เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 14 กุมภาพันธ์ 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,793
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,793
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ทุกวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์นั้นตรงกับวันวาเลนไทน์ ซึ่งทางฝรั่งถือว่าเป็นวันแห่งความรัก แต่ว่าความรักของเซนต์วาเลนไทน์ หรือที่คนไทยเรียกว่านักบุญวาเลนไทน์นั้น เป็นความรักในพรหมวิหาร ๔ ก็คือความรักที่เห็นคนอื่นเหมือนกับตนเอง มีความเมตตากรุณาเป็นปกติ อยากเห็นคนอื่นพ้นจากความทุกข์ แต่ว่าในปัจจุบันนี้ คนไทยเรากลับเห็นวันวาเลนไทน์เป็นวันแห่งความรักที่เน้นในความใคร่ คือเรื่องของกามารมณ์ จนกระทั่งมีสื่อมวลชนบางเจ้าเรียกว่า วันแห่งการเสียตัว..!

    จะว่าไปแล้ว พวกฝรั่งมังค่าที่เป็นต้นกำเนิดของวันวาเลนไทน์นั้น ก็ไม่ได้ใส่ใจกับวันนี้มากมายนัก แต่ว่าคนไทยกลับทำให้วันวาเลนไทน์นี้มาเป็นที่นิยมในบ้านเราเมืองเรา ข้าวของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความรัก โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดงนั้นแพงมาก ราคาดอกละ ๒๕๐ บาท ถึง ๓๐๐ บาท..! พยายามที่จะซื้อหาไปให้บุคคลที่ตนเองรัก แต่น่าเสียดายที่ว่าบุคคลที่ตนเองรักนั้นกลับไม่ใช่พ่อแม่ของตน..!

    ท่านทั้งหลายลองมานึกดูว่า พ่อแม่ของเรานั้น พวงมาลัยพวงละ ๒๐ บาทที่เราเอาไปไหว้ท่านในวันสำคัญอย่างเช่น วันสงกรานต์ วันปีใหม่ เราเคยซื้อให้พ่อให้แม่หรือไม่ ? แต่ว่าดอกกุหลาบดอกละ ๒๕๐ บาท ๓๐๐ บาท เรากลับไปซื้อให้กับคนที่เพิ่งจะรู้จักไม่นาน สิ่งนี้ถ้าหากว่าเปรียบเทียบกันอย่างมีสติแล้ว จะเรียกว่ายุติธรรมหรือไม่ ?

    อีกประการหนึ่งก็คือ ในเรื่องของความรักที่มีต่อคนอื่นซึ่งเพิ่งจะรู้จักนั้น เรากลับไปรักมากกว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาตลอดชีวิต สมมติว่าท่านเป็นวัยรุ่นอายุ ๑๕ ปี พ่อแม่เลี้ยงดูท่านมาด้วยความรักตลอด ๑๕ ปี แต่พวงมาลัยพวงละ ๒๐ บาท ท่านไม่เคยซื้อให้กับพ่อแม่เลย

    แต่กับบุคคลที่ท่านเพิ่งจะเห็นหน้า หรือว่าเพิ่งจะเจอกัน เพิ่งจะติดต่อกันทางไลน์แค่ไม่กี่วัน ท่านกลับสั่งดอกกุหลาบดอกละ ๓๐๐ บาทไปให้ แค่ใช้สติสัมปชัญญะทั่ว ๆ ไปตรองดูก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เราทำนั้นผิด..!

    ความรักนั้น อันดับแรกเลยคือ เรารักตัวเอง อย่างที่อรรถกถาจารย์ท่านเปรียบเทียบเอาไว้ว่า มีบุคคลนำเอาถ่านแดงร้อน ๆ สองก้อน หย่อนลงบนหัวของเรากับคนที่เรารัก ทุกคนจะรีบปัดก้อนที่อยู่บนหัวของตัวเองก่อน แสดงว่าเรารักตัวเองมากที่สุด

    อันดับต่อไปก็คือ บุคคลที่เป็นพ่อแม่ ซึ่งควรที่จะได้รับความรักจากเราโดยไม่มีเงื่อนไข เรากลับมีความรักความผูกพันให้กับท่านน้อยมาก ถ้าอยู่ในลักษณะแบบนี้ แปลว่าท่านใช้ความรักไปในทางที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,793
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    ถ้าหากว่ากล่าวตามที่พระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพัน ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ท่านเป็นครูบาอาจารย์ที่กระผม/อาตมภาพรักมากอย่างยิ่งท่านหนึ่ง ท่านกล่าวเอาไว้เป็นกลอนว่า

    รักษาตัว กลัวกรรมอย่าทำชั่ว
    จะหมองมัว หม่นไหม้ ไปเมืองผี
    จงเลือกทำ แต่กรรม ที่ดีดี
    จะได้มี ความสุข พ้นทุกข์ภัย

    ดังนั้น..ในวันวาเลนไทน์หรือว่าวันแห่งความรักนี้ ขอเตือนสติท่านทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุสามเณร แม่ชี หรือว่าฆราวาสหญิงชายก็ตาม ขอให้ท่านรักตัวเองให้มาก แล้วรักพ่อแม่เป็นลำดับต่อไป ท่านทั้งหลายจะได้มีแต่ความสุขความเจริญ

    โดยเฉพาะบรรดาวัยรุ่นทั้งหลายที่เกิดไม่ทัน ท่านทั้งหลายไม่มีโอกาสได้กราบหลวงปู่ขอม อนิโช (พระครูอุภัยภาดาทร) ผู้สร้างวัดไผ่โรงวัว จนกลายเป็นแหล่งเที่ยวที่เลื่องลือระบือไกล หลวงปู่ขอมกล่าวเอาไว้ว่า "ผู้หญิงถ้าเอาใจไว้กับตัวเองก็ไม่ต้องร้องไห้ ผู้ชายถ้าเอาใจไว้กับตัวเองก็บวชไม่ต้องสึก" เป็นคำพูดที่ลึกซึ้งมาก ขอฝากเอาไว้ให้ท่านทั้งหลายนำไปเป็นข้อคิด

    สำหรับวันวาเลนไทน์นี้เป็นวันหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพสูญเสียครูบาอาจารย์ที่เป็นที่รักยิ่งรูปหนึ่ง ก็คือหลวงปู่พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินฺทปญฺโญ ป.ธ.๖) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค ๑๔ อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) หลวงปู่ท่านเป็นพระผู้เสียสละ ทุ่มเทความรู้ความสามารถ ตลอดจนทรัพย์สินเงินทองทุกอย่าง เพื่อสร้างความเจริญให้แก่คณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา ทำจนกระทั่งวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) กลายเป็นวัดที่คนไทยทุกคนรู้จัก แม้กระทั่งคนที่อยู่ต่างประเทศก็รู้จัก
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,793
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    หนังสือเล่มที่ท่านเขียนกลั่นออกมาจากใจคือ อกสมภาร สามารถที่จะให้คนรุ่นหลังถือเป็นแบบอย่างในการศึกษาว่า เจ้าอาวาสต้องประพฤติปฏิบัติอย่างไรบ้าง ? โดยเฉพาะคติพจน์ประจำใจที่ท่านเขียนเอาไว้เป็นภาษาบาลีว่า วิสฺสฏฺเฐปิ น วิสฺสเส แม้บุคคลผู้ใกล้ชิดก็ไม่ควรไว้วางใจ เป็นสิ่งที่กลั่นออกมาจากประสบการณ์หลายสิบปีของท่านอย่างแท้จริง

    หลวงปู่อุบาลีคุณูปมาจารย์ ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ตอนกระผม/อาตมภาพเพิ่งจะมีอายุได้ ๑ ขวบ..! ท่านสนับสนุนการศึกษาของคณะสงฆ์ทุกด้าน แม้กระทั่งสหบาลีศึกษานครปฐม ที่พระนักเรียนบาลีวัดท่าขนุนไปสร้างชื่อเสียงเลื่องลือเอาไว้ ก็เป็นสิ่งที่ท่านปรารภและช่วยกันเปิดขึ้นมา

    โครงการอบรมบาลีก่อนสอบ ที่ทำให้นักเรียนบาลีทั่วประเทศไทยมารวมกัน โดยเฉพาะในเขตปกครองคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ก็เป็นสิ่งที่ท่านดำเนินการมาจนกระทั่งเจริญมั่นคงมา ๔๘ ปีแล้ว

    แม้กระทั่งการเรียนในประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ และการเรียนปริญญาตรี สาขาพระพุทธศาสนาเทอมแรก หลวงปู่ท่านก็เป็นผู้จ่ายค่าเทอมให้แก่กระผม/อาตมภาพเอง จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพเลียนแบบปฏิปทาในการจ่ายค่าเทอมให้แก่นิสิตวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ซึ่งมีสังกัดในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิทุกรูป

    วันนี้กระผม/อาตมภาพไปรับทักษิณานุปทานในงานบำเพ็ญกุศลวันมรณภาพปีที่ ๑๕ เมื่อรับทักษิณานุปทานแล้ว ในขณะที่เดินทางกลับกาญจนบุรี ก็ได้ข่าวว่าเพื่อนพระสังฆาธิการ คือพระครูกาญจนฐิติญาณ (ฉลอม ฐิติญาโณ) เจ้าอาวาสวัดจันทร์หงายได้มรณภาพลงด้วยอายุ ๗๙ ปี หลวงปู่พระครูกาญจนฐิติญาณ หรือที่ชาวทองผาภูมิเรียกว่าหลวงพ่อฉลอมนั้น ท่านเป็นพระเถระที่ไม่มีมานะ แม้กระผม/อาตมภาพจะอายุน้อยกว่าแต่อยู่ในฐานะผู้บังคับบัญชา เจอหน้าเมื่อไร ท่านก็จะชิงกราบชิงไหว้ จนกระทั่งต้องห้ามกันแทบไม่ทัน..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,793
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,564
    ค่าพลัง:
    +26,402
    หลวงปู่ท่านป่วยกระเสาะกระแสะมาหลายปี แต่ก็ยังพัฒนาโน่นทำนี่มาอยู่เสมอ เพราะว่าท่านส่งพระลูกวัดของท่านไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ทำให้พระลูกวัดของท่านมีความรู้ความสามารถ มาพัฒนาวัดวาอารามแทนท่าน จนกระทั่งเป็นหลักเป็นฐานอย่างยิ่ง นับว่าเป็นที่น่าเสียดายอย่างมากว่า เราได้สูญเสียพระสังฆาธิการที่เป็นพระครูสัญญาบัตร มีอายุกาลพรรษาสูงมากไปอีกรูปหนึ่งแล้ว

    ทางคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ โดยคืนแรกนั้นเจ้าคณะอำเภอและรองเจ้าคณะอำเภอจะเป็นเจ้าภาพ ถัดจากนั้นคณะสงฆ์ ๑๐ ตำบลก็หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจนครบ แล้วจึงเป็นเรื่องที่ชาวบ้านญาติโยมทั้งหลายจะรับช่วงเป็นเจ้าภาพต่อไป นี่เป็นกฎเกณฑ์กติกาที่ไม่ได้ร่างเอาไว้อย่างชัดเจน แต่เป็นแนวปฏิบัติที่คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิปฏิบัติกันมาหลายยุคแล้ว

    อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็คือทางประเทศลาวได้มีการแจ้งมาว่า พระสมพอน จิตฺตสํวโร (นามสกุลเดิม จิตตะกาง) ท่านไปกระทำเรื่องที่ไม่เหมาะไม่สมทางประเทศลาว ควรที่จะจัดการอย่างไรดี ?

    ตรงจุดนี้กระผม/อาตมภาพไม่มีความเห็น ถ้าหากว่าท่านไปป่วนการปกครองของคณะสงฆ์ทางด้านโน้น ก็ให้ดำเนินการไปตามแต่ธรรมวินัย ก็คือเห็นสมควรในระดับใดก็สามารถดำเนินการได้เลย เพราะว่าความจริงแล้วท่านก็มีพระอุปัชฌาย์อาจารย์อยู่ทางด้านโน้น แต่ท่านมีความรู้สึกว่าสังฆกรรมในการบวชของท่านไม่บริสุทธิ์ ท่านจึงได้สึกหาลาเพศแล้วมาขอบวชใหม่ที่วัดท่าขนุน..!

    ความจริงกระผม/อาตมภาพก็จะให้ท่านศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ทางนี้จนกว่าจะครบ ๕ พรรษา แต่ว่าท่านมีปัญหาตรงที่ว่าต้องกลับไปต่อวีซ่าทุกเดือน เพราะว่าเป็นวีซ่านักท่องเที่ยว กระผม/อาตมภาพจึงได้ทำหนังสือรับรองการบวช ให้ท่านกลับไปขอวีซ่าใหม่เป็น Non-Immigrant Visa มา เพื่อที่จะได้อยู่ศึกษาพระธรรมวินัยในประเทศไทยได้ครั้งละ ๑ ปี

    แต่ปรากฏว่าท่านไปอยู่ทางโน้นแล้วก็คงจะไปตำหนิในลักษณะของการปกครองคณะสงฆ์ทางด้านโน้นบ้าง พูดชมในเรื่องของการปกครองคณะสงฆ์ทางประเทศไทยบ้าง ต้องบอกว่าเป็นบุคคลประเภทที่ "อยู่ไม่เป็น" ไปอยู่ที่ไหนก็สร้างความปั่นป่วนให้กับที่นั่น จึงเป็นเรื่องที่ทางคณะสงฆ์ประเทศลาวจะดำเนินการตามพระธรรมวินัย หนักเบาอย่างไรแล้วแต่เหตุที่ท่านได้กระทำไป ทางกระผม/อาตมภาพถวายภาระให้กับเจ้าคณะปกครองทางประเทศลาวดำเนินการได้เลย

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอังคารที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...