เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๕ (รอบค่ำ)

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 10 กันยายน 2022.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๕ (รอบค่ำ)


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2022
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๑๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ ก่อนอื่นก็ขอเจริญพรโมทนากับคณะของฤๅษีพุทธบุตร ที่ได้เดินทางไปถวายปัจจัยกับพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี รักษาการผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ เพื่อร่วมสร้างวิทยาลัยสงฆ์เป็นเงินแสนกว่าบาท มาที่นี่ก็ยังถวายพระปิดตาและประคำ แกะจากงาช้างดำที่เป็นฟอสซิลช้างโบราณ ไว้ให้กระผม/อาตมภาพได้ใช้อีก

    สำหรับวันนี้เรื่องที่อยากจะกล่าวถึงก็คือ สมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ ๒ พระบรมราชินีนาถของประเทศอังกฤษ สวรรคตด้วยพระชนมายุ ๙๖ พรรษา ตั้งแต่วันที่ ๘ แล้ว พระองค์ท่านครองราชย์ตั้งแต่พระชนมายุ ๒๕ พรรษา นับได้ ๗๐ ปีกับ ๑๒๗ วัน เป็นพระมหากษัตริย์ที่ต้องใช้คำว่า ครองราชย์ยาวนานเป็นอันดับที่ ๒ ของโลก

    อันดับที่ ๓ ก็คือพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ครองราชย์ ๗๐ ปี ๑๒๖ วัน เฉือนกันวันเดียว ในหลวง ร.๙ ของเราเป็นสุภาพบุรุษ มารยาทดี ให้ Lady First ผู้หญิงนำหน้าไปก่อน..!

    พระมหากษัตริย์ที่ครองราชย์นานที่สุดในโลกก็คือพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ของฝรั่งเศส ครองราชย์ ๗๒ ปีกับ ๑๑๐ วัน แต่เขาอุ้มพระองค์ท่านขึ้นบัลลังก์ตั้งแต่ยังเป็นทารก ๕ ขวบ..!

    เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่านับแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่ ๒ พระบรมราชินีนาถของประเทศอังกฤษ ต้องบอกว่าเก่งที่สุด ก็คือครองราชย์ตอนพระชนมายุ ๒๕ พรรษา แล้วอยู่ยาวนานขนาดนั้น ถ้าหากว่าครองราชย์ตั้งแต่ ๕ พรรษา จะเกิดอะไรขึ้น ? ก็ต้องบวกไปอีก ๒๐ ปี..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของพวกเราครองราชย์ตอน ๑๙ พรรษา แต่ด้วยความที่พระองค์ท่านทุ่มเทพระวรกาย ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนคนไทยเราได้อยู่ดีกินดี พึ่งพาตนเองได้ เสด็จไปแทบทุกตารางนิ้วของประเทศ ดำเนินโครงการพระราชดำริถึง ๔,๐๐๐ กว่าโครงการ ทำให้พระองค์ท่านใช้พระวรกายหนักเกินกว่าที่จะรับได้ ท้ายที่สุดก็เลยทรงพระชนมายุแค่ ๘๙ พรรษา

    แต่ว่าสิ่งที่พระองค์ท่านทำนั้น ต้องบอกว่าคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม คาดว่าในโลกนี้ไม่มีใครทำได้ ตอนพระองค์ท่านฉลองพระชนมายุ ๘๐ พรรษา สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ของบรูไน ซึ่งปัจจุบันนี้ครองราชย์ได้ ๕๔ ปี ได้ตรัสในมหาสมาคมว่า พระองค์ท่านเป็น King of The Kings เป็นหน้าเป็นตาของสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งโลก

    แล้วปัจจุบันนี้ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ก็ทรงดำเนินรอยตาม โดยที่พระองค์ท่านตรัสเอาไว้ว่า "เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป"

    เท่านั้นยังไม่พอ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ของภูฏาน ยังดำเนินตามรอยพระบาทแทบทุกฝีก้าว ต้องบอกว่า พระองค์ท่านมีทั้งทายาทในประเทศและต่างประเทศ ที่จะดำเนินรอยตามในสิ่งที่พระองค์ท่านได้สร้างเอาไว้ตลอด ๗๐ ปีเศษ

    เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ยังทำให้ประเทศรัสเซียมั่นคงทางอาหารและพลังงาน จากการที่พระองค์ท่านมีพระราชดำรัสเกี่ยวกับวิธีการที่ทำอย่างไรให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แล้วเขาทั้งหลายเหล่านั้นจะให้การสนับสนุนแก่ท่านประธานาธิบดีเอง

    คราวนี้ในส่วนนี้ที่กล่าวถึงก็เพราะว่ายุโรปน่าจะถึงเวลาเดือดร้อนหนัก เพราะว่าบุคคลอันเป็นที่เกรงใจของบรรดาโลกอื่นเสด็จสวรรคตแล้ว เรื่องพวกนี้กล่าวไปแล้วก็ฟุ้งซ่าน โดยเฉพาะบรรดาบุคคลทั้งหลายที่รอว่า กระผม/อาตมภาพจะบอกเสียทีว่าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ ๒ สวรรคตแล้วไปอยู่ที่ไหน ?

    บอกให้ชัด ๆ เลยนะ อยู่ในมหาวิหารเวสต์มินสเตอร์ ไปดูได้..! ก่อนหน้านี้อยู่ในพระราชวังบักกิงแฮม จะหาว่ากระผม/อาตมภาพ "กวนโอ๊ย" อีกหรือเปล่า โอ๊ย เป็นภาษาแต้จิ๋ว แปลว่ารองเท้า..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    เรื่องบางเรื่องพูดไม่ได้ เรื่องบางเรื่องรู้ร้อย พูดได้แค่หนึ่งแค่สอง เพราะฉะนั้น..นักปฏิบัติที่แท้จริง จำเป็นต้องรู้ด้วยว่าสิ่งที่เรารู้เห็น เราพูดได้เท่าไร ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะเดือดร้อนมากกว่าที่คิด..!

    อย่างที่มีอาจารย์ชื่อดังท่านหนึ่งทางเพชรบูรณ์ ปัจจุบันนี้ก็กลายเป็น "สมี" คือต้องอาบัติปาราชิกแล้ว ที่ท่านบอกว่าพระของเราไม่ควรที่จะทำน้ำมนต์พรมให้แก่ญาติโยม เพราะว่าน้ำมนต์ไปทำลายกายทิพย์ของบรรดาอีกโลกหนึ่ง ถึงขนาดขาดเป็นชิ้น ๆ ต้องเจ็บปวดทรมานมาก ไม่ควรที่จะให้มีวัตถุมงคลอยู่ในบ้าน เพราะจะทำให้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เดือดร้อน เข้าออกบ้านนั้นไม่ได้..!

    กระผม/อาตมภาพเคยบอกกล่าวตั้งแต่สมัยประมาณ ๓๐ ปีที่แล้วว่า ถ้าหากว่าท่านพูดอย่างนี้ แปลว่าท่านไม่รู้จริง ถ้าหากโจรมาบอกว่า เจ้าของร้านทองควรที่เอาตำรวจออกไปไว้ที่อื่น เพราะว่าตำรวจอยู่ ทำให้โจรเดือดร้อน เข้าปล้นร้านทองไม่ได้ ญาติโยมคิดว่าเราควรที่จะทำตามที่โจรบอกไหม ?

    ดังนั้น..ที่สำคัญที่สุดก็คือ การรู้เห็นอย่าพึงเชื่อ เพราะว่าท่านพูดตามที่ท่านรู้เห็น แต่ไม่ได้หาเหตุผลมาประกอบว่า สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร ? หรือว่าควรที่จะประพฤติปฏิบัติกันแค่ไหน ถึงจะออกมาดีที่สุด ?

    การที่เราคิด การที่เราพูด การที่เราทำ ทุกอย่างมีผลกระทบทั้งหมด อย่างที่ผู้รู้เขาบอกว่า ผีเสื้อกระพือปีกทางด้านนี้ อีกซีกโลกหนึ่งเกิดพายุทอร์นาโดได้ นี่เป็นเรื่องจริง..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งที่เราทำจึงควรที่จะก่อความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นน้อยที่สุด เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีใครเดือดร้อนเลย แต่ต้องก่อความเดือดร้อนให้แก่ผู้อื่นน้อยที่สุด อย่างที่กระผม/อาตมภาพ กล่าวอยู่บ่อย ๆ ว่า ให้ระมัดระวัง อย่าให้ กาย วาจา ใจ ของเราเป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่น
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    ดังนั้น..หลายท่านที่จะว่าไปแล้ว ควรที่จะอยู่ช่วยกันสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่พระพุทธศาสนา แต่ด้วยความที่รู้ไม่จริง ทำให้ไม่รู้ว่าควรจะจัดการกับสิ่งที่ตนเองรู้อย่างไร ความรู้นั้นจึงเป็นโทษแก่ตนเอง แล้วก็โดนหลอกได้ง่ายที่สุด

    ยิ่งรู้เห็นชัดเจนเท่าไร ยิ่งโดนหลอกได้ง่ายเท่านั้น เพราะคนเรามักจะมีทิฏฐิ ยึดมั่นถือมั่นว่า "กูเห็น..กูจึงเชื่อ" แล้วถ้าหากว่าปัญญาไม่ถึง คนอื่นเตือนก็ไม่ฟังอีกด้วย..!


    ที่กระผม/อาตมภาพยกตัวอย่างบ่อยที่สุดก็คือ เราเห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมา แล้วเราก็ลากมีดลากปืนไปช่วย จะโดนเขากระทืบตาย เพราะเขาถ่ายหนังกันอยู่..! เรื่องที่เราเห็น เราเห็นจริงไหม ? เห็นจริง ๆ แล้วเป็นเรื่องจริงตามที่เห็นไหม ? ไม่จริง เพราะว่าเขาถ่ายหนังกันอยู่ กระผม/อาตมภาพถึงได้สรุปว่า "ไม่รู้ไม่เห็น ปลอดภัยที่สุด"


    การที่เราจะเป็นพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป ก็คือ เราต้องมีความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์จริง ๆ ไม่ล่วงเกินด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจ แม้ต่อหน้าและลับหลัง ต้องทบทวนศีลทุกสิกขาบทให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ล่วงศีลด้วยตนเอง ไม่ยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นล่วงศีล และไม่ยินดีเมื่อเห็นผู้อื่นล่วงละเมิดศีล ท้ายที่สุด มีปัญญา รู้ตัวอยู่เสมอว่าเราต้องตาย ถ้าตายเมื่อไร เราขอมีพระนิพพานมีที่ไปอย่างเดียว


    ไม่ได้บอกว่าต้องรู้อดีต

    ไม่ได้บอกว่าต้องรู้อนาคต
    ไม่ได้บอกว่าต้องรู้ปัจจุบัน

    ไม่ได้บอกว่าต้องระลึกชาติได้
    ไม่ได้บอกว่าต้องรู้ว่าคนและสัตว์ ก่อนตายมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน
    ไม่ต้องรู้ว่าคนและสัตว์ สร้างกรรมดีกรรมชั่วเอาไว้ แล้วจะไปเสวยบุญเสวยกรรมอย่างไร
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,759
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,561
    ค่าพลัง:
    +26,401
    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันจึงเป็นการประกันความเสี่ยง ปิดอบายภูมิให้แก่พวกเรา เรื่องอื่น ๆ มีแต่จะทำให้เราเป็นตกขี้ข้าคนอื่นเขา

    พอเขาเห็นว่าเรามีความสามารถด้านนี้ ก็จะวิ่งมาหา ถามได้ทุกเรื่อง แล้วพอนานไป ๆ ท่านที่ให้การสงเคราะห์ไม่สงเคราะห์อีก เราเองก็กลัวจะเสียหน้า ก็ตอบมั่ว ๆ เอา แล้วท้ายที่สุด ชื่อเสียงก็พังบรรลัยหมด เหมือนอย่างกับบางท่านที่ออกทีวีอยู่บ่อย ๆ


    เพราะฉะนั้น..เรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องที่พึงสังวรเป็นอย่างยิ่งว่า อะไรถ้ารู้ ต้องรู้ด้วยว่าพูดได้เท่าไร ทำได้เท่าไร ไม่อย่างนั้นแล้วโอกาสที่เราจะรอดมือมารนั้นยากมาก เพราะว่าเขาจะปรุงแต่งจนกระทั่งเราหลงทางตามเขาไปเอง

    สำหรับวันนี้ ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๑๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ (รอบค่ำ)
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...