98.เก็บเรื่องมาเล่า : นอนเต็นท์ เย็นสบาย???

98


เก็บเรื่องมาเล่า : นอนเต็นท์ เย็นสบาย???





เมื่อ 7 ปีที่แล้ว สร้อยฟ้ามาลาได้ไปเที่ยวที่เขายายเที่ยง ครั้งนั้นไปกับกลุ่ม biker 7 – 8 คัน ไม่ใช่ bigbike นะ เป็นรถ ksr ซะส่วนใหญ่ มี pcx ไปด้วย แต่สร้อยฟ้ามาลาเป็นรถ service ตอนนั้นขาไปได้ไหว้พระที่วัดสรพงษ์หรือวัดโนนกุ่ม กับไหว้ย่าโมที่วัดศาลาลอย แล้วย้อนกลับมาพักบนเขายายเที่ยง วันรุ่งขึ้นไปเที่ยวกังหันลมบนเขายายเที่ยง แล้วไปปาลิโอเขาใหญ่ตอนนี้ปิดตัวไปแล้ว ส่วนกลุ่ม biker ก็สลายตัวไปแล้วตามทางของแต่ละคน





มาครั้งนี้ เพื่อนในกลุ่มเที่ยวอยากไปกางเต็นท์นอน คือ แต่ละคนอยากลองของ ซื้อเต็นท์กับอุปกรณ์แคมป์ปิ้งมาเก็บไว้แล้วหาโอกาสไปกางไม่ได้ แล้วเพื่อนในกลุ่มบางคนก็เป็นพวก 4x4 โหดๆ ฉะนั้นเครื่องมืออะไรต่างๆ จึงค่อนข้างครบ ก็นัดวันกันไปกางเต็นท์ 3 วัน 2 คืน ที่โคราชกับที่สระบุรี ที่ละคืน ส่วนสร้อยฟ้ามาลามีเต็นท์ขนาด 6 คนอยู่หลังนึงซื้อมานานแล้วได้ใช้แค่ครั้งเดียวที่ภูทับเบิก แต่ก่อนที่จะถึงวันเที่ยว ได้ลองเอาเต็นท์มากางแล้วยังใช้ได้และไปรื้อในห้องเก็บของหายางปูที่นอนในเต็นท์กับถุงนอนก็ยังอยู่ครบแต่เหม็นอับเพราะเก็บไว้นาน เลยเอามาล้างแล้วผึ่งให้แห้งก่อนเก็บ แล้วก็ไปซื้อของมาเพิ่มอีกก็จะเป็น ผ้าใบใหญ่ๆ ไว้กางรองพื้นภายนอกเต็นท์, ไฟฉายสนาม, เตาแก๊สสนามกะจะซื้อแต่คิดว่าเพื่อนในกลุ่มน่าจะมีแล้วเลยไม่ได้ซื้อ, ไฟประดับเต็นท์ นอกนั้นก็ไม่น่าจะมีอะไร







​

 

วันที่ 22 ตุลาคม 2564 ออกเดินทางเวลาเช้า
คราวนี้ใช้รถของสร้อยฟ้ามาลาและเป็นคนขับรถตลอดทริป มีคนในรถทั้งหมด 5 คน ข้าวของแต่ละคนเต็มหลังรถจนแทบไม่มีที่จะใส่ แล้วนัดเพื่อนที่มากับรถอีก 2 คัน 8 คน ไปเจอกันที่ลานกางเต็นท์เลย ก็จะมี fortuner, Alphard

​

ตามธรรมเนียมการเที่ยว สร้อยฟ้ามาลาจะต้องไปทำบุญไหว้พระก่อน ขาไปนี้แวะทำบุญไหว้พระที่วัดโบสถ์ ปทุมธานี แล้วมารองท้องที่บ้านสวน แล้วขับมาเรื่อยๆ เข้าโคราช แวะซื้อของทำครัวที่แม็คโค ซื้อเสร็จก็ต้องมาอัดไว้หลังรถแบบพอจะมีซอกตรงไหนพอจะอัดเข้าไปได้ก็อัดเข้าไป

 

วันนี้ฝนตกหนักมาก ถนนบางสายน้ำท่วม ก่อนจะขึ้นไปบนลานกางเต็นท์ก็แวะร้านส้มตำก่อน คิดว่าเพื่อนอีกกลุ่มใกล้จะถึงแล้ว

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

กินส้มตำจนถึงบ่ายสามโมงฝนซาลง เช็คบิลเสร็จก็ขึ้นเข้ายายเที่ยง เข้าเช็คอินที่ลานกางเต็นท์ เพื่อนไปสั่งหมู่กระทะมากินคืนนี้อีกแต่ว่าไม่ใช่เจ้าเดียวกับผู้ให้บริการลานกางเต็นท์ซึ่งอาจนำความไม่พอใจให้เจ้าของลาน พอหาที่จอดได้เสร็จก็ขนของไปกองไว้ที่ลาน ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่มีทีท่าที่จะหยุด...

ไม่เหลือจ้า ลานหญ้าเป็นลานดินโคลน เสื้อผ้าเปียกหมด ต้องยืนกางเต็นท์ 2 หลังท่ามกลางสายฝน กว่าจะกางเสร็จ ดินก็ยิ่งเละเทะไปอีก แล้วก็มากางพวกฟลายชีทอีกหลังนึง สักพักเพื่อนอีกคณะมาถึง ก็เริ่มกางต่อๆ กันไป พวกหลังนี้อุปกรณ์เยอะ มีเต็นท์หลังใหญ่กับฟลายชีทหลังใหญ่ที่ใช้ทำครัว พอกางเสร็จขนของลงจากรถ ฝนก็ไม่หยุดตก เลยเข้าไปหลบในเต็นท์ของตัวเองปรากฎว่าตะเข็บบนหลังคาน้ำซึมและไหลลงมานองที่พื้นเต็น ก็เลยเอาผ้าเช็ดรถมาซับออก กลุ่มเพื่อนก็ขนของทำครัวกันแล้ว แต่ฝนก็ตกแรงขึ้น แรงขึ้น แล้วสลับหยุดเป็นช่วงๆ และแล้วหลังคาเต็นท์น้ำก็รั่วลงมา ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป คืนนี้ไม่ได้นอน คิดขึ้นได้ รื้อผ้าใบรองพื้นด้านนอกออก เอามีดตัดออกครึ่งหนึ่ง แล้วรื้อเต้นท์ลงใหม่ เอาผ้าใบที่ตัดออกรองหลังคาเต็นท์ชั้นนึงแล้วค่อยขึงหลังคาเต็นท์ชั้นนอก ก็เหมือนกางเต็นท์ใหม่อีกรอบท่ามกลางสายฝนกระหน่ำ เปียกมะล่อกมะแล่ก ก็ทำให้เต็นท์ฝนไม่รั่วเข้ามา แต่เพื่อนที่กางเต็นท์ข้างๆ เป็นเต็นท์เล็กกว่าและหลังคารั่วเหมือนกัน ก็เลยต้องยุบฟลายชีทอันเล็กมากางทับหลังคา ก็รอดไป ส่วนเพื่อนหลังใหญ่หลังคาไม่รั่ว เพราะเป็นเต็นท์ใหม่ คืนนี้กะว่าจะนอนดูดาว อากาศเย็นๆ เอาขาตั้งกล้องจะมาจับช้างเผือก ก็ฝันสลายละลายไปกับดินโคลนรอบๆ เต็นท์

​

 

พอเริ่มค่ำ ชาวครัวของเราก็เริ่มทำอาหาร แล้วหมูกระทะก็มาส่ง 2 ชุด เพื่อนหาไฟแช็คเพื่อติดไฟหมูกระทะไม่เจอ ก็เลยเดินไปขอยืมกับเจ้าของลานกางเต็นท์ เขาบอกว่า เขาไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรด้วยนะ แต่ก็ให้ยืมมา นั่นไง ว่าแล้ว ....

พอประมาณ 2 ทุ่ม ฝนเริ่มซา สร้อยฟ้ามาลากับเพื่อนอีก 2 คน เลยเดินไปอาบน้ำก่อน ห้องน้ำอยู่ไกลจากที่กางเต็นท์ ก็เดินฝ่าฝนไปอย่างนั้นแหละ โชคดีหน่อยที่มีน้ำอุ่นให้อาบ แต่น้ำไม่แรง ได้อาบน้ำสระผม คิดว่าจะน็อคจะไม่สบายไหมเนี่ยะ ผมไม่แห้งง่ายๆ แน่ เดินตากฝนอยู่อย่างนี้ ร่มก็มีไม่พอ แล้วถ้าหายใจไม่ออกจะแย่ไหมเนี่ยะ คิดไปต่างๆ นาๆ กังวลไปเรื่อย อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินกลับมาที่เต็นท์ เพื่อนๆ ก็ทำครัวกันต่อไปยังไม่เสร็จ


... เข้าเต็นท์นั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ สักพักเพื่อนมาเรียกให้ไปกินข้าว ตอนนี้ในเต็นท์มีเพื่อนคนอื่นอยู่ด้วย สร้อยฟ้ามาลาลุกออกจากเต็นท์ก่อน แต่อย่างที่บอก ข้างนอกเละไปด้วยโคลนลื่นๆ ทำให้สวมรองเท้าเวลาออกนอกเต็นท์ยาก ก็เลยเซไปเยียบรองเท้าของเพื่อนอีกคน แต่รองเท้าของเขาไปไม่ธรรมดา เป็นรองเท้าแตะเอาเปลือกหอยทะเลที่มีหนามมาติด ก็เหยียบไปเต็มๆ ได้เลือดเลยจ้า... สร้อยฟ้ามาลาเลยร้องออกมาว่า เหยียบหอยติ๊ก (ติ๊กคือเจ้าของรองเท้า) เพื่อนเลยตกใจใหญ่ว่าอยู่ในเต็นท์แล้วเดินยังไงว่าไปเหยียบเข้าให้..... ไม่ใช่อย่างนั้นนนนน

..อันนี้ไม่ใช่หมอกนะ เป็นฝน..
เป็นเต็นท์ชาวคณะอื่นที่กางอยู่ใกล้ๆ กัน​

 

ออกมากินข้าวเสร็จแล้ว แปรงฟัน เข้าเต็นท์เล่นโทรศัพท์ พวกเพื่อนๆ ก็สังสรรค์กันต่อไป พอดึกๆ ก็ค่อยๆ เข้ามานอนทีละคน วันนี้มีเพื่อนร่วมเต็นท์ 4 คน สร้อยฟ้ามาลานอนริม ซึ่งมีช่องหน้าต่างอยู่ แต่รูดซิปปิดไว้เพราะฝนสาด พอตกดึกๆ ลมแรง เต็นท์โยกแทบปลิว ฝนตกหนักมาก มีเสียงน้ำไหลผ่านเต็นท์ไป นอนคิดเราจะปลิวตามน้ำตกหน้าผาไปไหนเนี่ยะ แต่ตรงนี้ไม่มีลำธารคงไม่มีน้ำไหลมามั้ง นอนๆ คิดไปฝนก็ตกแรงไม่หยุด แล้วซิปหน้าต่างก็กั้นน้ำไม่อยู่ น้ำซึมลงมาเปียกขา ทำอะไรไม่ได้แล้ว นอนทั้งเปียกๆ อย่างนั้นทั้งคืน

​

 

ตื่นเช้าวันที่ 23 ตุลาคม ฝนหยุดตกแล้ว
ลุกขึ้นมาดูหมอก นึกว่าจะมีหมอกหนา ไหลผ่านยอดไม้ผ่านภูเขา แต่เปล่าเลย มีแค่นิดเดียวพอเป็นพิธี พอจัดการกับธุระส่วนตัวเสร็จก็มาถ่ายภาพวิวได้ไม่เยอะเท่าไร

​

 

ดูสภาพเต็นท์เปรียบเทียบกับเมื่อวาน
​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​

 

​