เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๖

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 9 มกราคม 2023.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,741
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,559
    ค่าพลัง:
    +26,399
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๖๖


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,741
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,559
    ค่าพลัง:
    +26,399
    วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพไปร่วมงานรัฐพิธี ๓๗ ปีการเปิดเขื่อนวชิราลงกรณ ก็คือในวันที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๒๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ เสด็จมาเปิดเขื่อนวชิราลงกรณ ซึ่งตอนนั้นยังใช้ชื่อว่าเขื่อนเขาแหลมอยู่

    จนกระทั่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ ซึ่งตอนนั้นดำรงพระอิสริยยศ เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เจริญพระชนมายุ ๕๐ พรรษาในปี ๒๕๔๕ มีการเปลี่ยนชื่อเขื่อนเขาแหลมเป็นเขื่อนวชิราลงกรณ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ แล้วเขื่อนวชิราลงกรณเดิมซึ่งอยู่ที่ท่าม่วงเปลี่ยนชื่อเป็นเขื่อนแม่กลอง เขื่อนเขาแหลมก็เลยสูญหายไปจากโลกนี้โดยปริยาย

    ความจริงการสร้างเขื่อนเขาแหลมนั้น แผนที่มีความผิดพลาด เพราะว่าเขาแหลมที่แท้จริงก็คือภูเขาลูกที่อยู่หลังรอยพระพุทธบาท วัดท่าขนุน บริเวณซึ่งเป็นหน้าเขื่อนนั่นคือเขาเย็น แต่คราวนี้ในเมื่อพล็อตแผนที่ไปแล้ว ในแผนที่ระบุว่าเป็นเขาแหลม โครงการก็ได้รับอนุมัติในนามเขื่อนเขาแหลม ก็ต้องใช้ชื่อเขื่อนเขาแหลมมาหลายปี จนกระทั่งได้รับการเปลี่ยนชื่อ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งทรงเจริญพระชนมายุ ๕๐ พรรษา เป็นเขื่อนวชิราลงกรณ

    คราวนี้การสร้างเขื่อนเขาแหลมหรือว่าเขื่อนวชิราลงกรณในสมัยนั้น ผลพลอยได้ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือหลวงพ่อ ภปร.พระพุทธกาญจนธรรมพิทักษ์ที่วัดทองผาภูมิ ซึ่งตอนนั้นหลวงพ่ออาบ (พระครูกาญจนประสิทธิ์, อาบ ปคุโณ) ได้รับแต่งตั้งจากหลวงปู่สาย (พระครูสุวรรณเสลาภรณ์, สาย อคฺควํโส) ไปเป็นเจ้าอาวาสที่นั่น ท่านก็อยากจะสร้างผลงานของตนเอง จึงพยายามที่จะปั้นแล้วก็สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขึ้นมา

    แต่ปรากฏว่าด้วยความที่ต้นทุนน้อย ฝีมือน้อย พระพุทธรูปที่ออกมาก็เลยหน้าตาดูไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงพระพาหาหรือว่าแขน ใช้ปีบเป็นแบบหล่อขึ้นมา ดังนั้น..พระพาหาของพระพุทธรูปก็เลยเป็นเหลี่ยม ๆ จนกระทั่งชาวบ้านเขาเรียกกันว่า "พระกาโม่"
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,741
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,559
    ค่าพลัง:
    +26,399
    เมื่อเริ่มสร้างเขื่อนเขาแหลมไปแล้วมีปัญหาต่าง ๆ มากมาย นายแพทย์ชัยยุทธ กรรณสูต เจ้าของบริษัทอิตาเลียนไทย ซึ่งรับเหมาสร้างเขื่อนเขาแหลม จึงมาบนกับหลวงพ่อ ภปร.ที่หน้าวัดทองผาภูมิว่า "ถ้าสามารถสร้างเสร็จโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ ก็จะมาปรับปรุงหลวงพ่อให้งดงามสมเกียรติยศ"

    ปรากฏว่าหลังจากนั้น หลวงพ่ออุตตมะ (พระราชอุดมมงคล วิ.) วัดวังก์วิเวการาม มาช่วยดูที่ดูทางให้ หลวงพ่ออุตตมะท่านสำเร็จ "วิชาโลกวิทู"ทางสายมอญมา ลักษณะคล้าย ๆ ตำราดูฮวงจุ้ยของคนจีน สามารถบอกได้ว่าลักษณะพื้นที่แบบนี้ มีแร่อะไร หรือไม่มีอะไร หรือลักษณะของภูเขาแบบนี้จะมีร่องมีรอยอะไรอยู่บ้าง

    เมื่อแนะนำไปแล้ว ทางเขื่อนจึงยิงคอนกรีตเข้าไปอุดรูรั่วได้ ทำให้การสร้างเขื่อนสำเร็จลงด้วยดี นายแพทย์ชัยยุทธ กรรณสูต จึงได้ขอพระราชทานแบบหลวงพ่อ ภปร. มาดัดแปลงหลวงพ่อกาโม่ กลายเป็นหลวงพ่อ ภปร.องค์ใหญ่ที่สุดในประเทศและใหญ่ที่สุดในโลก คือหน้าตัก ๙ เมตร..!

    ความจริงตอนที่กระผม/อาตมภาพเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดทองผาภูมิ ตั้งใจจะสร้างมณฑปถวายหลวงพ่อ ภปร. ตั้งใจว่าจะดีดท่านขึ้นมา น่าจะสูงเกือบ ๆ เท่าต้นโพธิ์ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้ใหญ่มากขนาดนี้ ประมาณค่อน ๆ ต้นโพธิ์ที่ในหลวง ร.๙ ทรงปลูก แล้วก็ทำฐาน สร้างมณฑปลักษณะคล้าย ๆ กับมณฑปรอยพระพุทธบาทที่สระบุรี ซึ่งออกแบบโดยทิดสามารถ สุขสาธุ ความสูงประมาณ ๓๙ เมตร ตอนนั้นราคาประเมินอยู่ที่ ๑๘ ล้านบาท

    แต่ปรากฏว่าไม่ได้ทำ เพราะว่ามีการประท้วงกันของชาวบ้าน โดยกล่าวหาว่ากระผม/อาตมภาพไปรื้อของเก่าเขาทิ้ง ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็สงสัยเหมือนกันแหละว่า ไอ้เศษเหล็กพวกนั้นเขาต้องการไว้ทำอะไร ? แล้วเราก็ไม่ได้รื้อทิ้งเฉย ๆ หากแต่ว่าสร้างใหม่ให้ดีกว่าเดิมหลายเท่า ในเมื่อมีคน ๔ - ๕ คนมาเย้ว ๆ กระผม/อาตมภาพจึงเก็บของกลับวัดเก่า ก็คือกลับไปที่เกาะพระฤๅษี เมื่อรักของเก่ามาก ก็ปล่อยให้พวกมึงดูแลวัดกันเองต่อไป..!

    หลังจากนั้นไม่นาน ท่านอาจารย์สมพงษ์สึก แม่ชีชื่น (อุบาสิกาบุญชื่น ศรีสองแคว) ก็เลยขอให้กระผม/อาตมภาพมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดท่าขนุนนี้แทน หลังจากที่พัฒนาวัดท่าขนุนไม่กี่ปี ชาวบ้านก็ด่ากันเองว่า "สมน้ำหน้ามึง..ดันไปไล่หลวงพ่อเล็ก ตอนนี้วัดท่าขนุนเจริญเอา..เจริญเอา วัดทองผาภูมิไม่ได้ไปไหนเลย" นี่เป็นเรื่องของชาวบ้านที่เขาทะเลาะกันเอง
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,741
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,559
    ค่าพลัง:
    +26,399
    แต่ว่าเป็นที่น่าเสียดายก็คือว่าเจ้าอาวาสรูปใหม่ ก็คือพระอธิการสยามไปประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมกับไวยาวัจกร ตายคาที่ทั้งคู่ ตรงบริเวณทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ช่วงนั้นก็มีการลือกันไปว่ากระผม/อาตมภาพไปทำไสยศาสตร์ ทำให้คนที่ตั้งตัวเป็นศัตรูต้องตาย ทำเอาบรรดาผู้ประท้วงอกสั่งขวัญแขวนไปตาม ๆ กัน กระผม/อาตมภาพขี้เกียจแก้ข่าว ให้คนเข้าใจไปอย่างนั้นแหละดี ต่อไปจะได้ไม่ต้องมายุ่งกับกูอีก..!

    จะว่าไปแล้ว โดยพื้นฐานดวงของกระผม/อาตมภาพเองตก "อริเป็นมรณะ" แปลว่าใครตั้งตัวเป็นศัตรูก็หาเรื่องตายเอง ดังนั้น..ไม่ต้องทำอะไรหรอก อยู่เฉย ๆ ก็พอ ต้องบอกว่าบุญเก่ากรรมเก่าที่ทำมาบันดาลให้เป็นอย่างนั้น

    ดังนั้น..หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมกระผม/อาตมภาพทำตะกรุดมหาสะท้อนแล้วมีผลมากเป็นพิเศษ ก็เพราะว่าดวงเกิดอำนวยให้ด้วย เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่คาดได้แต่หวังไม่ได้ ใครจะไปคิดว่าวัน เดือน ปี และเวลาเกิดจะไปตกตรงนั้นเข้าพอดี

    ในงานวันนี้หลังจากที่เจริญพระพุทธมนต์และถวายภัตตาหารเพล ระหว่างที่ฉันก็คุยกัน ปรากฏว่าบรรดาพระสังฆาธิการฝ่ายปกครองเขาชื่นชมมากว่า พระวัดท่าขนุนที่ส่งไปช่วยงานปิดทองฝังลูกนิมิตที่วัดวังหิน ซึ่งคัดเลือกไปโดยพระมหาอินทรปกรณ์ ฐิตสุโภ ป.ธ.๔ เลขานุการเจ้าคณะตำบลลิ่นถิ่นเขต ๒ มีความคล่องตัว รู้งานดี และรักษาหน้าที่ได้ดีมาก ซึ่งความคล่องตัวกับรู้งานยังไม่เท่ากับรักษาหน้าที่ เพราะว่าหลายคนพอรับหน้าที่ไป ถึงเวลาเหนื่อยขึ้นมา กูก็หลบไปนอน..!

    เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า เกิดจากการที่พวกเราเคยชินกับความลำบาก ก็เลยไม่เห็นว่างานอย่างนั้นจะเป็นงานที่ลำบาก ส่วนใหญ่แล้วที่พระเถระท่านชื่นชมกัน ก็พลอยชื่นชมไปถึงพระครูปิยสีลสังวรการ เจ้าคณะตำบลด้วย ว่าท่านเลือกเลขาฯ ได้ดี สรุปว่าไอ้ที่ดีนี่เป็นเกียรติเป็นศรีกับเจ้านายไปด้วย..ใช่ไหม ?

    เรื่องพวกนี้เราจะเห็นว่าในการทำงานต่าง ๆ ในคณะสงฆ์ ถ้าเรามีใจให้กับงาน ถือว่าทำทุกอย่างเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ผลดีก็จะเกิดขึ้นกับทั้งตนเอง ทั้งวัดวาอาราม และคณะสงฆ์ด้วย
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,741
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,559
    ค่าพลัง:
    +26,399
    เพียงแต่ว่าส่วนหนึ่งที่เราต้องคำนึงไว้ก็คือว่ามนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม โดยธรรมชาติแล้ว ไม่ว่าจะปลีกตัวออกจากผู้อื่นมากเท่าไรก็ตาม ก็ยังต้องมีการสังคมอยู่ ไม่ใช่สังคมวงเล็ก ก็เป็นสังคมวงใหญ่

    ใครที่จะประเภทไปทำตัวเองโดดเดี่ยวอยู่ ถ้าหากว่าตั้งใจประพฤติปฏิบัติเพื่อรักษากำลังใจตนเองก็เป็นการดี แต่ถ้าไปทำตัวโดดเดี่ยวเพราะเข้ากับคนอื่นไม่ได้ นั่นก็น่าสงสารเกินไป..! เพราะว่าคนประเภทนี้มักจะแบกกิเลสไว้ท่วมหัว แต่ดันไม่รู้ ก็คือกิเลสที่คิดว่า "กูดีกว่า เพราะฉะนั้น..กูจะไม่ยุ่งกับพวกมึง" ลักษณะอย่างนั้นแสดงว่ากำลังใจแย่มาก แย่ตรงที่ว่าไม่สามารถที่จะปล่อยวางได้

    ใครจะดีจะชั่วเป็นเรื่องของเขา เรามีหน้าที่ปรับปรุง กาย วาจา ใจ ของเราเอง ไม่ใช่ไปทำตัวแปลกแยกจากสังคม การทำตัวแปลกแยกจากสังคม ถ้าหากว่าคุณเป็นแกะดำในหมู่แกะขาว ก็ไม่มีปัญหา เพราะว่าแกะขาวไม่ไปทำอะไรคุณหรอก แต่ถ้าคุณทำตัวเป็นแกะขาวในหมู่แกะดำก็เตรียมเดือดร้อนได้ เพราะแกะดำเขาก็คงไม่ปล่อยให้คุณอยู่สบายคนเดียวแบบนั้นหรอก อย่างน้อย ๆ ไม่มีอะไรก็จิกกัดอยู่ทุกวัน ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้มันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของคน และโดยเฉพาะเป็นธรรมชาติของผู้หญิงด้วย..!

    กระผม/อาตมภาพเคยเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง เนื่องจากว่าวัดท่าซุงตอนนั้นมีแม่ชีอยู่แค่ ๓ รูป ก็คือแม่ชีชุลี อาตมะมิศร์ แม่ชีสงัด ประสมทอง แล้วก็แม่ชีเล็กที่ไม่ทราบนามสกุล มาจากวัดศรีรัตนาราม หลวงพ่อรักษ์ท่านฝากไว้ ถามว่า "ทำไมหลวงพ่อไม่บวชแม่ชีโกนหัว ?" ท่านบอกว่า "บวชไปก็ปวดกบาลเปล่า ๆ ผู้หญิงมักกำลังใจละเอียดไม่เข้าเรื่อง เรื่องเล็กเรื่องน้อยก็เก็บมาคิดหมด คิดเปล่า ๆ ไม่ว่า แต่พูดด้วย ถ้าหากว่ามีแม่ชีมาก ๆ มักจะเดือดร้อน อยู่กันลำบาก" ท่านจึงไม่เอาเลย

    ตรงจุดนี้ที่วัดท่าขนุนของเรามีแม่ชีอยู่ เพราะอันดับแรกก็คือพื้นฐานเดิมมีมาอย่างนั้น ในเมื่อพื้นฐานเดิมมีมาอย่างนั้น เวลาคนจะบวชชี เขาก็จะไปหาดูว่าวัดไหนมีแม่ชีบ้าง ก็คือจะได้มีเพื่อน จึงมาอยู่รวมกันที่นี่ เพราะฉะนั้น..ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ในทองผาภูมินี้ ถ้าหากว่าเป็นแม่ชีโกนหัวจริง ๆ วัดอื่นแทบจะหาทำยาไม่ได้เลย มีแต่ที่วัดท่าขนุนนี้เท่านั้น

    แล้วส่วนหนึ่งก็มีคนที่เขาใช้คำพูดแรง ๆ ว่า "ไอ้พวกอยู่วัดไม่ปกติทั้งนั้น" นี่รวมกระทั่งพระเจ้าไปด้วยนะ..! เพราะฉะนั้น..ต้องพยายามทำตัวให้ปกติหน่อย ไม่อย่างนั้นแล้วคนเขาก็จะอาศัยคำนินทานี้ว่าต่อไปได้เรื่อย ๆ ถ้าเราทำใจได้ก็แล้วไป ทำใจไม่ได้ วันไหนเดี๋ยวก็ได้วางมวยกัน..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันจันทร์ที่ ๙ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...