ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    คำทำนายของนอสตราดามุส(หญิง)แห่งบัลแกเรีย

    [​IMG]

    เรื่องนี้ เป็นอีกเรื่องที่คิดอยู่นานเหมือนกันว่าควรนำมาเผยแพร่หรือไม่ เพราะเรื่องค่อนข้างน่าสนใจสำหรับคนไทยอย่างเรา แต่ขณะเดียวกัน ก็เห็นว่าน่ากลัวอยู่ไม่น้อย นอกจากนั้นก็ยังเป็นแนวของไสยศาสตร์ความเชื่อ และอาจจะมีเรื่องของการหลอกลวงต้มตุ๋นรวมอยู่ด้วยไม่น้อย แต่หลังจากที่ปรึกษาคนอื่นๆ และคิดเอาเองว่าชาวโอเคเนชั่น มีวิจารณญาณสูง ย่อมใช้สมองไตร่ตรองเอาเองได้ว่าอะไรถูกอะไรไม่ถูก จึงตัดสินใจนำมาเสนอครับ มันเป็นเรื่องการทำนายโชคชะตาของโลกตลอดช่วงหลายร้อยปีต่อจากนี้ และผู้ทำนายก็คือ วานก้า

    วานก้า หรือชื่อจริงคุณยาย วานเกเลีย ปานเดว่า กุชเตโรว่า เป็นชาวบัลแกเรีย ซึ่งตายไปเมื่อหลายปีก่อน คุณยายผู้นี้เกิดเมื่อ 31 มกราคม 1911 ในครอบครัวชาวนายากจนที่หมู่บ้าน สตรูมิซ่า ที่ปัจจุบันอยู่ใน มาเซโดเนีย เมื่อคลอดออกมา คุณยายทำท่าว่าจะไม่รอดตั้งแต่หลังคลอด แต่ไม่ยักกะตาย และหลังจากมีอายุได้ 2 เดือน เด็กน้อยก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเด็กปกติ ตอนอายุ 3 ขวบ แม่คุณยายก็เกิดมาตาย ไม่นานหลังจากนั้น พ่อก็ถูกเกณฑ์ไปรบในสงครามโลกครั้งแรก เพื่อนบ้านต้องช่วยกันดูแลเด็กน้อยแทน หลังจากพ่อกลับมา ชีวิตของท่านก็ดีขึ้น เมื่อพ่อมีเมียใหม่ แม่ใหม่ก็ไม่ได้รังเกียจลูกเลี้ยง

    พอคุณยายมีอายุได้ 12 ขวบ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดกับตัวท่าน กล่าวคือได้เกิดพายุหมุนในหมู่บ้าน ( โดยก่อนและหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น ไม่เคยมีปรากฏการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเลย) พายุได้หอบเอาคุณยายขึ้นไปเบื้องบน ก่อนจะปล่อยตกลงมาในภายหลัง และหลังจากนั้นตาของคุณยายก็เริ่มมองไม่เห็น หลังการผ่าตัดก็ไม่หาย และมองไม่เห็นโดยสิ้นเชิง 3 ปีหลังเหตุการณ์นั้น

    ปี 1925 คุณยายถูกส่งตัวเข้าโรงเรียนคนตาบอด และใช้เวลาอยู่ที่นี่ 3 ปี เมื่อกลับมาบ้าน ก็ต้องเจอกับชีวิตที่ยากลำบาก ทั้งความยากจน งานหนัก และโรคภัยไข้เจ็บที่เกือบจะคร่าชีวิต แต่ในช่วงนั้นเองที่คุณยายเริ่มรู้สึกตัวว่ามีอำนาจพิเศษ นั่นก็คือการมองเห็นเหตุการณ์ต่างๆทั้งจากในความฝัน พรายกระซิบ และอื่นๆ ทำให้สามารถทำนายทายทักเหตุการณ์ทั้งที่จะเกิดในอนาคต และเกิดมาแล้วได้อย่างแม่นยำมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องทหารที่สูญหายไปในแนวหน้า แต่ตอนแรก คุณยายไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับใคร กลัวจะถูกหาว่า นอกจากบอดแล้วยังบ้า

    คำทำนายครั้งแรกของคุณยาย มีขึ้นเมื่ออายุ 16 ปี คือการบอกถึงสถานที่ที่แพะของพ่อที่ถูกลักไป ถูกนำไปซ่อน คุณยายบอกว่า ท่านเห็นสิ่งนี้ในฝัน

    ปี 1942 คุณยายแต่งงานกับหนุ่มที่รู้จักกันที่โรงเรียนคนตาบอด และเริ่มเป็นนักทำนายอย่างเป็นงานเป็นการตอนอายุ 30 ช่วงนี้คุณยายเริ่มโด่งดังมากขึ้น เมื่อทำนายทายทักว่า ทหารคนไหน จะกลับมาจากแนวหน้า หรือไม่ได้กลับ ทำให้ผู้คนแห่แหนกันมาหาคุณยาย ให้ช่วยทำนายทายทัก ทั้งเรื่องทหาร เรื่องโรคที่ป่วย

    จากการประเมิน เชื่อว่า มีผู้มาขอความช่วยเหลือจากคุณยายมากถึงกว่าล้านคน แต่ไม่มีหลักฐานอะไรมายืยยันเรื่องนี้ได้ เพราะไม่ได้มีการจดบันทึกใดๆทั้งสิ้น นอกจากนั้น บางคนก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาหรือเธอ มาขอความช่วยเหลือจากคุณยายบ้านนอกตาบอด ว่ากันว่า หนึ่งในผู้ที่มาหาคุณยาย เพื่อให้ทำนายโชคชะตาก็คือ ฮิตเลอร์

    เมื่อบัลแกเรีย กลายเป็นประเทศสังคมนิยม ทางการก็เข้ามาตรวจสอบคุณยาย แถมยังส่งคุณยายไปนอนถึงอยู่ครึ่งปี เพราะดันไปทำนายทายทักเรื่องการตายของสตาลิน แต่เมื่อเรื่องการตายเกิดขึ้นจริง พวกเขาก็ปล่อยคุณนายออกมา ฝ่ายศาสนาเองก็ไม่ชอบหน้าคุณยาย เพราะคำทำนายหลายข้อขัดแย้งกับความเชื่อทางศาสนาของกรีกออโธดอกซ์

    ในส่วนของความแม่นยำนั้น จากการทำวิจัยของนักวิทยาศาสตร์บัลแกเรียผู้หนึ่งที่ติด ตามคำทำนายมากกว่า 7 พันคำทำนายของคุณยาย ก็สรุปว่า ถูกต้องถึง 80 เปอร์เซ็นต์ โดยคำว่าแม่นในที่นี่ ระบุด้วยว่า เกินกว่าระดับที่จะถือได้ว่าเป็นการประจวบเหมาะ และเมื่อไม่สามารถสยบกระแสนิยมการมาใช้บริการ ทางการก็เลยหาทางทำเงินทำทองจากเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ ปี 1967 จนถึง 1990 คุณยาย ถือเป็น ข้าราชการ คนหนึ่ง และ

    มีการกำหนดสนนราคาการเข้ามาขอใช้บริการของคุณยายวานก้า ไว้อย่างเป็นกิจลักษณะ โดยคนจากประเทศสังคมนิยม 15 ประเทศคิดค่าบริการคนละ 10 เลียฟ (ประมาณ 2 ดอลล่าร์ ) ส่วนจากประเทศอื่นๆที่เหลือคิดคนละ 50 ดอลล่าร์ งานนี้ทางการรับเข้ากระเป๋าไปหมด ในส่วนของตัวคุณยาย ก็จะได้เงินเดือนเดือนละ 200 เลียฟ นอกจากนั้นก็ยังได้รถยนต์ บ้าน และคนรับใช้ จากคนที่เคยถูกทางการจับ คุณยายวานก้า ได้กลายเป็น ความภาคภูมิใจของบัลแกเรียไปเสียแล้ว

    เมื่อมีคนชอบ ก็มีคนชัง คนที่ชิงชังคุณยายตาบอดรายนี้มากที่สุด ออกมาติติงคุณยายว่า ทีอันไหนทายถูกแล้วละก็ จำได้จำดี ส่วนอันไหนทายผิด ดันลืมไปหมดนานแล้ว นอกจากนั้น ก็ยังบอกว่าคุณยายทำงานประสานกับหน่วยข่าวกรองบัลแกเรียในการทำนายโชคชะตาผู้คน คือให้หน่วยข่าวกรองไปสืบข้อมูลของคนที่จะมาพบคุณยายเป็นการล่วงหน้า เขาบอกว่าหลักฐานในเรื่องนี้ก็คือหลังจากรัฐบาลคอมมิวนิสต์ล้มลง ฝ่ายข่าวกรองไม่ได้เข้ามาช่วยเหลืออีกต่อไป การทายของคุณยายก็แย่ลง

    ตัวอย่างการทำนายของคุณยายวานก้า

    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=message align=left colSpan=2>ตัวอย่างการทำนายของคุณยายวานก้าที่ว่าแม่นๆนั้น ก็อย่างเช่นเรื่อง เรือดำน้ำคูร์สค์ ของรัสเซียที่ระเบิดเมื่อหลายปีก่อน ที่คุณยายทำนายไว้ตั้งแต่ปี 1980 คุณยายทำนายเรื่องนี้ว่า '' ในปี 1999 หรือ 2000 คูร์สค์ จะจมอยู่ใต้น้ำ ผู้คนทั้งโลกจะเศร้าใจกับมัน '' แต่ตอนนั้นไม่มีใครเชื่อ เพราะเมืองคูร์สค์ อยู่ไกลจากทะเล หรือแม่น้ำ และไม่มีใครฉุกคิดว่าคุณยายทำนายถึงเรื่องดำน้ำคูร์สค์

    นอกจากนั้น คุณยายวานก้า ก็ยังทำนายตั้งแต่ปี 1979 ถึงการที่ สหภาพโซเวียต จะกลับคืนมาเป็นรัสเซีย เหมือนเดิม เรื่องที่สหรัฐถูกผู้ก่อการร้ายโจมตี ในเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 ตั้งแต่ปี 1989 เรื่องการลงนามใน สนธิสัญญาจำกัดอาวุธนิวเคลียร์ ระหว่างกอร์บาชอฟกับเรแกน การเข้ามาอยู่ในกลุ่ม จี 8 ของรัสเซีย การกลับมาเป็นมหาอำนาจอีกครั้งของรัสเซีย การขึ้นมายิ่งใหญ่ของคนชื่อ วลาดิมีร์ และเรื่อง วันตายของคุณยายเอง

    คุณยายตายเมื่อ 11 สิงหาคม 1996 เวลา 10:10 น. ตรงตามที่ทำนายเอาไว้ทั้งวันที่และเวลา

    ต่อไปนี้คือคำทำนายถึงโลกในอนาคตครับ

    ปี ค.ศ.2008 - ผู้นำ 4 ประเทศถูกลอบสังหาร, กรณีพิพาทในอินโดสถาน เป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3

    [​IMG]
    การลอบสังหารเบนาซีร์ บุตโต เกิดขึ้นในวันที่ 27 ธันวาคม ค.ศ. 2007 รายงานเบื้องต้นระบุว่า บุตโตตายจากกระสุนปืนหรือเศษวัตถุจาก<WBR>ระเบิด (คลาดเคลื่อนจากคำทำนายไปเพียง 4 วัน)

    ปี ค.ศ.2010 - เริ่มสงครามโลกครั้งที่ 3 ( พฤศจิกายน ค.ศ.2010 - ตุลาคม ค.ศ.2014 ) ตอนแรกก็ใช้อาวุธธรรมดา ต่อมาก็ตามด้วยนิวเคลียร์และอาวุธเคมี การนำอาวุธนิวเคลียร์มาใช้ ทำให้ซีกโลกเหนือ จะไม่เหลือทั้งพืชและสัตว์ จากนั้นพวกมุสลิม จะใช้อาวุธเคมีเข้าจัดการกับชาวยุโรปที่ยังหลงเหลืออยู่ ผู้คนจะป่วยเป็นฝีหนองและมะเร็งผิวหนังกันมากจากผลของอาวุธเคมี

    2016 - ยุโรปแทบจะร้างผู้คน
    2018 - จีนเป็นมหาอำนาจของโลกรายใหม่ ประเทศกำลังพัฒนา กลับกลายจากประเทศผู้ถูกกดขี่ มาเป็นผู้กดขี่เสียเอง
    2023 - วงโคจรของโลกเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
    2028 - เกิดแหล่งพลังงานใหม่ ( คาดว่า น่าจะเป็น เทอร์โมนิวเคลียร์ รีแอ็คชั่น ) โลกเริ่มเอาชนะปัญหาความอดอยากได้ มนุษย์เริ่มเดินทางไปยังดาวศุกร์
    2033 - น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น
    2043 - เศรษฐกิจโลกรุ่งเรือง มุสลิมปกครองยุโรป
    2046 - มนุษย์ปลูกอวัยวะได้ทุกอย่าง การเปลี่ยนอวัยวะ เป็นวิธีการรักษาโรคที่ดีที่สุด
    2066 - สหรัฐโจมตีกรุงโรมของพวกมุสลิมด้วยอาวุธใหม่ คือ อาวุธสภาพอาก าศ ซึ่งทำให้อากาศหนาวเย็นลง
    2076 - สังคมไร้ชนชั้น ( คอมมิวนิสต์)
    2084 - ธรรมชาติได้รับการฟื้นฟู
    2088 - เกิดโรคใหม่ โรคแก่ติดจรวด ( แก่ในไม่กี่วินาที)
    2097 - เอาชนะโรคแก่ติดจรวดได้
    2100 - ดวงอาทิตย์เทียมให้แสงส่างกับโลกส่วนที่มืด
    2111 - มนุษย์ กลายเป็น มนุษย์ไซบอร์ก ( หุ่นยนต์มีชีวิต)
    2125 - โลกได้รับสัญญาณจากอวกาศ
    2130 - โลกไปตั้ง อาณานิคมใต้น้ำ ( จากคำแนะนำของมนุษย์ต่างดาว)
    2164 - สัตว์ กลายเป็นสัตว์กึ่งมนุษย์
    2167 - เกิดศาสนาใหม่
    2183 - อาณานิคมบนดาวอังคารมีอาวุธนิวเคลียร์ และต้องการเป็นเอกราชจากโลก
    2187 - โลกหยุดยั้งการระเบิดของภูเขาไฟขนาดใหญ่ 2 ลูก
    2195 - อาณานิคมใต้น้ำ เลี้ยงตัวเองได้โดยสมบูรณ์ ทั้งอาหารและพลังงาน
    2196 - ชาวเอเชียผสมกับชาวยุโรปโดยสมบูรณ์
    2221 - ในการติดตามหาชีวิตนอกโลก มนุษย์ต้องเจอกับอะไรบางอย่างที่น่ากลัว
    2256 - ยานอวกาศนำโรคร้ายกลับมายังโลก
    2262 - วงโคจรของโลกเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ดาวหางเกือบชนดาวอังคาร
    2273 - การผสมปนเปกันของคนผิวขาว ผิวเหลือง และผิวดำ ก่อเกิดเป็นคนสีผิวใหม่
    2279 - พบพลังที่ไม่ได้มาจากอะไรเลย ( คาดว่าอาจจะมาจากสภาพสูญญากาศ หรือไม่ก็หลุมดำ )
    2288 - มีการเดินทางไปกับกาลเวลา การติดต่อครั้งใหม่กับมนุษย์ต่างดาว
    2291 - ดวงอาทิตย์เริ่มเย็นลง มีความพยายามที่จะจุดมันขึ้นมาใหม่
    2296 - เกิดระเบิดครั้งใหญ่บนดวงอาทิตย์ สถานีอวกาศและดาวเทียมเก่าเริ่มตก
    2299 - ในฝรั่งเศสเกิดการจลาจลต่อต้านมุสลิม
    2302 - เปิดกฏใหม่เรื่องความลับของจักรวาล
    2304 - พบความลับของดวงจันทร์
    2354 - เกิดความผิดพลาดกับดวงอาทิตย์เทียม ก่อให้เกิดความแห้งแล้ง
    2371 - เกิดปัญหาความอดอยากครั้งใหญ่
    2480 - ดวงอาทิตย์เทียม 2 ดวงชนกัน
    3005 - สงครามบนดาวอังคาร
    3010 - ดาวหางชนดวงจันทร์ เศษซากที่กระจาย พากันโคจรรอบโลก
    3797 - ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเหลือบนโลก แต่มนุษย์ได้ไปวางสิ่งจำเป็นพื้นฐานสำหรับการดำรงชีวิตบนดาวดวงอื่นแล้ว

    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://www.amulet.in.th/forums/view_topic.php?t=388&sid=573e19b36ed6c12a51f6de11f4cc465c

    หมายเหตุ

    คำทำนายของนอสตราดามุส และคุณยายวานเกเลีย ในช่วงตั้งแต่เกิดสงครามนิวเคลียร์ไปแล้ว อาจจะคลาดเคลื่อนไม่ตรงกับความเป็นจริง เพราะจากข้อมูลที่ผมได้มาใหม่ในขณะนี้ ได้ระบุถึงมนุษย์ต่างดาวจะมาช่วยระงับสงครามนิวเคลียร์ให้หยุดลงเพียงกลางคัน ไม่ให้ดำเนินไปจนถึงจุดจบตามคำทำนาย

    เพราะถ้าปล่อยให้ดำเนินไปจนถึงที่สุดแล้ว จะทำให้ระบบของจักรวาลและดวงดาวต่างๆ เสียความสมดุลไปอย่างมาก ซึ่งก็จะเป็นผลร้ายกับมนษย์ต่างดาวอย่างพวกเขาด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์เริ่มขึ้นเมื่อไหร่ ปฏิบัติการชำระโลก หรือที่พวกเราเรียกกันว่าวันพิพากษาโลกก็จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อนั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 717.jpg
      717.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.3 KB
      เปิดดู:
      1,973
    • 718.jpg
      718.jpg
      ขนาดไฟล์:
      46.9 KB
      เปิดดู:
      1,863
    • 85875.jpg
      85875.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.4 KB
      เปิดดู:
      1,854
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กรกฎาคม 2009
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ภูเขาออกไข่ในจีน

    [​IMG]

    กุ้ยโจว 9 ก.ค. - สถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของจีนพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยว ให้เดินทางมาเยี่ยมชมภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเป็นภูเขาที่ออกไข่ได้

    กุ้ยโจว เมโทรโพลิส นิวส์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ในหมู่บ้านกูลู มณฑลกุ้ยโจว อ้างว่าที่หน้าผาแห่งหนึ่งของภูเขากานเติ้งออกไข่กว่า 100 ฟอง ไข่แต่ละฟองมีขนาดใหญ่เท่ายางรถยนต์ ซึ่งดูเหมือนว่าไข่แต่ละใบออกมาจากโพรงของหน้าผาทุก ๆ 2 ปี

    ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวในท้องที่ บอกว่า ภูเขากำลังจะออกไข่อีกฟองหนึ่งในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งถ้านักท่องเที่ยวคนใดมีเวลามากพอที่จะรอคอยก็อาจจะได้เห็นความประหลาดมหัศจรรย์ของภูเขาออกไข่

    ซึ่งล่าสุดผลิตไข่ออกมาแล้วในเดือน มีนาคม 2542 พฤษภาคม 2546 มิถุนายน 2548 มีนาคม 2550 และมกราคม 2552 .- สำนักข่าวไทย

    2009-07-09 11:05:57

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ความฝันเทพสังหรณ์ สัญญาณเตือนจากเบื้องบน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->amm.<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2238103", true); </SCRIPT> สมาชิก

    [​IMG]

    ฝันว่าน้ำเอ่อท่วมขึ้นมา...บ้านถูกลอยตัวขึ้นเหนือน้ำ...ก้มลงดูเป็นบ้านเรือนแพ...ไม่กังวลว่าจะจมน้ำ...แต่ไปมาไม่สะดวก...ต้องว่ายน้ำไปหากัน...คงต้องสร้างบ้านที่ลอยบนน้ำได้กระมัง....<!-- google_ad_section_end -->

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ความฝัน-เทพสังหรณ์-สัญญานเตือนจากเบื้องบน.79471/page-140
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11741140447.jpg
      11741140447.jpg
      ขนาดไฟล์:
      54.1 KB
      เปิดดู:
      1,666
    • 11741138781.jpg
      11741138781.jpg
      ขนาดไฟล์:
      50.8 KB
      เปิดดู:
      1,657
    • 11741132622.jpg
      11741132622.jpg
      ขนาดไฟล์:
      60.1 KB
      เปิดดู:
      1,665
    • 11741139273.jpg
      11741139273.jpg
      ขนาดไฟล์:
      52.6 KB
      เปิดดู:
      65
    • 11741139874.jpg
      11741139874.jpg
      ขนาดไฟล์:
      72.6 KB
      เปิดดู:
      73
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ถ้าจะให้ไปมาสะดวก ไม่ต้องว่ายน้ำไปหากัน ก็ต้องอยู่เรือแบบปู่เย็นครับ ประหยัดเงินในกระเป๋าดีด้วย ไม่ต้องลงทุนสร้างเป็นบ้านเรือนแพให้ยุ่งยาก ถ้าเจอพายุทำให้เรือล่ม ก็กู้ขึ้นมาได้ง่ายกว่าเรือนแพครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ภาพอนุสรณ์ รำลึกถึงปู่เย็น เฒ่าทรนง

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 104424.jpg
      104424.jpg
      ขนาดไฟล์:
      87.2 KB
      เปิดดู:
      1,957
    • 160004_902208.jpg
      160004_902208.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.3 KB
      เปิดดู:
      1,750
    • 016l.jpg
      016l.jpg
      ขนาดไฟล์:
      83.5 KB
      เปิดดู:
      1,862
    • 1_29.jpg
      1_29.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.1 KB
      เปิดดู:
      65
    • 308073_002.jpg
      308073_002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      48.1 KB
      เปิดดู:
      64
    • 53fb469a.jpg
      53fb469a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      56.8 KB
      เปิดดู:
      64
  5. pat3112

    pat3112 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +2,904
    [​IMG]

    หลังจากผู้กำกับ Roland Emmerich วางแพลนที่จะสานต่อโปรเจกต์หลังหนังพีเรียดยุคไวกิ้งครองโลกเรื่อง 10,000 B.C. มาเป็นเรื่องนี้ บอกได้คำเดียวว่าแทบจะรอไม่ไหว อะไรที่ทำให้เป็นเช่นนั้น ก็เพราะว่าหลังจากรู้ข่าวว่า Emmerich จะกลับมาทำหนังที่มีสเกลใหญ่มหึมาเหมือนครั้งที่เขาเคยฝากผลงานให้โลกจารึกไว้ทั้ง Independence Day, Godzilla และ The Day After Tomorrow รับประกันได้เลยว่าการกลับมากับหนังหายนะโลกครั้งนี้ของเขาจะต้องไม่ใช่เล่นๆเหมือนแต่ก่อนแน่นอน (ยกให้ 10,000 B.C. เป็นผลงานพักเหนื่อยของเขา)

    และถ้าคุณคิดว่านี่จะเป็นอารมณ์เดียวกับหนังอย่าง The Day After Tomorrow ก็อาจจะต้องคิดใหม่เล็กน้อย เพราะจริงๆแล้วหนังเรื่องนี้จะมาพร้อมทุนสร้างที่เยอะกว่า และมาพร้อมความจริงจังในแง่ของการทำลายล้างของหายนะมากกว่า เรื่องราวจะเป็นอะไรที่นำเสนอเกี่ยวกับหายนะที่จะเกิดขึ้นต่อมวลมนุษยชาติ อย่างตรงไปตรงมา เพราะที่เราจะได้เห็นในหนัง ก็มีทั้งน้ำท่วมโลก (เหมือนที่ในทีเซอร์แรกของหนังที่ได้เห็นนี้), ภูเขาไฟระเบิดครั้งยิ่งใหญ่, พายุถล่มโลก, ภูเขาน้ำแข็งละลาย, แผ่นดินไหว ซึ่งนี่ไม่ได้เป็นสิ่งที่ Emmerich เคยนำเสนอไปใน The Day After Tomorrow ทั้งหมด ..และพิจารณาได้ว่าทุกสิ่งที่เราจะได้เห็นจะต้องออกมาเป็นความยิ่งใหญ่ในการนำเสนออย่างแน่นอน

    หนังอ้างอิงจากปฎิทินของชาวมายันที่จะสิ้นสุดลงในปี 2012 นั่นหมายถึงว่าโลกจะสิ้นสุดและถึงกาลอวสานในปีดังกล่าวนั่นเอง จากตัวอย่างที่ได้เห็น หนังมาพร้อมคำโปรยที่ดูน่าขนลุกมากๆ How Would The Governments of Our Planet ..Prepare Six Billion People ...To The End of The World ? ก่อนที่หนังจะตัดสลับไปที่ภาพน้ำที่กำลังเอ่อล้นท่วมภูเขาในแถบเอเชียกลาง ที่คาดว่าน่าจะเป็นแถวๆธิเบต ที่เรียกว่าหลังคาโลกเลยนะนั่น ก่อนหนังจะตัดสลับมาที่คำตอบว่า They Wouldn't ...แค่นี้ก็เรียกความน่าสนใจที่จะเกิดขึ้นกับหนังเรื่องนี้ได้มากพอแล้ว

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    นักแสดงของหนังที่จะตบเท้ามาขึ้นจอในหนังเรื่องนี้ประกอบไปด้วย John Cusack, Amanda Peet, Chiwetel Ejiofor, Thandie Newton, Danny Glover, Oliver Platt,Thomas McCarthy ซึ่งจะรับหน้าที่เขียนบทโดย Emmerich และ Harald Kloser จาก 10,000 B.C. แต่เดิมหนังเคยใช้ชื่อว่า Farewell Atlantis ส่วนหลักทุนสร้างของหนังนั้นตอนนี้ก็เกินหลัก 200 ล้านไปเป็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลายเป็นหนังซัมเมอร์ 2009 ที่ทุนสูงมากๆเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

    Emmerich และ Sony Pictures วางโปรแกรมฉายหนังเรื่องนี้เอาไว้ 10 กรกฎาคม 2009 หลังสัปดาห์วันชาติอเมริกาหนึ่งสัปดาห์และก่อนหน้าการมาของ Harry Potter ภาค 6 หนึ่งสัปดาห์ แต่ หนังคงไม่เจอศึกหนักอะไรมาก เพราะหน้าหนังสามารถขายได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม ตัวอย่างเต็มๆอาจจะปล่อยมาต้นปีหน้า ซึ่งก็ต้องรอติดตามกันต่อไป คอหนังหายนะโลกทั้งหลายไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง



    ผมดูตัวอย่างหนังทำได้ค่อนข้างดี ดูแล้วได้ข้อคิดดีครับ ขอให้ทุกท่านไม่ประมาทเป็นปกติครับทุกการกระทำทุกลมหายใจ เวลาคนเรามีไม่เท่ากัน ไม่มีอะไรแน่นอน ครับ<object width="480" height="385">


    <embed src="http://www.youtube-nocookie.com/v/DGDcuEL1NQc&hl=en&fs=1&rel=0&color1=0x402061&color2=0x9461ca" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></object>
     
  6. Ghosty Rat

    Ghosty Rat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 เมษายน 2005
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +365
    ถึง ทุกคนที่ชอบเอาศาสนาอื่นมาผสมกับพุทธจัง

    ศาสนาอื่นเน้นการตลาดลดแลกแจกแถมบิดเบือนตลอด แม้แต่พอมาถึงไทยก็มาเติมคำว่าพระต่อหน้าชื่อคนสำคัญของเขา พระ แปลว่า ผู้สูงส่งคือต้องมีศีลธรรมะครบ ผมไม่เห็นธรรมในตัวพวกนี้เลยเห็นแต่ความแฟนตาซีที่พวกเขาวาดให้ หาได้บำเพ็ญซักนิดไหมแบบพุทธองค์และอริยะบุคคลทุกท่าน พวกศาสนาพวกนี้สอนให้ซักแต่ไว้อ้อนวอนเพื่อขอขึ้นสวรรค์ ลืมหรือไม่สนกฎแห่งกรรมด้วยเหตุผลต่างๆอย่างเช่นสารภาพบาป พุทธศาสนาไม่เคยสอนเรื่องพระเจ้าหรือเน้นการอ้อนวอนเหมือนศาสนาทั่วไป ศาสนาพุทธการปฏิบัติที่ตัวบุคคลนั้นๆเพื่อความสงบสุขและความเป็นอยู่ที่ภพชาติจนกระทั่งหลุดพ้น ท่านไหนที่ไม่มีพระรัตนตรัยที่เหนียวเน้นก็จงเฟ้นหาผสมนั่นผสมนี่ไปจนสติแตกล่ะกันผมท้อที่ต้องเตือนท่านและต้องมาโดนใบแดงเพราะของขึ้น แต่อย่ามาพล่ามให้ศาสนาพุทธที่ผมนับถือเสื่อมหนักหรือให้ศาสนาอื่นเอาข้อความของท่านไปผสมต่อเพื่อล่าเหยื่อเข้ารีตต่อ = =* ขอบิณฑบาตจากคนเลือดร้อนคนนี้เถอะ คิดก่อนพิมพ์ก่อนก่อนพูดเพราะท่านสร้างกรรมให้คนอื่นที่เข้าใจผิดกับข้อความของท่านห่างจากสัจจะธรรมที่หายากยิ่งของพระพุทธองค์ การเกิดของพระพุทธเจ้าก็ยากแล้ว ไหนการที่จะได้เกิดในลักษณที่พร้อมบรูณ์เพื่อรับธรรมยากยิ่งอีก ขอเถอะ
     
  7. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    เรียนคุณ Ghosty Rat
    ผมเห็นด้วยนะกับเรื่องที่ไม่ควรนำคำสอนของพระพุทธองค์เอามาบิดเบือนไปผสมกับศาสนาอื่น แต่ต้องไม่ลืมว่าพระพุทธองค์ทรงสอนทุกคนทุกศาสนาและก็ไม่มีการบังคับหรืออ้อนวอนว่าจะต้องมาเป็นชาวพุทธ ใครก็ได้ที่ต้องการเรียนรู้ธรรมะเพื่อการหลุดพ้นจากวัฏฏสงสารพระองค์ก็ทรงสอนให้หมดทุกคน ดังนั้นเราต้องถือตามพระองค์ว่าทุกคนทุกศาสนามีความเสมอภาคในการเรียนรู้ธรรมของพระพุทธองค์ไม่มีการแบ่งแยก

    อีกเรื่องหนึ่งการเห็นธรรมไม่ใช่มองที่ภายนอกที่คนอื่นเขาเป็นอยู่(มันเป็นเรื่องส่งจิตออกข้างนอก) การเห็นธรรมอยู่ที่มองที่ภายในใจของเราคือการดูจิตของเราว่ามันปั่นป่วนหรือว่าสงบเย็นอยู่ เราไม่พอใจเรารู้ตัวหรือเปล่าว่าภายในใจเรามันปั่นป่วนอยู่จากการเกิดโทสะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 กรกฎาคม 2009
  8. kumpeang

    kumpeang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,984
    แผ่นดินไหว6.0ริคเตอร์ที่มณฑลยูนนาน

    <!-- AddThis Button BEGIN --><SCRIPT type=text/javascript>var addthis_pub="komchadluek";var addthis_brand = "คมชัดลึก";var addthis_header_color = "#ffffff";var addthis_header_background = "#3792ef"</SCRIPT>[​IMG]<SCRIPT type=text/javascript src="http://s7.addthis.com/js/200/addthis_widget.js"></SCRIPT> <!-- AddThis Button END -->
    [​IMG]



    [​IMG]



    <SCRIPT type=text/javascript>var id='20018';function count(){$.ajax({ type: "POST", url: "http://www.komchadluek.net/counter_news.php", data: "newsid="+id, success: function(txt){ var counter_=parseInt(txt); $('#counters').html('จำนวนคนอ่าน '+counter_+' คน'); } });} featuredcontentslider.init({ id: "slider1", contentsource: ["inline", ""], toc: "markup", nextprev: ["Previous", "Next"], revealtype: "click", enablefade: [true, 0.1], autorotate: [true, 8000], onChange: function(previndex, curindex){ }})</SCRIPT>คมชัดลึก :เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.0 ริคเตอร์ที่มณฑลยูนนานของจีน บาดเจ็บอย่างน้อย 336 คน และบ้านเรือนพังทลายนับหมื่นหลัง
    <SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "pub-1044823792492543";/* Kom-newdesign338x280story */google_ad_slot = "7614892621";google_ad_width = 336;google_ad_height = 280;//--></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=google_ads_frame1 height=280 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1044823792492543&dt=1247188482468&lmt=1247188482&output=html&slotname=7614892621&correlator=1247188482468&url=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2Fdetail%2F20090710%2F20018%2F%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A76.0%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%B9%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%99.html&ref=http%3A%2F%2Fwww.komchadluek.net%2Findex.php&frm=0&ga_vid=3002813445011127000.1240304302&ga_sid=1247188458&ga_hid=35649552&ga_fc=true&flash=10.0.22.87&w=336&h=280&u_h=768&u_w=1024&u_ah=738&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_his=2&u_java=true&dtd=47&xpc=bYd1i2SocE&p=http%3A//www.komchadluek.net" frameBorder=0 width=336 allowTransparency name=google_ads_frame marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS>

    (10ก.ค.) เว๊ปไซต์ของหนังสือพิมพ์"ไชน่า เดลี่"ของทางการจีนรายงานในวันนี้ว่า ได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงปานกลางขนาด 6.0 ริคเตอร์ สั่นสะเทือนมณฑลยูนนาน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อคืนที่ผ่านมา ที่ระดับลึก 10 กิโลเมตรใต้พื้นดิน และตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อคหลายละลอก ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย336 คน ซึ่งรวมทั้งผู้บาดเจ็บสาหัส 56 คน มีบ้านเรือนเสียหายมากกว่า 2,700 หลังคาเรือน กองทัพและเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยฝ่ายพล เรือนกำลังออกช่วยชีวิตและกู้ภัยอยู่ รวมทั้งมีการส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปในพื้นที่ประสบภัยแล้ว
    ทางด้านสำนักข่าวซินหัวของทางการจีนเช่นกัน รายงานว่า แผ่นดินไหวขนาด 6.0 ริคเตอร์นี้มีจุดศูนย์กลางที่เมืองเยาอันของมณฑลยูนนาน ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อค 8 ระลอก ทำให้บ้านเรือนพังทลายมากถึง 10,000 หลัง และเสียหายอีก 30,000 หลัง ซึ่งตัวเลขสูงกว่า"ไชน่า เดลี่"มากพร้อมอ้างศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวจีนว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองกวนตุน ห่างจากเมืองคุนหมิง เมืองเอกของยูนนาน 200 กิโลเมตร
    ซินหัวรายงานด้วยว่า หน่วยงานกิจการพลเรือนของมณฑลได้ส่งเต็นท์ 4,500 หลัง ผ้าห่ม 3,000 ผืนและสิ่งของบรรเทาทุกข์อื่นๆ ไปยังที่เกิดเหตุแล้ว รวมทั้งตำรวจหลายร้อยนาย ส่วนสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาสหรัฐฯ ระบุความรุนแรงของแผ่นดินไหวในขั้นต้นว่า 5.5 ริคเตอร์ ก่อนปรับเป็น 5.7ริคเตอร์ และว่าแผ่นดินไหวเกิดเมื่อ 19.19 น. ตามเวลาที่จีน ที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตร โดยมีจุดศูนย์กลางห่างจากเมืองต้าลี่ในยูนนาน ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือค่อนไปทางตะวันออก 98 กิโลเมตร

    ยูนนานเป็นเขตที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง และเป็นเขตเทือกเขาตามแนวพรมแดนภาคใต้ของจีนที่ติดกับไทยและพม่า รวมทั้งมีพรมแดนติดกับมณฑลเสฉวนที่เมื่อปีที่แล้ว เกิดแผ่นดินไหวขนาด8.0 ริคเตอร์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายรวมเกือบ 90,000 คน ส่วนเมื่อปี 2531 ได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.1-ริคเตอร์ที่ยูนนานส่วนที่ใกล้กับประเทศพม่า มีผู้เสียชีวิตกว่า 930 คน และเมื่อปี 2513 ก็มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 15,000 จากแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริคเตอร์ที่ยูนนาน แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามปิดบังยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายที่แท้จริง ท่ามกลางความปั่นป่วนของยุคปฏิวัติวัฒนธรรมในจีน


    ที่มา
     
  9. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ประสบการณ์ไข้หวัด 2009




    ไข้หวัด 2009เป็นอะไรที่เป็นธรรมดาหรือธรรมะมาก
    ผู้เขียน เป็นคนที่สุขภาพแข็งแรง มีป่วยก็โรคเข่าเสื่อมเพราะนั่งพื้นมาก คนใกล้ชิดเป็นเด็กที่ป่วยเป็นปอดบวมปีหนึ่ง 2 ครั้ง เป็นภูมิแพ้และ เป็นพาหะโรคธาลัสซิเมีย เ
    วันที่รับเชื้อ เริ่มจากคนใกล้ชิดมีอาการง่วงเรียกไม่ใคร่ตื่นตอนเช้า เรายังไม่ให้พักผ่อนให้เพียงพอ นอนดึกตื่นเช้าอีก วันรุ่งขึ้น เค้าเริ่มบ่นปวดหัว ให้ยากินแล้วยังไปเรียนตามปกติ ยังไม่พักผ่อนให้เพียงพอ นอนดึกตื่นเช้าอีก
    วันที่ 3 เริ่ม ปวดหัวมีไข้ต่ำๆ ให้กินยาพาราแล้วไปทัศนะศึกษาที่ท้องฟ้าจำลองอีก
    วันที่ 4 ไวรัสเริ่มทำลายระบบทางเดินอาหาร มีอาการท้องเสีย และอาเจียน มีไข้ ขณะหลับไวรัสไปถึงระบบสมองนอนหลับมีอาการกระตุก ซึ่งหมอตอนนั้น บอกว่าไม่ใช่ 2009 แน่อาการไม่ใช่ (วันนี้เราดูแลเค้าใกล้ชิดพักผ่อนน้อย เริ่มปวดหัว )
    วันที่ 5 พักผ่อนไม่พอเพราะนอน รพ. พยาบาลมาวัดไข้ทุก 1 ชม. เริ่มมีน้ำมูกและไอถี่ๆ หมอบอกว่ามีเสมหะที่ขั้วปอด
    ลูกขอกลับบ้านเพราะ อยู่รพ.คนกวนทั้งวัน หมอขอน้ำมูกไปตรวจเพราะบอกว่าไอมาก ผลเป็นไข้หวัดใหญ่ สายพันธ์ เอ+ ต้องส่ง รพ.รามาตรวจ 2009 ผลออกอีก 3วัน เนื่องจากมีประสบการณ์ เค้าปอดบวมบ่อย จึงทำการกายภาพบำบัดตามแบบที่ทาง รพ.เคยทำให้ ก่อนที่เสมหะจะลงปอด คือ ให้หนุนหมอนให้ศีรษะต่ำและลำตัวเอียงเท 45 องศา คว่ำมือ2 มือทำให้โป่ง เคาะปอดสลับมือคล้ายท่าม้าก้าวเท้า ทำด้านหน้า หลังและข้างลำตัว คนไข้จะรู้สึกเองว่าเสมหะค้างที่ไหนให้เคาะออก เค้าจะไอมาก ให้ขากบ้วนท้งจนหมด หลังหมดจะไอน้อยลง ถ้าไอถี่อีกให้เคาะอีก แต่ถ้าคนไม่ชำนาญอาจทำผิดแทนที่จะออกมากลับเข้าไปปอดลึกขึ้นได้ ให้ระวัง ( เรารับเชื้อเต็มที่ เพราะ รพ.เวช... ไม่มีผ้าปิดปากมาให้ ไม่แนะนำการป้องกันตัวคนเฝ้าจากคนไข้ วันนี้เรามีไข้ต่ำๆ)
    วันที่ 6 ให้นอนพักทั้งวัน อาการเค้าดีขึ้นมาก ไม่มีไข้ ท้องหายเสีย ไออยู่ให้ทานอาหารอ่อน ผักไม่ทาน ถ้าให้ต้องต้มจับฉ่ายให้ย่อยง่าย งดนมและไข่ (เราที่ทำงานตามตัวไปทำงาน กลางคืนเรามีอาการกระตุกขณะนอนหลับ เริ่มไม่ดีรุ่งขึ้นไม่ทำงาน นอนทั้งวันและตื่นสายขึ้น จากเดิมตื่นตี3 หรือ 4 ทุกวันก็นอน 2 ทุ่ม ตื่น 6-7โมง บ่ายก็นอน แต่เรายังตื่นระหว่างนี้บ่อยเพราะมาห่มผ้าให้เด็ก )
    วันที่ 7 เหลือแต่ไอ (เราพาเค้าไปฟังผล รพ. เป็น 2009 มีคนไข้เด็กอื่นไข้สูงและไอมาก 3-4 คนรอรับตัวเข้านอน รพ. เราใส่ผ้ากั้นแล้วแต่คิดว่ารับเชื้อแรงๆเพิ่ม กลับบ้านเราก็เจ็บคอ กินยาแก้แพ้อากาศกันน้ำมูกไหล รีบนอน แล้วเราก็รอดไม่มีไอหรือน้ำมูก )


    ในระหว่าง 7-14 วัน นี้ ให้พักผ่อนให้เพียงพอ ป้องกันอาการกำเริบ โรคนี้คนดูเป็นปกติก็เป็น 2009 ได้ ไวรัสมันเที่ยวไปทั่วร่างกาย เราต้องรู้จักธรรมชาติของร่างกายเราต้องพักก็ต้องนอน ร่างกายเค้าจะเตือนอยู่แล้ว ยอดคนไข้พวกเด็กเล็กและคนแก่ป่วยไม่หนักเพราะ ป่วยก็นอน และโดยมากก็ไม่ไปที่ชุมชน ผู้ใหญ่กับวัยรุ่น ไม่ค่อยยอมพัก จะเป็นหนัก
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระกรรมฐานผู้ทรงอภิญญา

    [​IMG]
    พระราชพิพัฒนาทร หลวงพ่อถาวร จิตฺตถาวโร
    ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ราชวรวิหาร

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->bigboom007<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2245997", true); </SCRIPT> สมาชิก

    เมื่อ 2 ปีก่อนได้เคยบวชเณรที่วัดปทุมโดย หลวงพ่อถาวรท่านบวชให้ ลูกศิษย์ท่านเล่าให้ผมฟังว่า มีครั้งหนึ่งฟันท่านหลุดหลวงพ่อถาวรท่านก็เมตตาให้กับโยมที่ใกล้ชิดกับท่าน ปรากฏว่าฟันซีกนั้นได้กายเป็นแก้วไปแล้ว ปัจจุบันโยมท่านนั้นก็ยังเก็บฟันซีกนั้นไว้อยู่ และอีกเรื่องหนึ่ง เณรซึ่งเป็นเพื่อนกับผมสมัยที่ผมบวชเณรที่วัดปทุมเล่าให้ผมฟังว่า

    มีอยู่ครั้งหนึ่งมีโยมผู้หญิงกับลูกสาวเอาสังฆทานมาถวายหลวงพ่อ เณรองค์นี้เห็นลูกสาวของโยมท่านสวย ก็คิดในใจจนเกิดกิเลส หลวงพ่อท่านก็เตือนสติด้วยการทุบพื้นและพูดเตือนสติเณรองค์นั้น ทำให้เณรรู้สึกตกใจ ตอนที่ผมบวชเณรอยู่นั้น มีคนฝากผมบวชกับหลวงพ่อ ก่อนที่ผมจะบวชเณรดันไปตรงเข้าพรรษากว่าจะออกพรรษาก็อีกตั้ง 15 วัน จึงห่มขาวและไปอาศัยที่วัด จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นอีกสาขาหนึ่งของหลวงพ่อถาวร มีโยมที่ฝากให้ผมท่านสร้างถวาย หลังจากที่ผมบวชเณรแล้วโยมที่ฝากผมบวช ก็มาบอกผมว่า หลวงพ่อบอกผมกับเพื่อนบวชได้ เหมือนกับท่านเฝ้ามองผมกับเพื่อน ตลอดทั้งๆที่ผมย้ายไปจำวัดที่นครปฐม ความจริงหลวงพ่อถาวรท่านมีวัดที่ท่านสร้างหลายสิบวัดมากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ<!-- google_ad_section_end -->

    9-07-2009, 05:03 PM

    ที่มา http://palungjit.org/threads/หลวงพ่อถาวร-ฝากคำเตือนเรื่องภูเขาไฟใต้ทะเล.195895/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2009
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เหตุแผ่นดินไหวจีนบาดเจ็บกว่า 300 คน บ้านพังนับหมื่นหลัง

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 10 ก.ค. - ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวและสำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวระดับปานกลาง ซึ่งเกิดขึ้นทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อค่ำวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้บ้านเรือนพังราบถึง 30,000 หลัง และมีผู้บาดเจ็บกว่า 300 คน

    เจ้าหน้าที่ศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวจีน รายงานว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวขนาด 5.7 ริกเตอร์ครั้งนี้ อยู่ห่างจากเมืองคุนหมิงในมณฑลยูนนานราว 200 กิโลเมตร เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.19 น. วันพฤหัสบดี ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 18.19 น. เมื่อวานนี้ ตามเวลาในไทย โดยอยู่ลึกใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ขณะที่สำนักข่าวซินหัว รายงานว่า แผ่นดินไหวมีระดับ 6.0 ริกเตอร์ และตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกอีก 8 ครั้ง มีผู้บาดเจ็บกว่า 300 คน ในจำนวนนี้อาการสาหัส 30 คน บ้านเรือนพังราว 30,000 หลัง ทางการท้องถิ่นจัดส่งยา อาหาร เต็นท์ ผ้าปูที่นอน และสิ่งของช่วยเหลือ พร้อมมอบหมายให้ตำรวจกว่า 600 นาย มายังพื้นที่ประสบภัย ส่วนชาวบ้านออกมารวมตัวกันด้านนอก เพราะยังเกรงว่าจะเกิดแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวตามมาอีก

    เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากมีผู้เสียชีวิตและสูญหายเกือบ 87,000 คน จากแผ่นดินไหว 8.0 ริกเตอร์ ในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อปีที่แล้ว. - สำนักข่าวไทย

    2009-07-10 07:29:19

    พบผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน จากเหตุแผ่นดินไหวที่มณฑลยูนนาน

    [​IMG]

    จีน 10 ก.ค. - ความคืบหน้าเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่มณฑลยูนนานของจีน ล่าสุดพบผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน

    เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ของรัฐบาลจีน เปิดเผยกับสำนักข่าว AFP ว่า มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 คน และบาดเจ็บ 328 คน หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 ริกเตอร์ เมื่อเวลา 19.19 น.วานนี้ หรือตรงกับ 18.18 น. ตามเวลาในประเทศไทย โดยศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ที่เมืองกวนตัน ห่างจากเมืองคุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนานไปราว 200 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเรือน 3 หมื่นหลัง และเกิดอาฟเตอร์ช็อคตามมาอีก 8 ครั้ง สร้างความตื่นตกใจให้แก่ผู้คนจนไม่กล้าอยู่ภายในบ้าน ขณะที่ทางการจีนส่งเต็นท์ ผ้าห่ม อาหาร ยารักษาโรคและสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว

    ทั้งนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน จีนประสบเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปีที่มณฑลเสฉวน ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 87,000 คน.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-10 10:18:47

    ฟิลิปปินส์เตือนภูเขาไฟมายอนอาจปะทุเร็ว ๆ นี้

    [​IMG]

    มะนิลา 10 ก.ค. - ทางการฟิลิปปินส์แจ้งเตือนวันนี้ว่า ภูเขาไฟมายอน หนึ่งในภูเขาไฟที่ยังมีพลังอยู่มากที่สุดของฟิลิปปินส์ส่งสัญญาณว่าอาจปะทุขึ้นมาอีกครั้งเร็ว ๆ นี้

    สถาบันวิทยาภูเขาไฟ และวิทยาแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ รายงานว่า ได้ยกระดับเตือนภัยภูเขาไฟมายอนไปอยู่ที่ระดับ “ไม่สงบระดับกลาง” จากเดิมที่ “ไม่สงบระดับต่ำ” ซึ่งอาจทำให้เกิดการปะทุเถ้าถ่าน หรือหินหนืดออกมาได้ ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเข้าไปในเขตอันตรายถาวร ภายในรัศมี 6 กม.จากปล่องภูเขาไฟ และเขตดังกล่าวยังขยายไปเป็นรัศมี 7 กม.ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของภูเขาไฟมายอน ซึ่งหันเข้าสู่เมืองเลกาซปี ที่มีประชากรอาศัยอยู่ 160,000 คน

    ด้านหัวหน้าสถาบันวิทยาภูเขาไฟและแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ ระบุว่า อันตรายที่เกิดขึ้นฉับพลันหากภูเขาไฟเริ่มพ่นควันเถ้าถ่าน และหินออกมา จะส่งผลกระทบต่อการบินที่ท่าอากาศยานเลกาซปี หรือสร้างความเสียหายให้หลังคาบ้านเรือนประชาชนที่อยู่ใกล้เคียง

    ภูเขาไฟมายอนปะทุมาแล้ว 48 ครั้ง นับแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูล โดยครั้งหลังสุดเกิดขึ้นในปี 2549 ภูเขาไฟลูกนี้เคยเกิดระเบิดครั้งใหญ่รุนแรงที่สุดในปี 2357 ได้ฝังกลบเมืองคักซาวาไปทั้งเมือง. -สำนักข่าวไทย

    2009-07-10 12:57:18

    ปรากฏการณ์เอลนีโญเข้าสู่มหาสมุทรแปซิฟิกแล้ว

    [​IMG]

    วอชิงตัน 9 ก.ค. - นักวิทยาศาสตร์สหรัฐกล่าวว่า แนวโน้มอุณหภูมิน้ำทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิกอุ่นขึ้น อันเนื่องมาจากปรากฏการณ์เอลนีโญได้เริ่มขึ้นแล้วและจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทั่วโลกอย่างแน่นอน

    ปรากฏการณ์เอลนีโญ ซึ่งทำให้น้ำทะเลในตอนกลางและตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกบริเวณเส้นศูนย์สูตรอุ่นขึ้นเป็นครั้งคราวจะเกิดขึ้นโดยเฉลี่ยทุกๆ 2-5 ปี และจะเป็นปรากฏการณ์ที่ยาวนานประมาณ 12 เดือน ศูนย์ศึกษาบรรยากาศและมหาสมุทรแห่งชาติของสหรัฐ แถลงว่า ปรากฏการณ์เอลนีโญในปัจจุบันจะพัฒนารุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยคาดว่าจะไปสิ้นสุดในราวต้นปี 2553

    ในอดีตเมื่อเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญ จะลดการเกิดพายุเฮอร์ริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติก และมักนำฝนมาตกในช่วงฤดูหนาวในพื้นที่แห้งแล้งทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐ แต่ขณะเดียวกันก็มักจะทำให้เกิดพายุฤดูหนาวในรัฐแคลิฟอร์เนียและสภาพอากาศแปรปรวนทั่วพื้นที่ภาคใต้ของสหรัฐ อีกทั้งทำให้เกิดน้ำท่วมหนักและโคลนถล่มในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ รวมถึงความแห้งแล้งในอินโดนีเซีย.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-10 11:39:37

    เว็บไซต์หลายแห่งของสหรัฐและเกาหลีใต้ถูกโจมตีเพิ่ม

    [​IMG]

    สหรัฐฯ 10 ก.ค. - เว็บไซต์หลายแห่งของสหรัฐและเกาหลีใต้ถูกก่อกวนจนไม่สามารถใช้งานได้ในบางขณะ ซึ่งเกาหลีใต้คาดว่าเป็นฝีมือของเกาหลีเหนือ

    เว็บไซต์หลายแห่งของสหรัฐและเกาหลีใต้ยังคงถูกโจมตีเมื่อวานนี้ ส่วนใหญ่เป็นเว็บไซต์ของทางการและเว็บเพื่อการพาณิชย์บางแห่ง ซึ่งในจำนวนนี้มีเว็บไซต์ของทำเนียบขาว และเว็บไซต์ของทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ รวมอยู่ด้วย

    อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ของสหรัฐ ระบุว่า การโจมตีเมื่อวานนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้งาน แต่ทางการก็กำลังหาป้องกันการโจมตีดังกล่าว ขณะที่หน่วยสืบราชการลับของเกาหลีใต้ระบุว่า การโจมตีเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นอาจจะเกี่ยวโยงกับเกาหลีเหนือ แต่รัฐบาลสหรัฐไม่ได้เจาะจงว่าเป็นฝีมือของใคร .-สำนักข่าวไทย

    2009-07-10 09:32:35

    นักวิจัยเยอรมนีให้ระวังไวรัสคนระบาดสู่หมู

    [​IMG]

    ลอนดอน 10 ก.ค. - คณะนักวิจัยชาวเยอรมัน กล่าวว่า มีความเสี่ยงว่าไวรัสเอช1 เอ็น 1 ของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในคนจะระบาดมาสู่หมู และเชื้อไวรัสอาจรวมกัน จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่ไม่อาจคาดเดาได้

    คณะนักวิจัยสถาบันฟรีดริช ลอฟเลอร์ ในเยอรมนียืนยันว่า จากการศึกษาพบกรณีต้องสงสัยว่าเชื้อไวรัสเอช1 เอ็น1 จากคนระบาดสู่หมู และส่งผลให้เกิดการระบาดในหมูต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว ดังนั้น มาตรการป้องกันการระบาดจากคนไปสู่หมูจึงเป็นเรื่องสำคัญลำดับแรกในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดใหม่ อย่างไรก็ตาม จากการศึกษาพบว่า ในขณะที่ไวรัสระบาดอย่างรวดเร็วในหมู แต่ไม่ได้ระบาดไปถึงไก่ 5 ตัว ที่อยู่ใกล้เคียงกัน องค์การอนามัยโลกประกาศให้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เป็นโรคระบาดเมื่อเดือนที่แล้ว หลังเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสตัวใหม่ในคนที่รวมตัวกับไวรัสหมูและนก จนมีผู้เสียชีวิตกว่า 400 คนทั่วโลก และมีแนวโน้มว่าอาจมีผู้ติดเชื้อจำนวนหลายล้านคน.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-10 09:21:27

    เปรูเร่งปิดภาคเรียนหนีไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่

    [​IMG]

    ลิม่า 10 ก.ค. - รัฐบาลเปรูประกาศให้นักเรียนหลายล้านคนในโรงเรียนของรัฐและเอกชนได้ปิดภาคเรียนก่อนกำหนด 2 สัปดาห์ เพื่อยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสเอช1 เอ็น1

    ล่าสุดเปรูมีรายงานผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 1,331 คน และเสียชีวิตไป 3 คน นายออสการ์ อูการ์เต รัฐมนตรีสาธารณสุข มีคำสั่งให้นักเรียนอยู่แต่ในบ้านและไม่ออกไปที่สาธารณะระหว่างปิดภาคเรียนซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 15 กรกฎาคมนี้ ทั้งที่ตามปกติการปิดภาคเรียนมักมีขึ้นในช่วงปลายเดือนกรกฎาคม โดยพบว่าร้อยละ 75 ของผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ในเปรู มีอายุไม่ถึง 18 ปี ส่วนที่อาร์เจนตินาซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสเอช1 เอ็น1 มากที่สุดในอเมริกาใต้ ประกาศใช้มาตรการปิดภาคเรียนก่อนกำหนดเหมือนกัน .-สำนักข่าวไทย

    2009-07-10 09:04:47

    อิหร่านประท้วงรอบใหม่โดยไม่สนคำสั่งห้าม

    [​IMG]

    อิหร่าน 10 ก.ค. - ตำรวจปราบจลาจลอิหร่านยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคนที่รวมตัวประท้วงรอบใหม่ โดยไม่สนคำขู่ปราบปรามอย่างรุนแรงของรัฐบาล

    กลุ่มผู้ประท้วงหลายร้อยคน ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นทั้งชายและหญิง ตะโกนข้อความกล่าวหารัฐบาลว่าเป็นเผด็จการ ระหว่างเดินขบวนไปตามท้องถนนในกรุงเตหะราน พร้อมกับสนับสนุนนายมีร์ ฮอสเซน มูซาวี ผู้นำฝ่ายค้านที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนที่แล้ว ก่อนจะถูกตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่เพื่อสลายฝูงชน ทำให้กลุ่มผู้ประท้วงแตกฮือวิ่งหนีไป แต่ก็กลับมารวมตัวประท้วงใหม่อีกหลายครั้ง ขณะที่มีรายงานการรวมตัวประท้วงของผู้คนจำนวนหลักร้อยคนในอีกหลายเมืองด้วย

    การรวมตัวประท้วงครั้งนี้ มีขึ้นเพื่อรำลึกถึงวาระครบรอบ 10 ปี เหตุจลาจลของนักศึกษา เมื่อปี 2542 ทั้งนี้ ทางการอิหร่านสั่งห้ามการชุมนุมประท้วงรัฐบาลอย่างเด็ดขาด หลังเกิดเหตุจลาจลนองเลือดจากความไม่พอใจผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยยืนยันจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดปราบปรามกลุ่มผู้ประท้วงทันที. - สำนักข่าวไทย

    2009-07-10 04:09:34

    จีนยังคุมเข้มสถานการณ์ในเมืองอุรุมชี

    [​IMG]

    จีน 10 ก.ค. - ทางการจีนยังควบคุมสถานการณ์ในเมืองอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุจลาจลทางเชื้อชาติขึ้นอีก

    ทหารจำนวนมากพร้อมอาวุธครบมือ รวมตัวอยู่เต็มพื้นที่จัตุรัสประชาชนกลางเมืองอุรุมชี โดยมีนายจ้าว หยงกัง สมาชิกระดับสูงของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ (โปลิตบูโร) ประกาศให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานอย่างเต็มกำลัง เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุจลาจลรุนแรงขึ้นอีก

    มาตรการคุมเข้มเมืองอุรุมชีของทางการจีน ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้สถานการณ์เริ่มกลับคืนสู่ภาวะปกติ โดยเมื่อวานนี้ ร้านรวงต่าง ๆ เริ่มเปิดบริการอีกครั้ง ขณะที่รถราตามท้องถนนก็เริ่มออกวิ่งตามปกติ ทั้งนี้ รัฐบาลจีนประกาศกร้าว ใครก็ตามที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรง มีโทษถึงขั้นประหารชีวิต
    ขณะเดียวกัน นายกเทศมนตรีเมืองอุรุมชี ประกาศว่า รัฐบาลตั้งงบประมาณ 14.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับปลอบขวัญครอบครัวของผู้เสียชีวิต รวมทั้งผู้บาดเจ็บหรือพิการจากเหตุจลาจลครั้งนี้. - สำนักข่าวไทย

    2009-07-10 03:20:02

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เขมรเคลื่อนรถถังประชิดชายแดน “เขาวิหาร” ทหารไทยผุดบังเกอร์พร้อมรับมือ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>10 กรกฎาคม 2552 11:15 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
    ทหารไทยตรึงกำลังตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และสร้างบังเกอร์ขนาดใหญ่เตรียมพร้อมปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเต็มที่ วันนี้ (10 ก.ค.)

    ศรีสะเกษ - ทหารเขมรเคลื่อนรถถัง 6 คันพร้อมกำลังพลจำนวนมากประชิดชายแดนไทยด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ส่วนทหารไทยเตรียมพร้อมสร้างบังเกอร์ขนาดใหญ่จำนวน 20 แห่ง 20 ล้าน ตามแนวชายแดนรอบเขาพระวิหาร

    วันนี้ (10 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การตรึงกำลังระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณเขาพระวิหารชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าล่าสุดมีรายงานข่าวแจ้งว่าทหารกัมพูชาได้เคลื่อนรถถังจำนวน 6 คัน พร้อมทหารอีกจำนวนมากมาเตรียมพร้อมอยู่ที่บริเวณบ้านโกมุยใกล้กับเขาพระวิหารฝั่งประเทศกัมพูชาและหันปากกระบอกปืนมายังฝั่งไทย โดยทหารกัมพูชาเหล่านี้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา ซึ่งการเคลื่อนย้ายทหารมาตรึงกำลังรอบเขาพระวิหารดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการเตรียมพร้อมสู้รบกับทหารไทยอย่างเต็มที่

    นายบุญมี บัวต้น นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการที่ขณะนี้สถานการณ์บริเวณเขาพระวิหารตรึงเครียดมาก จึงได้ประกาศเตือนประชาชนในเขต ต.เสาธงชัย ห้ามเข้าใกล้แนวชายแดนเขาพระวิหาร เพราะอาจได้รับอันตรายได้หากเกิดสู้รบขึ้น พร้อมทั้งได้ประสานงานกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมพร้อม ในการอพยพประชาชนหากเกิดมีการสู้รบกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาขึ้น แต่ล่าสุดขณะนี้เหตุการณ์บริเวณเขาพระวิหารยังคงปกติ

    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ทหารไทยยังคงตรึงกำลังเตรียมพร้อมตามแนวชายแดนด้านเขาพระวิหาร โดยเฉพาะที่บริเวณทางขึ้นเขาสัตตาโสม ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ อยู่ติดกับแนวเขตแดนไทย-กัมพูชา บริเวณที่ทหารไทยได้สร้างบังเกอร์ขนาดใหญ่ 20 แห่ง ด้วยงบประมาณกองทัพภาคที่ 2 จำนวน 20 ล้านบาท ตามแนวชายแดนรอบเขาพระวิหาร เพื่อใช้เป็นสถานที่ตั้งฐานที่มั่นต่อสู้กับศัตรูฝ่ายตรงข้ามที่อาจรุกล้ำเข้ามาในเขตแดนไทยนั้น ได้สร้างความมั่นใจและขวัญกำลังใจให้กับทหารไทยมากยิ่งขึ้น เพราะบังเกอร์ดังกล่าวมีขนาดใหญ่ แข็งแรงทนทานสามารถป้องกันกระสุนปืนใหญ่และระเบิดทุกชนิดได้เป็นอย่างดี

    ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9520000077864
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2009
  13. amm.

    amm. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2008
    โพสต์:
    243
    ค่าพลัง:
    +613
    http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-836#post2248810

    พระอาทิตย์ตกดิน ถ่ายตอนเย็นวันนี้ค่ะ แสงสว่างจ้ามากๆเลยค่ะ ถ่ายตรงถนนเทพารักษ์ กม.7 แถวหนามแดง คนออกมาดูกันเยอะเลยค่ะ กินเวลาประมาณ 15 นาที
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Am-0010.jpg
      Am-0010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      512 KB
      เปิดดู:
      2,927
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2009
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    นิมิตหลอน มโนมยิทธิเทียม
    โดย physigmund_foid

    [​IMG]

    กสิณนั้นเริ่มฝึกจากการใช้จิตกำหนดภาพ จนกว่าภาพที่จิตกำหนดสร้างจะเกิด แล้วเกิดการเปิดตาทิพย์จริง ระหว่างก่อนเปิดตาทิพย์นั้น ภาพที่จิตสร้างอาจชัดเจนแจ่มใสราวกับเป็นภาพจริง จนอาจคิดไปว่าตาทิพย์ได้เปิดแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่เปิดจริง ดังนั้น ภาพที่เห็นนั้น เรียกว่า “เห็นจริง แต่ไม่ใช่ของจริง” คือ เป็นภาพที่เกิดจากจิตสร้าง ด้วยพลังจิต ด้วยใจที่มีฤทธิ์ ไม่ใช่ของจริงที่ตาทิพย์ไปเห็นมา

    นอกจากนี้แล้ว แม้ว่าตาทิพย์เปิดจริง ระหว่างใช้ตาทิพย์ ก็มีนิมิตหลอนเกิดขึ้นได้เช่นกัน เช่น เพียงแค่คิดถึงปากกา ภาพปากกาก็ปรากฏแล้ว ดังนั้น ตาทิพย์ที่เห็นนั้น กำลังเห็นสิ่งที่จิตสร้างขึ้น ไม่ใช่ของที่มีอยู่จริง นอกจากนี้ แม้ว่าจิตไม่ได้สร้างขึ้น บางครั้ง ภาพต่างๆ อาจปรากฏขึ้นมาเองได้ราวกับเป็นของจริง สิ่งเหล่านั้น อาจเกิดจากนิมิตที่ผู้อื่นส่งมา เช่น เป็นนิมิตจากกระแสจิตของภาคมาร เป็นต้น บทความฉบับนี้ ขอเสนอหลักการแยกแยะนิมิตและของจริง ดังนี้

    ข้อสังเกตในการแยกแยะนิมิตและของจริง

    ๑) หากตาทิพย์ยังไม่เปิด สิ่งที่เห็นทั้งหมดเป็นแค่นิมิตเท่านั้น ไม่ใช่ของจริง เมื่อตาทิพย์เปิดแล้ว จะมีทั้งของจริงและนิมิตปนกัน จะต้องละจากนิมิตให้หมด ทำจิตในว่างเปล่าโปร่งใสไร้การปรุงแต่งเจือปนใดๆ ทั้งสิ้นให้ได้ก่อน จึงจะเห็นของจริงแท้ การสังเกตว่าตาทิพย์เปิดหรือยัง ให้ลองสังเกตว่า เคยเห็นแสงสว่างวาบมากๆ จนเกือบๆ จะแสบตาบ้างหรือไม่ แล้วจากนั้น ก็รู้สึกเหมือนเห็นภาพชัด อาการแสงสว่างวาบมากๆ จะเกิดเพราะตาทิพย์เปิดครั้งแรก แต่หากยังไม่มีอาการนี้ ก็ควรระวังสิ่งที่เห็นด้วยว่า อาจเป็นเพียงนิมิต ไม่ใช่ของจริง ตาทิพย์ยังไม่เปิด เช่นเดียวกับหูทิพย์ เมื่อเปิดครั้งแรก จะมีเสียงแหลมๆ ดังเข้ามาก่อน จากนั้น หูทิพย์จึงเปิดจริง หากหูทิพย์ยังไม่เปิด เสียงที่ได้ยินเป็นแค่เสียงหลอน

    ๒) เมื่อตาทิพย์เปิดแล้ว ต้องผ่านด่านมารทดสอบก่อน คือ นิมิตภาคมารที่ส่งมาเรื่อยๆ ทำให้หลงคิดว่าเป็นความจริง แม้ว่าตาทิพย์จะเปิดแล้ว แต่ภาคมารก็สามารถส่งภาพนิมิต มาปกปิดความจริงให้เราหลงทางได้อีก ดังนั้น เมื่อเห็นภาพเทพเทวดา ให้ลองสนทนากับท่านดู ถามท่านให้กระจ่าง แล้วกลับมาตรวจสอบตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอีกครั้งว่าตรงกันหรือไม่ ต้องตรวจสอบหลายมุม จนเกิดความแน่ใจว่าตรงจริง ในช่วงใช้ตาทิพย์ ให้ตัดความลังเลเคลือบแคลงสงสัยออกก่อน เรียกว่าไปเอาข้อมูลดิบมาเท่านั้น ไม่ต้องนึกคิดปรุงแต่งสงสัยอะไร แต่ให้ถามเอาข้อมูลให้กระจ่าง การถามนั้นไม่ใช่วิจิกิจฉา แต่เป็นวิปัสสนาญาณ เพื่อให้ได้ข้อมูลถึงแก่นธรรมนั่นเอง เช่นนี้ ค่อยมั่นใจขึ้นได้

    ๓) ตรวจสอบกับญาติธรรมกันเอง เช่น ถอดกายทิพย์ไปหาญาติธรรมสนทนาข้อมูลบางอย่าง แล้วลองถามญาติธรรมทางเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ว่าได้รับการสื่อสารจากเราจริงหรือไม่ วิธีการนี้เหมาะสม เพราะตรวจสอบได้ง่าย เพราะญาติธรรมเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่จริง สามารถบอกได้ว่าได้รับการสื่อสารจากเราจริงหรือไม่ ทั้งนี้ พึงระวังอีกประการว่า บางครั้ง การสื่อสารกับกายทิพย์ กายสังขารเนื้ออาจจะไม่ทราบก็ได้ คือ เป็นความรู้สึกทางจิต เหมือนมีเทพเทวดามาดลจิตดลใจ ก็จะรู้สึกแค่ลางสังหรณ์เท่านั้น ไม่อาจระบุได้แน่ชัดว่าได้รับการสื่อสารจริง ในกรณีนี้ ควรสื่อกับกายเนื้อเขาโดยตรง จะสื่อสารได้ชัดเจนมากกว่ากายทิพย์

    ๔) ฝึกสติปัฏฐานสี่ แยกแยะจิตและใจออกจากกันก่อน (จิตจะคุมกายทิพย์ แต่ใจจะมีความรู้สึกนึกคิดมาปะปน ทำให้ข้อมูลถูกบิดเบือนได้) หรือฝึกอรูปญาณ โดยเฉพาะฌาน ที่กำหนดความว่างเป็นอารมณ์ให้ชำนาญ เมื่อเริ่มจะดูด้วยตาทิพย์ หรือถอดกายทิพย์ ให้เข้าสมาธิทำจิตให้ว่างเปล่าจากการนึกคิดปรุงแต่งใดๆ ก่อน เมื่อจิตมีความพร้อมแล้ว ให้ลองทายของต่างๆ ที่เก็บไว้ในกล่องเป็นต้น เมื่อทายได้ถูกแม่นยำแล้ว จึงถอดกายทิพย์ออกไป ก็จะได้ข้อมูลที่แม่นยำขึ้น ตัดส่วนภาพที่เกิดจากจิตของเรานึกคิดปรุงแต่งเองออกไปได้ส่วนหนึ่ง

    วิธีการฝึกมโนมยิทธิให้แจ่มใส ไร้นิมิตหลอน

    ๑) ขั้นตอนที่หนึ่ง นั่งสมาธิด้วยท่าที่สบาย อย่ารีบถอยกายทิพย์ อย่ารีบคิดถึงนั่นนี่ ให้นั่งให้สบายก่อน วางจิตเบาๆ แล้วค่อยๆ ให้จิตสงบนิ่ง จนจิตเริ่มว่างเบา เลิกคิดสะเปะสะปะ ถึงนั่นถึงนี่ จากนั้น จึงค่อยๆ เข้าสู่สมาธิ เพื่อการถอดกายทิพย์

    ๒) ขั้นตอนที่สอง เมื่อเข้าสู่สมาธิ สิ่งที่เห็นตอนแรกอย่าเพิ่งเชื่อทันที ให้ดูเฉยๆ ไปก่อน แล้วบริกรรม “ภาพจริงจงปรากฏชัด”ๆๆๆๆ ซ้ำๆๆ จากนั้น ภาพต่างๆ ที่เกิดจากการนึกคิดจะปรากฏขึ้นมาก่อน แล้วค่อยๆ สลายไปทีละอย่างๆ จนในที่สุด ภาพต่างๆ มืดดับไปหมด จากนั้น บริกรรมต่อไปเช่นเดิม ภาพจริงจะค่อยๆ ปรากฏเหมือนเปิดม่านจากความมืด จะเห็นลางๆ ก่อน แล้วค่อยๆ ชัดขึ้นๆ

    ๓) ให้ทดลองทายของในกล่องที่ผู้ฝึกเก็บไว้ หากสามารถทำนายได้สำเร็จ แสดงว่ามโนมยิทธิ หรือตาทิพย์แจ่มใส ไร้ความนึกคิดปรุงแต่งเจือปน อีกกรณีหนึ่ง ให้ท่านที่ไม่ทราบเนื้อหาธรรมในไตรปิฎกเลย ฝึกมโนมยิทธิ แล้วถามข้อมูลที่ได้จากการถอดกายทิพย์ไปนรกสวรรค์มา หากได้ข้อมูลที่ตรงกับพระไตรปิฎกทั้งๆ ที่ไม่เคยอ่านมาก่อน ก็นับว่าน่ารับฟังในระดับหนึ่งได้ อนึ่งภาพที่เป็นของทิพย์ กับภาพที่เป็นวัตถุธาตุสี่นั้น จะแบ่งเขตการรับรู้โดยใจ กล่าวคือ ของทิพย์นั้นจิตรับรู้ แต่หากเป็นวัตถุธาตุสี่ จิตต้องทำงานร่วมกับใจ จึงจะรับรู้ได้ชัด ในขณะที่ใจเต็มไปด้วยความรู้สึกนึกคิดปรุงแต่ง จึงจะต้องตัดการปรุงแต่งออกจากใจให้ได้ ภาพที่เป็นวัตถุธาตุสี่ จึงจะแจ่มใสปรากฏชัดเจนถูกต้องแท้จริง ไม่ถูกหลอก

    ภาวะที่เอื้อต่อนิมิตหลอน และมโนมยิทธิเทียม

    ๑) การรีบถอดกายทิพย์โดยจิตยังฟุ้งซ่าน ไม่เรียบนิ่ง หรือจิตยังมีความคิดปรุงแต่งอยู่มาก เมื่อผู้นำ บอกให้คิดถึงสวรรค์ภาพสวรรค์จะปรากฏทันที แต่ไม่ใช่ของจริง เป็นแค่ภาพที่จิตของแต่ละคนสร้างขึ้น เมื่อมาตรวจสอบถามกันว่าภาพที่เห็นเป็นอย่างไร ก็จะได้รับคำตอบคนละอย่างกัน เพราะต่างจิตต่างใจต่างคนคิด อันนี้ เรียกว่า “นิมิต” เป็นธรรมชาติของนิมิต ที่แต่ละคนจะได้ต่างรูปแบบกัน แต่หากอาศัยนิมิตนี้มาตีปริศนาธรรม ด้วยการใช้สติปัญญาพิจารณาสภาวธรรมแล้ว แม้นิมิตแต่ละท่านจะต่างกัน แต่ก็ได้เข้าถึงธรรมได้เหมือนกันได้ เช่น การได้นิมิตเห็นสวรรค์ แม้ไม่ใช่ของจริง แต่หากสรุปแค่ว่าสวรรค์มีจริง บุญกรรมมีจริง แค่นี้ก็พอแล้ว แต่หากไปสรุปเอาว่าสวรรค์ที่เห็นนั้น เป็นอย่างที่ตนเห็นในนิมิต ก็อาจถูกนิมิตหลอกเอาเต็มเปา เรียกว่า สรุปเกินนิมิต เพราะนิมิตนั้น ไม่ใช่ของจริง

    ๒) การถูกนำความคิดให้คิดตาม เมื่อความคิดเกิด ภาพก็ปรากฏ เป็นเพียงภาพนิมิตเท่านั้น ไม่ใช่ของจริงเลย เช่น ผู้นำฝึกมโนมยิทธิ กล่าวว่า เห็นพระพุทธเจ้าไหม พระพุทธเจ้ามาครบทุกพระองค์ไหม สิ่งเหล่านี้เป็นคำถามนำให้ตอบว่า “เห็น” เพราะสิ่งแวดล้อมและสังคม จะหล่อหลอมให้ต้องคล้อยตามกัน ตามทฤษฎีการเหนี่ยวนำโดยสังคม (Mob psychology) สิ่งเหล่านี้ อาจเรียกได้ว่า “อุปทานหมู่” แต่ถึงจะเป็นอุปทานหมู่ก็ตาม หากเป็นนิมิตที่ทำให้คนเชื่อในกฎแห่งกรรม และสวรรค์ได้จริงแล้ว ก็ไม่ต้องไปถกเถียงหรือยึดมั่นถือมั่นในนิมิตที่เห็นมาก เอาแค่สรุปว่าสวรรค์มีจริง บุญกรรมมีผลจริงก็พอ ไม่ต้องเถียงกันว่าลักษณะเป็นอย่างไร สำหรับผู้ฝึกสอนที่ต้องการให้ผู้เรียนได้มโนมยิทธิของจริง ก็ควรเลือกผู้มีความเพียรมีพรสวรรค์ แล้วนั่งสอบสอนกันให้ได้มรรคผลจริง ไม่ถามคำถามนำ แต่ถามคำถามเพื่อตรวจสอบ เช่น พระเจดีย์จุฬามณีมีกี่ยอด ถ้าตอบถูกก็ลองถามต่ออีกนิดว่า สีอะไร มีเทพเฝ้าอีกองค์ ถ้าตอบได้ถูกต้อง ก็แสดงว่าผ่านการทดสอบได้

    ในกลุ่มผู้ที่ได้มโนมยิทธิเทียม โปรดอย่าได้เสียใจ เพราะในกลุ่มคนที่ได้มโนมยิทธิจริงนั้น ได้พิสูจน์แล้วว่านรกสวรรค์มีจริง ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นนิมิตหรือของจริง หากตั้งใจปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็ให้ผลเท่ากัน ขึ้นกับการปฏิบัติของแต่ละคน ใครทำได้มากก็ได้มาก ใครทำได้น้อยก็ได้น้อย ส่วนจะเห็นสวรรค์จริงหรือสวรรค์เทียมเพราะนิมิตหลอกนั้น ไม่สำคัญเท่าการทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ สาธุ

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=314855
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2009
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระโอวาทท้าวสักกะเทวราช กัณฑ์ปลุกชาวโลก

    [​IMG]

    มหันตภัยอันน่ากลัวใกล้ตัวแค่นัยน์ตา
    มารทั้งห้ามากวาดล้างโลกดุร้ายยิ่ง
    ทุกคนจัดแจงรีบป้องกันแต่เนิ่นเนิ่น
    ถึงเวลาเกิดเหตุเสียใจภายหลัง

    กัณฑ์ปลุกชาวโลก อธิบายชัดเจน ณ เวลานี้จงเร่งรีบบำเพ็ญคุณธรรม พิบัติภัยใกล้ตัว ร้ายแรงนัก บัญชีหนี้กรรมหมื่นปีต้องชำระ เหล่าทวยเทพอริยะ ได้จัดเตรียมทำบัญชีไว้ก่อน ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต มีหนี้ต้องชดใช้ หนี้ชีวิตหนี้ในบัญชีหนีไม่พ้น

    เหล่าอสูรร้ายได้รับคำสั่งให้ลงสู่โลกมนุษย์ โลกสีแสงสุรานารี พร้อมกันอึกทึกครึกโครมเอ็ดอึงพาให้เสีย ก่อเกิดฆ่าฟันทั่วทุกหนทุกแห่งทั่วโลกา พาให้โลกวุ่นวาย คนทุกประเภทอยู่อย่างไม่เป็นสุข โจรผู้ร้ายชุกชุมทั่วทุกหัวระแหง ทุกคนต่างแสดงตนเป็นวีรบุรุษผู้กล้า บ้างแย่งชิงบ้างหลอกลวง บ้างจับตัวเรียกค่าไถ่ โจรขโมยก่อความวุ่นวาย ทหารออกมาปรากฏทุกคนถูกบีบบังคับจนอยู่ไม่ได้ บ้างถูกปืนยิงตาย บ้างถูกมีดฟันตายไปเมืองผี บ้างถูกไฟเผาตายบ้างกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทั้งหมดล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยที่ก่อไว้ในอดีตชาติ

    ชาติก่อนก่อกรรมไว้ชาตินี้มาชดใช้ อดีตชาติทำกรรมไว้ชาตินี้มาชดใช้ กรรมสนองกรรมในชาตินี้ ตามสนองในชาตินี้ไม่ผิดพลาด คนมีบาปเทพเทวารู้ ทุกคนล้วนมีธงปักอยู่บนศีรษะเป็นสัญลักษณ์ ไม่จำตัวบุคคล จะดูสัญลักษณ์จากธงเป็นเครื่องหมายในการตอบสนองตามจริง ปักธงเขียว ถูกยิง ถูกระเบิด ปักธงแดง ถูกไฟเผา ปักธงดำ จมน้ำตาย ปักธงขาว ต้องคมหอกคมดาบ มีแต่ผู้สั่งสมคุณงามความดี ทำบุญทำทาน ถูกปักธงเหลือง เทพเทวาคุ้มครอง

    คนทำความดีได้รับบุญวาสนาอยู่สุขสบายเทพเทวาคุ้มครอง ไม่สู้บำเพ็ญธรรมจึงรอดพ้นภัยได้ มนุษย์โลกควรเร่งรีบเสาะหามหาธรรม ไม่แสวงหามหาธรรมจะไม่รอดพ้นภัย ภัยพิบัติครั้งนี้ หาขอบเขตไม่ได้ เลือดนองเหมือนสายน้ำ กระดูกกองเป็นภูเขา ผู้บำเพ็ญธรรมพ้นจากภัย คนที่ไม่มีธรรมะ ยากที่จะหลุดรอดได้

    เหล่าเทพเทวาลอยสถิตกลางนภา นำบัญชีมาชำระสะสาง ใครถูกเรียก ใครเป็นหนี้ ใครมีหนี้คนนั้นจะต้องชำระ ใครชาติก่อนทำความชั่วไว้ ใครชาติก่อนทำกรรมดีไว้ หักลบกลบหนี้ มาดูว่าชั่วมากกว่าหรือดีมากกว่าหากมีความดี เทพเทวาคุ้มครอง เทพเทวาปกปักรักษามักอยู่เย็นเป็นสุข ชั่วมากกว่าเทพเทวาลงทัณฑ์ เทพเทวาลงทัณฑ์ประสบภัยมาร วุ่นวายทุกหัวระแหง เพิ่มภัยแล้ง นักเลงอันธพาลโรคภัยไข้เจ็บระบาดทั้งในและนอก ทนอดอยากเผชิญความวุ่นวาย ไม่แน่ว่าการขู่กรรโชกจะทำให้เสียชีวิตได้ คิดคิดดูน่าตกใจ วันข้างหน้าจะมีคนตายมากมาย สิบส่วนตายเก้าส่วน เหลือเพียงหนึ่งส่วนคือเทพเซียน คิดคำนวณ ไม่ผิดพลาดแม้แต่น้อย

    หนี้ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต เป็นหนี้ในที่สุดต้องชำระ คนในโลกนี้ควรมองให้ทะลุปรุโปร่งเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งโดยตลอด เร่งรีบกินเจสวดมนต์ รักษาศีลสวดพระคัมภีร์ช่วยปลดเปลื้อง บาปกรรมหมื่นพัน หนี้ชีวิตไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิต ติดหนี้ไม่ต้องชดใช้

    โลกโลกีย์อย่าห่วงอาลัยรัก หลงรักอาลัยยากที่จะตัด โลกสีแสงสุรานารี ถึงแม้ดูดี หลงอาลัยรักสุดท้ายมิเหลืออะไรแม้แต่น้อย ละโมบบริโภค กินเนื้อสัตว์ล้วนแต่สร้างหนี้กรรม กินเขาสี่ตำลึง ชดใช้ครึ่งชั่ง ไม่มีใครยอมเสียเปรียบ บริโภคมาก ก่อบาปเวรมาก ก่อบาปกรรมมากจึงอยู่ไม่ได้ เมื่อหมดอายุขัยต้องตายจาก พญายมออกหมายเรียก ส่งยมทูตมาตามตัว ถือโซ่ตรวนล่ามตัวพาไป ล่ามเที่ยงคืนตายเที่ยงคืน ไม่มีใครที่จะมีลมหายใจอยู่ได้ต่อไปอีก ไม่ว่าจะว่างหรือไม่ว่าง ไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ ต้องทิ้งทั้งหมด เมื่อสิ้นลมต่อให้ลืมตาก็มองไม่เห็น ทรัพย์สินเงินทองเอาไปไม่ได้ เหลือแค่สองมือว่างเปล่าน่าสงสาร

    ไปถึงยมโลกถูกยมทูตโบยตีกลิ้งไปมา ถูกโบยตี ไม่มีที่จะหลบซ่อน ยังต้องพาตัวไปพบพญายม ฝูงสุนัขดุขวางไว้รุมกัด ถูกกัดจนเลือดไหลท่วมตัว หมู่บ้านผีตายโหงโกลาหล ฝูงผีฉุดลากเรียกเอาเงิน กลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ ฟันหมาป่ามากมายดั่งเทือกเขาตามทำร้าย เข็มปักกองเท่าภูเขา ทั้งหมดถูกทับอยู่บนตัวกลิ้งไปมา เลือดไหลเลอะเทอะเต็มตัว เนื้อหนังแหลกเหลว ยมทูตลากไปรายงานตัว

    ขุมนรกขุมที่ 5 น่าเกรงขาม ยมทูตหัววัว ยมทูตหน้าม้า ยืนเรียงสองข้าง พญายมประทับตรงกลาง ผู้พิพากษาถือสมุดบัญชี หากทำดี หากทำชั่ว แม้ว่าทั้งตัวเต็มไปด้วยปากยังแก้ต่างไม่ตก หากทำบุญสุนทานได้เป็นขุนนาง บุญกุศลครบสามพันได้เป็นเทพเป็นเซียน หากไม่มีบุญกุศลคงจะลำบาก มีแต่ลงนรกร้องไห้กับฟ้า ลงกระทะทองแดง ปีนภูเขามีด ถูกครกตำ ใช้โม่เหล็กบด ถึงตอนนั้นเสียใจก็สายไปแล้ว

    วันนี้รีบเร่งบำเพ็ญปฏิบัติ พูดถึงการบำเพ็ญปฏิบัติไม่ยากเลย ขอเพียงมีจิตศรัทธา ตั้งความมุ่งมั่น งดเว้นอาหารคาวเพื่อตัดกรรม รักษาพุทธระเบียบ ตั้งโต๊ะบูชา ถวายธูปวันละสามครั้ง หมั่นสวดมนต์ ไม่ขี้เกียจ หนี้กรรมในอดีตชาติจะถูกลบล้างหมดไป หนี้กรรมในอดีตชาติ หากถูกลบล้างหมดไป จากนี้ไปจะไม่ประสบภัยตกทุกข์ได้ยากต่อไปอีก กราบไหว้พระวิสุทธิอาจารย์ เปิดประตูญาณสามารถเป็นเทพเซียนบนสวรรค์ ขึ้นสวรรค์เป็นเทพเซียน ไม่เสียแรงที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ฉุดช่วยบรรพบุรุษเจ็ดชั้น ลูกหลานอีกเก้าระดับ ช่วยบิดามารดาได้ไปอยู่แดนพุทธเกษตร ได้รับการยกย่องเป็นลูกกตัญญู ยกย่องเป็นอริยะ ได้รับการยกย่องเป็นทั้งอริยะและกตัญญูพร้อมกัน ขึ้นไปเฝ้าพระแม่องค์ธรรม พบเหล่าเทพเซียน อิสรเสรีสุขสำราญ

    กล่าวถึงตรงนี้ ขอจบแล้ว ขอให้ทุกคนสำรวจและพิจารณาตรวจสอบละเอียดรอบคอบ จะหนีให้พ้นจากภัยพิบัติ ต้องเร่งรีบศึกษากัณฑ์ปลุกชาวโลกนี้

    กัณฑ์ปลุกชาวโลกเสมือนเรือฉุดช่วย พบใครก็ตักเตือนบอกต่อ กลับคืนสู่พุทธบรรพต กราบพระอนุตตรธรรมมารดา ตนเองบรรลุ พาให้คนอื่นบรรลุด้วย บุญกุศลนับไม่ถ้วน หากใครไม่ศึกษากัณฑ์ปลุกชาวโลกนี้ ขณะมีชีวิตอยู่ประสบเคราะห์ร้าย ตายไปถูกลงโทษด้วย ฝากคำพูดง่ายๆ ไว้เตือนชาวโลก รีบไปฉุดช่วยคนให้พ้นจากความทุกข์ เพื่อเก็บงานให้สมบูรณ์

    ขอเตือนสาธุชนชายหญิง รีบบำเพ็ญตนเพื่อคุ้มครองชีวิตตนเอง อย่าได้เห็นเป็นเรื่องล้อเล่น ฉวยโอกาสขณะได้เกิดเป็นคนที่มีความอิสระและสะดวกในการปฏิบัติ รีบขึ้นเรือธรรม ได้รับมหาธรรม

    ที่มา http://www.chongter.com/webboard/ind....msg312#msg312
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สิ่งที่เกิดคือโลกจะหยุดหมุน 1 กึ๊ก
    โดยลุงคนเชียงใหม่(ตอนนี้บวชเป็นพระอยู่ครับ)

    [​IMG]


    หลายคนไม่เชื่อและไม่เข้าใจว่า ทำไมมีคนพยายามบอกว่าน้ำจะท่วมโลก หลายคนหัวเราะท้องแข็ง ว่ามันจะเอาน้ำมาจากใหนตั้งเยอะแยะ ถึงได้ท่วมได้ต่อให้นำแข็งละลายหมดโลก ก็อย่างมากก็คงจะค่อยๆ ท่วมแล้วมันจะอันตรายตรงไหนวะอย่างมากก็อยู่เรือนแพ (มีเวลาเสมอภาคกันระหว่าง คนรวยกับคนจน คือหมดตัวเหมือนกัน)

    แต่ลองมองข้อมูลตรงนี้แล้ว เปรียบเทียบกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นนะครับทุกวันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นมากมายคือ เขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่จะมีนำท่วมขัง อยู่เป็นจำนวนมากมายหลายล้านล้านตัน มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่โลกต้องใช้การไหลของดินชะของน้ำ เพื่อให้เกิดแบบสมดุลของมวลดินมวลน้ำตั้งหลายร้อยหลายล้านปีและค่อยๆเกิด จนโลกปรับการหมุนได้ ในระยะที่ผ่านมาโลกปรับตัวโดยการให้น้ำไหล ไปยังจุดที่สมดุลย์ไม่กวัดแกว่งจนเสียศูนย์ (แต่อีกประมาณ ไม่เกิน 2 ปี เขื่อนลำน้ำโขงของจีน และเขื่อนกั้นแม่น้ำแยงซีเกียง ของจีนก็จะเป็นเขื่อนเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำ ใหญ่มากที่สุดในโลก)

    การเสียศูนย์สมดุลย์ของโลก ในทุกมิติมีอย่างต่อเนื่องที่สำคัญคือด้านจิต คนที่สามารถฝึกจิตถึงระดับหนึ่ง เมื่อก้มลงแล้วลองกำหนดจิตลงมายังพื้นโลกจะสัมผัสกับดวงจิตที่ดำทะมึน รวมกันจากก้อนเล็กๆจำนวนมาก ภาพของสังคมที่เปลี่ยนไป จากจิตที่เต็มไปด้วยความ โลภ โกรธ หลง ที่มีพลังรุนแรงมากขึ้นคนจะทำชั่วง่ายขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ

    ***ล้อรถที่ถ่วงเพี้ยนไปไม่กี่กรัม ยังแกว่งตุปัดตุเป๋ ดังนั้นน้ำจำนวนขนาดที่หลายคนคิดว่าไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนมวลของโลก แต่อย่าลืมว่าล้อยางกับเหล็กถ่วงล้อรถ เทียบกันไม่ได้แต่มีผลมากมายกับระบบ***

    ..............................................................................
    เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากการปรับตัวของโลก
    ..............................................................................​

    สังเกตุนะความไม่สมดุลย์ก่อให้เกิด แผ่นดินไหว อย่างต่อเนื่องโลกพยายามปรับตัว แต่ไม่ได้ผลครับ ทำให้เกิดการสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง แล้วถึงจุดหนึ่งก็ต้อง reset ตัวเองหรือทั้งระบบ 1 ครั้งคือ จนต้องหยุดหมุนหรือเปลี่ยนองศาการหมุน สิ่งที่เกิดคือโลกจะหยุดหมุน 1 กึ๊ก หลายตนคิดว่าคงไม่เป็นไร แต่ผลกระทบคือมวลน้ำทะเลที่ไหลตามความเร็วโลกนั้น ในยามที่โลกหยุดหมุน (แบบหยุดกึ๊กเลย แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงและภูเขาไฟระเบิด ก้อนหินที่ทวีปตั้งวางอยู่ ที่เกิดการบดอัดกันของก้อนหินใหญ่ๆอย่างรุนแรง) หลังจากนั้น

    **************************************************
    เหตุการณ์ ดอกที่ 1

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโลกหยุด (แผ่นดินที่เป็นของแข็งหยุด แต่น้ำทะเลกลับไม่ยอมหยุด ยังคงเคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วเท่าเดิม) ด้วยจำนวนการเคลื่อนที่มีเร็วเท่ากับการหมุนของโลกก่อนหยุดหมุน ทำให้น้ำทะเลกวาด (พูดเฉพาะประเทศไทยนะที่อื่นไม่ทราบ) ภาคใต้ทั้งหมด ภาคกลาง..........น้ำจากทะเลอันดามัน จะขึ้นฝั่งแถวเมาะตะมะของประเทศพม่า น้ำในอ่าวไทย.........จะถล่มเขมร ขึ้นฝั่งแบบเกือบหมดอ่าว

    เหตุการณ์ดอกที่ 2

    หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง เมื่อโลกปรับสมดุลย์ได้แล้ว น้ำก็เริ่มไหลตามความลาดชั้นของพื้นที่ ทำให้สิ่งก่อสร้างที่ทนการกวาด ในแนวจากตะวันตกสู่ตะวันออก ต้องพังลงจากน้ำที่ไหลจากเหนือลงใต้อีกระลอกหนึ่ง และภาคใต้ ก็จะถูกวาดอีกครั้งกับคลื่นยักษ์ หลังจากน้ำทะเลจะถูกปรับเข้าสู่ภาวะสมดุลย์จะเหลือคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเอง และที่เหลือส่วนใหญ่ก็จะตายจากไปด้วยการอดน้ำ

    **************************************************

    ลุงลำดับเหตุการณ์ให้ฟังก็แล้วกัน เพื่อจะได้เตรียมตัวถูก(ไม่ต้องเชื่อ)

    1. เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง เหมือนล้อรถที่เสียสมดุลย์แกว่งอย่างน่ากลัว เกิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟที่ดับไปแล้วจะถูกอัดบดให้เกิดระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง

    2. โลกพยายามปรับสมดุลย์โดยอาศัยน้ำทะเลเป็นตัวช่วยจัดความสมดุลย์
    แต่ทำไม่มากนัก

    3.โลกหยุดกึ๊กหนึ่ง (เหตุการณ์ ที่สังเกตุได้คนจะล้มทั้งยืน ตึกอาคารจะพังเกลื่อนอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน)

    เสียงเตือนเหมือนวัวยักษ์ครางอือๆ อยู่ระงม ถึงตอนนี้ให้รีบหนีขึ้นที่สูงหรือภูเขาที่ไกล้ที่สุด ขอให้คนที่เตรียมพร้อมแล้ว อย่าเสียดายของที่พังลงไปแล้วขอให้เดินทางขึ้นเหนือให้เร็วที่สุด เพราะตอนนี้ถนนหนทางยังพอเดินทางได้ ให้ไปไกล้ตอนเหนือของประเทศให้มากที่สุด

    หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมง ก็จะมีเสียงดังเหมือนพายุใหญ่ทั้งเมืองจะได้ยินพร้อมกัน ภาพน้ำก็จะข้ามภูเขามาถล่มเมือง เพื่อกวาดทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจมอยู่ใต้น้ำที่ไหลกรากอย่างรวดเร็ว ด้วยจำนวนน้ำจำนวนมหาศาล

    4.หลังจากนั้น น้ำก็เริ่มไหลย้อนกลับ ไปตามความลาดชัน ทำให้สิ่งก่อสร้างทั้งหลายถูกกวาดหายไปกับสายน้ำ

    5.หลังจากวันนั้น ผู้ที่ยังรอดอยู่จะต้องเดินไปสุดแสนไกล เพื่อแสวงหาน้ำจืดเพื่อจะได้นำมาดื่ม

    คนที่รอด เริ่มเจอซากศพของคนตายเกลื่อนเมือง ความหิวกระหาย หนาวเย็นเริ่มทำให้คนแก่งแย่งอาหาร เครื่องนุ่งห่มกัน คนเสียสติจากการพบเห็นซากศพ และความสูญเสียเต็มทางเดิน ที่คนที่เป็นผู้รอดผ่านไป

    .............................................................................

    *** เตรียมตัวนะครับลูกๆหลานๆ****

    การเดินทางของผู้รอด จากระยะที่ 1

    1.ต้องขึ้นเหนือให้เร็วที่สุด ถนนหนทางที่เคยมีจะไม่สามารถใช้ได้ (เข็มทิศจะมีประโยชน์ตอนนี้เอง) สิ่งที่เราเคยจดจำเพื่อเป็นจุดสังเกตุในการเดินทาง จากการถูกกวาดของน้ำจำนวนมหาศาล ผู้อยู่ไกลจะไปไม่ถึง เพราะน้ำดื่มจะหมดระหว่างทางและคนเจ็บ คนเสียสติ โจรจะแก่งแย่งอาหารกัน(ดังนั้นขอให้ตัดสินใจเดินทางหลังจากเกิดแผ่นดินไหวทันที ดีที่สุดคือรถมอเตอร์ไซต์จะไปได้ไกลที่สุด)

    2. ลุงฝากถึงทุกคนที่จะต้องเดินทาง ถ้าไม่แน่ใจจะไปทางไหนขอให้ใช้จุดสังเกตุที่ตรงไป คือควันที่ลอยไปถึงขอบฟ้า (น่าจะเป็นควันที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดแถวภาคเหนือตอนล่าง)

    3. ลุงจะส่งวิทยุคลื่นสั้น(วิทยุสื่สารระบบ VHF) สำหรับติดต่อทุกคนที่กำลังมีการจัดเตรียมจุดทวนสัญญานอยู่ไว้เป็นเครื่องมือนำทางสำหรับทุกคน...........(หลานของคุณลุงคงจะมาทำแทนในเรื่องนี้เพราะคุณลุงบวชเป็นพระไปแล้ว)

    *****มีเวลาเตรียมตัว อีกไม่นานนัก******

    แตยังพอมีเวลานะ เพียงแต่เริ่มก็พอมีความหวัง ลุงไม่กล้ากล่าวเอ่ยถึงนิมิตมาก เพราะคนที่มีระดับจิตสูงกว่าลุง มีมากมายเพียงแต่ลุงเน้นฝึกอนาคตังญานเป็นหลัก ในระยะที่ผ่านมาหรือญานในส่วนอื่นๆ อ่านจะอ่อนด้อยลงไป

    *************************************************
    ขอบารมีแห่งธรรมโปรดตัดรอน กรรมที่เบียดบังความเห็นชอบของท่าน

    *************************************************
    ส่วนใหญ่ที่นำมา post ในเว็บบอร์ดพลังจิต คือเกิดจากนิมิตของลุงเอง นำมารวมกับคำพยากรณ์และบอกเล่าของครูบาอาจารย์ เพราะลุงเองเห็นเหตุการณ์เป็นเพียงบางจุดเท่านั้นเอง

    ไม่ต้องเชื่อหรอกครับ ยิ่งคนที่ไม่เคยฝึกทางจิตจนสามารถสัมผัสกับโลกในมิติอื่นๆได้ยิ่งไม่เข้าใจ และยิ่งอธิบายก็คงเหมือนเล่าให้คนในป่าฟังเรื่องรถไฟฟ้าใต้ดิน เขาไม่เข้าใจหรอกครับ เพราะในความรู้สึกของเขาอย่างมากก็มีพวกใส้เดือน จิ้งหรีดเท่านั้นเองที่อยู่ใต้ดิน อย่าไปพยายามทำความเข้าใจเลยครับเหนื่อยเปล่า แต่เชื่อว่าคนในเว็บพลังจิตส่วนใหญ่จะเข้าใจ

    <!--test-->
    ที่มา http://palungjit.org/threads/คนไม่เข้าใจ-ว่าน้ำมาจากไหนกัน-ถึงท่วมโลกได้.65310/
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    โลกจะหยุดหมุนหนึ่งวินาที
    (สาส์นจากมนุษย์ต่างดาวถึงมนุษยชาติ)

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --> <SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2240206", true); </SCRIPT>สมาชิก (แปลและเรียบเรียง)

    อะไรกำลังจะเกิดขึ้น?

    ที่โรงเรียนแห่งจิตวิญญาณ Borup แห่งนี้ เป็นโรงเรียนที่จะทำให้เข้าใจว่าอะไรกำลังจะเกิดกับมนุษยชาติ เพื่อที่จะทำให้มนุษย์สามารถเข้าใจว่าสาเหตุของเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นจากอะไร และจะสามารถผ่านพ้นมันไปได้อย่างไร สาเหตุของเหตุการณ์ที่ว่านี้ คงจะเรียกว่าเป็นเรื่องที่ดีไม่ได้ในช่วงแรกๆ เพราะว่ามนุษย์ยังไม่เข้าใจกฎแห่งชีวิต แต่เหตุการณ์นี้มันจะจบลงเมื่อถึงวันแห่งการกลับมาครั้งที่สองของเรา (My Second Coming)

    เราได้กล่าวแล้วว่า เราคือชีวิตและสัจธรรม และเราก็ได้กล่าวแล้วว่า ใครก็ตามที่ตามเรามาจะไปถึงพระผู้เป็นเจ้า หนทางสู่พระผู้เป็นเจ้าของมนุษย์คือโดยผ่านเรา เรื่องนี้เราได้สอนเอาไว้แล้ว และเราอยากให้พวกท่านเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่า ทำไมมันถึงเป็นเช่นนี้ ผู้ใดที่ค้นหาเรา ผู้ใดที่พยายามค้นหาสัจธรรมของชีวิตโดยการฟังเสียงที่เราพร่ำสอนเอาไว้ ก็จะเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากกว่า

    ตอนนี้เราจะกลับมาหามนุษย์โลกอีกครั้งด้วยตัวเราเอง ด้วยกายเนื้อที่สมบูรณ์และกองทัพสวรรค์ดั่งที่ได้กล่าวเอาไว้นานแล้ว และเมื่อนั้นดาวเคราะห์โลก (จิตสำนึกของโลกและของชาวโลก) ก็จะถูกยกระดับสูงขึ้น ดังนั้นพวกเขาก็จะเข้าใจพระผู้เป็นเจ้าและความเป็นพระผู้เป็นเจ้าได้ดีขึ้น เพราะว่าตอนนี้พวกเราได้เข้ามาใกล้กันมากขึ้นแล้ว

    เพราะว่าเรากำลังมาหาพวกท่าน พวกท่านจะสามารถเข้าใจในพระผู้เป็นเจ้าได้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เข้าใจว่าพระองค์คืออะไร และพระองค์หมายถึงอะไร มีชาวโลกมากมายที่ยังไม่เข้าใจว่ากำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง พวกเขามีลางสังหรณ์ พวกเขารู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ลางสังหรณ์ที่เรากล่าวถึงหมายถึง สิ่งที่ผู้คนจำนวนมากมายรู้ไม่ค่อยชัดเจนว่าสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น

    มันกำลังจะส่งผลร้ายอะไรมาสู่ตนเอง ส่วนคำว่ารู้เหตุการณ์ล่วงหน้าที่เรากล่าวถึง หมายถึง ผู้ที่รู้ตัวเองว่า พวกเขาได้ทำอะไรลงไป และมันจะส่งผลกระทบอะไรต่อพวกเขาและคนอื่นๆมนุษย์ควรจะได้รับอนุญาตให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสรเสรีอย่างแท้จริง และมนุษย์ก็จะได้รับอนุญาตให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสรเสรีอย่างแท้จริง

    มนุษย์จะได้รับอนุญาตให้สามารถสร้างสรรค์อะไรขึ้นมาก็ได้ตราบเท่าที่ใจของมนุษย์สามารถจินตนาการสร้างมันขึ้นมาได้ เพราะว่าใครก็ตามที่สามารถจินตนาการอะไรขึ้นมาในใจของตนเองได้ ไม่ช้าไม่นานสิ่งนั้นมันก็จะกลายเป็นจริง ไม่มีอะไรที่มนุษย์สามารถคิดมันขึ้นมาได้แล้ว มันจะกลายเป็นความจริงขึ้นมาไม่ได้

    อะไรก็ตามที่ใจสามารถสร้างสรรค์มันขึ้นมาได้ มันก็จะสามารถถูกสร้างขึ้นมาในโลกแห่งความเป็นจริงได้เช่นเดียวกัน มันเป็นพลังแห่งความคิด ซึ่งเป็นพลังแห่งการสรรค์สร้างที่แท้จริง เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว พวกท่านคงพร้อมที่จะเข้าใจแล้วว่า สิ่งต่างๆมันถูกสร้างขึ้นมาจากผู้ที่ไปถึงจุดแห่งความเจริญ ที่ไกลกว่ามนุษย์โลกมากแล้วนั้นได้อย่างไร ทำไมผู้ที่ผ่านบทเรียนแห่งชีวิตมามากกว่ามนุษย์โลก จึงประสบความสำเร็จในศาสตร์ต่างๆมากกว่ามนุษย์โลกเป็นไหนๆ

    เราได้สอนพวกท่านเกี่ยวกับกฎแห่งการจัดลำดับแล้วด้วย และพวกท่านก็มีความเข้าใจในระดับหนึ่งแล้ว พืชพันธุ์ทั้งหลายก็มีระดับของการจัดลำดับของมันเอง สรรพสัตว์ทั้งหลายก็มีของตัวเอง มนุษย์ก็มีของมนุษย์เอง การจัดลำดับเหล่านี้ขยายลึกลงไปถึงระดับจักรวาล และไปถึงรูปธรรมทรงภูมิปัญญาทั้งหลาย ที่มีระดับภูมิปัญญาสูงส่งเกินกว่าที่มนุษย์โลกจะใช้มาตรฐานใดๆที่ตัวเองมีอยู่ในปัจจุบันนี้มาประเมินได้

    เราได้กล่าวไปแล้วว่า มีดวงดาวหลายล้านดวงที่เตรียมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือโลก และต้องเข้าใจว่าตอนนี้ดาวเคราะห์โลกกำลังจะยกระดับขึ้นสู่สภาวะของจิตสำนึกที่สูงขึ้น จิตสำนึกของดาวเคราะห์โลกใบนี้กำลังจะถูกยกระดับให้สูงขึ้น สิ่งนี้เราได้เคยสอนพวกท่านแล้ว และเรายังได้เคยกล่าวแล้วด้วยว่ากาแล็กซี่ทั้งกาแล็กซี่นี้กำลังจะถูกยกระดับขึ้น นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมดวงดาวหลายล้านดวงจึงกำลังเตรียมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในเหตุการณ์นี้

    ดวงดาวหลายๆดวงในจำนวนที่กล่าวถึงนี้ อาจจะมาช่วยเหลือโลกโดยตรง ในสถานการณ์แห่งความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น ความเจ็บปวดที่มนุษย์โลกได้ร่ำร้องขอให้พระเจ้าลงโทษตัวเองมานานแล้ว สำหรับโรงเรียนแห่งนี้ที่ได้ตั้งขึ้น และได้เขียนถึงสิ่งกำลังจะเกิดขึ้นนี้ และหากพวกท่านจะคิดตามเราสักเล็กน้อย พวกท่านก็จะเข้าใจได้ดีขึ้นเกี่ยวกับปฏิบัติการครั้งยิ่งใหญ่ ที่เรียกว่า “การกลับมาครั้งที่สองของพระคริสต์” (The Second Coming of Christ)​

    [​IMG]

    เราได้กล่าวไปแล้วว่าโลกจะหยุดหมุนหนึ่งวินาที และโลกก็จะหยุดหมุนหนึ่งวินาที จากนั้นมันก็จะหมุนต่อไป จากนั้นโลกก็จะคว่ำหัวลงแบบง่ายๆ ซึ่งนั่นก็จะทำให้ด้านต่างๆของโลกเปลี่ยนสลับกันไปโดยสิ้นเชิง และเราก็ได้กล่าวไปแล้วด้วยว่า ในขณะที่เหตุการณ์นี้กำลังเกิดขึ้น ชาวโลกจำนวนมากมาย จะถูกอพยพขึ้นไปอยู่บนยานอวกาศขนาดใหญ่จำนวนมากมาย ซึ่งท่านก็รู้ถึงขนาดความมหึมาของยานเหล่านี้แล้ว

    แต่เราอยากจะเตือนความจำพวกท่านด้วยว่า เมื่อมนุษย์โลกกลับลงมายังโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง มันจะเหลือแต่ความว่างเปล่า และความแห้งแล้ง ปราศจากพืชพันธุ์ ไม่มีมนุษย์คนไหนสามารถทำอะไรได้ หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ ตอนนี้เราอยากจะให้พวกท่านคิดและจินตนาการถึงเสบียงอาหารจำนวนมหาศาลที่ถูกจัดเก็บไว้รอพวกท่านอยู่แล้ว เสบียงอาหารเหล่านี้มีปริมาณเพียงพอสำหรับชาวโลกที่จะกลับลงมาบนโลก ที่จะกินได้ไปเป็นปี

    ตอนนี้ท่านคงรู้แล้วว่าทำไมเราถึงเรียกสิ่งนี้ว่า “สาส์นแห่งควาสุข”(Message of Joy) ที่มันเป็นสาส์นแห่งความสุข ก็เพราะว่ามันมีความช่วยเหลือขนาดมหึมาที่จะมาถึง ความช่วยเหลือนี้จะมาถึงได้ก็ต่อเมื่อมนุษย์โลกรู้จักที่จะใช้ชีวิตอยู่อย่างสันติและปรองดองกัน และใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับกฎของพระผู้เป็นเจ้า โดยการเลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว ก็จะไม่มีสัตว์หรือมนุษย์คนใดที่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะบาดแผลอีกต่อไป

    เพื่อเป็นการยกระดับจิตวิญญาณของมนุษย์โลกขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น จำเป็นจะต้องมีโรงเรียนสอนด้านจิตวิญญาณให้ เพื่อให้มีการเจริญเติบโตทางจิตวิญญาณอย่างเต็มที่ จิตสำนึกของมนุษยชาติต้องก้าวกระโดดไปสู่ความเข้าใจแบบใหม่อย่างอย่างสิ้นเชิง มันต้องเป็นไปในรูปแบบของการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณอย่างกะทันหัน ซึ่งการผ่าเหล่าทางจิตวิญญาณนี้ จะนำไปสู่การก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของวิทยาศาสตร์โลก ซึ่งหมายถึงมนุษย์โลกจะบรรลุเป้าหมายทางความรู้ครั้งยิ่งใหญ่

    เราสามารถกล่าวได้เลยว่า ความก้าวหน้าที่ว่านี้ อย่างน้อยๆ ก็ก้าวไกลเกินกว่าจินตนาการที่ไกลที่สุดของมนุษย์โลกในปัจจุบัน ที่จะสามารถจินตนาการไปถึงได้เลยทีเดียว เราได้ให้สัญญาเอาไว้แล้วว่า ในการกลับมาครั้งที่สองของเรานี้ มนุษย์จะไม่รู้จักการตาย และหลายๆคนอาจจะพูดว่า มันเป็นไปไม่ได้ ร่างกายของมนุษย์ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ชั่วกาลนาน เราขอให้พวกท่านคิดตามเราอีกครั้งหนึ่ง แล้วท่านก็จะเข้าใจว่ามันเป็นไปได้

    ร่างกายของมนุษย์โลกสามารถซ่อมแซมตัวมันเองได้ เซลล์ใหม่ๆจะถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเก่าๆที่ตายไปแล้วตลอดเวลา เซลเม็ดเลือดใหม่ถูกสร้างขึ้นมาทดแทนเซลเม็ดเลือดเก่าด้วยตัวมันเอง ประดุจว่าเป็นร่างกายใหม่ (เพราะว่าเซลเก่าทั้งหมดตายไปแล้ว จึงเหลือแต่เซลใหม่ จึงเหมือนเป็นร่างกายใหม่แล้ว – Chayutt )

    แต่ว่า การแก่ เกิดขึ้นได้เพราะมนุษย์ไม่ได้เข้าใจถึงวิถีแห่งชีวิตและกฎแห่งชีวิต ด้วยเหตุนี้ เมื่อเซลร่างกายถูกสร้างขึ้นมาใหม่แทนที่เซลเก่าแล้ว ได้รับผลกระทบจากการแสดงออก และการกระทำที่ผิดต่อผู้อื่นของมนุษย์เอง และการกระทำผิดต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย มันจึงทำให้เกิดความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น เพราะว่ามนุษย์โลกทำผิดกฎข้อที่ร้ายแรงที่สุดข้อนี้ไป

    หากมนุษย์หยุดรับประทานเนื้อสัตว์เมื่อใด เซลร่างกายของมนุษย์จะซ่อมแซมตัวเองในวิถีทางใหม่ ที่แตกต่างไปจากที่ในขณะรับประทานเนื้อสัตว์ เมื่อนั้นมนุษย์ก็จะได้รับความรู้ใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสินเชิง เกี่ยวกับโครงสร้างและส่วนประกอบภายในเซลร่างกายของมนุษย์เอง และมนุษย์จะรู้อย่างชัดเจนว่า ทุกสิ่งทุกอย่างถูกซ่อมแซมทางเคมีขึ้นมาใหม่อย่างไร

    ดังนั้น มนุษย์ผู้นั้นก็จะสามารถสร้างเซลร่างกายใหม่ขึ้นมาทดแทนได้ง่ายๆด้วยวิธีดังกล่าวนี้ บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์การแพทย์บริสุทธิ์ ซึ่งมนุษย์ผู้นั้นจะยังความอ่อนเยาว์และสดชื่นตลอดเวลา และนี่จึงเป็นสาเหตุว่าบางคนดูราวกับว่าอายุ 20 กว่าๆทั้งๆที่อายุจริง 800 – 900 ปี หรือแม้แต่แก่กว่านั้นแล้วก็ตาม

    นี่จึงเป็นเหตุผลที่เรากล้ายืนยันกับพวกท่านว่า หลังจากวันนั้นแล้ว จะปราศจากซึ่งความตาย จะไม่มีการตายทางกายภาพเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้วหลังจากวันนั้น มันขึ้นอยู่กับขีดความสามารถของพวกท่านเอง ที่จะเข้าใจเรื่องนี้ เพราะเหตุนี้ เราจึงกำลังจะบอกกับท่านเรื่องนี้

    ความรู้ใหม่อันนี้ จะเผยตัวมันเองออกมาในหลายๆแง่มุม การแก่ของอายุที่เรากล่าวถึงนี้ มันเริ่มต้นจากความคิดของผู้นั้นเอง จากนั้นมันจึงออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง เมื่อพลังแห่งความปรารถนาและความคิดก่อตัวขึ้นอย่างมหาศาล และเมื่อผู้นั้นได้ควบคุมพลังแห่งความปรารถนา และความคิดนั้นอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ผู้นั้นก็จะสามารถบังคับให้เกิดการกระทำและสิ่งต่างๆได้เองโดยลำพัง โดยอาศัยแรงแห่งความคิดและความปรารถนาของผู้นั้นเอง นี่คือสิ่งที่มนุษย์โลกทุกวันนี้ยังไม่ค่อยเข้าใจ

    ที่มา http://palungjit.org/threads/การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก-เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก-ของมิตรจากต่างพิภพ-และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/page-9
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • obr1088.jpg
      obr1088.jpg
      ขนาดไฟล์:
      188.5 KB
      เปิดดู:
      12,539
    • obr2426.jpg
      obr2426.jpg
      ขนาดไฟล์:
      70.1 KB
      เปิดดู:
      15,109
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2009
  18. ragpon

    ragpon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    456
    ค่าพลัง:
    +954
    เรื่องนิมิต จริง แท้ ครับ
    ขอบคุณครับคุณ เกษม อาการของครั้งแรกเกิดขึ้นแล้วกับผมทั้งหมดเลยทั้งตาและหูแต่ว่าถึงยังไงผมก็ยังไม่เชื่อในนิมิตแม้ว่าจะชัดเจนแค่ไหนก็ตามเพียงเป็นเครื่องมือผ่านให้ปลงหรือเพียงรู้ว่าอันนี้ควรทำต่ออันนี้ทำแล้วไม่ดีก็วางซะถ้าไม่วางเวลาทำแล้วผลที่ได้รับมันจะดีหรือร้ายก็จะได้กลับมาเป็นปัญญาตัดสินเพียงตัวเองเท่านั้น เฝ้ามองแต่ตัวเอง ยับยั้งแต่ตัวเอง จะผิดจะถูกก็เพราะตัวเองกำหนดทั้งสิ้นไม่มีใครมากำหนดให้เราทำผิดได้ถูกได้ ที่บอกกล่าวมานี้หวังให้พี่ เกษม หาข้อมูลดีๆมาเพิ่มอีกครับ สาธุๆๆ กราบ
     
  19. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    *หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ*



    ***** ภัยธรรมชาติ *****


    .....................คำปรารภ................

    .........หนังสือเรื่อง "พุทธวงศ์ อายุขัยของมนุษย์ ภัยธรรมชาติ" เล่มนี้
    ข้าพเจ้าได้เรียบเรียงขึ้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษาและพิจารณาเปรียบเทียบกับสถานการณ์โลกในปัจจุบันที่
    กำลังเกิดขึ้น ตามสถานที่ต่างๆทั่วโลก ภัยธรรมชาติประเภทต่างๆที่กำลังเกิดขึ้น จะมีความรุนแรงมากขึ้น
    ที่ยัง ไม่ทันเกิดก็จะเกิดในไม่ช้านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย เป็นไปตามธรรมชาติในตัว ของมันเอง
    ไม่มีใครมีอำนาจควบคุมหรือบังคับสั่งการอะไรได้

    .........หากท่านผู้อ่านได้รับทราบเรื่องราวที่มีในหนังสือเล่มนี้ ถ้ามีข้อสงสัยประการใด สามารถ ติดต่อสอบถาม
    กับข้าพเจ้าได้โดยตรง ข้าพเจ้ายินดีที่จะให้ความกระจ่างในทุกเรื่องที่ได้เรียบเรียง ลงในหนังสือเล่มนี้

    .........ผู้มีปัญญาย่อมไม่ตั้งตนอยู่ในความประมาท สิ่งที่ผ่านมาก็ผ่านไปแล้ว ไม่สามารถแก้ไข อะไรได้
    ขอให้ทุกท่านได้ใช้เวลาที่มีอยู่ สร้างบุญกุศลบารมีตัวเองเอาไว้ให้มาก พวกเรามีโอกาส ได้เกิดมา
    ในยุคสมัยที่พระพุทธศาสนายังคงความบริบูรณ์อยู่ จงพากันตั้งใจหมั่นสร้างเสริมบุญบารมี ทาน ศีล
    และภาวนา ให้ถึงพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อเป็นเหตุเป็นปัจจัยนำพาท่านทั้งหลายข้ามพ้นวัฏฏะ อันเต็ม
    ไปด้วยความระทมทุกข์ ไปสู่ฝั่งพระนิพพานดังที่ได้ปรารถนาไว้โดยเร็วพลันด้วยเทอญ


    พระปัญญาพิศาลเถร
    (พระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ)





    พุทธวงศ์



    .....ความเป็นอยู่ของโลก มีความเป็นมายาวนาน มนุษย์ที่เกิด
    ขึ้นมาในโลกนี้ก็มีความเป็นอยู่ที่ ยาวนานเช่นกัน โลกนี้เกิดขึ้นมาแต่เมื่อไรมนุษย์ก็มีอยู่ในโลกนี้มาแต่เมื่อ
    นั้น มนุษย์สามัญชน ธรรมดาไม่มีใครรู้ได้ ผู้จะรู้ความเป็นอยู่ของโลกและหมู่มนุษย์ได้ มีเฉพาะพระพุทธเจ้า
    องค์เดียว เท่านั้น เพราะพระพุทธเจ้ามีญาณหยั่งรู้ในเรื่องของโลกและมวลหมู่มนุษย์ได้อย่างแจ่มแจ้งถูกต้อง ชัดเจน

    ...หลายๆท่านได้ศึกษาตามหลักวิทยาศาสตร์มาอย่างไร ก็ได้คำนวณคาดการณ์ไปว่า โลกได้เกิด ขึ้นแต่เมื่อนั้น
    หมู่มนุษย์ได้เกิดขึ้นในยุคนั้นยุคนี้ไป มีหนังสือออกเผยแพร่ให้คนทั้งหลายได้รู้กัน ทั่วโลก และมีคน
    ทั้งหลายให้ความเชื่อถือว่าเป็นจริงอย่างนี้และมีเหตุผลต่างๆเอามาเปรียบเทียบ เป็นข้อคิดให้เชื่อตาม
    จึงเชื่อกันไปตามพวกฝรั่งที่เขียนเอาไว้ และยังมีความเข้าใจว่าในจักรวาล อื่นหรือดาวต่างๆอาจจะมีสัตว์
    หรือมนุษย์ต่างดาวพอที่จะไปสัมผัสได้ จึงพากันเชื่อเครื่องมือทาง วิทยาศาสตร์อันทันสมัย เพื่อออกไป
    สำรวจดูตามความเข้าใจของตัวเอง นานหลายปีก็ไม่มีมนุษย์ ต่างดาวตามที่เข้าใจแต่อย่างใด ผู้ไม่มี
    เหตุผลเพื่อการศึกษา ก็มีความเชื่อตามๆกันไป เพราะเชื่อตามการวิจัยวิเคราะห์ของพวกฝรั่งที่ได้
    คำนวณเอาไว้ ในบางเรื่องพอเชื่อได้ ในบางเรื่องเชื่อไม่ได้

    ...ถึงข้าพเจ้าจะยกบุคคลขึ้นมาเป็นองค์ประกอบที่ชอบด้วยเหตุผล หลายๆคนก็จะไม่เชื่อถืออยู่นั่น เอง
    และมีความสงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไรเพราะในยุคนี้มีน้อยคนที่จะรู้ประวัติของพระพุทธเจ้าทั้ง หมดได้
    ข้าพเจ้าเองก็ได้ศึกษาประวัติของพระพุทฑเจ้ามา ถึงจะไม่รู้ทั้งหมดในคำสอนของพระ พุทธเจ้า
    ก็พอจะนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาอธิบายให้ท่านรู้อยู่บ้าง ขอให้ท่านได้รับรู้กันด้วย เหตุและผล เรื่องที่ข้าพเจ้า
    จะนำมาอธิบายให้ท่านรู้ในขณะนี้มีเหตุผลเชื่อถือได้เพียงใด ให้เราทั้ง หลายใช้ปัญญาพิจารณาตรึกตรองดู
    ก็จะรู้ด้วยเหตุผลว่าโลกและมนุษย์มีความเกิดขึ้นจนถึงปัจจุบัน มีความยาวนานเท่าไร ให้จินตนาการดูก็จะรู้
    และมีความเข้าใจในโลกมนุษย์นี้เป็นอย่างดี มิใช่ว่าจะ เชื่อตามคนอื่นไปเสียทั้งหมด สิ่งใดควรเชื่อถือได้
    หรือเชื่อถือไม่ได้ ต้องใช้เหตุผลของตัวเอง เป็นหลักสำคัญ ไม่เช่นนั้นจะเป็นนิสัยเชื่ออะไรที่งมงายไร้เหตุผลตลอดไป

    ...ในโลกนี้มีพระพุทธเจ้าองค์เดียวเท่านั้นที่มีญาณวิเศษรู้เห็น ว่าโลกทั้งสามนี้เกิดขึ้นแต่เมื่อไร พระสาวก
    ทั้งหลายไม่มีญาณหยั่งรู้เหมือนพระพุทธเจ้าได้ ที่เรียกว่าโลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลกทั้งหมด
    รู้ความเป็นมาของโลกในอดีตถึงปัจจุบัน และรู้ความเป็นไปในเรื่องอนาคตของโลกนี้อย่างทั่วถึง
    ความรู้แจ้งโลกนี้
    จะมีเฉพาะพระพุทธเจ้าเท่านั้น บรรดาพระอริยสาวกทั้งหลายมี
    ปัญญาญาณในการละกิเลสเท่านั้นพระพุทธองค์จึงเป็นครูสอนเทวดา มาร พรหม และมนุษย์ทั้งหลาย

    ....พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ในโลกนี้มีอยู่แสนโกฏิจักรวาล โลกที่พวกเราอาศัยอยู่ในขณะนี้ เป็น จักรวาลหนึ่งที่ตั้งอยู่
    ในท่ามกลางของแสนโกฏิจักรวาล และมีจักรวาลเดียวเท่านั้นที่มีสัตว์ประกอบ ด้วยธาตุสี่อาศัยอยู่ได้ มีการสืบพันธุ์
    ต่อกันได้ มีอาหารการกินที่สมบูรณ์ จะมีเฉพาะโลกมนุษย์ที่ อาศัยอยู่แห่งเดียวเท่านั้น ในจักรวาลอื่นไม่มีสัตว์
    ที่มีธาตุสี่อาศัยอยู่ได้เลย เพราะจักรวาลอื่นไม่มี พืชพันธุ์ธัญญาหารให้สัตว์โลกที่มีธาตุสี่อยู่กินและสืบพันธุ์
    ต่อกันเหมือนโลกมนุษย์แต่อย่างใด ใน จักรวาลอื่นเป็นเพียงจิตวิญญาณที่มีกรรมดีกรรมชั่วไปอาศัย
    อยู่ชั่วระยะหนึ่งเท่านั้น เมื่อถึงกาล เวลากรรมที่ทำไว้หมดไป ก็จะได้กลับมาเกิดใหม่ในโลกมนุษย์นี้อีก
    จึงเป็นวัฏจักรหมุนเวียนเกิด ตายในโลกนี้ไม่มีที่สิ้นสุดลงได้

    ....เรื่องของกรรมในศาสนาพุทธไม่เหมือนศาสนาอื่น ที่ทำกรรมชั่วเอาไว้แล้วทำพิธีล้างบาป ตาย แล้วได้ไ
    ปอยู่กับพระเจ้าตราบชั่วนิรันดร์ หลักของศาสนาพุทธไม่มีการล้างบาป ผู้ทำบาปต้องได้ รับผลของบาป
    กรรมดีกรรมชั่วเป็นตัวกำหนดให้เป็นไป เว้นเฉพาะผู้ที่สิ้นอาสวะกิเลสเท่านั้นที่ไม่ ได้มาเกิดในภพทั้งสามนี้อีกต่อไป

    ....พระพุทธเจ้าที่อุบัติเกิดขึ้นบนโลกนี้ในอดีตที่ผ่านมามีเป็นจำนวนมาก ทุกพระองค์ล้วนแล้วได้ มาอุบัติเกิดขึ้น
    ในโลกมนุษย์นี้ทั้งนั้นพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน หรือพระศรีอาริยเมตไตรย์ พระพุทธเจ้าองค์ต่อๆไป มีจำนวนมาก
    ทุกๆพระองค์ก็จะมาบำเพ็ญบารมีในโลกมนุษย์นี้ด้วยกัน เป็น ปัญญาธิกะ ศรัทธาธิกะ วิริยาธิกะ ให้สมบูรณ์ใน
    โลกมนุษย์นี้ และได้มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าใน โลกนี้เช่นกัน

    ....ฉะนั้นจักรวาลที่โลกมนุษย์อาศัยอยู่ จึงเป็นศูนย์กลางของจักรวาลทั้งหลาย ผู้จะทำกรรมดี กรรมชั่ว ก็ต้องทำ
    ในจักรวาลนี้ทั้งนั้น เมื่อทำกรรมดี จิตวิญญาณก็ส่งผลให้ไปอยู่ในจักรวาลอื่นๆ ที่เรียกว่าเทวโลกหรือพรหมโลก
    ในชั่วระยะหนึ่ง เมื่อบุญกุศลได้หมดไปก็ได้กลับมาเกิดในโลก มนุษย์นี้อีก หรือทำกรรมชั่วเอาไว้ จิตวิญญาณก็
    จะได้รับผลในอบายภูมิ คือ นรก เปรต สัตว์ดิรัจฉาน อสุรกาย เมื่อกรรมชั่วหมดไปก็จะไก้กลับมาเกิดในโลกมนุษย์นี้อีก
    จึงเป็นวัฏจักรที่จิตวิญญาณ ต้องหมุนเวียนไปมา ตามกรรมที่ทำไว้แล้ว เว้นแต่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า
    และพระอริยเจ้า ผู้สิ้นอาสวะกิเลสได้แล้วอย่างสมบูรณ์เท่านั้น จึงไม่มีการเกิดในโลกทั้งสามนี้อีกต่อไป นี้เป็นหลัก
    ของพระพุทธเจ้าที่พร้อมด้วยเหตุและผล

    ....ดังที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ในโลกมนุษย์นี้ หากมีการประดับประดาให้สุดสวยงามงอนเหมือน ราชรถก็ย่อม
    ทำได้ พระพุทธเจ้าตรัสต่อไปว่า ..."คนเขลาเท่านั้นข้องอยู่ คนฉลาดหาข้องอยู่ไม่"..

    ....เมื่อเราได้รับรู้ในคำตรัสของพระพุทธเจ้าแล้วอย่างนี้ เรามีความคิดเห็นเป็นประการใด ให้เราใช้ปัญญา
    พิจารณาดูตัวเองบ้าง อาจสำนึกได้ว่าเราเป็นผู้ฉลาดหรือเป็นคนเขลากันแน่ ถ้ารู้ตัวเองว่าเป็นคนเขลา
    เราจะฝึกสติปัญญามาสอนใจให้มีความฉลาดรอบรู้ตามความเป็นจริงได้อย่างไร ให้ใจมีความฉลาด
    รอบรู้ในหลักสัจจธรรมเอาไว้บ้าง ถ้ารู้ตัวเองว่าเป็นคนเขลา เราจะหาวิธีฝึกใจให้มีความฉลาดได้

    ....ถ้าเข้าใจว่าตัวเองเป็นผู้ฉลาด โอกาสที่จะเป็นคนเขลานั้นมีสูง หายากมากที่คนเราเกิดมาจะมีความฉลาด
    มาพร้อมกัน จะต้องมีความเขลาติดตัวมาด้วย แล้วฝึกความฉลาดให้เกิดขึ้นในภายหลัง หรือเหมือนที่คน
    เกิดมาจะมีความดีถูกต้องไปเสียทั้งหมด ย่อมเป็นไปไม่ได้ ทุกคนย่อมมีการทำผิด และพูดผิดมาก่อน
    แล้วนำมาเป็นบทเรียนเพื่อแก้ไขตัวเองให้มีการทำและการพูดที่ถูกในภายหลัง

    ....พระพุทธเจ้าเอาสัจธรรมมาสอนในหมู่มนุษย์ทั้งหลาย มิใช่ว่าพระองค์จะเอามาจากที่อื่น เพราะ
    สัจธรรมความจริงมีอยู่ใตวเราอยู่แล้ว แต่เราไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นธรรม จึงได้เกิดความหลงและเกิดความ
    เข้าใจผิดคิดว่าสมบัติทั้งหลายเป็นของของเรา จึงเอาสมบัติของโลกมาทับถมใจตัวเองให้เกิดความทุกข์
    หรือเรียกว่าแสวงหาความสุขในเหตุที่เป็นทุกข์ฉะนั้น พระธรรมจึงเป็นของเก่ามีมาพร้อมกันกับมวล หมู่มนุษย์
    ทั้งหลาย พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ที่ผ่านมาก็เอาสัจธรรมความจริงที่มีอยู่ในตัวของ มนุษย์ทั้งหลาย
    นำมาสอนให้มนุษย์มีความรู้เห็นที่ถูกต้องในความจริง จึงเรียกว่า พระพุทธเจ้าได้ ค้นพบหลักสัจธรรม
    ในหมู่มนุษย์ แล้วสอนให้ทุกคนดูสัจธรรมที่มีอยู่ในตัวเอง ว่าทุกอย่างมีความ เป็นจริงอย่างนี้ด้วยสติปัญญาเฉพาะตัว
    </pre>

    ......................................................................................@....@.....................................................................................



    อายุขัยของมนุษย์


    ....เมื่อพูดถึงเรื่องพระพุทธเจ้าที่ได้อุบัติเกิดขึ้นในโลกนี้หลาย
    พระองค์ที่ผ่านมา หลายคนอาจมีความ สงสัยว่าเป็นไปได้อย่างไร ก่อนจะอธิบายประวัติของพระพุทธเจ้า
    ให้ท่านได้รู้ จำเป็นต้องอธิบายใน ความเป็นอยู่ของโลกมนุษย์ที่เราอาศัยอยู่ให้เข้าใจ เพราะพระพุทธเจ้า
    ที่ได้อุบัติเกิดขึ้นในโลกนี้ มนุษย์มีอายุขัยแต่ละยุคแต่ละสมัยไม่เท่ากัน
    บางยุคมนุษย์มีอายุขัยน้อย บางยุคมีอายุขัยมากไม่เท่ากัน พระพุทธเจ้าก็ต้อง
    มีอายุขัยที่เป็นไปใน หมู่มนุษย์ตามยุคนั้นๆ อายุขัยของหมู่มนุษย์ไม่เท่ากัน เพราะเป็นกฎเกณฑ์ของ
    ธรรมชาติต้องเป็น อย่างนี้ มนุษย์ในยุคปัจจุบันนี้อาจไม่รู้หรือไม่เชื่อว่าเป็นไปได้ถึงอย่างไรขอให้ท่าน
    ได้พิจารณา ด้วยปัญญาที่มีเหตุผล อย่าเพิ่งปฏิเสธว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเป็นไปแล้วในอดีตที่ผ่านมา ถ้าผู้ได้ ศึกษา
    หนังสือพุทธวงศ์ จะรู้ในเรื่องของพระพุทธเจ้าแต่ละยุคได้ดีและมีความเข้าใจในอายุขัยของ หมู่มนุษย์ในยุคนั้นๆ

    ....อายุขัยของมนุษย์แต่ละยุคไม่เท่ากัน ในบางยุคมนุษย์มีอายุขัยขาขึ้น ในบางยุคมนุษย์มีอายุขัย ขาลง
    มนุษย์มีอายุขัยขาขึ้นมีอายุขัยขาลงเป็นอย่างไรท่านจะได้รู้ในหนังสือเล่มนี้ พระพุทธเจ้าที่มา
    อุบัติเกิดขึ้นในโลกก็จะอธิบายเอาไว้พอเป็นตัวอย่าง คำว่า มนุษย์มีอายุขัยขาขึ้นและขาลงมีเพดาน กฎเกณฑ์
    เอาไว้ดังนี้

    ....มนุษย์มีอายุขัยขาขึ้น หมายถึง ยุคมนุษย์ที่มีอายุขัยยาวนานที่สุด ๑ ล้านปี เป็นอายุขัย
    อายุขัยของมนุษย์ขาลงต่ำสุดมี ๑๐ ปีเป็นอายุขัย...
    อายุขัยขาขึ้นและขาลงจะเป็น
    กฎธรรมชาติในตัวมันเอง มนุษย์ทั้งหลายจะมีอายุขัยเป็นไปตามกฎเกณฑ์ ของธรรมชาตินี้ด้วยกัน
    เรียกว่ากฎเกณฑ์ของอายุขัย ไม่มีสิ่งใดๆเปลี่ยนแปลงได้เลย มนุษย์และสัตว์ จะเป็นไปตามธรรมชาติ
    เป็นวัฏจักรหมุนเวียนวนไปมาอยู่อย่างนี้ เมื่อมนุษย์มีอายุขัยขาขึ้น รูปร่าง สูงใหญ่ไปตามอายุขัย
    ที่มากขึ้น เมื่อมนุษย์มีอายุขัยขาลง รูปร่างก็เตี้ยและเล็กลงตามอายุขัยในยุคนั้นๆ

    ....การคำนวณอายุขัยของมนุษย์ขาขึ้นและขาลงมีดังนี้ สมมติว่ามนุษย์มีอายุขัย ๑๐ ปีตาย อีก ๑๐๐ ปี
    อายุขัยเพิ่มขึ้น ๑ ปี เป็น ๑๑ ปีเป็นอายุขัย อีก ๑๐๐ ปี อายุขัยเพิ่มขึ้น ๑ ปี มนุษย์จะมีอายุขัย ๑๒ ปีตาย
    ๑๐๐ ปีอายุขัยเพิ่ม ๑ ปี เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ มนุษย์จะมีอายุขัย ๒๐ ปีตาย ๑๐๐ ปีตาย
    ๑ พันปีตาย ๑ หมื่นปีตาย ๑ แสนปีตาย ๑ ล้านปีตาย นี้เป็นเพดานสูงสุดในอายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้นๆ

    ....จากนั้นก็จะเกิดอาเพท มีความประมาทในชืวิต อายุขัยก็จะถอยกลับลงมา ๑๐๐ ปี อายุขัยของ มนุษย์จะ
    ลดลง ๑ ปี ๑๐๐ ปีอายุขัยลดลง ๑ ปี ลดลงเรื่อยๆจนอายุขัย ๑ แสนปี ๑ หมื่นปี ๑ พันปี ๑๐๐ ปี
    และลงสู่อายุขัย ๑๐ ปี ซึ่งจะมีอายุขัยเพิ่มขึ้นและลดลงอยู่อย่างนี้ เรียกว่า วัฏจักรอายุขัย
    ของหมู่มนุษย์ทั้งหลาย

    ....ในหลักธรรมชาตินี้มีพระพุทธเจ้าเท่านั้นได้รู้ด้วยญาณของพระองค์เอง จึงเป็นโลกวิทู เป็นผู้รู้แจ้งโลก
    อย่างเปิดเผยด้วยญาณรู้ของพระองค์ นี่ก็เป็นหลักสัจธรรมที่เป็นจริง เราทั้งหลายควรศึกษาให้รู้เอาไว้
    หรือเอามาเป็นอุบายสอนใจตัวเองว่า วัฏจักรของชีวิตมีความเป็นอยู่อย่างนี้ ไม่มีสิ่งใด
    ถาวรเที่ยงแท้แน่นอนได้ เพราะทุกอย่างตกอยู่ในอนิจจัง ความไม่เที่ยงแท้ด้วยกันทั้งนั้น


    ....มีเหตุผลประกอบอีกเรื่องเกี่ยวกับอายุขัยของมนุษย์ที่มีขาขึ้นขาลง ในหลักของพระพุทธศาสนา
    จะอธิบายเรื่องของพระพุทธเจ้าในอดีตที่ผ่านมา ให้เราได้ศึกษาเอาไว้เพื่อประกอบการวินิจฉัย
    ในอายุขัย ของหมู่มนุษย์ทั้งหลายที่ผ่านมา ให้รู้ว่าอายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้นเป็นอย่างไร พระพุทธเจ้าที่อุบัติ
    เกิดขึ้นในโลกนี้มีจำนวนมาก พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ในโลกมนุษย์นี้เท่านั้น แต่ละองค์มาตรัสรู้เป็น
    เวลาห่างกันมาก ในภัทรกัปหนึ่งๆมีเวลายาวนาน ถึงจะมีภัทรกัปเท่ากันในบางภัทรกัปพระพุทธเจ้า
    มาตรัสรู้ ๑ องค์ เมื่อโปรดสัตว์แล้วก็นิพพาน ต่อจากนั้นก็จะเป็นสุญกัป เป็นกัปที่ว่างจากพุทธศาสนา
    เป็นเวลาอันยาวนาน ในบางภัทรกัปมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๓ องค์ ความว่างเป็นสุญกัปก็น้อยลง



    http://www.watsanfran.com/library/luangpor_books/2550_natural_disaster/natural_disaster_th.pdf
     
  20. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ....ขอยกตัวอย่างในภัทรกัปปัจจุบันนี้มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ร่วมสมัยมี ๕ พระองค์ด้วยกัน แต่ละพระองค์
    ได้มาอุบัติเกิดขึ้นในโลกนี้มีอายุขัยไม่เท่ากัน

    ....พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๑ พระกกุสันโธ พระองค์ได้มาอุบัติเกิดขึ้นในโลก ช่วงนั้นมนุษย์
    มีอายุขัย ๔ หมื่นปี เมื่อพระองค์ทำพุทธกิจเสร็จแล้วก็เข้าสู่พระนิพพาน จากนั้นมาเป็นสุญกัป เป็น
    กัปที่ว่างจากพระพุทธศาสนา อายุขัยของมนุษย์ในยุคนั้นมี ๔ หมื่นปี ๑๐๐ ปีอายุขัยของมนุษย์ดลดลง
    ๑ ปี ลดลงเรื่อยๆจนถึงมนุษย์ในยุคต่อมา มีอายุขัย ๓ หมื่นปี ในยุคนี้มี พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๒
    พระโกนาคมะโน
    ได้มาอุบัติเกิดขึ้นในโลก เมื่อพระองค์ทำพุทธกิจเสร็จแล้วก็ดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน

    ....จากนั้นมาก็เป็นสุญกัป เป็นกัปที่ว่างจากพระพุทธศาสนา อายุขัยของมนุษย์ลดลง ๑๐๐ ปี
    อายุขัยของมนุษย์ลดลง ๑ ปี ลดลงเรื่อยๆ ในยุคต่อมามนุษย์มีอายุขัย ๒ หมื่นปี ในยุคนั้นมี
    พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๓ พระกัสโป ได้มาอุบัติเกิดขึ้นในโลก เมื่อพระองค์ทำพุทธกิจเสร็จแล้ว
    ก็ดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน อายุขัยของมนุษย์ก็ลดลงเรื่อยๆ ๑๐๐ ปีลดลง ๑ ปี จนถึงอายุขัยของ
    มนุษย์ในยุคนั้น ๑๐๐ ปีเป็นอายุขัย ในยุคนี้ มี พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ พระสมณโคดม (องค์ปัจจุบัน)
    ได้มาอุบัติเกิดขึ้นในโลก เมื่อพระองค์ทำพุทธกิจเสร็จแล้วก็ดับขันธ์เข้าสู่พระนิพพาน

    ....พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ได้วางศาสนาต่อเอาไว้อีก ๕ พันปี ขณะนี้พระพุทธศาสนามาถึง ๒๕๕๐ ปี
    อีก ๒๔๕๐ ปี พระพุทธศาสนาจะสูญไปจากโลกนี้ จากนั้นจะเป็นสุญกัปเป็นกัปที่ว่างจากพระพุทธศาสนา
    ยาวนาน คำว่า "ว่าง" คือไม่มีใครรู้ในพุทธวจนะ ไม่รู้ในคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นเอง
    ถึงพระพุทธศาสนาจะหมดไปจากโลกนี้แล้วก็ตาม แต่สัจธรรมคือความจริงยังมีอยู่ในโลกนี้ แต่ไม่มีใครรู้
    เหมือนยุคสมัยก่อนที่พระพุทธเจ้าจะมาตรัสรู้ ในยุคนั้นมีสัจธรรมอยู่ประจำโลก แต่ก็ไม่มีใครรู้
    เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว จึงนำเอาสัจธรรมคือความจริงนั้นๆมาประกาศให้คนได้รู้ในภายหลัง
    เป็นอันว่าในภัทรกัปนี้ มีพระพุทธเจ้าได้มาตรัสรู้โปรดสัตว์แล้ว ๔ พระองค์ (พระพุทธเจ้าองค์ที่ ๕
    คือ พระศรีอาริยเมตไตรย์ ยังไม่มาอุบัติในช่วงนี้)

    ....กฎเกณฑ์ที่พระพุทธเจ้าจะได้มาอุบัติเกิดขึ้นในโลกมนุษย์นี้ จะมีอยู่ในช่วงอายุขัยของมนุษย์ขาลง
    เท่านั้น และอายุขัยของมนุษย์ไม่เกิน ๑ แสนปี และมีอายุไม่ต่ำกว่า ๑๐๐ ปี

    ....จากนี้ไป อายุขัยของมนุษย์จะลดลงเรื่อยๆ ๑๐๐ ปี ลดลง ๑ ปี เมื่อมนุษย์มีอายุขัย ๕๐ ปี
    พระพุทธศาสนาก็จะสิ้นสุดลง นับจากนี้ไปอีก ๖ พันกว่าปี มนุษย์จะมีอายุขัย ๑๐ ปีตาย ในยุคนั้น
    หนุ่มสาวจะแต่งงานกันเมื่ออายุ ๓ ปี ตั้งครรภ์ ๓ เดือน นับจากวันนี้ไปถึงวันนั้นยาวนาน มนุษย์ทั้งหลาย
    ทั่วโลกจะมีอายุขัยในช่วงเดียวกันทั้งหมด นี้เป็นหลักพุทธศาสตร์ ถ้าหากชาวพุทธได้ศึกษาในพระ
    พุทธศาสนาดีแล้วจะรู้เรื่องนี้ดี ที่พวกฝรั่งจะทำให้อายุขัยของมนุษย์ยืนยาวออกไปนั้น เป็นความคิด
    ความเห็นของท่านเหล่านั้น เมื่อหลักพุทธศาสตร์กับหลักวิทยาศาสตร์ไม่ตรงกันอย่างนี้ เราจะเชื่อ
    ฝ่ายไหน ให้เราวินิจฉัยใช้สติปัญญาคิดพิจารณาในเหตุผลและตัดสินใจเชื่อด้วยตัวเองก็แล้วกัน

    ....เมื่อถึงยุคมนุษย์มีอายุขัย ๑๐ ปีตาย จะเกิดกลียุค เพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมยุคใหม่ เป็นสังคมมนุษย์
    ที่มีอายุขัยขาขึ้น ก่อนจะเกิดสังคมมนุษย์ในยุคใหม่จะเป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ในยุคนั้นๆ
    ทุกคนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป จึงฆ่ากันด้วยอาวุธต่างๆ เห็นกันอยู่ที่ไหนจะฆ่ากันในทันที ไม่มีใคร
    ยอมใคร ผัวเมียและทุกๆคนจะมีความเห็นว่า ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป

    ....ก่อนที่จะเกิดกลียุคประมาณ ๑๐ ปี จะมีเทพอีกกลุ่มหนึ่ง ที่จะมาสืบทอดสังคมในยุคนั้น จะพากัน
    ลงมาเกิดในสังคมที่มีอายุขัย ๑๐ ปีนี้มากมาย แล้วจึงได้เกิดกลียุคขึ้นกลุ่มเทพที่เกิดมาก็พากันหลบหนี
    ไปอยู่ที่ปลอดภัย ปล่อยให้พ่อแม่ญาติทั้งหลายฆ่ากันตายหมดแล้ว จะมีฝนตกลงมาชะล้างซากศพ
    คราบเลือดกลิ่นคาวที่ตกค้างในผืนแผ่นดินไหลลงสู่มหาสมุทรสุดสาครจนหมดสิ้น จากนั้นจะมีลม
    พัดพาเอาแก่นคู่แก่นจันทร์อันเป็นทิพย์ ที่หอมอบอวลลงมาจากสวรรค์โปรยลงมาเป็นบรรยากาศที่
    บริสุทธิ์ พร้อมด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหารที่มีความอุดมสมบูรณ์ในสมัยครั้งนั้น

    ....จากนั้น หนุ่มสาวทั้งหลายที่ไปหลบภัยกลียุคในป่าเขา ก็พากันออกมาสู่สถานที่เดิมเป็นหมู่ใหญ่
    และมีหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีคุณธรรมด้วยกัน จึงจัดตั้งหัวหน้าเป็นผู้นำทำพิธีจัดคู่
    หนุ่มสาวเหล่านั้นให้เป็นผัวเมียกันตามประเพณีในยุคนั้น แล้วพากันรักษาศีลกรรมบท ๑๐ อย่างสมบูรณ์
    เคร่งครัด (ศีลกรรมบท ๑๐ แบ่งเป็น ๓ หมวด ๑. กายกรรม ๓ , ๒. วจีกรรม ๔ , ๓. มโนกรรม ๓)

    ....ลูกหลานที่เกิดมาก็พากันรักษาศีลกรรมบท ๑๐ สืบทอดต่อกันมายาวนานถึง ๑๐๐ ปี จากนั้น
    อายุขัยได้เพิ่มขึ้น ๑ ปี เป็น ๑๑ ปีตาย ๑๐๐ ปีอายุขัยเพิ่มขึ้น ๑ ปีเป็น ๑๒ ปีตาย อายุขัยเพิ่มขึ้น
    ๑ ปีต่อ ๑๐๐ ปี เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มนุษย์มีอายุขัยเพิ่มขึ้น ๒๐ ปีตาย ๕๐ ปีตาย ๑๐๐ ปีตาย ๑ พันปีตาย
    ๑ หมื่นปีตาย ๑ แสนปีตาย ๑ ล้านปีตาย เมื่อมนุษย์มีอายุขาขึ้นนี้จะไม่มีพระพุทธเจ้า
    มาอุบัติเกิดขึ้นในโลกนี้เลย
    ให้เราคิดคำนวณดูเองว่า นับแต่มนุษย์มีอายุขัย ๑๐ ปีตาย
    ๑๐๐ ปี เพิ่มขึ้น ๑ ปี จนมนุษย์มีอายุขัย ๑ ล้านปี ให้เราคิดคำนวณดูว่ามีความยาวนานกี่ปี ในช่วงนี้
    จะเป็นสุญกัป เป็นกัปที่ว่างจากพระพุทธศาสนายาวนานทีเดียว สังคมมนุษย์ก็เพิ่มขึ้นและอยู่ร่วมกัน
    อย่างมีสุขในยุคนั้นๆ

    ....เมื่อถึงยุคที่มนุษย์มีอายุขัย ๑ ล้านปี จะเกิดอาเพศเกิดขึ้น มนุษย์ทั้งหลายจะเกิดความเบื่อหน่าย
    ในชีวิตอันเป็นอยู่ที่ยาวนาน มีความเห็นเป็นอย่างเดียวกัน ชีวิตจึงได้เกิดความแปรผันลดลง ๑๐๐ ปี
    อายุขัยลดลง ๑ ปี ลดลงเรื่อยๆ เป็น ๙ แสนปีตาย ๘ แสนปีตาย ๑ แสนปีตาย ในช่วงที่มนุษย์มีอายุขัย
    ๑ แสนปี จะมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติเกิดขึ้นในโลกมนุษย์นี้ได้ ถ้าอายุขัยของมนุษย์
    เกิน ๑ แสนปีขึ้นไป จะไม่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติเกิดขึ้นในโลกนี้แต่อย่างใด ถือว่ามนุษย์ในยุคนั้น
    ยังมีความเพลิดเพลินในความเป็นอยู่ของชีวิต มีความสุขสบายในลาภ ยศ สรรเสริญ และมีความสุข
    ในกามคุณ ไม่มีความทุกข์ใดๆ ด้วยเหตุดังนี้ จึงไม่มีพระพุทธเจ้ามาอุบัติเกิดขึ้น



    .............................................................................@...............@...........................................................................................




    ....ยุคศาสนาพระศรีอาริยเมตไตรย์....

    ....จากนั้นอายุขัยของมนุษย์ก็ลดลงเรื่อยๆ ลดลงจนอายุ ๘ หมื่นปีเป็นอายุขัย ในช่วงนี้เองพระศรี
    อาริยเมตไตรย์จะได้มาอุบัติเกิดขึ้นในโลก ผู้ที่ได้บำเพ็ญบุญบารมีมาแล้ว ก็จะได้มาเกิดในยุคนี้ทั้งหมด
    หรือผู้ได้บำเพ็ญบุญบารมีในศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์อื่นที่ผ่านมา มีความปรารถนาขอ
    ให้เกิดร่วมศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรย์ ก็จะได้มาเกิดร่วมกันในยุคนี้ทั้งหมด แล้วจะได้ฟังธรรม
    จากพระศรีอาริยเมตไตรย์ จนได้เกิดปัญญาญาณหยั่งรู้ในสัจธรรมตามความเป็นจริง ผู้ทีบารมียังไม่สมบูรณ์
    ก็จะได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าขั้นพระโสดาบัน ขั้นพระสกิทาคามี ผู้มีบารมีมากก็จะได้บรรลุธรรม
    เป็นพระอนาคามี เมื่อสิ้นชีวิตแล้วก็จะได้ไปเกิดเป็นพรหมชั้นสุทธาวาสชั้นใดชั้นหนึ่ง เมื่อถึงกาลเวลา
    ก็จะได้นิพพานในชั้นพรหมนี้ต่อไป เมื่อผู้มีบารมีที่สมบูรณ์แล้วก็จะได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
    เข้าถึงพระนิพพานตามพระศรีอาริยเมตไตรย์ไปในกาลครั้งนั้น

    ....ในยุคนั้น พระศรีอาริยเมตไตรย์ไม่ได้วางศาสนาเอาไว้เหมือนพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เพราะ
    ผู้มีบารมีที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอริยเจ้าได้บรรลุธรรมตามพระศรีอาริยเมตไตรย์ไปทั้งหมดแล้ว เรา
    อาจเป็นคนหนึ่งที่ได้บรรลุธรรมตามพระศรีอาริยเมตไตรย์ไปก็เป็นได้

    ....ในยุคปัจจุบันนี้มีผู้ปรารถนาไปเกิดร่วมศาสนาของพระศรีอาริยเมตไตรย์เป็นจำนวนมาก ขอให้
    สมปรารถนาในหมู่ศรัทธาทั้งหลายด้วย แต่ทว่า เพียงปรารถนาอย่างเดียวไม่บำเพ็ญบารมีไว้ ก็จะไม่
    สมความปรารถนาแต่อย่างใด จงพากันบำเพ็ญทาน รักษาศีล ๕ ศีล ๘ เข้าไว้ หรือภาวนาปฏิบัติให้เกิด
    สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ให้ถูกต้อง เพราะคำสอนของ
    พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ที่ผ่านมาจนถึงองค์ปัจจุบัน และพระศรีอาริยเมตไตรย์หรือพระพุทธเจ้าที่จะ
    ได้มาอุบัติเกิดขึ้นในอนาคตภายภาคหน้า หลักคำสอนก็จะเริ่มต้นจากสัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ
    ด้วยกันทั้งนั้น จึงเป็นการเริ่มต้นในการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง

    ....ในยุคนี้มีผู้เขียนวิธีการปฏิบัติเอาไว้ มีหลายวิธีด้วยกัน หนังสือแต่ละเล่มก็ได้อ้างอิงว่าเป็นคำสอน
    ของพระพุทธเจ้าด้วยกันทั้งนั้น ทำให้หลายคนในยุคนี้เกิดความสับสน การปฏิบัติจะเอาวิธีไหนกันแน่
    จึงเกิดความลังเลไม่แน่ใจ ผู้ปฏิบัติธรรมในยุคนี้ส่วนมากจะมีความเห็นว่าต้องเริ่มต้นจากการทำสมาธิก่อน
    และสอนกันอย่างนี้เป็นจำนวนมาก สอนกันว่า นั่งสมาธิไปเถอะเมื่อจิตมีความสงบแล้วจะมีปัญญา
    เกิดขึ้นเอง นี้เป็นคำสอนที่ไร้เหตุผล ผู้สอนไม่ได้อ่านประวัติพระพุทธเจ้าเลย หรืออ่านอยู่ก็ตีความ
    ในคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามแนวทางในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ตรัสเอาไว้
    ....เช่นในความหมายที่ว่า นั่งสมาธิให้จิตมีความสงบแล้วปัญญาจะเกิดขึ้นนั้น ในวิธีการสอนอย่างนี้
    ไม่มีตัวอย่างในสมัยครั้งพุทธกาลเลย พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนใครในที่ไหนแต่อย่างใด

    ทำไมในยุคนี้จึงสอนกันในลักษณะนี้ ผู้สอนอาจได้ไปอ่านประวัติตอนที่พระองค์ไปทำสมาธิอยู่กับ
    ดาบสทั้งสอง แล้วตีความหมายไปว่า พระพุทธเจ้าทำสมาธิก่อนอย่างนี้หรือ ที่พระองค์ทำสมาธิมาก่อน
    ก็จริง แต่เมื่อจิตของพระองค์มีความสงบเป็นสมาธิอย่างเต็มที่แล้วปัญญาของพระองค์ก็ไม่ได้เกิดขึ้น
    แต่อย่างใด ทำไมการทำสมาธิของพวกเราในยุคนี้จะมีความสงบอันยิ่งใหญ่ ยิ่งไปกว่าพระพุทธองค์
    ปัญญาจะเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือ การตีความหมายในคำสอนของพระพุทธเจ้าสับสนโยงกันไปโยงกันมา
    จึงได้เกิดปัญหาแก่ผู้ปฏิบัติทั้งหลายในยุคปัจจุบัน

    ....การภาวนาปฏิบัติทุกคนก็ว่าจะทำตามเยี่ยงอย่างในคำสอนของพระพุทธเจ้า เมื่อภาวนาปฏิบัติจริง
    กลับไม่เป็นไปตามคำสอนของพระองค์แต่อย่างใด แต่ไปเอาเยี่ยงอย่างของพวกดาบสฤาษีกันทั้งนั้น
    มีดาบสฤาษีองค์ไหนที่ทำสมาธิให้จิตมีความสงบแล้วมีปัญญาเกิดขึ้นบ้างเล่า ถึงพระองค์จะเคยทำ
    สมาธิมาก่อนในช่วงนั้นพระองค์ก็ยังไม่ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแต่อย่างใด ในนามก็เป็นพระสิทธัตถะ
    ภิกขุเท่านั้น แม้พระองค์ได้บำเพ็ญปัญญาบารมีมาแล้วอย่างสมบูรณ์ เมื่อพระองค์ทำสมาธิจิตมีความสงบ
    ถึงที่สุดแล้ว ปัญญาที่พระองค์เคยได้บำเพ็ญมาก็ไม่ได้เกิดขึ้นแต่อย่างใด

    ....ให้เราทั้งหลายไปศึกษาประวัติของพระพุทธเจ้าเสียใหม่ และตีความ
    หมายในคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจ ให้เป็นไปในหลักสัมมาภาคปริยัติที่ถูกต้อง
    แล้วนำมาปฏิบัติ ก็จะเกิดสัมมาในภาคปฏิบัติ อันเป็นแนวทางที่จะเข้ากระแสแห่งมรรค ผล นิพพาน ต่อไป



    ........................................................................................@..............@.....................................................................................


    .......** ยุคภัยธรรมชาติที่รุนแรง **.......

    ....โลกที่เราอยู่มีภัยนานาประการอันเป็นผลกระทบต่อชีวิต ทำให้ได้รับความทุกข์จากภัยธรรมชาติ
    เป็นอย่างมากทีเดียว หลายชาติในอดีตได้เจอกับภัยธรรมชาติมาแล้ว เมื่อเกิดมาในชาตินี้ ขณะที่
    ภัยธรรมชาติยังไม่มาถึงตัวเราก็ไม่มีความรู้สึกเป็นทุกข์ แต่อีกไม่นานนัก เมื่อเราได้มาเกิดในโลกนี้อยู่บ่อยๆ
    ชีวิตก็ต้องเจอกับภัยธรรมชาตินี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องภัยธรรมชาตินี้จะเกิดมีขึ้น
    ในโลกมนุษย์มากขึ้น และมีความรุนแรงมากขึ้น ในยุคต่อไป จะมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก จะไม่
    มีใครในโลกนี้เอาชนะภัยธรรมชาตินี้ได้แต่อย่างใด

    ....ภัยธรรมชาตจะเกิดขึ้นในตัวมันเอง เป็นภับธรรมชาติที่มีอยู่ประจำโลกมาแต่กาลไหนๆ

    เมื่อโลกนี้ได้เกิดขึ้นมานานหลายล้านๆปี ถึงกาลสมัยเปลือกโลกเสื่อมหมดคุณภาพลง เกิดขึ้นใน
    สถานที่มีมนุย์อยู่อาศัย จะเกิดขึ้นน้อยหรือเกิดขึ้นอย่างรุนแรงขึ้นอยู่ตามกฎเกณฑ์ของโลก

    ....ภัยธรรมชาติที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นภัยธรรมชาติที่จะเกิดขึ้นในช่วงที่
    อายุขัยของมนุษย์ต่ำกว่า ๑๐๐ ปีเป็นต้นไป
    จะทำให้มนูษย์ทั้งหลายได้ตายเป็นจำนวนมาก
    หากมนุษย์มีอยู่ในโลกประมาณ ๒ หมื่นล้านคน จะมีภัยธรรมชาติเกิดขึ้น
    มนุษย์จะล้มตายจากภัยธรรมชาตินี้ จะหาที่หลีกหนีไม่ได้ จะมีชีวิตอยู่รอดได้ประมาณ ๓๐ เปอร์เซนต์
    ของประชากรโลก แล้วเริ่มตันชีวิตใหม่ โดยไม่มีวิ่งอำนวยความสะดวกสบายเหมือนยุคปัจจุบัน


    ....ภัยธรรมชาตินี้จะเกิดต่อเนื่องต่อกันยาวนาน จะหลบจากภัยธรรมชาติในจุดหนึ่งได้แล้ว ก็ไป
    เจอกับภัยธรรมชาติอย่างอื่นอีก ภัยธรรมชาตินี้มีอยู่เป็นจุดใหญ่ ๘ จุดด้วยกัน คือ

    ๑. วาตภัย จะเกิดลมพายุใหญ่ทั้งบนบกและในทะเล
    ๒. อุทกภัย จะเกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง
    ๓. ธรณีภัย จะเกิดแผ่นดินถล่มและแผ่นดินไหว
    ๔. อัคคีภัย จะเกิดความแห้งแล้ง ไฟไหม้ป่า
    ....ส่วนภัยธรรมชาติอย่างอื่นก็จะเกิดตามมา เช่น
    ๕. มลพิษภัย จะเกิดมลภาวะที่ร้ายแรง มีผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสัตว์เป็นอย่างมาก
    ๖. โรคภัย จะเกิดโรคระบาดนานาชนิด
    ๗. อาหารภัย จะเกิดการอดอยากในอาหาร
    ๘. โจรภัย ภัยจากกลุ่มคนพาลปล้นจี้ลักขโมย


    http://www.watsanfran.com/library/luangpor_books/2550_natural_disaster/natural_disaster_th.pdf
     

แชร์หน้านี้

Loading...