมว่า (โดยส่วนตัว)ไม่ค่อยน่าเชื่อมากนักนะครับ เพราะปัจจัยอื่น ๆ อีกมากที่ไม่อยู่ในคำถามในการวิจัยก่อนการวิเคราะห์แล้วสรุป...

    เขียนอะไรก็ไม่รู้แต่อยากขอแจมด้วยนะครับ..ผมก็เรียนสายวิทยาศาสตร์นะ..อิอิ
     
  11. พรเทพ คชมาศ

    พรเทพ คชมาศ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    348
    ค่าพลัง:
    +1,295
    เรียนท่านโพธิสัตว์เว็บสโนว์


    เป็นกิจอันควรทำของท่านอย่างยิ่ง และเป็นธรรมดาอย่างยิ่ง
    ที่ปุถุชนยังไม่บรรลุธรรม ย่อมสอนธรรมผิด

    วิธีการ คือ ท่านและเราควรสร้างพระอรหันต์ให้ได้ก่อน อย่างน้อย
    เทียบเท่าสมัยพุทธกาล คือ 1,250 รูป เพื่อทำการสังคายนา

    ระหว่างนี้ ย่อมต้องให้เขาใช้แบบนั้นไปก่อน แต่การสังคายนานี้
    จะกระทำหลังพุทธศาสนาเป็นสากลแล้ว หากยังไม่สากลอย่าเพิ่งทำ
    เพราะยิ่งจะทำให้คนเข้าถึงยาก ต้องให้ผิดไปก่อน ผิดอย่างแพร่หลาย
    ใครๆ ก็เข้าถึงได้ และคิดว่าตนถูก เมื่อปฏิบัติไปถึงจุดหนึ่ง


    พระอรหันต์ทั้งหลายที่มีจำนวนมากพอนั้น ค่อยแสดงตนแล้วทำการสังคายนา




    การแสดงธรรมของพระพุทธเจ้า ท่านได้พิจารณาแล้วว่าแต่ละบุคคล
    ควรสั่งสอนอะไร จึงพบว่าบางครั้ง บางคนท่านเทศน์เรื่องนรก สวรรค์
    บางคนท่านเทศน์ธรรมอื่นแทน ผู้ที่จะรู้ได้ เข้าใจได้ ก็เป็นพระอรหันต์
    ด้วยกัน ซึ่งไม่ว่านานผ่านมาเท่าไร พระอรหันต์สามารถถกกันได้โดย
    ไม่ผิดเพี้ยน


    เริ่มสร้างพระอรหันต์จำนวนมากก่อน งานอื่นจึงจะกระทำต่อได้
    ในระหว่างนี้ ให้บูมเรื่อง "พระศรีอาร์ฯ" ให้คนทั่วโลกรู้จัก ให้คน
    ทั้งหลายเข้าถึง และเป็นได้ เช่นนี้ จึงเป็นสากลเร็วกว่า แล้วค่อย
    ชำระความถูกผิดเมื่อพระอรหันต์มีจำนวนมากพอ


    การสังคายนานั้นทำไม่ได้ด้วยพระโพธิสัตว์เพียงคนเดียว
    ท่าน "ไชย ณ พล" จักช่วยได้แน่นอน
     
  12. nutman

    nutman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +259
    "เคยมีใครมาแสดงอะไรที่เป็นพวกอิทธิปาฏิหาริย์ หรือแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เห็นกันจริงๆบ้าง ไม่มีเลย"
    ไม่เคยเห็น ก็อย่าได้ สรุปเอาครับ ท่าน

    ท่านใช้ภาษาเขียน ได้ดีครับ
    แต่หลักการณ์วิเคราะห์ คล้าย ตรรกะของ บาง ศาสนา ครับ
    ดูจาก ภาษาที่เขียนออกมา น่าจะเกิดมาจาก ความคิด ไม่ใช่ ปัญญา

    สิ่งที่เป็น อิทธิปาฏิหาริย์ ที่เห็นๆ กันอยู่ ก็คือ ปัญญา !!!
    เคยมั้ยครับ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก เลยนั่ง สมาธิ ทั้งๆไม่คิดอะไร แต่ทำไม มันรู้ขึ้นมา << อย่างนี้เรียก อิทธิปาฏิหาริย์ ได้มั้ยครับ

    ถ้าผมคิดผิดจะ ตกนรกมั้ยเนี่ย T_T
     
  13. nutman

    nutman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +259
    อิทธิปาฏิหาริย์
    ที่เห็นๆ ก็คือ หลักธรรม คำสอน ของพระพุทธเจ้า
     
  14. dhanvas

    dhanvas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +254
    ผมคิดว่า น่าจะมีเหตุผลที่ดี เชื่อถือได้ทั้งสองฝ่าย เราผู้ปฏิบัติและอยู่ตรงกลางน่าจะอยู่ตรงกลางจริงๆ ทำตัวให้ดี จิตใจให้ดี ไม่เป็นพิษเป็นภัยแก่สังคมหรือผู้อื่น ข้อสำคัญ ไม่ต้องการผลตอบแทนใดๆ ต้องการเป็นคนดีเท่านั้น ผลจะออกมาอย่างไรก็ช่าง ถ้าเราเป็นคนดีจริง เราก็ปล่อยวาง ปล่อยว่างทุกสิ่ง ใครผิดใครถูกก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว เราทำได้เช่นนี้จึงจะเรียกว่าปล่อยวางให้ว่างที่แท้จริง ไม่เช่นนั้นจะกระวนกระวายพิสูจน์เรื่องที่แม้แต่พระพุทธองค์ก็ไม่อยากพูดถึง ถึงพูดถึงก็ไม่เน้นเหมือนศีลห้า ทำดีเถิด ผลออกมาอย่างไรๆก็ดีทั้งนั้น ไม่ใช่ว่าจะทำดีต้องมีผลตอบแทน แล้วอย่างนี้จะให้เรียกว่าปล่อยวางได้อย่างไร ขอรับกระผม
     
  15. *44*

    *44* เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    528
    ค่าพลัง:
    +1,808
    มันเป็นแพะ ไม่ใช่พระ

    คนไทยอย่าไปยอม อย่าปล่อยวาง เพราะมันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เรื่องใหญ่เชียวนา
    ศาสนาอื่น ๆ เขาลุก เราจะยอม จะถอย ได้อย่างไร ตัวอย่างนั่นไง ศาสนาพุทธของเรา ถึงได้สูญหายไปในหลายประเทศ
    เพราะชาวพุทธเรา มัวแต่วางอุเบกขา กันอยู่ร่ำไร
     
  16. chuang205

    chuang205 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +708
    น่าเป็นห่วงมาก ๆ ๆอันตรายจริง ๆ ๆครับ
    หากมีความเข้าใจเป็นมิจฉาฯ ลูกหลานเราน่ากลัวไปทุคติภูมิแน่เลยครับ
     
  17. วิทย์

    วิทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    2,036
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +8,439
    เห็นด้วยกับคุณ "คนบาป" หนังสือหลายๆเล่มของคุณ ไชย ณ พล ดีมากๆเลย อธิบายหลักธรรมได้เข้าใจง่ายและตรงตามพระพุทธพจน์ แม้แต่เด็กก็สามารถเข้าใจ น่าจะลองเอาหนังสือของ คุณ ไชย ณ พล มาเป็นหนังสืออ่านเสริมในวิชาพระพุทธศาสนา เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจในหลักพระพุทธศาสนาที่ถูกต้องครับ
     
  18. คนเดินทาง

    คนเดินทาง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +14
    ผมเดินทางผ่านมาได้พบกับเรื่องที่ควรนำมาฝากท่านทั้งหลายเพื่อให้นำไปพิจารณาและเป็นธรรมะทาน ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้พอสรุปได้โดยสังเขปดังนี้
    เป็นเรื่อง เล่าแปลจากคำภีร์ใบลานอักขระธรรม
    ของสามเณรคำ ประสบ จากภูค้อ พูดถึงเรื่องบ้านเมือง ซึ่งคำภีร์ได้กล่าวไว้นานแล้ว ขอให้ทุกท่านจงตั้งใจถือศีล 5 ถือ ธรรมะ และสวดพระอะระหัง สัมมา สัมพุทโธ นะโม ข้าขอไหว้พระพุทธเจ้าทุกพระองค์
    ท่านใดยึดถือเชื่อมั่นจะอยู่รอดปลอดภัยจากภัยวิบัติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้าท่านใดไม่เชื่อให้คอยสังเกตดูภัยวิบัติ ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปี 2551ในปี 2548-49 หนักปานกลาง 2550-51นี้หนักมาก ภัยที่เกิดดังนี้
    1.ภัยทางน้ำ
    2.แผ่นดินไหว
    3.เกิดฟ้าผ่า
    4.อากาศหนาวมาก
    5.อาหารเป็นพิษ
    6.เกิดไฟไหม้
    7.เกิดโรคร้ายระบาด
    8.เกิดอดอยาก
    9.เกิดอาฆาต ฆ่าฟันกันเอง
    มหันตภัย 9 อย่างนี้ คนบาปจะโดนเคราะห์กรรม
    สำหรับผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าจะหลุดพ้น เมื่อท่านรู้แล้วให้บอกต่อกันไปให้รีบทำแต่ความดี ละเว้นบาป ทำจิตใจให้สงบผ่องใส เพื่อพ้นภัยวิบัติต่างๆ ก็จะสุขสบายทั่วหน้า เวลายังเหลือน้อยให้ทุกคนเคร่งครัดรักษาศีล 5 และหมั่นภาวนา ให้ทาน เพื่อการกุศลอย่างต่อเนื่อง
    ถ้าท่านไม่เชื่อก็แล้วแต่จิตใจ เพราะถึงเวลาแล้วไม่มีความลับ ถ้าเชื่อก็เป็นกุศล ถ้าไม่เชื่อก็กุศลเพียงรู้เท่านั้น
    ในคำภีร์ยังกล่าวทำนายไว้ว่า
    - คนจะตายพร้อมกันหลายพัน
    - เกิดภัยวิบัติทางน้ำ
    - มีงูเต็มไปทั่ว
    - คนโกงจะเดือดร้อน
    - มีโจรผู้ร้ายเกิดขึ้นมาก
    - บ้านเมืองไม่สบายมีการเปลี่ยนแปลง
    - ครอบครัวไม่พร้อมหน้า
    - ข้าวยากหมากแพง เดือดร้อนไปทั่ว
    - อาหาร น้ำ อากาศเป็นพิษ
    - บ้านเรือนไม่มีคนอยู่
    - ผู้คนจะนอนไม่หลับ
    - พืชผลการเกษตรไม่ได้ผล
    - สัตว์เลี้ยงล้มตายจำนวนมาก
    - ทั่วโลกจะมีสงครามเพราะคนใจบาป
    จะเกิดช่วงปี 2547 - 2551
    ในคำภีร์กล่าวถึงพระคาถาพ้นภัยไว้ดังนี้
    ปะโตเมตัง ปะละสิมินัง สุขะโตจุติ
    จิตตะเมตะนิมะนัง สุขะโตจุติ
    ให้เขียนในใบลาน หรือแผ่นทอง หรือติดตัวไว้ ยามเกิดภัยวิบัติจะช่วยให้พ้นภัยอันตราย ขอให้ท่านทั้งหลายจงพากันทำความดี ทำบุญให้ทาน รักษาศีล
    และท่องคาถานี้
    คาถาป้องกันภัยพิบัติโลก
    1. ทิตะวาหะนะ มัญทะโลกะสิลา
    กันลาลา สะลานะลาละติ สังสังสะหะนะตุเน
    2. มะละขาเล สาวาจา ตะนะสะปุระวา
    3. มะละนัง มะละจัง มะละนะกำมัง
    4. สาละวาโส อภิละพุทธะโส นะโมพุทธา
    5. ทะละวาหะนะลำโล กะสิลาทะลาสาลิกา
    สวัสดีขีโหตุ พาตุเม
    ขอธรรมจงอยู่กับท่านเทอญ
    ************
     
  19. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,058
    คิดว่าสอนผิด ถึงขั้นอันตรายเลยนะนี่....สงสารเด็กรุ่นหลังจัง....
    แม้จะอ่านข้อความของท่าน(เตชปญฺโญ ภิกขุ)แล้วก็ตาม.
     
  20. Suchatp

    Suchatp Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +59
    อ่านแล้วเกิดสังเวชครับ ขออาราธนาที่ท่านหลวงตามหาบัวตอบปัญหาเรื่องนรกสวรรค์ไว้พิจรณาครับ

    http://www.luangta.com/thamma_forum/forum_detail.php?cgiForumID=620

    สิ่งที่เราคิดกันอยู่ทุกวันนี้เป็นกิเลสมาสอนเราทั้งสิ้น ความลังเลสงสัย กับความยึดมั่นถือมั่นในสัญญาของตน ต่างกับการรู้เห็นด้วยปัญญาครับ

    หากลองพิจรณาแล้วสิ่งที่ตัวเองรู้เป็นเพียงสัญญาคิดเอาหมายเองของตน
    ไม่ได้มาจากปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริง ก็อย่าอาจหาญกล้านำมาเผยแพร่แล้วบอกว่าเป็นคำสอนของ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเลยครับ ...จะจมลงสู่อเวจีมหานรกเปล่าๆ

    ลองพิจรณาว่าตัวเราดีเราเด่นกว่าพระอริยสาวกที่สังคยานาพระไตรปิฎกกันมาหรือเปล่า พระสูตรก็มีบอกเรื่องสวรรค์นรกและชาติอดีตรวมถึงชาติหน้า
     

แชร์หน้านี้

Loading...