เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 1 มกราคม 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑ มกราคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ญาติโยมเป็นจำนวนมากยังคงผจญภัยอยู่บนท้องถนน เนื่องเพราะว่าวันหยุดยาวติดต่อกันหลายวัน แล้วถึงเวลาต่างคนก็ต่างกลับบ้าน

    โดยเฉพาะยุคนี้สมัยนี้บุคคลที่ "ขับรถเป็น" นั้นมีน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นแค่คนที่ "ขับรถได้" เท่านั้น ในเมื่อแค่ขับรถได้ จึงไม่ได้สนใจกฎระเบียบการจราจรใด ๆ ทั้งสิ้น อย่างเช่นว่ารถช้าก็แช่ขวาไปตลอด เพราะว่าได้รับการสั่งสอนมาว่า "ถ้าเป็นมือใหม่หัดขับ ให้ชิดขวาเอาไว้ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปแซงใคร ส่วนคนที่เขาขับเก่งแล้วก็จะแซงซ้ายไปเอง" คำสอนประเภทนี้ ที่ทำให้การจราจรบ้านเราวุ่นวายกันไปหมด

    บางรายก็ได้รับการสอนมาว่า "ให้ขับโดยเอาล้อเหยียบเส้นบอกเลนจราจรเอาไว้ข้างหนึ่ง" เพราะฉะนั้น..ถ้าบางท่านสังเกต จะเห็นว่ารถบางคันก็ขับชิดขวา เหยียบเส้นบอกทางจราจรไว้ด้านหนึ่ง บางคันก็ขับชิดซ้าย เหยียบเส้นบอกทางจราจรไว้ด้านหนึ่ง สอนกันแค่นี้ยังไม่พอ มีบางรายสอนว่า "เวลาขับรถ ให้เส้นบอกเลนจราจรอยู่ตรงหน้าหม้อรถของเราพอดี..!" ถ้ากระผม/อาตมภาพรู้ว่าใครสอนอย่างนี้ จะ "โบก" ให้คว่ำคามือไปเลย..! เพราะเท่ากับว่าคนเดียวขับไปสองเลน..!

    แล้วบ้านเราก็มักจะแค่อะลุ้มอล่วยกัน ก็คือแค่ตักเตือน ไม่มีการลงโทษรุนแรงจนคนต้องเกรงกลัว แต่ถ้าเป็นต่างประเทศ อย่างที่กระผม/อาตมภาพไปแถวยุโรป ทันทีที่เราหันหน้าลงหาถนน รถทุกคันจะเบรกหยุดหมด เพื่อให้เราข้ามถนน ถ้าคันไหนไม่หยุดก็จะโดนตัดแต้ม หรือว่าเสียค่าปรับแพงมาก หรือถ้าหากว่าทำพฤติกรรมนั้นบ่อย ๆ อาจจะโดนยึดใบขับขี่ไปเลย..!

    แล้วการเสียค่าปรับ สองวันผ่านไปถ้ายังไม่จ่าย ปรับเพิ่มอีก ๑๕ เปอร์เซ็นต์ สองอาทิตย์ไม่จ่าย โดนยึดใบขับขี่ ลบชื่อออกจากระบบ ต่อให้ถือใบขับขี่อยู่ก็เท่ากับไม่มีสิทธิ์ เวลาเจ้าหน้าที่เขาจับแล้ว เอาเครื่องสแกนใบขับขี่ตรวจสอบ จะไม่พบความเป็นเจ้าของ หรือผู้ที่สามารถขับขี่รถยนต์ได้ ความจริงเรื่องดี ๆ พวกนี้บ้านเราก็ทำกันได้ แต่มักจะทำแบบ "ไฟไหม้ฟาง"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    หลายท่านอาจจะเกิดไม่ทัน แต่กระผม/อาตมภาพเกิดทันพอดี ที่กรุงเทพฯ เริ่มการจราจรบางส่วนแบบวันเวย์ ก็คือให้เดินรถทางเดียว สถานที่หลายต่อหลายแห่งที่ไปได้ก็ไปไม่ได้อีก แต่ว่าทางกองกำกับการตำรวจจราจร ระดมตำรวจออกมาช่วยโบกรถกันเกือบทั้งกรุงเทพฯ ทำให้รถสามารถเดินทางได้คล่องตัวมาก

    สมัยนั้นพลตรีจำลอง ศรีเมือง เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครใหม่ ๆ ก็แปลว่า ถ้าจะทำงานกันจริง ๆ ต่อให้รถมากมายมหาศาลระดับกรุงเทพฯ ก็สามารถทำให้การจราจรคล่องตัวได้ แต่บ้านเราก็นิยม "ไฟไหม้ฟาง" อยู่เสมอ ผู้ใหญ่สั่งทีหนึ่งมักอยู่ได้ไม่เกินสามวัน วันที่สี่กลับไปเหมือนเดิมอีกแล้ว จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

    สำหรับช่วงที่ผ่านมา ต้องขอขอบคุณขอบใจคณะทำงานของพวกเรา ที่ร่วมกันตกแต่งตลาดริมแควเมืองท่าขนุน จนเสร็จเรียบร้อย ทันงานเปิดในวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับจากบรรดานักท่องเที่ยวดีเกินคาดหมาย คือทุกคนชอบมาก ที่มีจุดเด่นและสถานที่ให้เขาสามารถ "เซลฟี่" กันได้มากมาย

    โดยเฉพาะต้องชมท่านนายกฯ ปาล์ม (นายศราวุธ ศรีทันดร) นายกเทศมนตรีตำบลทองผาภูมิ ที่กล้าขยับเอาถนนคนนั่งยองทองผาภูมิ มาจัดต่อเนื่องกับตลาดริมแควเมืองท่าขนุนของวัดเรา เพราะว่าเมื่อขยับมาทางด้านนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยคับแคบอึดอัด แทบจะขยับไม่ได้ ก็กลายเป็นคล่องตัว นักท่องเที่ยวมีความสุขมาก เดินซื้อข้าวซื้อของเสร็จ ก็ไปนั่งรับประทานกันที่ตลาดริมแคว ซึ่งก็เดินไปแค่ไม่กี่สิบเมตรเท่านั้น ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องปิดการจราจร แล้วจัดให้รถเดินสวนทางในจุดที่เคยเดินรถทางเดียวอยู่แล้ว

    เพียงแต่ว่าหลายท่านก็รู้สึกว่า ถ้าเป็นถนนคนนั่งยอง ก็ต้องต้นซอยถนนธรรมะ หรือซอยบุษปวานิชเท่านั้น ซึ่งจะว่าไปก็ใช่ แต่ว่าจะต้นซอยหรือปลายซอย ก็เป็นซอยธรรมะเหมือนกัน ในเมื่อจัดแล้ว สามารถลงร้านค้าได้มากขึ้น นักท่องเที่ยวมีความสะดวกคล่องตัวมากขึ้น ช่วยในการประชาสัมพันธ์ตลาดริมแควเมืองท่าขนุน และร้านค้าชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุนไปด้วย ทำงานครั้งเดียวได้ประโยชน์หลายอย่าง จึงเป็นเรื่องที่ควรจะกระทำมานานแล้ว

    แต่อาจจะเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้ เราไปยึดว่าเรื่องของถนนคนนั่งยองต้องหัวซอยธรรมะเท่านั้นอย่างหนึ่ง ความไม่กล้าตัดสินใจ เพราะกลัวจะโดนคำตำหนิติเตียนจากผู้อื่นอีกอย่างหนึ่ง ขณะเดียวกันยังไม่มีตลาดริมแควเมืองท่าขนุนอีกอย่างหนึ่ง จึงทำให้การจัดงานไป "ตกคลั่ก" อยู่ในซอยแคบ ๆ ซึ่งต้องปิดการจราจรอีกด้วย คาดว่าถ้าอยู่ในลักษณะอย่างปีนี้ อีกไม่เกินสองปีทุกอย่างก็จะลงตัว แล้วคนก็จะไม่รู้สึกว่าผิดปกติ หรือว่าแปลกแยกอีกแล้ว
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    การทำงานทุกอย่าง เราจะรับความชอบอย่างเดียวไม่ได้ ต้องรับความผิดด้วย เขาถึงได้ใช้คำว่า "รับผิดชอบ" ก็คือผิดก็ต้องรับเอาไว้ เพื่อนำไปแก้ไข ความดีความชอบก็รับไว้ เพื่อเป็นกำลังใจในการทำงาน ดังนั้น..ในงานนี้เสียงตอบรับจากบรรดานักท่องเที่ยวร้อยละเกินร้อย ทุกคนชอบใจกันหมด ก็แปลว่าสิ่งที่ท่านนายกฯ ปาล์มทำไป ได้รับคำชมเชยจากทุกฝ่ายเป็นส่วนใหญ่

    ถ้าเรามานึกถึงพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ก็คือ "เราไม่สามารถที่จะทำให้ทุกคนยินดีและพอใจได้ แต่เราต้องทำให้คนส่วนใหญ่ยินดีและพอใจในสิ่งที่เราทำได้" ถ้าอยู่ในลักษณะนี้ เสียงส่วนใหญ่ก็จะสนับสนุนเรา เสียงส่วนน้อยก็ต้องทนไป เพราะว่ากฎเกณฑ์กติกาวางเอาไว้เช่นนั้น

    ไม่ใช่ว่าเสียงส่วนน้อยไม่มีความหมาย แต่ถ้าพิจารณาแล้ว เห็นว่าเสียงส่วนน้อยที่ว่ามานั้นมีเหตุผล ก็ควรที่จะรับมาเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงการทำงานของตนเช่นกัน เพียงแต่ว่าในตำบลท่าขนุน ซึ่งแยกออกเป็นเทศบาลตำบลทองผาภูมิแห่งหนึ่ง กับเทศบาลตำบลท่าขนุนอีกแห่งหนึ่งนั้น ส่วนใหญ่แล้วพวกเราก็รู้จักมักคุ้นกันหมด จึงร่วมงานกันได้ตั้งแต่ต้นเป็นปกติ

    หรือถ้าหากว่าเราจะศึกษาการเมืองการปกครองของต่างประเทศ หลายประเทศในยุโรป รัฐบาลและฝ่ายค้านทำงานร่วมกัน เมื่อมีการตั้งรัฐบาลขึ้นมา ฝ่ายค้านก็ตั้งรัฐบาลเงาด้วย ก็คือมีตำแหน่งรัฐมนตรี มีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคล้ายกันทุกอย่าง แต่ละคนคอยประกบการทำงานของรัฐบาลจริง รัฐมนตรีรัฐบาลเงา ซึ่งเป็นรัฐมนตรีของกระทรวงไหน ก็คอยดูแลเรื่องการบริหารของรัฐมนตรีจริงในกระทรวงนั้น

    เมื่อถึงเวลามีการประชุม ถ้าหากว่ามีแนวคิดอะไรที่ดี ก็เสนอเข้าไป ทางรัฐบาล ถ้าหากว่าเห็นดีเห็นงามเอาไปใช้ ก็ต้องประกาศให้เครดิตว่าเป็นความคิดของรัฐบาลเงาซึ่งเป็นฝ่ายค้าน ด้วยความที่เขาทำงานร่วมกันแบบนี้ จึงไม่มีความแตกแยกกันเหมือนอย่างของบ้านเรา แล้วอีกประการหนึ่งก็คือ ถ้ารัฐบาลจริงพ้นตำแหน่งไปกะทันหันด้วยเหตุใดก็ตาม รัฐบาลเงาสามารถเข้ารับหน้าที่เป็นตัวจริงทดแทนกันไปได้ทันที

    เรื่องดี ๆ ทั้งหลายเหล่านี้ เราควรจะเอามาใช้งานในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นการเมืองท้องถิ่น หรือว่าการเมืองระดับชาติ จะได้ไม่ต้องมาแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีกันอยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งกลายเป็นภาระใหญ่ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ต้องคอยมาสมานรอยร้าวให้กับทุกคน
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,704
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,556
    ค่าพลัง:
    +26,395
    แล้วก็มาตกหนักอยู่กับพระภิกษุสามเณร หลวงปู่ หลวงพ่อ ที่ต้องแบ่งเบาพระราชภาระ เพราะว่าเมื่อได้รับแต่งตั้งมาแล้ว ก็มีคำสั่งกำกับในตราตั้งมาด้วยว่า "ขอพระคุณเจ้าจงรับภาระธุระในพระพุทธศาสนา ระงับอธิกรณ์ เมตตาสั่งสอนอบรม ฯลฯ" ในเมื่อเป็นสิ่งที่ในหลวงท่านขอร้องมา พระเราก็ต้องรับภาระไปโดยปริยาย แต่ให้พระแบกอยู่ฝ่ายเดียวก็ไม่ไหว ต้องได้รับการเห็นชอบ และปฏิบัติตามจากญาติโยมด้วย

    โชคดีที่ทองผาภูมิของเรา การเมืองท้องถิ่นโดยเฉพาะในส่วนของเทศบาลตำบลทองผาภูมิและเทศบาลตำบลท่าขนุน ก็คือทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายปฏิบัติหน้าที่ เป็นลูกศิษย์หลวงปู่สาย วัดท่าขนุนเหมือนกัน จึงยังพอที่จะมีวัดท่าขนุนให้เป็นที่เกรงใจของทั้งสองฝ่าย อะไรถ้าหากว่าไม่หนักหนาจนเกินไป กระผม/อาตมภาพก็ทำไม่รู้ไม่เห็น แต่ถ้าอะไรส่อไปในแนวแตกแยก บางทีก็ต้องกระตุก เตือนสติกันบ้าง เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าเป็นภาระของเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันอยู่แล้ว

    เพียงแต่ว่าสิ่งที่พวกเราช่วยกันทำไป จะเห็นว่า
    การช่วยเหลือเรื่องการทำมาหากินของญาติโยมนั้น เป็นภาระที่หนักหนาสาหัสมาก อันดับแรกเลย..การส่งเสริมอาชีพ ถ้าไม่มีตลาดก็ไปต่อไม่ได้ จึงต้องมาเปิดตลาดในวัด จนกระทั่งสร้างร้านค้าชุมชน สร้างตลาดริมแควขึ้นมา

    เมื่อมีตลาดให้แล้ว คนไม่รู้จักตลาด ก็ยังต้องทำโครงการเพื่อให้คนรู้จัก ไม่ว่าจะเป็นโครงการ "วันเสาร์ใส่บาตรตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน" หรือว่าโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" แล้วก็มาในปัจจุบันนี้ก็คือ ร่วมมือกับทางเทศบาลตำบลทองผาภูมิ จัดงานถนนคนนั่งยองทองผาภูมิ ที่เพิ่งจะจบลงไป

    ดังนั้น..
    ในเรื่องของการช่วยเหลือญาติโยม ไม่ใช่ว่าเราจะเอาข้าวของไปให้อย่างเดียว ถ้าเราช่วยเหลือเขาให้ทำมาหากินด้วยตนเองได้ จะมีความมั่นคงมากกว่า แต่ขณะเดียวกันก็ต้องช่วยให้ครบวงจรด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วญาติโยมไปต่อไม่ได้ สิ่งที่เราทำไปทั้งหมดก็เท่ากับล้มเหลว ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...