เตรียมตัวให้พร้อม!มันกำลังมา แจ้งข่าวสารการชำระโลก

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 23 เมษายน 2018.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ดีใจค่ะที่ยังมีคนนึกถึงอยู่ ตอนแรกว่าจะไม่เขียนแต่มีสิ่งมากระตุ้นให้เขียน ก็เลยอยากจะเขียนลง ส่วนเรื่องการเตือนเรื่องภัยพิบัติ คงหมดหน้าที่แล้วมั้งค่ะ เข้ามาดูหลายรอบไม่มีอะไรจะบอก อยากจะเขียนลงบ้าง พอเขียนลงกระทู้แล้ว ก็ต้องมีอันยกเลิกไป ความรู้สึกบอกกับตนเองว่าเขียนอย่างนี้ไม่ได้ก็เลยไม่ได้โพสต์ ก็เลยเงียบไปค่ะ

    อยากมีเรื่องเล่ากิเลสในตัวเองมากมาย การเขียนวันนี้เนื่องจากถูกกระตุ้นจากกิเลสนี่แหละค่ะ ไม่อยากปิดบังนิสัยสันดานที่ไม่ดีของตนเองไว้ เพราะจิตที่ตั้งไว้ดีแล้ว อบรมบ่มเพาะนิสัยตนเองไว้ เมื่อมันทำไม่ได้เกิดความละอาย ถึงแม้นว่าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย มันเห็น มันรู้ แต่มันฝืนไม่ได้ และมันแสดงออกมาทีไร ก็มานั่งเสียใจทุกทีไป มันละไม่ขาด การที่เราประกาศออกไปก็หมายถึงการยอมรับ ผิดคือผิด ถูกก็คือถูกก ถ้าเราไม่เห็นว่ามันไม่ผิด เราจะไม่ยอมรับ และเราก็ไม่มีทางแก้มันได้แน่นอนค่ะ

    ส่วนเรื่องภัยพิบัติ ถ้าเป็นบุญ-กรรมของประเทศ ถ้าผู้มีอำนาจเชื่อคำเตือนของสิ่งศักดิ์ เชื่อเรื่องบุญกรรม เชื่อเรื่องเหตุและผล เชื่อเรื่องสิ่งที่เห็นได้ตาของตนได้ในข่าวต่างประเทศที่กำลังรับกรรมกันอยู่ทั่วโลก ทั้งเรื่องโรคระบาด และภัยพิบัตินานาประการ ที่ล้วนไปตามคำพุทธทำนาย ว่ายักษ์นอกศาสนาจะพบกับอะไบ้าง!!

    ประเทศเราประสบชะตากรรมน้อยกว่าประเทศอื่นในโลก ก็เป็นไปตามคำกล่าวของพุทธทำนาย โลกถือเอาสัจจะธรรมเป็นใหญ่ ถือเอาความไม่เบียดเบียน ความเท่าเทียม และความมีสิทธิเสรีภาพ ความรักความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะพลังงานจิตของแต่ละคน ที่เรียกว่าพลังมวลกรรมของประเทศ เป็นตัวตัดสินว่าจะประสบภัยมากน้อยเพียงใด การตัดสินใจของผู้นำ และประชาชนในประเทศเป็นตัดสินใจเลือกเอง

    ว่าแล้วมาสะดุดตรงความรักความสามัคคี ถือว่าเป็นเรื่องยากของผูู้มีตัวตน มันยากมาก ๆ ที่จะชนะใจชนะกิเลสตนเอง แต่มันไม่ยากเมื่อทำอะไรตามอัตราของตนแล้ว โดยพลั้ง หรือเผลอ เพราะสติไม่บริบูรณ์ แต่คนเรามีสิทธิ์จะตัดสินใจใหม่ หรือ มีสิทธิที่จะพิจารณาหาเหตุผลของคุณและโทษได้ โดยไม่เอาทิฐิของตนเป็นใหญ่ มันย่อมทำให้เหตุการณ์ไม่บานปลายแน่นอนค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2020
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ถ้าหากคนไทยทั้งประเทศยังประมาท ไม่เป็นหนึ่งเดียวกันรู้รักสามัคคี ถ้าหาก โควิด 19 ระบาดรอบสอง ถ้าเชื้อรุนแรงกว่ารอบแรก ในขณะที่ยังไม่มีวัคซีน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ที่เรียกว่า T-call ที่มาจากต่อมไทมัส คือ ลมหายใจ จะต้องรักษาด้วยลมหายใจอย่างถูกต้องที่รักษาความสมดุลของอารมณ์จะช่วยได้ (จะรู้ว่าธรรมย่อมรักษา) คือการกำหนดสติ การฝึกลมปราณ หรือ สมาธิ การอยู่กับความรู้สึกตัว อะไรก็ได้แล้วแต่จะเรียกค่ะ

    จะได้รู้ว่า โรคระบาดโควิด 19 นอกจากมีนัยยะว่าผีโขมดป่าจะเข้าเมืองแล้ว ยังเป็นการช่วยโลกทางอ้อม ไม่ให้โลกบอบช้ำทางกายไปมากกว่านี้แล้ว ยังช่วยให้มนุษย์ยกระดับกายชีวภาพให้มนุษย์เข้าสู่ระบบความสมดุลที่ใช้ชีวิตผิดพลาดจึงป่วยเป็นโรคร้ายเรื้อรัง ก่อนวัยและเสียชีวิตกันมาก

    การฝึกสมาธิฝึกลมหายใจอย่างถูกวิธีแล้ว ยังเป็นการยกรระดับกายชีวภาพของตนเอง จากการยกระดับพลังงานของโลกแล้ว และยังสามารถยกระดับสติปัญญาได้อีกด้วย ในยุคพระธรรมิกราชกึ่งพุทธกาลค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2020
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ณ.เวลานี้ ขอพรพระพิฆเนศ ให้ท่านช่วย ดีที่สุดครับ

    5 ต.ค. 2019

    อิ่มบุญ สุขใจ ขอพรพระพิฆเนศองค์ใหญ่ 2 ปาง ที่ ฉะเชิงเทรา ฉะเชิงเทรา จังหวัดยอดนิยมของนักเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพราะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มีสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนนิยมเดินทางมากราบไหว้ขอพรกัน นั่นก็คือ วัดสมานรัตนาราม ที่มีพระพิฆเนศองค์ใหญ่สีชมพู ปางนอนเสวยสุข ใครได้มาเห็นก็ต้องตะลึง! กับความอลังการงานสร้างและเป็นที่เลื่องลือในความศักดิ์สิทธิ์ งานนี้ใบตองตั้งใจมาขอพรแบบสุดๆ มีหลายจุดให้ไหว้ขอพร

    ส่วนจุดไฮไลท์ก็ต้องเป็นการกระซิบหูหนูเพื่อย้ำเตือนพรที่ขอกับพระพิฆเนศ และจุดที่จะให้เราขอพรได้ครบทุกด้านนั่นก็คือ การใส่บาตรดอกบัวรอบฐานพระพิฆเนศ ที่มีทั้งหมด 32 ปางด้วยกัน ไหว้พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุขไปแล้ว มาฉะเชิงเทราทั้งที ก็ต้องไปไหว้ขอพร พร้อมทั้งชมความยิ่งใหญ่ขององค์พระพิฆเนศปางยืนเนื้อสำริด ใหญ่ที่สุดในโลก! ยืนสูงเด่น ตั้งตะหง่านท่ามกลางธรรมชาติสีเขียวขจี ด้านหน้าติดกับแม่น้ำบางประกง พระพิฆเนศองค์ยืนเนื้อสําริดองค์นี้ มีการสร้างที่แตกต่างจากที่อื่นด้วยการหล่อชิ้นส่วนจำนวนหลายร้อนชิ้น! แล้วนำมาประกอบกันเป็นองค์ใหญ่อย่างที่เห็น ชมความงดงามอลังการขององค์พระพิฆเนศ พร้อมกับขอพรไปพร้อมๆกัน
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ฮือฮา! พระพิฆเนศลอยติดหาดบางแสน ชาวบ้าน-นักท่องเที่ยวแห่กราบไหว้ขอพร


    12 ก.ย. 2019
    ผู้ติดตาม 2.57 ล้าน คน

    ชลบุรี 13 ก.ย.-ฮือฮา! พบพระพิฆเนศลอยทะเล มาติดบริเวณชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี ผู้ค้าริมหาดอัญเชิญขึ้นฝั่ง ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวแห่กราบไหว้ขอพร .-สำนักข่าวไทย
     
  5. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็น "พลังงาน"

    IMG_20200815_091828.jpg

    ข้อมูลของท่านเกษมให้จิตยิ้มนึกถึงสิ่งที่ได้พบอันน่ามหัศจรย์ครั้งหนึ่งค่ะ ในคืนวันหนึ่งขณะลืมตาตื่นขึ้นมากลางดึก พอลืมตามามองไปที่หน้าต่าง สิ่งแรกเลยที่ได้พบคือ หัวช้างลอยอยู่เหนือหน้าต่างตรงผ้าม่าน เป็นหัวช้างที่มีลักษณะเลื่อมพรายสลับสีสรรหลากหลาย งดงามคล้ายเพชรหลากสีปรากฎอยู่ สักอึดใจก็หายไปค่ะ

    ทำให้จิตถึงนึกถึงองค์พระพิฆเนศ แต่ไม่รู้เหตุที่มาที่ไปว่าเพราะอะไรดลใจให้ประสบพบเห็นะค่ะ ยังจำได้ติดตาจนบัดนี้ ที่จืตยิ้มนำมาเล่า อาจเป็นเพราะข้อมูลของท่านเกษม และทำให้นึกถึงกับคำว่า "สิ่งศักดิ์สิทธิ์" คือเหล่ามหาเทพ มหาพรหม องค์เทวะ ท่านดำรงกายพลังงาน หรือกายทิพย์อยู่ใน 16 ชั้นฟ้า และสูงไปกว่าจนเหนือมิติโลกก็มี ล้วนเป็นพลังงานที่มีอยู่จริง

    ดั่งที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า ทุกสิ่งที่เป็นเปลือกนอกหยาบ ๆ ในมิติทางกายภาพ ไม่เว้นแม้แต่โลก กับมนุษย์ ที่สามารถแสดงความมีอยู่ หรือดำรงอยู่ของตนเองได้ เพราะรูปธรรมทางพลังงานแก่นแท้เร้นอยู่ภายใน มีการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ด้านบวกอยู่อย่างต่อเนื่อง จนเกิดพลังอำนาจด้านบวก เพื่อยึดรั้งมวลเล็ก ๆ ทั้งหลายเข้าไว้ด้วยกันอย่างที่เห็น แม้กระทั่งรูปกายมนุษย์ ก็คือ หน่วยเซลล์ดูเล็ก ๆ หลายหน่วยมารวมตัวกันจนเกิดเป็นรูปกาย และมีระบบกระแสเหนี่ยวนำไฟฟ้า เป็นตัวขับเคลื่อนเหนี่ยวนำทำให้เกิดเป็น "พลังชีวิต" ขึ้นมา จึงเรียกรูปกายมนุษย์ว่า เป็น"เครื่องยนต์แห่งกรรม" เพราะว่าสิ่งที่น่าสนใจของระบบอวัยวะมนุษย์ที่ว่า.....

    กล้ามเนื้อหัวใจมีคุณสมบัติที่น่าสนใจคือ สามารถกระตุ้นการทำงานได้ด้วยตัวเอง โดยอาศัยระบบนำไฟฟ้า (conduction system) ภายในผนังของหัวใจ

    นักวิทยาศาสตร์โลกเองก็รู้ดีอยู่ว่า การที่วัตถุใดดำรงสภาพให้เห็นได้เพราะอำนาจยึดรั้งของ "พลังงาน" ที่เร้นอยู่ภายในมีการสั่นสะเทือนด้านบวกอยู่อย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นพลังอำนาจด้านบวกเพื่อยึดรั้งมวลเล็ก ๆ ทั้งหลายเข้าำว้ด้วยกันอย่างที่เห็นแม้กระทั่ง "โลก" ใบนี้ของเราค่ะ

    ❤️ แต่ถ้ากระบวนการทางพลังงานภายในเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เช่น ความถี่การสั่นสะเทือนด้านบวกเพิ่มขึ้น ตัวตนทางกายภาพนั้นก็จะเปลี่ยนไปโดยมีความแข็งแกร่งเหนียวแน่นมากขึ้น แต่ถ้าความถี่สั่นสะเทือนด้านบวกเปลี่ยนแปลงไปทางด้านลบ คือสั่นสะเทือนน้อยลง ตัวตนทางกายภาพก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน โดยอาจเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปจากเดิมเพราะการหลุดล่อนออกจากกัน หรือการผุพังเสื่อมสลายเพราะเปราะบางลง เนื่องจากอำนาจการยึดรั้งมวลภายมนน้อยนั่นเอง และถ้าไม่มีมีแก่นแท้อยู่ภายในวัตถุนั้นอีก วัตถุก้อนนั้นก็จะ "ไม่มีตัวตนทางกายภาพ" ให้แลเห็นได้เหมือนเดิมคือ "หายไป" นั่นเอง

    ดังนั้น ความเหมือนกันในการเป็นตัวตนทางกายภาพมิติโลก ระหว่าง "ปรากฎการณ์" กับตัวตนที่เป็นมวลวัตถุหยาบ ๆ หรือ "เครื่องยนต์แห่งกรรม" ที่สัมผัสได้รายรอบตัว ล้วนเกิดจากการกระทำทางพลังงานอันเกิดจากการสันสะเทือนเคลื่อนไหว ของแก่นแท้ทางพลังงานที่อยู่ภายในทั้งสิ้น ไม่มีข้อยกเว้นให้แก่สรรพสิ่งใดในจักรวาลไพศาลนี้เลย

    พลังอำนาจด้านบวก หรือพลังงานแห่งความรัก หากเกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนาน มันจะมีพลังอำนาจในการดึงดูดเหนี่ยวรั้งอนุภาคเล็ก ๆ รายรอบ ให้เข้ามารวมตัวเป็นหนึ่วเดียวกันกับแก่นแท้ได้อย่างแน่นหนา ทำให้มนุษย์เห็นสรรพสิ่งในมิติทางกายภาพของตน เช่นโลก ดวงจันทร์ ดวงดาวต่าง ๆ บนฟากฟ้า หรือวัตถุสิ่งของ ที่มีรูปลักษณ์มากมาย ที่สร้างตัวตนให้เห็นเป็นสรรพสิ่งหนึ่งในจักรวาลขึ้น ล้วนมาด้วยพลังานความรักเพื่อการดึงดูดเหนี่ยวรั้ง หรือ"พลังงานด้านบวก อันเกิดจากการกระทำของแก่นแท้ของสรรพสิ่งนั้นทั้งสิ้น สรรพสิ่งใดจะเกิดขึ้นเองเป็นเองโดยไม่มีแก่นแท้นั้นเป็นผู้สร้างไม่ได้

    สำหรับกรณี "ฟ้าแลบ" เป็นสรรพสิ่งหนึ่งที่ดำรงอยู่ไม่นาน ที่มนุษย์เรียกตัวตนที่เรียกขานว่าเป็นปรากฎการณ์ ในการสั่นสะเทือนเคลื่อนไหวของผู้เป็นแก่นแท้

    images - 2020-07-24T170056.779.jpeg


    การรวมตัวของมวลไอน้ำในบรรยากาศ ทำให้เมฆฝนที่หนาขึ้นอย่างรวดเร็วอันเกิดจากการกระทำของพลังงาน สิ่งที่ปรากฎบนท้องฟ้า เมื่ออนุภาคอิเลคตรอนสั่นสะเทือนเคลื่อนไหล คือความร้อนของอากาศที่อิเลคตรอนวิ่งผ่านไป และแสงสว่างเป็นทางยาวที่วิ่ง พึงรู้ว่า ความร้อนและแสงสว่างเป็น "ตัวแทน" ของ"ความรัก" อันเกิดจากการกระทำของแก่นแท้เช่นเดียวกัน

    images - 2020-07-24T170119.466.jpeg

    มนุษย์จะเก็นได้ว่า มีเพียงพลังานเท่านั้นที่สามารถดำรงอยู่โดยไม่สูญหายไปไหน เพราะนั่นเป็นคุณสมบัติของแก่นแท้ รูปธรรมพลังงานแก่นแท้ดำรงอยู่อย่างนิรันดร์ ไม่ว่าคุณสมบัติเฉพาะตัวเปลี่ยนแปลงไปเช่นไร พลังงานยังคงเป็นพลังงานอยู่วันยังค่ำ ผู้ที่จะต้องแปรเปลี่ยรตนเองไปตามการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติทางพลังงานของแก่นแท้ก็คือ ตัวตนเปลือกนอก หรือ ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วขณะนั้นต่างหาก

    การที่มนุษย์สัมผัสรู้ดูเห็นว่ามีอยู่ ดำรงอยู่ มนุษย์จึงไม่อาจจะไปหาลง ยึดติด ตัวตนทางกายภาพของสรพสิ่งนั้นได้เลย เพราะมันมีให้เห็นอยู่แต่มันก็เป็นสรรพสิ่งหนึ่งที่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงไปตามกระบวนการแก่นแท้ภายในมันอยู่ตลอดเวลา ความเที่ยงแท้แน่นอนในตัวตนรูปลักษณ์ใด ๆ ที่แลเห็นจึงไม่มี

    เมิ่อคุณสมบัติของแก่นแท้เปลี่ยนไปเมื่อใด สรรพสิ่งที่เป็นเปลือกนอกย่อมต้องเปลี่ยนไปเช่นกัน

    กฎเกณฑ์ทางกายภาพของทุกสรรพสิ่งสากลจักรวาล อาจกล่าวสรุปสั้น ๆ ว่า "การเป็นหนึ่งเดียวกัน" หรือเรียกว่า การรู้รักสามัคคี การไม่เบียดเบียน เป็นสัจจะธรรมหนึ่งของโลก เพื่อการดำรงอยู่ได้ของสรรพสิ่ง

    การกระทำในมิติกายภาพ กับการกระทำทางมิติพลังงานทางจิต ทั้งสองมิตินี้ต้องสัมพันธ์กันเสมอ หรืออาจกล่าวได้ว่า...พลังงานจิตด้านลบของมนุษย์ทั้งโลก เป็นตัวเร่งให้กระแสพลังงานโลกปั่นป่วนเพราะขาดความสมดุล ไม่เสถียรจนไม่อาจดำรงอยู่ได้ โลกจึงต้องมีการปรับกระบวนการด้วยพลังงานแห่งความรัก คือความร้อนและแสงสว่าง ที่โลกกำลังเผชิญกับภับพิบัติเพราะโลกขาดความสมดุล จากกระแสด้านลบในจิตใจของมนุษย์ นั่นเอง

    จึงเป็นที่มาว่า.. ที่เกิดจากกระแสพลังจิตด้านลบของคนในประเทศใดมีมาก เป็นตัวเร่งดิน น้ำ ไฟ ลม ให้ปั่นป่วน ตามคลื่นพลังงานลบที่ได้เกิดขึ้น ก็ไม่เกินไปที่จะพิจารณาได้ค่ะ
     
  6. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    อาชีพที่น่าเหมาะกับ จขกท.

    "เขียนนิยายเทพ โลกแห่งวิญญาณ"

    อะไรประมาณนี้..
     
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    จากกระทู้นี้ค่ะ ผมได้บรรลุธรรมแล้ว ใครบรรลุธรรมบ้าง สนทนากันครับ

    https://palungjit.org/threads/ผมบรรลุแล้ว-ใครบรรลุบ้าง-สนทนากันครับ.736479/

    ได้เกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติที่บ้านค่ะ การจางคลายของพลังงานความมืด IMG20201030161218.jpg

    IMG20201030161227.jpg IMG20201030161234.jpg IMG20201030161241_02.jpg

    หลังจากที่ได้ลงข้อความโพสต์ในกระทู้การบรรลุธรรมว่า.....

    ท่านนิรันดร์กาลคะ เมื่อวานจิตยิ้มอ่านสภาวะธรรมนี้ รู้สึกแปร่ง ๆ อย่างไรชอบกลค่ะ

    ก็เลยรอให้ผู้รู้มาตอบก่อนดีกว่าน่าจะชัดเจนกว่า แต่ถ้าไม่คุยกันเรื่องนี้ ความเข้าใจเราจะต่างกันเลยค่ะ

    จิตยิ้มคัดลอกข้อความนี้ของท่านมานะ...ว่า

    จิตจะเปลี่ยนจาก จิตผู้รู้ ไปเป็น จิตผู้ดู ทันที
    จะไม่รับรู้ทุกสิ่งอีกเหมือนเดิม แต่จิตจะดูอยู่อย่างเดียว
    ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอีก มองเห็น สภาวะดับ อย่างเดียว
    ไม่สนใจสภาวะเกิดอีก มองโลกเพียงด้านคือ
    ทุกสิ่งดับหมด


    สภาวะสัญญาเวทยินิตโรธ เป็นสภาวะที่รู้อย่างไร้ขอบเขต เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ รู้ว่าง สุข สงบ ละเอียด ระงับ สุขแบบลึกล้ำในธรรมชาติ

    ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างดับหมด มองเห็นด้านเดียว ดับอย่างเดียว อย่างนี้จะเป็นสภาวะของพรหมลูกฟักหรือเปล่าค่ะ

    เพราะท่านนิรันด์กาลได้กล่าวไว้ว่า "จิตจะเปลี่ยนจากจิตผู้รู้ ไปเป็นจิตผู้ดู" ในทันที

    คำว่า "ผู้ดู" ขอยิมคำของท่านธรรม-ชาติ หน่อยนะคะ จิตยิ้มได้ไปศึกษา ท่านได้กล่าวว่า "จิตผู้ดู" คือ อัตตาจิต หรือ วิญญาณขันธ์ หรือ จิตอวิชชา นะค่ะ

    อรูปฌาณ 4 ถ้าเปรียบเทียบกับความละเอียดของเนื้อธรรมชาติ และ สภาวะความละเอียดของจิตในสมาธิเทียบเคียงกับสภาวะที่ได้พบมา และตรงคำของพระอาจารย์มหาวรพรต ประมาณนี้ค่ะ

    อากาสานัญจายตนะ เปรียบดั่ง ความละเอียดของเนื้อธรรมชาติ ที่มีความละเอียดเป็นเนื้อเดียวกับอากาศ โล่ง ว่าง ไม่มีสิ่งเป็นตัวตน

    วิญญาณยัญจายจนะ เปรียบดั่ง เนื้อธรรมชาตืที่ว่าง แต่ในความว่างของธรรมชาติมีรู้ เด่นอยู่ในธรรมชาตินั้น เนื้อนี้จะละเอียดกว่า เนื้ออากาสานัญจายตนะค่ะ

    อากิจจัญญายตนะ เปรียบดั่งเนื้อธรรมชาติในสภาวะไม่มีอะไรสักอย่าง เป็นเนื้ออวกาศ ที่โล่งว่างรู้ แต่เนื้อนี้ยังไม่นิ่ง เป็นความละเอียดที่สูงกว่าเนื้อวิญญานัญจายตนะ

    เพราะอรูปฌาน 4 และ อรูปฌาน 5 เนื้อความละเอียดยังเป็นธรรมชาติในโลก แต่พอฌาน 6 จะเริ่มเป็นความละเอียดบางเบาของเนื้ออวกาศ แล้วค่ะ

    เนวสัญญานาสัญญายตนะ เนื้อนี้เปรียบดั่ง เนื้อธรรมชาติที่ละเอียดแบบมีเหมือนไม่มี ทุกอย่างไร้แก่นสาร เป็นสสารที่แขวนลอยในอวกาศ จะมีเหมือนไม่มี ดูไม่ใช่ตัวตน แต่ที่เห็นอยู่มันก็มี แต่มันไร้แก่นสารนะค่ะ

    มันเหนืออวกาศขึ้นไปอีก

    จะเห็นได้ว่าทุกสภาวะ จะมีคำว่า "รู้" หรือ สภาวะรู้ ด้วยค่ะ

    เมื่อทุกกสภาวะละเอียด ประณีตขึ้นไปเรื่อย ๆ และทุกสภาวะจะรู้ ไม่ใช่ทุกสิ่ง "ดับหมดค่ะ"

    ลองเปรียบเทียบสภาวะวิญญานัญจายตนะดูนะคะ ถ้าเพิกออก หลุดออก ไม่สามารถเข้าไปในเนื้อธรรมชาตินั้นได้

    วิญญาณที่ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ในเนื้อธรรมชาตินั้น จะเนื้อธรรมชาติในสภาวะนั้น จะเป็นสัญญาเวทยินิตโรธ คือ เนื้อรองสุดท้ายก่อนเนื้อนิพพานนะค่ะ

    และได้เห็นกระทู้ของท่าน MUSAFA. ตั้งใหม่เรื่อง "ภัยพิบัติ กับ กรรม" เรื่องนี้เกี่ยวข้องกันแน่นอนค่ะ

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่า..การกระทำทางจิตสำนึกของมนุษย์ เป็นการกล่าวรวมถึงการกระทำด้วยจิตที่ก่อให้เกิดกลุ่มพลังงานกรรมในมิติคู่ขนานที่มนุษย์มองไม่เห็น ด้วยกระบวนการทางอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นก่อน 10 วินาที ก่อนที่มนุษย์จะแสดงออกเป็นการกระทำทางกายภาพต่อไป

    ผลลัพธ์ทางการกระทำทั้งสองด้าน ถ้าเกิดเป็นพลังงานกรรมด้านลบเป็นจำนวนมาก อันเกิดจากมนุษย์ส่วนใหญ่ขาดคุณธรรม มโนธรรม ไร้สติทางวิญญาณ ไม่มีความรักที่แท้จริงให้แก่กันและกัน ไม่อาจสร้างคงามเป็นหนึ่งเดียวกับผู้อื่นได้ ทำลายกันเหมือนปลา ทำลายระบบนิเวศน์ จนมีผลต่อความสมดุบทางน้ำหนักมวลของสรรำสิ่งในระบบโลก

    เพื่อรักษาความสมดุลของทุกสรรพสิ่ง จะมีการสร้างพลังงานใหม่ทดแทนที่เสียไปในทันที

    การสร้างพลังานเก่าที่ทดแทนพลังงานใหม่ กรณีโลกขาดความสมดุลไป จากการกระทำของมนุษย์ การกระทำทางเทคนิคต่อระบบโลกเพื่อให้โลกคายพลังงานที่เร้นอยู่ภายในออกมา

    มันเกิดความรุนแรงเพราะโลกต้องการพลังงานใหม่ที่เข้มข้น มนุษย์จะต้องเผชิญกับเคราะห์ภัย ได้รับทุกข์เวทนา คือ ปรากฎการณ์ภัยทางธรรมชาติต่าง ๆ นั่นเอง

    การปฏิบัติตามหลักศาสนา ศีล สมาธิ ปัญญา มนุษย์ไม่เข้าใจหลักศาสนาตน อีกทั้งยังไม่รู้ว่าเป็นอุบายพระศาสดา งดทำผิด คิดชั่ว ในการชี้ให้มนุษย์เข้าถึงมันให้ได้ เพื่อทำหน้าที่มนุษย์ในการให้พลังงานบวกแก่โลก อันศาสตร์มิติที่สามแห่งกาลเวลา

    การสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกด้านบวกในการหยั่งรู้ ในบรรลุถึงความจริง จากหลาย ๆ ประการก็เป็นหนึ่งที่จะเป็นประโยชน์ด้านพลังงานต่อดาวเคราะห์โลกอย่างยิ่ง

    นี้ค่ะ นัยยะที่มาของสภาพอากาศ และสภาวะธรมชาติที่หยั่งรู้ความจริง กับปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่บ้านค่ะ

    พอมองเห็นภาพ "ภัยธรรมชาติ กับพลังงานกรรม" ได้ค่ะ
     
  8. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    IMG_20201030_170819.jpg

    จริงหรือไม่จริง! อันนี้จิตยิ้มไม่ทราบค่ะ

    แต่...คนไทยทั้งประเทศ จะต้องเผชิญกับและประสบชะตากรรมกับภัยพิบัติมากน้อยเพียงใด อยู่ที่การตัดสินใจเลือก ไปตามกรรมของแต่ละประเทศนั้น ๆ ค่ะ
     
  9. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,612
    ค่าพลัง:
    +3,015

    ท่านจิตยิ้ม ภูมิจิตภูมิธรรม หรือ อรหันตะธาตุ ของท่าน
    ยังไม่สูงพอที่จะมองเห็นได้ ของท่านควรจะฝึกดูจิตเสียก่อน
    ฟังเรื่องการดูจิตสักหมื่นครั้ง แล้วจะเข้าใจในเรื่องจิตในจิตได้ถ่องแท้
    แล้วค่อยฝึกเรื่องธรรมในธรรม ฝึกให้เรียงลำดับไป
    ตั้งแต่ กาย เวทนา จิต ธรรม
     
  10. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,612
    ค่าพลัง:
    +3,015
    คุณจิตยิ้ม ลองภาวนาว่า ทุกสิ่งดับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ดูซิว่าทำได้ไหม
    มองทันไหมเวลาที่ภาวนาว่า ทุกสิ่งดับๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ท่านคิดอย่างไรกับภาพนี้คะ เคยได้ยินคำกล่าวของผู้หนึ่งว่า "หากคิดจะเปลี่ยนโลก ให้เปลี่ยนความคิดของผู้นำ" IMG_20201108_103017.jpg
     
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ประเทศไทยไม่รู้ว่าจะลงเอยอย่างไร ? แต่ที่แน่ใจพลังแห่งแสงสว่าง กำลังควบคุมขับไล่ความมืด

    หากสิ่งใดรักษาสัจจะ ดำรงไว้ซึ่งแสงสว่างภายในใจ จักปลอดภัย และยั่งยืน!!!

     
  13. MUSAFA

    MUSAFA MUFASA AL-AMYADH

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 สิงหาคม 2017
    โพสต์:
    213
    ค่าพลัง:
    +164

    "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" "ทำความดี ละเว้นความชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธิ์" (คือสูตรลัด,สูตรสำเร็จ(รูปพร้อมชงแล้วดื่ม))จะยกระดับจิตใจของตนได้เร็ว มันจะนำพาผู้ซึ่งสำเร็จดังกล่าว ขึ้นมิติที่ดีกว่า แวดล้อม สังคม ความเป็นไป ความปลอด ความสุขสงบ ที่มากกว่ามิติปัจจุบัน แต่!!! หากประพฤติไม่ดีที่ผิดเงื่อนไข ก็มีโทษทัณฑ์เช่นกัน
    และไม่ต้องกังวลว่า คนรอบตัว คนรู้จัก คนที่รัก ทั้งครอบครัว,ญาติสนิท,มิตรสหาย) จะหายไป
    เพราะ ตัวตน(กายหยาบโลกเก่า) จะถูกจิตใจตนเองชักใย จากมิติที่สูงกว่า เหมือนเฟืองนาฬิกา ที่ทุกตัวทำงานประสานกัน และการชักจูงผู้คน ให้เดินตามตน ที่ก้าวสู่ความสำเร็จ(ในการยกระดับจิตใจ) ก็จะเพิ่มโควต้า ที่สามารถแปลงเป็นรางวัลแก่ตนได้ดีด้วย (ได้คะแนนบุญ)
    เพราะฉะนั้น เรื่องการยกระดับจิตใจดังกล่าว เรามาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ร่วมมือกัน จะดีมากๆครับ ผลที่ได้รับนั้น คือ ผลดี ทั้งแก่ตนเอง และผู้อื่น(โดยเฉพาะคนใกล้ตัว,คนที่เรารัก)
     
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    จากกระทู้...พระยาธรรมิกราช ห้องอภิญญา

    เนื่องจากข้อความที่นำมาลงไว้นี้ เกี่ยวข้องกับกระทู้นี้ และยืนยันถึงพุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล ยุคศิวิไลย์ จึงได้รวบรวมข้อมูลที่สำคัญมาไว้ด้วยกัน เนื่องจากที่ผ่านมาคาดว่ามี FC ไม่น้อยกว่าหมื่นคน และจะมีคนเข้ามาอ่านเรื่อย ๆ ด้วยค่ะ

    พระยาธรรมิกราช คือใคร?

    จิตยิ้มเคยกล่าวเรื่องนี้มาหลายปีแล้วค่ะ ตั้งแต่กระทู้ "อหังการวิเศษมาร" ในห้องภัยพิบัติ และห้องพุทธภูมิ ที่ขอเชิญพระโพธิสัตว์ทั้งหลายร่วมพิสูจน์ค่ะว่า พระยาธรรมิกราช คือใคร? ตามในพระสูตร คิริมานันทสูตร ซึ่งที่จริง ก็คือ คำตอบ

    "คำสอนที่ไม่ใช่ตัวบุคคล" ที่ท่านนพกานต์กล่าวไว้นะค่ะ

    ส่วนมิกราชโพธิญาณ ที่เคยกล่าวไว้ ก็ยังคงยืนยันว่า หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ทรงบรรลุธรรม แล้วมีพระอรหันต์ และพระอริยบุคคลเกิดขึ้นตามมาอีกจำนวนมาก จนเกิดยุคกึ่งพุทธกาล ที่แสงธรรมส่องลงมายังโลกอีกครา(สัจจะธรรมโลกุตระเปิด หรือ มนุษย์เข้าถึงมิติที่สูงกว่าได้ง่ายกว่าเดิม) ตามคำพุทธทำนายทุกประการ

    และแสงธรรมโลกุตระ นั่นก็คือ พระยาธรรมิกราชค่ะ

    การที่หลวงปู่มั่นตรัสรู้โพธิญาณ และการเผยแพร่ธรรมจะมีอายุศาสนาถึง 5000 ปี ก็ล้วนมาจากเหล่าศิษยานุศิษย์ที่บรรลุ และเผยแพร่ธรรมต่อ ๆมา จนมาถึงยุคปัจุบันนี้ ก็จะมีพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย และพระอริยบุคคลหลายท่านก็สามารถรับธรรมจากพระยาธรรมิกราชได้โดยตรง และเป็นผลที่จะดำรงพระศาสนาไปจนครบ 5000 ปี ด้วยนัยยะนี้ค่ะ

    การบรรลุอาสสักขยญาณ ก็คือ การแจ้งธรรม ของพระยาธธรรมิกราช เข้าถึงพระยาธรรมิกราชได้ ซึ่งการบรรลุอาสวักขยญาณ ดั่งนัยยะของการลอยถาดทองบุคลาธิษฐานในวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ต้องใช้พลังสติขนาดไหน จึงจะฝ่าคลื่นมหาสมุทร ลงสู่ห้วงนทีท้องมหาสมุทรได้

    จิตยิ้มโชคดีค่ะ ได้แจ้งในแสงธรรม และโชคดีที่ได้เจอผู้ชี้ทางออกจากเขาวงกต รู้ว่าทางนี้ต้องเดินอย่างไร มีวิธีการเดินแบบไหน เหมือนคนตาดีที่รู้ทางเดินแล้ว เหลือแต่เดินไปให้ถึงแค่นั้นเองค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2020
  15. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    ผู้มองเห็นความดีของพระองค์ท่าน
    ย่อมแสดงความเคารพได้สนิทใจ
    ส่วนผู้มองไม่เห็นความดีย่อม
    ทำไม่ได้คับ
     
  16. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    ทีม อเวนเจอร์ หาย ไป ไหน หมด นะ..

    ไม่ เข้า มา ทัก ทาย กัน ก็ หลาย เดือน แล้ว นะ..
     
  17. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    ยุกยิ๊กๆ

    เอิ๊กๆ
     
  18. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
     
  19. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    จากกระทู้นี้ค่ะ...

    https://palungjit.org/threads/มีผู้กล่าวว่า-ถ้าจิต-เกิดความคิดอะไรขึ้นมา-เกิดความรู้อะไรขึ้นมา-ให้พิจารณา-สิ่งนั้น.743696/


    สสารทั้งหมดประกอบด้วย "ชิ้นส่วนพลังงาน" ทฤษฎีใหม่ที่อาจอธิบายจักรวาลได้ดีกว่าสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์

    https://www.bbc.com/thai/features-55377605

    Wow! สุดยอดแห่งการค้นพบของนักวิทยาศาสตร์ในยุค "พระยาธรรมมิกราช"จริง ๆ ค่ะ ที่ได้ค้นพบทฤษฎีวิทยาศาสตร์ ที่มนุษย์เชื่อในศาสตร์วิทยาศสาตร์และได้มาตรงกับ มิติแห่งสัจธรรมโลกุตระ ถูกเปิดเผยในยุคกึ่งพุทธกาลค่ะ

    ทฤษฏีไอส์สไตล์ เป็นทฤษฎีเป็น สสาร ที่เป็นคลื่นพลังงานระดับอนุภาค ที่ชี้ให้เห็นกำเนิดจักรวาล หากว่าศาสนาพุทธ กล่าวสิ่งนี้ว่า "สังขตธรรม" ธรรมที่เกิดจากปัจจัยปรุงแต่ง

    ส่วนทฤษฏีของ จากมหาวิทยาลัยนอร์ทแคโรไลนาสเตต (NCSU) ของสหรัฐฯ ได้ออกมาเผยแนวคิดใหม่ว่าด้วยสสารซึ่งอาจพลิกโฉมวงการฟิสิกส์ ส่วน "ชิ้นส่วนพลังงาน" ถ้าตามทางพระพุุทธศาสนา ตรงกับ "อสังขตธรรม" ธรรมที่พ้นจากการปรุงแต่ง

    ถ้าอ่านรายละเอียดของทฤษฎีใหม่ "ชิ้นส่วนพลังงาน" ด้วยการพิจารณากับการพบสัจธรรม คือ สิ่งเดียวกัน เพราะ....

    "อมตธรรม" นั้น เป็นสนามพลังงานที่โอบอุ้มทุกสรรพสิ่งไว้ เป็นสนามพลังงานที่เป็นเบื้องหลังของทุกสรรพสิ่ง สนามพลังงานนี้มืใช่ไม่มีอะไรเลย แต่เป็นพลังงานที่มีเนื้อละเอียดอ่อนมาก แทบเหมือนไม่มีการสั่นสะเทือนสิ่งใดเลย บริสุทธิ์ สว่าง ประณีต

    นี้ค่ะ....ข้อมูลสำคัญที่ทฤษฏีใหม่ที่ค้นพบ

    ศ. แลร์รี เอ็ม. ซิลเวอร์เบิร์ก หนึ่งในทีมผู้เสนอทฤษฎีใหม่ดังกล่าว ระบุในบทความที่เขาเขียนเผยแพร่ ได้พิสูจน์ถึงองค์ประกอบพื้นฐานของสสาร ทำให้พบว่ามันน่าจะประกอบด้วยหน่วยย่อยที่สุดที่พวกเขาเรียกว่า "ชิ้นส่วนพลังงาน" (fragments of energy)

    ศ. ซิลเวอร์เบิร์กอธิบายว่า ชิ้นส่วนพลังงานไม่ใช่คลื่นหรืออนุภาคแบบที่นักฟิสิกส์รุ่นก่อน ๆ ระบุไว้ว่าเป็นที่มาของสสาร แต่เป็นหน่วยของพลังงานที่ไหลเวียนในปริภูมิ-เวลา (space-time) อย่างไม่สิ้นสุด โดยจะไม่มาชนหรือบรรจบกัน

    ชิ้นส่วนพลังงานถือเป็นองค์ประกอบขั้นพื้นฐานที่สุดของสสารยิ่งกว่าคลื่นหรืออนุภาค ทั้งยังเป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวและเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างคลื่นกับอนุภาคเข้าไว้ด้วยกัน เอกภพประกอบด้วยกระแสของพลังงานที่ไหลเวียนเป็นสาย ซึ่งหากเราพิจารณาว่าอะไรคือหน่วยพื้นฐานที่สุดของกระแสพลังงานนี้ เราก็จะพบชิ้นส่วนพลังงาน ซึ่งเป็นการเกาะกลุ่มกันหนาแน่นของพลังงานในจุดใดจุดหนึ่งคล้ายกับดาวฤกษ์ โดยมีพลังงานสูงสุดที่ตรงศูนย์กลาง และจะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อออกห่างจากศูนย์กลางนั้น

    ค่ะ จึงกล่าวได้ว่า....ทฤษฎีไอสไตล์ เป็นแค่การค้นพบอณู ในส่วนของ"สังตธรรม" ต่อมาย่อมมีการค้นพบศาสตร์ความรู้ ที่เรียกว่า วิวัฒนาการ ย่อมค้นพบสิ่งที่ใหม่กว่า "ชิิ้นส่วนพลังงาน"

    นั่นก็คือ สนามพลังงาน "อสังขตธรรม" อยู่เบื้องหลังของสรรพสิ่ง และโอบอุ้มทุกสรรพสิ่งไว้ เป็นจุดศูนย์กลางการกำเนิดทุกสรรพสิ่ง ดังนี้ค่ะ

    ส่วน....คำกล่าวที่ว่า.....

    การใช้ทฤษฎีชิ้นส่วนพลังงานเข้าแก้ปัญหาปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ 2 เรื่อง ซึ่งก่อนหน้านี้ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์ได้ไขปริศนาไว้ได้เรียบร้อยแล้ว คือเรื่องการหมุนควงของดาวพุธจนมีวงโคจรเคลื่อนไปจากเดิมทีละน้อย และการโค้งงอของลำแสงในอวกาศขณะเฉียดผ่านดวงอาทิตย์

    แทนที่จะอธิบายว่า การหมุนควงของดาวพุธหรือการโค้งงอของลำแสงเกิดจากปริภูมิ-เวลาที่บิดเบี้ยว เนื่องจากแรงโน้มถ่วงมหาศาลของดวงอาทิตย์ ทฤษฎีชิ้นส่วนพลังงานกลับชี้ว่า ดวงอาทิตย์คือชิ้นส่วนพลังงานขนาดใหญ่หน่วยหนึ่ง ในขณะที่ดาวพุธเป็นชิ้นส่วนพลังงานอีกหน่วยหนึ่งที่เล็กกว่า ซึ่งเมื่อคำนวณทิศทางการโคจรของชิ้นส่วนพลังงานทั้งสองด้วยสมการเฉพาะแล้ว พบว่าให้ผลตรงกับสมการของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปไม่ผิดเพี้ยน

    ก็คือ เปรียบดั่ง ระบบใหญ่ ที่เรียกว่า "เอกภพ" คือสนามพลังงานทรงกลมคล้ายผลส้มที่ถูกสร้างขึ้นทับซ้อนอยู่บน สนามพลังงานสากล อันเป็นสนามพลังงานที่มีอยู่มาแต่เดิม มนุษย์เรียกสนามพลังงานสากลนี้ว่า "แดนสุญญตา"




     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ธันวาคม 2020
  20. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    #ประชาสัมพันธ์ค่ะ เพื่อมีส่วนร่วมในการทำนุบำรุงพระศาสนาอยู่ครบ 5,000 ปี ตามพุทธทำนาย #มหากุศลอันยิ่งใหญ่ที่จะติดตัวเราไปตลอดกาลนาน เพราะ....

    บุญที่มีอานิสงค์มหากุศลสูงสุด คือ การสร้างถาวรสัตถุ และ นวังคสัตถุศาสตร์ เพื่อเป็นสถานที่ไว้ในพระศาสนา ที่ได้ให้ผู้ปฏิบัติได้เข้าถึงธรรมะบริสุทธิ์ นิโรธสมาบัติ การพิจารณาปฏิจจสมุปบาท สมาบัติ8 และอริยมรรค ท่านใดที่ได้มีส่วนร่วมถวายทาน จะมีผลานิสงส์มหาศาล ตราบกาลนาน

    ณ สถานที่ศูนย์วิปัสสนายุวพุทธฯ เขมรังสี (ศูนย์ ๔) ต.บ้านซุ้ง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา หรือมูลนิธิเดินจิต

    #ผู้บอกกล่าวบุญ อานิสงค์มีมิตรสหายที่ดี เป็นที่รักใคร่สามัคคี และมีพลังวาจาเปล่งออกมาอย่างมีมนต์ขลัง #

     

แชร์หน้านี้

Loading...