เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๙ กันยายน ๒๕๖๕

​

 

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕ มีบุคคลจำนวนมากตื่นเต้นกับวันที่ ๙ เดือน ๙ ส่งสารพัดแบนเนอร์เข้ากลุ่มไลน์มา คือถ้าจะตื่นเต้นขนาดนั้น กระผม/อาตมภาพน่าจะตื่นเต้นตั้งแต่ ๒๐ กว่าปีที่แล้ว เพราะว่าลูกเจนนี่ (เมธาวี เหลืองถาวรกุล) เกิดวันที่ ๙ เดือน ๙ ปี ๒๕๓๙..!

เรื่องของมงคลอื่นที่นอกเหนือไปจากมงคล ๓๘ ประการที่พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ในมังคลสูตร ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ยั่งยืน แต่ถ้าหากว่าเราไม่คบคนพาล เราคบบัณฑิต ไล่ยาวไปจนกระทั่งสภาพจิตที่กระทบโลกธรรมแล้วไม่หวั่นไหว ไม่เศร้าโศก ปราศจากธุลี มีแต่ความชื่นบาน ถ้าอย่างนั้นถึงเป็นมงคลที่แท้จริง แต่ก็ยังมีญาติโยมจำนวนมากที่กำลังใจต้องอาศัยเครื่องยึด จึงต้องมีวัตถุมงคลไว้เป็นกำลังใจตนเอง

ช่วง ๒ วันที่ผ่านมา อยู่ ๆ ก็มีโยมท่านหนึ่ง เหมาเอาพระยอดขุนพลกาญจนบุรี พิมพ์ใหญ่ สีดำ แก่เนื้อผงดินกากยายักษ์ ไปคนเดียว ๒๐๐ องค์..! คาดว่าน่าจะเตรียมไว้รับภาวะสงครามที่จะมีทีท่าว่ารุนแรงขึ้นอย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่าเรื่องของวัตถุมงคลนั้นเป็นเรื่องแปลก หลายท่านใช้คำว่า "วัตถุมงคลเลือกคน" ซึ่งถ้าหากว่าเป็นคำนี้ กระผม/อาตมภาพก็เห็นด้วย เพราะว่าวัตถุมงคลหลายชิ้นที่กระผม/อาตมภาพตั้งใจว่าจะแบ่งปันให้ผู้อื่นไปบูชา ขนาดจะมาหาถ่ายรูปส่งให้ไอ้ตัวเล็กไปลงกระทู้ ปรากฏว่าท่านเผ่นหนีไปไหนก็ไม่รู้ ?! ไม่ยอมไป..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่ามีอยู่วันหนึ่งกระผม/อาตมภาพเห็นเทวดาจำนวนมาก เดินพาเหรดอยู่ในวัด เมื่อถามว่า "มาจากไหน ?" ท่านบอกว่า "ว่างงานครับ" เป็นเทวดาที่ได้รับคำสั่งให้มารักษาวัตถุมงคลต่าง ๆ แต่ว่ายังไม่มีใครบูชาไปก็เลยว่างงาน จึงมาลาดตระเวนวัดให้แทน เข้าท่าดีเหมือนกัน เพราะฉะนั้น..ถ้าพวกท่านได้ยินเสียงหมาหอนบ่อย ๆ ก็ไม่ต้องแปลกใจกันหรอกนะ แล้วอย่าดันไปกลัวผีเสียละ..! เดี๋ยวพ่อเจ้าประคุณโกรธขึ้นมาอีก..!

วันนี้กระผม/อาตมภาพเดินทางไปร่วมประชุมคณะกรรมการจัดงานพระราชทานเพลิงศพ พระเดชพระคุณพระราชรัตนวิมล (พยุง ฐิตสีโล ป.ธ.๔) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี อดีตเจ้าอาวาสวัดกาญจนบุรีเก่า ปรากฏว่าไปถึงเป็นคนแรก ทั้ง ๆ ที่ตอนช่วงเช้าต้องไปทำพิธีปิดและมอบประกาศนียบัตรสำเร็จการศึกษา ให้แก่บรรดาผู้สูงอายุของอำเภอทองผาภูมิ ซึ่งเรียนจบเป็นรุ่นที่ ๒ แล้ว ลากยาวจน ๑๐ โมงกว่าถึงได้เดินทางไป

 

เมื่อไปถึง เจอพระมหาจรัญ อมโร (ป.ธ.๔) เจ้าคณะตำบลรางหวาย เจ้าอาวาสวัดศรีพนมเขต วัดท่านอยู่ติดอำเภออู่ทองของจังหวัดสุพรรณบุรี ท่านถามว่า "หลวงพ่อเล็ก มาไกลเท่าไร ? ถึงได้มาเร็วขนาดนี้" บอกไปว่า "ของหลวงพ่อก็ไกลมากนะ ขนาดติดสุพรรณบุรีเลย" แล้วของท่านไกลเท่าไร ? ท่านบอกว่า "๖๓ กิโลเมตร"

กระผม/อาตมภาพถึงได้เรียนท่านไปว่า "ของผม ๑๔๐ กิโลเมตรครับ ไปกลับก็ ๒๘๐ กิโลเมตร แปลว่าถ้าหากว่าลงเมืองกาญจน์เมื่อไร ไปกลับของผมอย่างน้อยก็ต้องได้ ๓๐๐ กิโลเมตรขึ้นไป" ท่านก็ยังบ่นว่า "ผมว่าผมอยู่ไกลแล้ว ไม่คิดว่าทองผาภูมิจะไกลขนาดนี้" นี่ขนาดคนเมืองกาญจน์ด้วยกันนะ ยังคิดว่าทองผาภูมิอยู่ใกล้ ๆ เลย..!

แต่คราวนี้การที่ไม่อยู่วัดก็ทำให้โยมคณะใหญ่ที่มาถึง อย่างวันนี้ก็เป็นคณะของมูลนิธิมิราเคิล ออฟ ไลฟ์ ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี มาแล้วไม่ได้พบ ก็มีการโทรศัพท์ต่อว่าต่อขานกันเป็นปกติ

ดังที่ได้เรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมไปแล้วว่า ตัวกระผม/อาตมภาพจะเอางานคณะสงฆ์เป็นใหญ่ โดยเฉพาะทางมูลนิธิฯ โทรศัพท์เข้ามาตอนที่วิ่งไปครึ่งทางแล้ว ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ เพราะว่าขึ้นหรือลงก็ระยะทางเท่ากัน

ตรงนี้ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่หนักใจ เพราะว่าญาติโยมหลายท่านมาวัด ก็มาไกลมาก อยากจะพบ แต่ก็ไม่ได้พบ เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ว กระผม/อาตมภาพกำลังวิ่งงานอยู่ อีกไม่กี่วันก็ต้องไปประชุมที่พุทธมณฑล ตามคำสั่งของเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

แล้ววันนี้หนังสือแต่งตั้งตามมติมหาเถรสมาคม ที่ลงพระนามโดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ซึ่งแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนาของจังหวัดกาญจนบุรีก็เพิ่งมาถึง ก็แปลว่าตำแหน่งหน้าที่ของกระผม/อาตมภาพก็เพิ่มขึ้นมาอีก จัดประชุมเมื่อไรก็งานเพิ่มขึ้นมาอีก

คราวนี้ส่วนที่จะแน่นอนก็ต่อเมื่อกระผม/อาตมภาพได้ลงนัดเอาไว้แล้ว ถ้าไม่ใช่งานคณะสงฆ์เข้ามา หรือว่าฎีกาหลวงเข้ามา ก็จะต้องอยู่แน่ ๆ แต่คราวนี้ท่านทั้งหลายที่นัดมา ถ้าหากว่านัดมากระชั้นชิดก็มักจะไม่มีเวลาว่างให้ จึงต้องนัดกันล่วงหน้าทีหนึ่งครึ่งค่อนปี หรือเป็นปีไปเลย แล้วญาติโยมก็กำหนดวันเวลาได้ยากด้วย

 

ระยะหลังนี้มีญาติโยมส่วนหนึ่ง ใช้วิธีไปซื้อทัวร์ของคณะแรลลี่ทัวร์เที่ยวชุมชน ยลวิถี จากเว็บเพจกิฟท์จังพลังเวทย์แทน เพราะว่ามาแล้วได้เจอแน่ ๆ แล้วครั้งนี้ที่ลูกกิฟท์ (อันตรา ลักษณะ) จัดนั้น ตรงกับช่วงตักบาตรเทโวและงานกฐิน และไม่ได้รับรถส่วนตัว หากแต่ว่าจัดเป็นรถตู้ เหตุที่ต้องรีบจัดแต่เนิ่น ๆ เพราะว่า ถ้าถึงช่วงนั้นแล้วที่พักทุกอย่างจะเต็มหมด และสิ่งของข้าวของทุกอย่างราคาแพงมาก เนื่องจากญาติโยมที่มาร่วมตักบาตรเทโว และทอดกฐินสามัคคีจองกันเต็มทุกปี

โดยเฉพาะท่านทั้งหลายที่จะมา ส่วนหนึ่งตั้งใจมาเพราะกระผม/อาตมภาพเข้ากรรมฐาน ๓ วัน อยากจะทำบุญกับพระออกกรรมฐาน หลายท่านก็ทำบุญมาจนตกใจ ก็คือใส่ธนบัตรใบละพันมาทีทั้งปึกเลย..!

ดังนั้น..ถ้าหากว่าญาติโยมอยากจะพบกระผม/อาตมภาพแน่ ๆ ก็ไปจองทัวร์ของกิฟท์จังพลังเวทย์ อาจจะแพงนิดหนึ่ง แต่ว่าทั้งกินทั้งเที่ยวมาตลอดทาง ที่พักอาหารต้องบอกว่าอยู่ในระดับหรูเลย แล้วก็มาตักบาตรเทโว พร้อมกับทอดกฐินวัดท่าขนุนร่วมกัน ถ้าอย่างนี้มาแล้วได้พบ ก็คงจะเลิกบ่นกันเสียที

จะว่าไปแล้ว กระผม/อาตมภาพเองก็ไม่อยากที่จะทอดทิ้งญาติโยม แต่ว่าโยมส่วนใหญ่มักจะยึดติดตัวบุคคล แม้จะแต่งตั้งพระรับหน้าที่ทางด้านนี้แทนหลายรูป ก็ไม่เป็นที่ถูกใจ ถ้าพูดกันแรง ๆ ก็คือ "ไม่ถูกกิเลส" มาแล้วอย่างไรก็ต้องเจอเจ้าอาวาสให้ได้

 

ยังดีที่กระผม/อาตมภาพอนุญาตให้ตั้งตู้จำหน่ายวัตถุมงคลตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่าน ญาติโยมจำนวนหนึ่งที่มาแล้วไม่ได้พบ ก็ยังได้วัตถุมงคลกลับไป เป็นเรื่องที่พอทำใจกันได้บ้าง โดยเฉพาะได้บูชาวัตถุมงคลในราคาวัด ซึ่งถือว่าเป็นของราคาถูก ถ้าหากว่าไปบูชาต่อตามเว็บเพจต่าง ๆ ก็มีสิทธิ์โดนโขกกันหูดับตับไหม้ เพราะว่าญาติโยมที่เอาไปจำหน่ายต่อก็ไม่ได้เกรงใจกันเลย..!

อย่างที่ท่านทั้งหลายเห็น ทางเว็บวัดท่าขนุนเพิ่งจะเปิดให้จอง เหรียญสมเด็จองค์ปฐม พิมพ์นั่งบัวเสวยสุข เนื้อทองคำในราคา ๕๐,๐๐๐ บาท ท่านจองเสร็จก็ไปออกต่อในราคา ๘๕,๐๐๐ บาททันที..! จะบอกว่ารู้จักทำมาหากินก็ใช่ แต่ก็ขูดเลือดขูดเนื้อชาวบ้านเขามากจนเกินไป เพราะว่าทางวัดลงทุนทำไป ได้กำไรหลักพัน โยมแค่เสียเวลาพิมพ์หนังสือจองไม่กี่ตัว กำไรไปทันที ๓๕,๐๐๐ บาท..!

แต่ว่าเป็นเรื่องที่ต้องบอกว่า ตกลงกันเองทั้ง ๒ ฝ่าย ถ้าภาษากฎหมายในการทำนิติกรรมสัญญา ก็บอกว่า เมื่อฝ่ายเสนอมีความเห็นตรงกับผู้สนอง นิติกรรมสัญญาก็ย่อมเกิดขึ้น เอาเป็นว่าถ้าใครช้าหรือว่าไม่ได้มาวัด ก็ทนรับของแพงไปก็แล้วกัน ส่วนใครที่ต้องการพบแน่ ๆ ก็ไปจองทัวร์กัน ซึ่งมั่นใจได้แน่ว่า ถ้ากระผม/อาตมภาพไม่เป็นลมตายคากุฏิตายไปเสียก่อน หลังจากการเข้ากรรมฐาน ๓ วันแล้ว ก็จะได้พบกันอย่างแน่นอน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๙ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)