ลป.สิมลพ.ชมวัดโป่งนาเกลือ ผงเกษาครูบากลิ่นกู้พระปิดตาลพ.ดัด ท่าโบสถ์ปี๑๕เหรียญขวัญถุงลพ.เทียม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    16866250-3.jpg FB_IMG_1731234621802.jpg
    IMG_20241110_172441.jpg
    พระสมเด็จหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน อ่างทอง ผสม ๙ ผงวิเศษปลุกเสกไตรมาส
    หลวงพ่อชม อดีตเจ้าอาวาสวัดนางในฯ(ต่อจาก หลวงพ่อนุ่ม สุดยอดปรมาจารย์สายอ่างทอง โดยเฉพาะเบี้ยแก้) ท่านอุปสมบทที่วัดโบสถ์ อ่างทอง โดยมีหลวงพ่อพัก วัดโบถส์(สุดยอดเกจิเมืองอ่างทองอีกท่าน)เป็นพระอุปัชฌาย์และมีหลวงพ่อนุ่ม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลังอุปสมบทหลวงพ่อนุ่มก็ชวนให้ท่านมาจำพรรษาอยู่ที่วัดนางในฯ ศึกษาวิชาและไสบเวทย์กับหลวงพ่อนุ่มและหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ เนื่องจากหลวงพ่อเดิมกับหลวงพ่อนุ่มนั้นเป็นสหธรรมิกกันไปมาหาสู่กันอยู่เสมอๆ หลวงพ่อชมท่านสร้างวัตถุมงคลไว้ไม่มาก ส่วนใหญ่ลูกศิษย์จะสร้างถวายท่าน(ที่ท่านไม่ทำเนื่องจากไม่ต้องการทำวัตถุมงคลมาแข่งกับครูบาอาจารย์) วัตถุมงคลของท่านมีไม่มาก มีรูปหล่อ 2 รุ่น(80ปี,90 ปี ขึ้นพระธาตุทั้งสองรุ่น) เหรียญรุ่นแรก,80ปี,90ปี สมเด็จหลังหลวงพ่อชม 90 ปี วัตถุมงคลของท่านตอนนี้ถือเป็นของดีราคาย่อมเยาว์ อาจเป็นเพราะยังไม่มีการเผยแพร่สู่ส่วนกลางหรือมีก็ไม่มากนัก(ไม่มีคนโปรโมทและไม่มีการปั่นราคาครับ)....จะว่าเป็นของดีที่ถูกมองข้ามก็น่าจะได้ครับ เมื่อก่อนหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง จะไปมาหาสู่กับหลวงพ่อชม อยู่เสมอๆและจะขอผงปถมังของหลวงพ่อชมติดตัวท่านกลับไปด้วยอยู่บ่อยๆ เอาเป็นว่าท่านเก่งหรือไม่นั้น? ขนาดว่า หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง, หลวงพ่อกร่าย วัดโพธิ์ศรี, หลวงพ่อทองใบ วัดอบทมและหลวงพ่อผาด วัดไร่ ท่านเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ชื่นชมและศรัทธาในหลวงพ่อชม วัดนางในฯเป็นอย่างมาก...ผมเก็บไว้หลายองค์ ทันท่านทุกองค์...เล่าจากประสบการณ์ตรงนะครับ ครั้งหนึ่งที่วัดมีงานประจำปี (วัดนางในอยู่กลางเมืองวิเศษชัยชาญ) สุนัขที่วัดกัดลูกคนมีสีท่านหนึ่ง เขียวคล้ำ เลือดออกทีเดียว พ่อโมโหมาก หยิบปืนจากรถยิงสุนัข 3 นัด ลูกปืนไม่ออกสักนัดเดียว หลวงพ่อชมท่านอยู่แถวนั้น ท่านบอกกับพ่อเด็กว่า "พอแล้วโยม มันไม่ได้ประโยชน์อะไรหรอก 3 วันแผลก็หาย"พ่อเด็กก็ขับรถออกจากวัด พอพ้นเขตวัดชาวบ้านก็ได้ยินเสียงปืน 1 นัด ใช่แล้วครับ ปืนยิงออกแต่นอกวัด หลังจากวันนั้นผมตามเก็บหมดพระหลวงพ่อชม แห่งวัดนางใน วิเศษชัยชาญ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระสมเด็จหลวงพ่อนุ่มวัดนางใน ปลุกเสกไตรมาส มี ๒ องค์ ให้ บูชาองค์ละ 320 ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    องค์ที่๑ (ปิดรายการ คุณ KTV)

    IMG_20241110_172327.jpg IMG_20241110_172355.jpg

    องค์ที่ ๒ (ปิดรายการ)

    IMG_20241110_172523.jpg IMG_20241110_172606.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2024
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1731269148872.jpg


    ตำนานเหรียญรุ่นแทงคอหมู
    หลวงพ่อผัน วัดราษฏร์เจริญ ( แปดอาร์ ) สระบุรี
    หลวงพ่อผัน วัดราษฎร์เจริญ หรือ พระครูสรกิจพิจารณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดราษฎร์เจริญ (วัดแปดอาร์) ตำบลหนองแขม อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ท่านเป็นหนึ่งในอดีตพระเกจิอาจารย์สระบุรี
    ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ร่วมยุคเดียวกับหลวงพ่อตาบ วัดมะขามเรียง หลวงปู่บาง วัดหนองพลับ หลวงพ่อเฮ็น วัดดอนทอง หลวงพ่อย้อย วัดอัมพวัน และหลวงพ่อฉ่ำ วัดหนองหว้า
    หลวงพ่อผัน ท่านมีนามเดิมว่าผัน สุทธิวิลัย เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๔ ตรงกับวันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๗ ปีกุน ณ บ้านเลขที่ ๘๗ หมู่ ๑ ตำบลหนองแขม อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี โยมบิดาชื่อนายแพง สุทธิวิลัย โยมมารดาชื่อนางเขียว สุทธิวิลัย มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๙ คน โดยหลวงพ่อเป็นบุตรคนโต ทางบ้านประกอบอาชีพทำนา
    ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ โยมบิดาและโยมมารดาได้นำตัวหลวงพ่อผัน ซึ่งขณะนั้นมีอายุได้ ๙ ขวบ ไปฝากเรียนกับพระอาจารย์สุด วัดหนองโสน ตำบลสนับทึบ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    ปี พ.ศ. ๒๔๗๔ หลวงพ่อผันท่านมีอายุครบบวช ท่านก็ได้เข้ารับการอุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดหนองโสน ตำบลสนับทึบ อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๗๔ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีมะแม ได้รับฉายาว่า "จิณณธัมโม" แปลว่า "มีธรรมเป็นที่สุด" โดยมี
    พระครูนิเทศธรรมกถา(พัน) วัดบ้านสร้าง เป็นพระอุปัชฌาย์
    เจ้าอธิการจาด วัดวงษ์สวรรค์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระอธิการหนู วัดบ้านสร้าง เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    เมื่ออุปสมบทแล้วหลวงพ่อผัน ท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดหนองโสน เพื่อศึกษาวิชาต่างๆเป็นเวลา ๒ พรรษา
    ภาพถ่ายหลวงพ่อพัน วัดบ้านสร้าง อยุธยา
    หลวงพ่อพัน วัดบ้านสร้าง อยุธยา พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อผัน
    ปี พ.ศ. ๒๔๖๗ ท่านจึงได้เดินทางไปจำพรรษาที่วัดบ้านสร้างเพื่อศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมกับหลวงพ่อพัน วัดบ้านสร้าง ซึ่งเป็นพระอาจารย์และพระอุปัชฌาย์ของท่าน
    โดยสำนักวัดบ้านสร้างนี้ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายที่มาเล่าเรียนกับหลวงพ่อพัน ที่มีบันทึกไว้เช่น หลวงพ่อผัน วัดราษฎร์เจริญ หลวงพ่อแสวง วัดลาดทราย หลวงพ่อจวน วัดบ้านสร้าง หลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน หลวงพ่อภักดิ์ วัดศิวาราม หลวงพ่อออด วัดบ้านช้าง
    ซึ่งทุกท่านล้วนแต่เป็นสหธรรมมิก บางคนกล่าวขานว่า สายคงกระพันแห่งลุ่มน้ำวังน้อย ซึ่งเกจิสำนักนี้ ตั้งแต่ครูถึงลูกศิษย์ ขึ้นชื่อถึงวิชาแคล้วคลาด คงกระพัน ไม่เป็นสองรองใคร
    นอกจากนี้หลวงพ่อผัน ท่านยังเดินทางไปศึกษาวิชาอาคมเพิ่มกับหลวงพ่อยอด วัดหนองปลาหมอ สระบุรี ซึ่งขณะนั้นท่านชราภาพมากแล้วโดยไปเรียนเคล็ดวิชาและวิธีปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานและยังมอบคัมภีร์พระเวทย์ของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ อยุธยา และยังเดินทางไปฝากตัวร่ำเรียนวิชาอาคมกับพระอุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา สระบุรีอีกด้วย
    รูปถ่ายพระอุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา สระบุรี
    พระอุปัชฌาย์ตัน วัดอู่ตะเภา สระบุรี
    ปี พ.ศ. ๒๔๗๘ เจ้าอธิการย้อย วัดแปดอาร์ได้ถึงแก่มรณภาพลง พระครูนิเทศธรรมกถา(หลวงปู่พัน) ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าคณะแขวงปกครองดูแลอยู่ จึงได้ส่งหลวงพ่อผัน ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดแปดอาร์ แทนตำแหน่งที่ว่างลง
    วัดราษฏร์เจริญ เป็นวัดราษฏร์ สังกัดมหานิกาย ตั้งอยู่ที่ ๘๙ หมู่ ๑ ตำบลหนองแขม อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี ตามบันทึกว่าราว ปี พ.ศ. ๒๔๖๐ มีการขุดคลองระพีพัฒน์จากท่าหลวงถึงคลองรังสิต โดยมีการเรียงคลองเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งบริเวณที่สร้างวัดนี้อยู่ในเขต R8 (อาร์ ๘) ชาวบ้านจึงนิยมเรียกว่า แปดอาร์
    วัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๗ โดยมีนายโปร่ง คำอยู่ และนางเที่ยง คำอยู่ เป็นผู้บริจาคที่ดินในการสร้างวัด เดินชาวบ้านเรียกวัดแปดอาร์ ต่อมาจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดราษฏร์เจริญ วัดได้รับวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๙
    หลังจากที่หลวงพ่อผัน ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดราษฏร์เจริญ(แปดอาร์) ในช่วงที่ท่านเข้ารับตำแหน่งเจ้าอาวาสครั้งแรก สภาพของวัดราษฎร์เจริญทรุดโทรมอย่างหนัก อาคารเสนาสนะต่างๆ ชำรุดมาก
    ท่านได้บูรณปฏิสังขรณ์จนดีขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ท่านยังพัฒนาวัดอย่างสุดความสามารถ ทั้งการสร้างถาวรวัตถุต่างๆ และสร้างเสนาสนะต่างๆ จนวัดเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ
    ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ ท่านได้สร้างพระมณฑป เพื่อใช้ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท
    ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ ด้วยคุณงามความดีของหลวงพ่อผัน ท่านจึงได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นสัญญาบัตรที่พระครูสรกิจพิจารณ์ เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๔
    ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ สร้างหอสวดมนต์
    ปี พ.ศ. ๒๕๒๓ ด้วยคุณงามความดีของหลวงพ่อผัน ที่พัฒนาวัดต่อเนื่องมาโดยตลอด ท่านจึงได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นเอก โดยใช้ราชทินนามเดิม เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๒๓
    ปี พ.ศ. ๒๕๒๕ สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่
    ปี พ.ศ. ๒๕๒๙ สร้างพระอุโบสถ
    ปี พ.ศ. ๒๕๓๐ สร้างกุฏิเจ้าอาวาสและกุฏิสงฆ์
    ปี พ.ศ. ๒๕๓๔ สร้างพระเมรุ เผาศพ
    นอกจากนี้ ท่านยังได้สนับสนุนในการก่อสร้างอาคารเรียนของโรงเรียนวัดราษฎร์เจริญ เพื่อประโยชน์แก่ลูกหลานชาวบ้าน ตลอดทั้งให้ความเอื้อเฟื้อแก่ชุมชนชาวบ้านทุกครัวเรือน
    หลวงพ่อผัน ท่านเป็นพระเถราจารย์ผู้ประพฤติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมาโดยตลอด และปฏิบัติกิจการพระศาสนาอย่างถูกต้อง อีกทั้งท่านยังมีเมตตาธรรมในการปกครองคณะสงฆ์
    หลวงพ่อผัน ท่านเป็นพระสุปฏิปันโน ปฏิบัติกิจของพระศาสนาอย่างดีเยี่ยม จนเป็นที่เคารพนับถือของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ที่สำคัญอย่างยิ่งคือ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากท่านหนึ่งของเมืองสระบุรี ที่พุทธศาสนิกชนทั่วไปให้ความเคารพนับถือ และเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก
    โดยมักจะได้รับนิมนต์ไปปลุกเสกวัตถุมงคลในพิธีตามวัดต่างๆ มากมาย ช่วงตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เช่น พิธีกริ่งตากสินของ สระบุรี พิธีกริ่งจักรพรรดิ ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ พิธีกริ่งวัดท่าเกวียน พิธีที่วัดบวรนิเวศวิหาร อีกหลายครั้ง
    หลวงพ่อผัน ท่านเป็นเกจิอาจารย์หลังปีกึ่งพุทธกาลที่วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์มากเรื่องอยู่ยงคงกระพัน ยุคแรกนั้น ท่านมักทำพิธีหุงร่วมกับหลวงพ่อพวง วัดสหกรณ์รังสรรค์ ไปทำพิธีหุงในป่าช้า วัดหนองหมูใต้ และใช้ของมหาเสน่ห์ปนกับผงผีน้ำมันผี ยุคแรกๆนั้นสีผึ้งท่านเฮี้ยนมากปัจจุบันหายากมาก
    ต่อมาท่านจึงทำสีผึ้งเมตตามหานิยม ใส่น้ำมันจันทร์ สีผึ้งทุกตลับจะทำการปิดทองไว้ ทองของท่านจะเสกคาถานะหน้าทอง สาริกาลิ้นทอง มีประสบการณ์มาก เคยมีเสี่ยมาจากกรุงเทพฯ นำไปใช้ มีบ้านเล็กบ้านน้อยมากมาย จนอาซ้อมาขอให้หลวงพ่อเรียกอาคมออกจากสีผึ้งนั้น ท่านก็หัวเราะ ท่านว่า "เดี๋ยวเขาก็กลับมาเอง"
    ภาพถ่ายหลวงพ่อผัน วัดราษฏร์เจริญ สระบุรี
    หลวงพ่อผัน วัดราษฏร์เจริญ สระบุรี
    วัตถุมงคล ที่สร้างชื่อให้กับหลวงพ่อผัน จนเป็นที่โด่งดังเป็นอย่างมากคือเหรียญรุ่นแทงคอหมู ที่ออกในปี พ.ศ. ๒๕๒๕ สาเหตุที่ได้เรียก เหรียญรุ่นนี้ว่า "รุ่นแทงคอหมู" เนื่องมาจากสมัยที่เหรียญรุ่นนี้ออกให้ทำบุญใหม่ๆ
    ได้มีชาวบ้านคนหนึ่งได้รับเหรียญนี้มา แล้วเอาเหรียญใส่ไว้ในซองยาทัมใจ จากนั้นจึงเอาซองยาใส่ลงในกระเป๋าเสื้อตัวเอง ชาวบ้านคนนี้มีหน้าที่แทงคอหมู เพื่อชำแหละส่งขายตลาด วันนั้นหลังจากได้รับเหรียญหลวงพ่อผันแล้ว ก็ยังคงทำหน้าที่เพชฌฆาตตามปกติ
    ขณะที่เขาแบกหมูเอาไว้บนบ่า แล้วเหวี่ยงตัวหมูลงบนโต๊ะ เพื่อที่จะฆ่านั้นเอง ซองยาในกระเป๋าเสื้อของเขา ได้หลุดลอยตกลงบนโต๊ะฆ่าหมูก่อนแล้ว ทำให้ตัวหมูทับซองยานั้นพอดี จากนั้นเขาได้เอามีดปลายแหลมแทง เข้าที่คอหมูเหมือนอย่างที่เคยทำมาเป็นประจำ
    แต่วันนั้นเกิดเหตุการณ์ประหลาด เพราะปลายมีดอันคมกริบ ไม่สามารถจะแทงคอหมูเข้าได้เลย จึงเปลี่ยนมุมแทงอีกด้านหนึ่ง ก็ปรากฏแทงไม่เข้าเหมือนเดิม เขาแปลกใจมาก จึงพลิกตัวหมูขึ้นมาก็พบกับ ซองยาทัมใจที่ใส่เหรียญหลวงพ่อผัน ตกอยู่ใต้ตัวหมู
    จึงรู้ได้ทันทีว่า ที่แทงคอหมูไม่เข้า เพราะเหรียญหลวงพ่อผันนี้เอง ตกลงว่า หมูตัวนั้นรอดตายราวปาฏิหาริย์ และที่น่ายินดีอีกอย่าง คือ ชายคนนั้นเลิกอาชีพฆ่าหมูอีกต่อไป ปาฏิหาริย์ เรื่อง "แทงคอหมู" ของ เหรียญหลวงพ่อผัน รุ่นนี้ลือกระฉ่อนไปทั่วหมู่ลูกศิษย์ และผู้เคารพศรัทธาในหลวงพ่อผัน
    หลวงพ่อผัน ท่านปฏิบัติตนเป็นพระของชาวบ้านอย่างแท้จริง ท่านไม่ถือตัวไม่เลือกชั้นวรรณะ เวลามีญาติโยมมานิมนต์ให้ท่านไปงานบุญกุศลต่างๆ ท่านจะสนองศรัทธาถ้วนทั่วทุกบ้านเรือน โดยไม่ถือว่าจะเป็นบ้านของคนมั่งมี หรือบ้านของคนยากจน ท่านให้ความเสมอเหมือนกันหมด
    ส่วนจตุปัจจัยที่ท่านได้รับ จากการที่มีผู้ศรัทธาถวาย ท่านจะนำมาก่อสร้างถาวรวัตถุ เสนาสนะต่างๆ ภายในวัดราษฎร์เจริญจนหมดสิ้น ไม่เก็บสะสมไว้เป็นสมบัติส่วนตัวแต่ประการใด จึงทำให้วัดมีความมั่นคงอยู่จนทุกวันนี้
    หลวงพ่อผันปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณะภาพลงด้วยโรคชราเมื่อวันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๘ นับรวมสิริอายุได้ ๙๔ ปี ๗๔ พรรษา.
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญเสาร์๕ ปี๓๖ เนื้อนวะโลหะ
    บูชา 270 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241111_023236.jpg IMG_20241111_023304.jpg
     
  3. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,146
    ค่าพลัง:
    +1,189
    จององค์ที่ 1 ครับ
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1731315666004.jpg


    พระสมเด็จหลังรูปเหมือนหลวงพ่อสุทัศน์วัดกระโจมทอง
    หลวงพ่อสุทัศน์ โกสโล วัดกระโจมทอง บางกรวย นนทบุรี ท่านเป็นพระปฏิบัติที่เคร่งครัดในพระธรรมวินัยอย่างมาก สงบและเพียบพร้อมด้วยความงดงามแห่งศีลอย่างยิ่งนัก เป็นพระผู้ไม่ปรารถนาเบียดเบียนสรรพสัตว์
    ดังความตอนหนึ่งในหนังสือที่เขียนว่า
    “ไม่ปรารถนาเอาเลือด เอาเนื้อผู้อื่น มาเป็นเลือดเนื้อตัวเอง
    ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20241111_155926.jpg IMG_20241111_155949.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 พฤศจิกายน 2024
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1731342915315.jpg FB_IMG_1731342882951.jpg
    พระครูพินิจยติกรรม (หลวงปู่แจ้ง)
    วัดใหม่สุนทร อำเภอโนนสูง จังหวัดนครราชสีมา
    พระครูพินิจยติกรรม (หลวงปู่แจ้ง) ฉินฺนมนฺโท เจ้าอาวาสวัดใหม่สุนทร อ.โนนสูง นครราชสีมา พระสงฆ์สันโดษ มักน้อย ศิษย์รักหลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้มีพรรษาสูงที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา และดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอกิตติมศักดิ์ อ.โนนสูง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สูงส่งของทางคณะสงฆ์ ในจังหวัดนครราชสีมา
    หลวงปู่แจ้งเกิดเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๔๓๙ สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บ้านขาม ต.ขามสะแกแสง อ.ขามสะแกแสง จ.นครราชสีมา บิดามารดาชื่อนายอ้าย นางขาว ดวงกลาง มีพี่น้องรวม ๙ คน หลวงปู่เป็นบุตรคนสุดท้อง เป็นเด็กที่มีนิสัยดี เรียนเก่ง เป็นที่ชื่นชมของครูอาจารย์ทั้งพระ และครูฆราวาส บิดามารดาประกอบอาชีพทำนาเมื่ออายุ ๒๐ ปี ได้อุปสมบทที่วัดบ้านขาม มีหลวงปู่ทองวัดบ้านขามเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์บุญ พระอาจารย์จันทร์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์และพระคู่สวด ท่านได้มาศึกษาต่อที่วัดบึงร่วมกับสมเด็จพุฒจารย์ (อาส อาสภมหาเถร) วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ และหลวงปู่เขียว วัดบึง เรียนปฏิบัติธรรมและเจริญ วิปัสสนากรรมฐาน หลังจากนั้นได้มาจำพรรษาที่วัดบูรพ์ วัดโพธิ์ กรุงเทพฯ วัดมหาธาตุ และวัดปากน้ำ เพื่อศึกษาเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
    ท่านหลวงปู่ได้ศึกาเจริญวิปัสสนากรรมฐานต่อ ณ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๕ โดยมีอาจารย์พระภาวนาโกศล (สมณศักดิ์ในสมัยนั้น) หรือเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปในนาม “หลวงพ่อสด” วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นผู้แนะนำอย่างใกล้ชิด หลวงปู่ตั้งใจเจริญวิปัสสนากรรมฐานอย่างไม่ย่อท้อเป็นเวลานาน
    ในวันหนึ่งหลังจากหลวงพ่อออกเจริญวิปัสสนากรรมฐาน (สมาธิ) หลวงพ่อสดท่านถามเป็นประโยคแรกว่า “ท่านพระครูสงบหรือยัง” หลวงปู่ก็ตอบตามที่ท่านสงบใจได้ว่า “ผมสงบแล้ว สงบแล้ว” หลวงพ่อสดท่านแสดงอาการพอใจในตัวหลวงปู่ที่มีความเพียรพยามยามเป็นอย่างสูงในการปฏิบัติเจริญวิปัสสนากรรมฐานจนสำเร็จธรรมกาย หลวงพ่อสดวัดปากน้ำภาษีเจริญเคยกล่าวชมหลวงปู่ทั้งต่อหน้าและลับหลังว่า “พระครูองค์นี้ท่านได้ธรรมกายแล้ว ทำอะไรก็ศักดิ์สิทธิ์ก็ขลัง” และได้เคยพูดกับโยมว่า “พระครูองค์นี้แทนฉันได้” เวลาสวดกล่าวชุมนุมเทวดา หลวงพ่อสดมักให้หลวงปู่แจ้งช่วยสวด ท่านว่าให้พระครูสวด พระครูได้ธรรมกายแล้วเทวดาได้ยิน
    หลวงปู่แจ้งได้กราบลาท่านหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ กลับมาที่จังหวัดนครราชสีมาและสอนปฏิบัติเจริญวิปัสสนากรรมฐานจนถึงปัจจุบัน ขณะนี้หลวงปู่อายุ ๙๔ ปี ท่านเปลี่ยนล้นไปด้วยเมตตา ผู้ที่มีโอกาสได้ไปกราบนมัสการท่านหลวงปู่แล้ว มักจะปลื้มปิติอย่างน่าอัศจรรย์และเมื่อรับวัตถุมงคลจากท่าน ท่านชอบพูดว่าจะไปช่วยเหลือเมื่อยามคับขัน ขอให้ทุกคนปลอดภัยและโชคดี
    วัตถุมงคลหลวงปู่แจ้งมีหลายรุ่น อาทิ
    ๑. ล๊อกเก็ต “หลวงพ่อแจ้ง” พ.ศ.๒๔๙๙
    ๒. เหรียญรุ่นแรก พ.ศ.๒๕๐๐
    ๓. เหรียญรุ่น ๒ (มีเลข ๑ ที่พื้นเหรียญ เหนือไหล่ขวา) พ.ศ.๒๕๐๓
    ๔. เหรียญรุ่น ครบรอบ ๙๐ ปี พ.ศ.๒๕๓๐
    ๕. รูปหล่อรุ่นแรก (อายุ ๙๑ปี) พ.ศ.๒๕๓๑
    ๖. รูปหล่อรุ่น ๒ (รุ่นอัยการ) พ.ศ.๒๕๓๒ เนื้อทองคำ ๕๐ องค์ เนื้อเงิน ๑๒๕ องค์ และเนื้อนวโลหะ ๕๒๕ ปลุกเสกเมื่อ ๕ ธ.ค.๓๒ มีโค๊ตตีกลับหัวเนื้อเงิน ๒ องค์
    ๗. เหรียญฉีดนาคปรก พ.ศ.๒๕๓๓ มีเนื้อทอง เงิน นาค และนวโลหะ
    อนึ่ง ในคราวเกิดสงครามอินโดจีน พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงปู่แจ้งได้ร่วมกับเกจิอาจารย์ที่สำคัญหลายรูปปลุกเสกพระเนื้อดินผสมผงว่านและคลุกรัก เรียกว่า “พระกลีบบัว วัดบูรพ์” แจกทหารที่ไปสงครามมีพุทธคุณโด่งดั่งทางอยู่ยงคงกระพันจนเป็นที่กล่าวขวัญในหมู่ทหารและบุคคลทั่วไปเป็นอันมาก
    มรณภาพ วันที่ ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ หลังจากที่หลวงปู่ไปกรุงเทพ เพื่อรับพระราชทานพัดยศพระราชาคณะชั้นสามัญยก หลวงปู่ก็มีอาการของไข้ เป็น ๆ หาย ๆ หลวงปู่ยังบอกเป็นลางสังหรณ์ไว้ว่า มีเกิด ก็มีตาย มียศ ก็เสื่อมยศ มีลาภ ก็เสื่อมลาภ จนในที่สุดอาการป่วยก็ไม่หาย ลูกศิษย์นำส่งโรงพยาบาลมหาราช พักรักษาตัวตั้งแต่วันที่ ๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ จนเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ เวลา ๐๑.๒๐ น. หลวงปู่ได้ละสังขารโดยสงบ รวมสิริอายุได้ ๙๕ ปี ๙ เดือน ๒๑ วัน พรรษา ๖๗ นับเป็นพระเถระที่มีพรรษากาลมากที่สุดในขณะนั้น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)


    IMG_20241111_232533.jpg IMG_20241111_232608.jpg IMG_20241111_232507.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2024 at 10:42
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1731339786611.jpg


    สำหรับหลวงพ่อทองหยิบนั้นเกิดเมื่อเดือน 11 ปีมะเส็ง พ.ศ.2472 ที่บ้านในหมู่ที่ 3 ต.หนองแม่ไก่ อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง โดยมีหลวงพ่อเล็ก เจ้าอาวาสวัดบ้านกลางสมัยนั้น เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งระหว่างที่หลวงพ่อทองหยิบบวชเป็นพระนั้น ก็เป็นพระที่ประพฤติ ปฎิบัติอยู่ในครรลองครองธรรม เปี่ยมไปด้วยเมตตาจิต ชาวอ่างทองและลูกศิษย์ลูกหาให้ความเคารพนับถือ เปรียบเสมือนเป็นที่พึ่งทางใจของผู้ทุกข์ร้อนทั้งทางใจและทางกาย ชาวอ่างทองไม่มีใครไม่รู้จัก หลวงพ่อทองหยิบสร้างสรรค์ช่วยลูกศิษย์ลูกหาและสาธุชนที่เดินทางมานมัสการอย่างไม่ขาดสาย จากทั่วสารทิศ โดยที่ท่านไม่เคยปฏิเสธใครเลย ยกเว้นหากท่านจะอาพาธหรือติดกิจนิมนต์เท่านั้น
    หลวงพ่อทองหยิบถือว่าเป็นเกจิที่มีคาถาอาคมแก่กล้าองค์หนึ่งจนมีลูกศิษย์ทั่วประเทศ ส่วนวัตถุมงคลที่โด่งดังของหลวงพ่อทองหยิบนั้นจะเป็นพวกเหรียญของหลวงพ่อรุ่นต่าง ๆ โดยรุ่นที่ 1 นั้นสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2513 พระผงราหูสุริยคราส ที่สร้างเมื่อประมาณปี 2538 และตะกรุด ไม่ว่าจะเป็นตะกรุดโทน หรือตะกรุดมหาอุตม์ ตะกรุดของหลวงพ่อนั้น เหนียวจนได้ชื่อว่า “เหนียวชนิดแมลงไม่มีวันได้กินเลือด” ตะกรุดแต่ละรุ่นสร้างไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกศิษย์ ในวันพรุ่งนี้ที่ 14 เม.ย. 59 จะมีพิธีสรงน้ำศพและจะสวดพระอภิธรรมไปจนถึงวันที่ 22 เม.ย
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปถ่ายที่รฤกแห่งความเจริญหลวงพ่อทองหยิบ พ.ศ. ๒๕๕๕
    อักขระเลขยันต์ในรูปเปรียบเหมือนจะกรุด ๑ ดอก ๒ ใบ ให้บูชา 150 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20241111_225010.jpg IMG_20241111_225028.jpg IMG_20241111_224850.jpg IMG_20241111_224909.jpg IMG_20241111_224931.jpg IMG_20241111_224952.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2024 at 03:38
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1731365341067.jpg
    พระอรหันต์ร่างทอง กรรมฐานเปิดโลก
    ประวัติ หลวงพ่อคง จตฺตมโล
    วัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรี
    หลวงพ่อคง จตฺตมโล ท่านมีนามเดิมว่า คง นามสกุล บุญเอก ท่านถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2456 ซึ่งตรงกับวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีฉลู ณ หมู่บ้าน โนนพุดซา ตำบลกระชอน อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
    โยมบิดาของท่านมีนามว่า ดี โยมมารดามีนามว่า แจ้ง นามสกุล บุญเอก ซึ่งมีอาชีพกสิกรรมทำนาทำไร่ ท่านถือกำเนิดเกิดมาเป็นทายาทคนที่ 2 ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 9 คน จนถึงปัจจุบันนี้ ก็มีแต่พวกน้อง ๆ ที่เป็นหญิง ซึ่งมีเพียง 6 คนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากนั้นถึงแก่กรรมไปตามกาลเวลา
    ในการการศึกษา ในปฐมวัยหลวงพ่อเคยเป็นเด็กวัดหัดเรียนเขียนอ่านอักษรธรรม อักษรขอมและอักษรไทยในระยะเวลา 2 ปี แต่จำต้องมาช่วยบิดามารดาในการประกอบอาชีพกสิกรรมทำไร่ไถนา
    ต่อมาเมื่ออายุครบกำหนด 20 ปี จึงได้มีการเข้าวัดไปเป็นนาค แล้วได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาแล้ว ท่านก็ได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนพระปริยติธรรมอยู่เป็นเวลา 3 พรรษา และได้ขออนุญาติจากโยมบิดามารดา เพื่อเดินทางลงมาศึกษาต่อที่กรุงเทพฯ แต่ท่านก็ไม่ได้รับอนุญาติจากโยมบิดามารดา ท่านจึงไม่มีโอกาสเดินทางลงมาศึกษาเล่าเรียนดังที่ตั้งใจไว้
    ดังนั้นท่านจงลาสิขาจากเพศบรรพชิตออกไปดำรงวิถีชีวิตอยู่ในเพศฆราวาสวิสัย ซึ่งในที่สุดท่านก็ได้แต่งานมีครอบครัวไป โดยตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนอยู่ที่อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ท่านมีบุญธิดารวมทั้งหมด 7 คน แต่ถึงแก่กรรมไปแล้วตั้งแต่เด็ก ๆ 1 คน จึงยังคงเหลือบุตรธิดาที่มีชีวิตอยู่ต่อมาเพียง 6 คนเท่านั้น ซึ่งทุกคนต่างก็ได้แต่งงานมีครอบครัวเป็นหลักปักฐานไปหมดทุกคนแล้ว
    ต่อมาในช่วงเวลาที่หลวงพ่อคง ท่านยังอยู่ในเพศฆราวาส ในปี พ.ศ. 2504 นั้น ก็ได้มีพระคุณเจ้า หลวงพ่อพระมหาธนิต ปญญาปสุโต ปธ.9 นักวิปัสสนาจารย์ชื่อดังได้เดินธุดงค์มาและ ได้เข้าจำพรรษาสอนวิปัสสนาแก่ญาติโยม อุบาสกอุบาสิกาและพุทธศาสนิกชนทั่วไปที่อยู่วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราชสีมา ซึ่งเป็นเวลาที่หลวงพ่อคงยังเป็นอุบาสก คง อยู่นั้นเอง ท่านเป็นคนหนึ่งที่ได้น้อมกายใจ เข้าไปรับการปฏิบัติธรรมเจริญวิปัสสนากรรมฐานกับหลวงพ่อมหาธนิตอย่างเคร่ง ครัดอยู่เป็นเวลา ถึง 7 ปี
    เมื่อมีศรัทธาแก่กล้า อุบาสกคง บุญเอก จึงได้ตัดสินใจสละเหย้าเรือน ออกไปมอบกายถวายตนเข้ารับการอุสมบทเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนาอีกหน ณ พัทธสีมา วัดบัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 12 เพื่อพฤษภาคม พ.ศ. 2511 โดยมีพระเดชพระคุณท่านคุณ พระปทุมญาณมุนี วัดบัวใหญ่ อำเภอบัวใหญ่ จังหวัด นครราชสีมา เป็นพระอุปชฌาย์ ซึ่งเป็นผู้ทำการอุปสมบทให้
    ต่อมาหลังจากออกพรรษแล้ว ตกมาถึง ปี พ.ศ. 2516 หลวงพ่อได้ดำรงปฏิปทาเป็นพระป่าออกสัญจรธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรอยู่ เรื่อยมาจนถึงลุถึงซึ่งดินแดนถิ่นป่าใหญ่ มวลหมู่พฤกษาร่มรื่นน่าอภิรมย์ ซึ่งเป็นสถานที่ถูกกกับจริยาวัตรสำหรบนักปฏิบัติธรรมในการเจริญภาวนากรรมฐาน หลวงพ่อคงท่านได้เข้าอาศัยอยู่ถ้ำพระอรหันต์ ตามนิมิต ได้ทำการเจริญจิตภาวนา แล้วก็เลยอยู่จำพรรษา ณ สถานที่วิเวกแห่งนั้น ในพรรษที่ 6
    และแล้วหลวงพ่อคงท่านก็ได้ยึดสถานวิเวกแห่งนั้นในการปฏิบัติธรรมอยู่จำพรรษา เรื่อยมาจนถึงกาลเวลามรณภาพไปด้วยอาการอันสงบ ในวันที่ 13 ธันวาคม 2536 ณ โรงพยาบาลศิริราช อายุรวมกัน ได้ 80 ปี 9 เดือน 3 วัน 26 พรรษา
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระพุทธชินราชเนื้อผงผสมพลอยเสก สายสิญจน์เกษาปิดทองเลี่ยมเดิมจากวัด
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)
    IMG_20241111_232253.jpg IMG_20241111_232329.jpg IMG_20241111_232221.jpg IMG_20241111_232205.jpg IMG_20241111_232425.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤศจิกายน 2024 at 10:41
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1731448446282.jpg FB_IMG_1731448443366.jpg
    เหรียญรุ่น ๒ หลวงพ่อแสวงวัดหนองอีดุก ชัยนาท ศิษย์ทันตัว หลวงพ่อกวย อีก๑ รูป
    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20241111_232701.jpg IMG_20241111_232720.jpg
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    puteam (1).jpg
    หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช อยุธยา
    “หลวงพ่อเทียม” นับเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณที่รู้จักกันดีของชาวพระนครศรีอยุธยามาช้านานแล้วและยอมรับว่าท่านเป็นผู้สำเร็จ “ตำราพิชัยสงคราม” ของ “สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว” ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของ “พระมหากษัตริย์ยอดนักรบไทย” ซึ่งก็คือ “สมเด็จพระนเรศวรมหาราช” ผู้ทรงคุณอันประเสริฐและยิ่งใหญ่ในแผ่นดินไทยและเหตุที่บอกว่า “หลวงพ่อเทียม” สำเร็จ “ตำราพิชัยสงคราม” ก็เพราะท่านนับเป็นผู้ที่มีความเพียรพยายามศึกษา“ตำราพิชัยสงคราม” ซึ่งสืบทอดมาจาก “สมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว” ที่ตกทอดมาถึง “วัดประดู่ทรงธรรม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา”
    เพราะเป็นวัดที่มีสำนักเรียนตำราพิชัยสงครามสืบทอดมาแต่ครั้งกรุงเก่าซึ่งมีพระคณาจารย์ผู้ทรงวิทยาคุณ สำเร็จการศึกษาพระเวทวิทยาคมอันเป็นส่วนหนึ่งของตำราพิชัยสงคราม (ตำราพิชัยสงครามก็คือตำราที่ว่าด้วยความมีชัยชนะในการต่อสู้ และการต่อสู้ในที่นี้หมายถึงการต่อสู้ในราชการสงคราม) มากมายหลายท่านที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็คือ “พระพุทธพิถีนายก (บุญ ขันธโชติ)” หรือที่นักสะสมทั่วไปเรียกท่านว่า “หลวงปู่บุญวัดกลางบางแก้ว” อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม รวมทั้ง “หลวงพ่อน้อยวัดธรรมศาลา” อ.เมือง จ.นครปฐม โดยเฉพาะ “หลวงพ่อน้อยวัดธรรมศาลา” รูปนี้ก็ได้เคยบอกต่อศิษย์เอกของท่านผู้หนึ่งที่มีตำแหน่งเป็น “ผู้พิพากษา” แต่สนใจในเรื่องของวิทยาคมและวัตถุมงคลที่เคยเรียนถามท่านว่า “เมื่อสิ้นหลวงพ่อน้อยแล้วจะมีพระคณาจารย์รูปใดอีกที่พอจะพึ่งพาด้านวิทยาคมบ้าง” หลวงพ่อน้อยก็ตอบว่าให้ไปหา “หลวงพ่อเทียมวัดกษัตราธิราช” และต่อมาท่านผู้พิพากษาก็เดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อเทียมตามคำแนะนำของ “หลวงพ่อน้อย” หลังจากที่ท่านสิ้นแล้ว
    อนึ่ง ชื่อเสียงของท่านเลื่องลือมาก โดยเฉพาะในปี ๒๕๐๖ในพิธีหล่อพระที่ “วัดประสาทบุญญาวาส” จัดสร้างพร้อมนำ “แผ่นจารอักขระ” ของ “คณาจารย์จากทั่วประเทศ” มาหล่อหลอมด้วยไฟแรงสูงเพื่อเทหล่อสร้างพระของวัดประสาทฯ ปรากฏว่า “แผ่นจารอักขระ” ของคณาจารย์อื่น ๆ ล้วนหลอมละลายหมดยกเว้นของ “หลวงปู่เทียม” เท่านั้นที่ไม่ยอมหลอมละลายเลยจึงสร้างความ “อัศจรรย์ใจ” ให้ผู้อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นทั่วหน้า
    ในวโรกาสเสด็จพระราชดำเนินทรงบำเพ็ญพระราช กุศลถวายผ้ากฐินส่วนพระองค์ ณ วัดศีลขันธาราม ตำบลอ่างแก้ว อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เมื่อวันที่๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๗ ท่านจึงมอบให้พระสำรวย ฐิตปุญโญ รองเจ้าอาวาสวัดกษัตราธิราช นำรูปจำลองของท่านพร้อมด้วยตะกรุดมหาระงับแบบพิสดาร ลงตามตำรับเดิมของ วัดประดู่ทรงธรรม เป็นโลหะตะกั่วถักด้วยด้ายและลงรักปิดทอง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ๒ ซม. ๑๒ นิ้ว ขึ้นทูลเกล้าถวายแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมีหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายด้วยตนเองไม่ได้
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ..,.....,............
    พระอริยะเจ้าเทพเจ้ากรุงเก่า
    หลวงปู่เทียม สิริปัญโญ
    พระที่หลวงตารัก แล้วบอกให้ผมพกติดตัว
    องค์ที่สองขวัญถุง เก่งเล็ก
    กตัญญู เด่นด้าน ป้องภัยทุกๆด้าน มีไว้ไม่ตายโหง
    ขวัญถุง เด่นด้าน เกี่ยวทรัพย์ เกี่ยวโชคลาภ
    มีไว้ไม่มีจน ติดขัดอะไรให้ใช้ขวัญถุง
    เป็นรุ่นที่หลายท่านมองผ่าน เป็นรุ่นที่หลวงตาแจกวันงานเกิดท่าน เป็นรุ่นที่เจ้าสัวธนาคารไทยทนุมาเช่าเป็นร้อยองค์ พ่อค้าแม่ค้ายุคนั้นนิยมใส่กะป๋องสตางค์ ใส่เก้ะ ใส่ถุงเก็บเงิน
    ทุกวันนี้เศฐกิจไม่ดี ค้าขายไม่ดี แนะนำครับ
    พกขวัญถุงสักองค์ มาช่วยเสริมดวง ให้ดีขึ้น
    เป็นรุ่นที่หลวงตาบอกว่ามีหลวงตาอีกสามองค์มาช่วยเสกด้วย (ใช้วิจารณญาณด้วยนะครับ)
    เป็นรุ่นที่ช่างภาพถ่ายแล้วล้างฟิลืมออกมาถึงกับตะลึง มีภาพในพระอุโบสถเป็นทะเลเพลิง
    เสาร์สีแดงกลายเป็นสีเขียวทุกต้น ถ้าภาพนี้ทางวัดนำมาเผยแพร่ รุ่นขวัญถุง ต้องไม่รองรุ่นอื่นๆแน่นอนครับ ผมเผยแพร่กับสะสมครับ
    ใช้วิจารณญาณด้วยนะครับ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูล เฟส ตี๋ ทำวอลเปเปอร์
    เหรียญขวัญถุง หลวงปู่เทียมสร้างและปลุกเสก ปี 2521ใช้แจกในงานวันเกิดของท่าน รุ่นนี้ไม่ธรรมดาแน่นอนครับ
    ทุกคนอาจมองข้ามเหรียญขวัญถุง ของสำนักนักสายวัดประดู่ทรงธรรม เป็นเหรียญหนุนดวง เสริมบารมี เมตตา โชคลาภ เจริญลาภ ค้าขายดี เหลือกิน เหลือใช้ เหลือเก็บ หลวงปู่เทียมตั้งใจทำเหรียญนี้ แทนตะกรุดเจริญลาภ พิธีปลุกเสกยิ่งใหญ่
    พุทธคุณของตะกรุดมหาระรวย เจริญลาภ ตามที่หลวงปู่ได้มีการบันทึกไว้ได้แก่
    1.เจริญด้วยลาภในทางสัมมาชีพ
    2.เจริญด้วยลาภในทางการงาน
    3.เจริญด้วยลาภในทางเจรจา
    4.เจริญด้วยลาภใทางการค้า
    ให้บูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241113_053134.jpg IMG_20241113_053159.jpg
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1731446285267.jpg
    พระปิดตา หลวงพ่อดัด พุทธิสาโร วัดท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2515 ปลุกเสกพิธีหมู่ พระเกจิอาจารย์ดังเมืองชัยนาทและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมปลุกเสกหลายท่าน
    ประวัติครูบาอาจารย์
    หลวงพ่อดัด พุทธิสาโร หรือ ท่านพระครูไพโรจน์อรัญญคุณ วัดท่าโบสถ์ อ.หันคา จ.ชัยนาท ท่านเกิดวันที่ 30 ธันวาคม 2463 ที่บ้านหนองแซง อ.หันคา จ.ชัยนาท ครอบท่านมีด้วยกัน 7 คน ท่านเป็นคนโต ท่านบวชที่วัดสระดู่ ต.หนองแซ อ.หันคา จ.ชัยนาท
    ท่านคือพระเกจิเก่งอีกท่านหนึ่งของเมืองชัยนาท มีวิชาลงอักขระเลขยันต์ เขียนและลบผง ลงมนต์ปลุกเสกวัตถุมงคลได้ขลังนัก อีกทั้งยังมีวิชาสามารถเรียกฝนให้ตกได้ ตำราที่ท่านได้เรียน ส่วนมากจะมาจากหลวงปู่เฒ่า ซึ่งตกทอดมาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า นั่นเอง..
    หลวงพ่อดัด ท่านเป็นสหธรรมิกกับ หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม , หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ , หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ , วัตถุมงคลในยุคแรกๆของหลวงพ่อดัด ส่วนมากจะนิมนต์พระเกจิที่เป็นสหธรรมิกของท่าน มาร่วมปลุกเสกด้วย เป็นการแลกเปลี่ยนวิชาคาถาอาคมไปในตัว ท่านได้รับการยกย่องว่ามีพลังจิตแข็งกล้ามาก
    หลวงพ่อดัดท่านเป็นพระเคร่งครัดในพระธรรมวินัย นิสัยสันโดษ ไม่ค่อยออกไปไหนไกลจากวัดสักเท่าไหร่ และไม่ค่อยพูด ท่านเป็นพระวาจาสิทธิ์ ลองได้ทักใครไปในเรื่องอะไร ต้องเป็นไปดังคำที่หลวงพ่อท่านทักทายทำนายไว้แน่นอน ท่านจึงเป็นที่เคารพนับถือของลูกศิษย์และชาวบ้านชาวเมืองชัยนาทเป็นอย่างมาก
    ในวันที่ท่านจะสิ้นลมหายใจท่านถามศิษย์ว่าวันนี้ฝนตกหรือยัง ศิษย์บอกว่าฝนตั้งเค้ามาแล้ว.. ท่านบอกว่าวันนี่ท่านต้องจากไปแล้ว แล้วท่านก็นอนจำวัด ก่อนนอนท่านให้พระภิกษุในวัด สวดมนต์บูชาพระ พอตอนบ่ายฝนตกอย่างหนักจนถึงเย็น พอฝนหายท่านก็สิ้นลมหายใจท่ามกลางศิษย์ที่ดูแล เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2527
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระปิดตาหลวงพ่อดัดวัดท่าโบสถ์ บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241113_042753.jpg IMG_20241113_042808.jpg
     
  11. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,146
    ค่าพลัง:
    +1,189
    โอนแล้วครับ 13/11/67 เวลา 10.23 น.จำนวน 350 บ.จัดส่งที่เดิมครับ
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    872-1945.jpg 1731478305517.jpg
    “เณรสิมนี้ ยังเป็นดอกบัวที่ยังตูมอยู่ ถ้าเบ่งบานเมื่อใดจะหอมกว่าหมู่....”
    (พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตมหาเถระ พระบุพพาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสนากรรมฐาน)
    “ถ้าจะถวายกุศลถึงเราแล้ว ก็ขอให้นำไทยทานนั้นไปถวายท่านอาจารย์สิม ที่วัดโรงธรรมเถิด แล้วของสิ่งนั้นจะถึงเรา..”
    (ครูบาเจ้าศรีวิไชย นักบุญแห่งล้านนาไทย ได้มานิมิตแก่แม่อุ๊ยชรา ซึ่งเป็นศรัทธาวัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ผู้ปรารถนาจะถวายทานไปหายังท่าน "ต๋นบุญ" แห่งล้านนา เมื่อ พ.ศ. 2482 ซึ่งเวลานั้น หลวงปู่สิมได้บังเอิญจาริกธุดงค์มาจำพรรษาอยู่ที่วัดโรงธรรมสามัคคี พอดี นับเป็นเหตุการณ์ประจวบเหมาะที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง)
    “ภิกษุนวกะผู้นี้ มีจริยาวัตรตามแบบอย่างพระพุทธเจ้า จำเราจักให้ฉายา 'พุทฺธาจาโร' จึงจะควร....”
    “ท่านสิมนี้ เขามีบุญบารมีที่ได้เคยสร้างสมมาแต่ชาติก่อนๆ มากเหลือเกิน จะเป็นแรงกุศลให้เขาสำเร็จไว้กว่าคนอื่นๆ....”
    “ในบรรดาศิษย์รุ่นน้องเราทั้งหมด ท่านฝั้นและท่านสิมนี้ นับว่าเป็นยอด.....”
    (พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม วัดป่าสาลวัน นครราชสีมา
    “ท่านสิมนี้ เปิ้น (ท่าน) บรรลุแล้ว มีคุณธรรมสูงมากแท้ๆ...”
    “ให้คอยตามหลวงปู่สิม ให้ดีๆนะ...”
    (หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง เชียงใหม่)
    “อาจารย์สิม ท่านเป็นพระเจ้า (พระพุทธรูป) ทองนะ.....”
    “อาจารย์สิม ท่านเก่งมากเรื่องการธุดงค์และการปฏิบัติ..”
    (หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข สิงห์บุรี)
    “ท่านสิม เป็นพระธรรมยุติ อยู่ทางเชียงดาวโน่น ท่านเก่งมากนะ...”
    (ครูบาพรหมา พรหมจักโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า ลำพูน)
    “หลวงปู่สิมนี้ เป็นผู้มีคุณธรรมสูงและมีพลังจิตแก่กล้ามาก.....”
    (หลวงปู่ครูบาเจ้าเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ ลำปาง)
    “อดีตภาคของหลวงปู่สิมนั้น ท่านเป็นพระฤาษีเจ้าผาปล่องมาก่อน ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าพระมหาฤาษีที่มีฤทธิ์มากที่สุด ซึ่งมีหน้าที่คอยพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนาตราบจนสิ้นภัทรกัปโน่นเลยนั่นแหละ....”
    (หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ลำพูน)
    “หลวงปู่สิมนั้น เปิ้นสำเร็จพระอรหัตแล้ว ไปนิพพานแล้ว....”
    (หลวงปู่หลวง กตปุญโญ วัดป่าสำราญนิวาส ลำปาง)
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงปู่สิมพุทธาจาโร ที่ระลึกสร้างโบสถ์วัดชัยพฤษ์โคกสำโรง จ.ลพบุรี ปี๒๕๒๒..๒ เหรียญ๒พิมพ์คู่
    พระบูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20241113_120153.jpg IMG_20241113_120218.jpg IMG_20241113_120241.jpg IMG_20241113_120301.jpg IMG_20241113_120322.jpg IMG_20241113_120342.jpg
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1731534622438.jpg FB_IMG_1731534617776.jpg

    อภินิหารและประสบการณ์
    - หลวงพ่อชม กสโร ท่านมีพระอาจารย์รูปแรกคือ หลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย จ.ระยอง และเป็นศิษย์รูปสุดท้ายของ หลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ
    - นอกจากนี้ท่านยังไปฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์กับเกจิดังๆ ทั่วประเทศ และส่วนใหญ่ท่านจะเรียนแต่เฉพาะหัวใจของวิชา แล้วนำมาผสมผสานกัน
    - สมัยอยู่กุฏิเก่าท่านมักจะเล่นแร่แปรธาตุ ฝึกฝนวิชาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมา มีลูกศิษย์รุ่นพี่เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนเย็นๆ แดดร่มลมตก ท่านมักจะนำกระดาษทิชชู่มาปั้นเป็นก้อน แล้วโยนลงไปใต้กุฏิ จู่ๆ ก็จะเกิดปาฏิหาริย์ เมื่อกระดาษทิชชู่ที่โยนลงไปกลับกลายเป็นกระต่ายบ้าง เป็นนกบ้าง สร้างความอัศจรรย์ใจเป็นอย่างมาก และเมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ทำให้ชาวบ้านในถิ่นอื่นมาฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์จำนวนไม่น้อย
    - ต่อมาท่านได้สร้างวัตถุมงคลหลายชนิด อาทิ ปลัดขิก, ตะกรุดโทน, ตะกรุดคู่ และเหรียญ
    - เคยมีเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ เมื่อไม่นานมานี้ มีสาวใหญ่คนหนึ่งในหมู่บ้านโป่ง จูงลูกสาววัย 5 ขวบข้ามถนน จู่ๆ ได้มีรถยนต์ขับมาพุ่งชนทั้งแม่ทั้งลูกจนกระเด็นคนละทิศละทาง ผล แม่ตาย ! แต่ ลูกรอด เมื่อมาดูที่คอของเด็กน้อยพบว่าแขวน "ล้อคเก็ตรูปเหมือนของหลวงปู่ชม กสโร"
    - ลูกศิษย์ก้นกุฏิ เล่าต่ออีกว่า อีกเหตุการณ์หนึ่งเป็นเรื่องของแม่ค้าคนหนึ่ง ที่ตั้งแผงขายผลไม้อยู่หน้าปั๊มน้ำมันริมถนน ระหว่างนั้นมีเพื่อนมานั่งคุยที่แผงด้วยรวม 4 คน เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมีรถหกล้อเสียหลักพุ่งตรงมาที่แผงผลไม้ แม่ค้าคนนั้นนั่งอยู่ข้างหน้าสุด และเป็นคนแรกที่ถูกชน
    - เหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 2 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 1 ราย คนที่บาดเจ็บเล็กน้อยนั้นคือแม่ค้าผลไม้เจ้าของแผงนั่นเอง
    หลวงพ่อชม เป็นชาวบ้านโป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เกิดเมื่อวันที่ 8 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2451 เมื่ออายุครบ 21 ปี ก็ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 2 ปี เมื่อออกจากทหารแล้ว ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาในสังกัดมหานิกายที่ วัดนพทองดีศรีพฤฒาราม (วัดโป่ง) เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2474 ได้รับฉายาว่า พระชม กสโร โดยมี พระครูธรรมมาธรโลขณะเขต เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อบัว วัดนพทองดีศรีพฤฒาราม (วัดโป่ง) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์ ไว เป็น พระอนุสาวนาจารย์ เมื่อท่านบวชได้ 12 พรรษาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดโป่ง ซึ่งท่านก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจ และแรงศรัทธา ชักจูงชาวบ้านในละแวกนั้นมาร่วมกันพัฒนาวัด นอกจากนี้หลวงพ่อชม ยังมีความรู้ในด้านสมุนไพรรักษาโรค และได้ช่วยเหลือประชาชนกำจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ รักษาพยาบาลแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากด้วยความเมตตา หลวงพ่อชม เป็นพระสมถะ ไม่สะสมเงินทอง ทำวัตถุมงคลออกมาแต่ละรุ่นก็แบบรู้กันเฉพาะคนแถววัด ในช่วงปลายชีวิตมีนิตยสารพระเครื่องเอาประวัติของท่านมาลงบ้าง พอท่านเริ่มจะดังก็มามรณภาพลงเสียก่อน พวกนักเล่นพระที่เป็นนายทุนสร้างก็เลยอไม่ค่อยมาเกี่ยวข้อง พระเครื่องของท่านแม้ว่าจะยังไม่รู้จักกันกว้างมากนัก แต่คนในพื้นที่เจอจะเก็บกันหมด เพราะประสบการณ์เยี่ยมจิรงๆโดยเฉพาะด้านคงกระพัน แคล้วคลาด หลวง พ่อชม กสโร มรณภาพ เมื่อ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2539 อายุ 88 ปี นับพรรษาได้ 66 พรรษา
    หลวงพ่อชมท่านเป็นพระที่เสกวัตถุมงคลได้เข้มขลังมาก สังเกตได้จากวัตถุมงคลของท่านแต่ละรุ่นล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เกือบทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็น เหรียญ ผง โดยเฉพาะ ตะกรุดกับชานหมากท่านขลังมาก ขนาด อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร ยังนับถือ บางท่านอาจจะยังไม่รู้ว่าหมอสมสุข คงอุไรคือใคร (ผมจะเล่าประวัติหมอสมสุขให้ฟังย่อๆครับ)
    อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร ศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก
    คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก เริ่มก่อตั้งโดยอาจารย์หมอสมสุข คงอุไร เมื่อพ.ศ.2515ตอนนั้นยังใช้ชื่อคณะศิษย์รัศมีพรหม โดยตั้งตามคำพูดของหลวงพ่อพรหม ถาวโรวัดช่องแค จ.นครสวรรค์ หลังจากที่ปลุกเสกพระสมเด็จรุ่น ปืนแตก พ.ศ.2515 เมื่อปลุกเสกเสร็จท่านว่าพระรุ่นนี้มีรัศมีสว่างไสวเหมือนรัศมีของพรหม สว่างออกไปข้างละ 9 วา ดังนั้นอาจารย์หมอสมสุข คงอุไร จึงนำคำว่า รัศมีพรหมมาตั้งเป็นชื่อคณะ เมื่อหลวงพ่อพรหมมรณภาพลงในปี 2518 อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร ได้เจออาจารย์องค์ที่ 2 คือครูบาชุ่มโพธิโก วัดวังมุย จ.ลำพูน ท่านจึงนำฉายาโพธิโก มาต่อท้ายคำว่า รัศมีพรหม จึงกลายมาเป็น“คณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโก” ครูบาอาจารย์ของหมอสมสุขคงอุไรคณะศิษย์รัศมีพรหมโพธิโกที่ถ่ายทอดหลักการปฎิบัติอานาปานสติอันสัมปะยุตต์ด้วยสมาธิ,ฌาน,อรูปฌาน,และวิปัสสนาญาณ ให้แก่อาจารย์หมอสมสุข คงอุไร มีดังนี้
    1.หลวงพ่อพรหม ถาวโร วัดช่องแค จ.นครสวรรค์
    2.ครูบาชุ่มโพธิโก วัดวังมุย จ.ลำพูน
    3.ครูบาอินทรจักร อินทจักรโก วัดน้ำบ่อหลวง จ.เชียงใหม่
    4.ครูบาพรหมา พรหมจักรโก วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน
    5.ครูบาขันแก้ว อุตตโม วัดสันพระเจ้าแดง จ.ลำพูน
    (ประวัติอาจารย์หมอสมสุข คงอุไรย่อๆครับ)
    กลับมาต่อครับ อาจารย์หมอสมสุข คงอุไรท่านนับถือ หลวงพ่อชม มากๆ ถึงขนาดเคยบอกลูกศิษย์ท่านว่า หลวงพ่อชม วัดโป่ง ท่านเป็นพระปัฏิบัติดีและเข้มขลังในวิชาอาคมมาก ท่านสำเร็จธาตุ เสกอะไรก็ขลัง โดยเฉพาะ ตะกรุดและชานหมาก ท่านเข้มขลังมาก........
    วันนี้จะพูดถึงวัตถุมงคลของหลวงพ่อชมอีกอย่างหนึ่งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้เลยนั่นคือ ชานหมากของหลวงพ่อ ว่ากันว่าหลวงพ่อชอบฉันหมากเวลาฉันหมากหลวงพ่อจะเอาใบพลูมาลงคาถามหาอุต 4 ตัวป้ายปูนแดงจนทั่วแล้วพับใบพลูสลับไปมา 5 พับในระหว่างที่พับใบพลูนั้นท่านก็จะบริกรรมคาถาเสกไปด้วยพับเสร็จก็ยัดใส่ในตะบันหมากตำพอแหลกแล้วท่านก็เอาออกมาฉันคาดว่าเวลาท่านฉันหมากนั้นท่านเคี้ยวไปเสกไปตลอดเวลาผมเคยได้ยินคนแก่คนเก่าแถววัดบอกว่าชานหมากของท่านนั้นกันหมากัด กันงู และกันปืนได้ด้วย เรื่องแคล้วคลาดนั้นก็เคยได้ยินบ่อยครั้งเคยมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า แกเคยขับมอเตอไซตัดหน้ารถวัยรุ่นซึ่งเป็นรถมอเตอไซเหมือนกันปรากฏว่ารถของแกโดนรถวัยรุ่นซึ่งวิ่งมาด้วยความเร็วชนอย่างจังจนกระเด็นไปคนละทิศคนละทางคนที่เห็นคิดว่าแกคงแขนขาหักแน่ๆเพราะชนกลางคันเต็มๆ แต่ปรากฏว่าแกไม่เป็นอะไรเลยเพียงแค่แขนถลอกนิดหน่อยเท่านั้น ในกระเป๋าเสื้อเก่าๆของแกมีเพียง ชานหมาก ลูกเล็กๆเท่านั้นลูกเดียวโดดๆเลยครับแกหวงมากไปใหนมาใหนแกติดตัวตลอดเลยครับนี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แต่สำหรับผมนั้นเชื่ออย่างสนิทใจครับ ไว้ผมจะเล่าให้ฟังว่าทำไมชานหมากของหลวงพ่อชมถึงได้ขลังและศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ยกชุด เหรียญสิงห์เล็กหลวงพ่อชมรุ่นประสบการณ์ผงรูปเหมือนลูกอมชานหมาก
    ให้บูชา 520 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241114_050540.jpg FB_IMG_1731534627243.jpg FB_IMG_1731534630459.jpg FB_IMG_1731534749402.jpg FB_IMG_1731534752231.jpg IMG_20241114_050450.jpg IMG_20241114_050513.jpg
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    7ygu1.jpg
    ประวัติ "ครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส"
    "พระครูสุคนธ์ ศีลวงศ์ (ครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส)
    วัดข่วงเปาชัย ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
    ...ครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส นามเดิม ด.ช.กลิ่นกู้ โปทานามสาย เกิดเมื่อ วันพุธที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2441 ตรงกับวันขึ้น 7 ค่ำ (เดือน 4 เหนือล้านนาไทย ปีจอ) ณ.บ้านไร่นาน้อย เลขที่ 13 หมู่ 1 ตำบลปงแสนทอง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
    ...เป็นบุตรพญาหน้อยอุตตมา นางคำปัน โปทานามสาย มีพี่น้องรวมกัน 5 คน โดยครูบากลิ่นกู้เป็นบุตรคนที่ 3
    ...นางคำปัน โปทานามสาย ได้เล่าว่าก่อนจะรู้สึกตัวว่าเริ่มตั้งครรภ์ได้มีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้นกับตนเองอย่างมิน่าเชื่อ คือได้เกิดมีกลิ่นหอมติดตัวตนเองในช่วงตั้งครรภ์ 7 วันติดต่อกัน พอครบกำหนดคลอดก็ได้มีกลิ่นหอมเช่นเดิมเหมือนเริ่มตั้งครรภ์ 3 วันติดต่อกัน"
    บรรพชาและอุปสมบท
    เมื่อปี พ.ศ. 2452 อายุได้ 11 ขวบ ผู้เป็นบิดาได้นำตัวไปถวายเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อครูชมภู เจ้าอาวาสวัดข่วงเปาชัย ด.ช.กลิ่นกู้ ได้ศึกษาคำบรรพชาเป็นสาเณรและสวดมนต์ต่างๆ ได้คล่องแคล่ว 1 ปี ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร ขณะบวชอยู่ก็ได้ศึกษาธรรมวินัยของสงฆ์ทั้งบาลีและไทยล้านนา จนความรู้แตกฉาน
    ...วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2464 ก็ได้ อุปสมบท ณ.ที่พันธสีมา วัดข่วงเปาชัย โดยมี
    ครูบาอภิวงศ์ วัดหนองห้า เป็นพระอุปัชญา
    ครูบากันทะวัง วัดบ่อแฮ้ว เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    ครูบาอินทยศ วัดกาดใต้ เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    การศึกษาปฏิบัติธรรม
    ...ครูบากลิ่นกู้ ได้สนใจปฏิบัติศาสนกิจ ตลอดจนถึงใฝ่ในทางวิปัสนากัมฐาน ที่วัดข่วงเปาชัยกับครูบาชมภู ด้วยวิธีการสมาถะตัดกิเลสทั้งปวง โดยใช้เวลาศึกษาและปฏิบัติอยู่ 6 ปี ต่อมาสอบได้นักธรรมชั้นตรี เมื่อปี พ.ศ.2467 และสอบได้นักธรรมชั้นโท ในปี พ.ศ.2470
    หลังจากนั้นจึงได้อำลาท่านครูบาชมภู ไปศึกษาสนธิและสตาธรรม ที่วัดสิงห์ชัยกับครูบาสุวรรณ เป็นเวลา 1 ปี ก็ได้อำลาครูบาสุวรรณกลับ มายังวัดข่วงเปาชัยมาปฏิบัติสมาธิธรรมกัมฐานต่อ จนถึงวันที่ 17 ตุลาคม 2490 ท่านครูบาชมภูได้มรณภาพลง ท่านกลิ่นกู้จึงได้เป็นเจ้าอาวาสดูแลวัดข่วงเปาชัย ขณะเดียวกันท่านกลิ่นกู้ก็มิได้หยุดนิ่งได้เร่งศึกษาธรรมต่อ ได้ฝึกสมาธิฐานโดยหยึดหลักการปฏิบัติ ขั้นต้นใช้หลักปัฏฐาน 4 แบบปรมัตถ์ พิจารณา รูปนาม เป็นอารมณ์กัมฐานกับอาจารย์ไพฑูรย์ โกสันละวัดม่อนจำศีล จ.ลำปาง อยู่ได้ 1 เดือน แล้วจึงนิมนต์อาจารย์ไพฑูรย์ มาทำการเปิด สำนักวิปัสนาธรรมกัมฐานที่วัดข่วงเปาชัยนานจนถึงปี 2502 ทางสำนักวิปัสนาธรรมกรรมฐานจึงปิดลงมีประชาชนสนใจเข้าร่วมปฏิบัติ ถึง 294 คน
    ...ในปี พ.ศ. 2503 - 2504 ได้ออกเดินธุดงไปตามสถานที่ต่างๆ เช่น แพร่,น่าน,พะเยา,เชียงรายและเชียงใหม่ และแม้แต่ประเทศลาวก็ไปมาแล้ว ภาคใต้ไปจนถึงสุราษฏรธานี
    ...ในปี พ.ศ. 2506 - 2507 ไปจำพรรษาที่วัดพระแลวัดต๋ำม่อน ต.ต๋ำ อ.พะเยา จ.เชียงราย
    หลังจากนั้นท่านครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส ก็กลับมาจำพรรษาที่วัดข่วงเปาชัยเรื่อยมา
    ...เมื่อปี พ.ศ.2521 ได้เข้าอบรมพระสังฆาธิการระดับวัด ณ วัดเชียงราย อ.เมือง จ.ลำปาง
    ...เมื่อปี พ.ศ.2528 ได้เข้าอบรมพระสังฆาธิการระดับตำบล ณ วัดคะตึกเชียงหมั่น อ.เมือง จ.ลำปาง
    ครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส ท่านยังมีความรู้และความชำนาญเรื่อง โหราศาสตร์เป็นอย่างดี ทำให้ผู้คนศิษย์ยานุศิษย์มาให้ท่านพระครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส ได้ผูกดวง ชะตาราศรี ดูฤกษ์ยาม ในความเชื่อทางโหราศาสตร์อย่างมากมานมิได้ขาดแต่ละวันจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน คนต่อคน มาเป็นหมู่คณะจากไกลบ้างใกล้บ้างที่ได้รับรู้ข่าวอันแม่นยำของครูบากลิ่นกู้
    ...หลวงพ่อพระครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส ยังมีความรู้ทางด้านแพทย์แผนโบราณอีกด้วยนับว่าหาได้ยากยิ่งมาก เป็นที่พึ่งของคนที่เจ็บป่วยด้วย โรคนาๆ โดยท่านมิได้รับค่ารักษา หรือเรียกร้องค่าตอบแทนแต่อย่างใด ท่านยังมียาสมุนไพร ซึ่งทานเข้าไปแล้วจะทำให้หายเจ็บหายปวดเมื่อยตามร่างกาย มีอาการบรรเทาเบาบางลง เมื่อพัดผ่อนก็จะหายอาการอ่อนเพลียไป เรียกว่ายาอายุวัฒน ซึ่งมีผู้ นิยมรับประทานกันมาก และท่านพระครูบากลิ่นกู้ ก็ปรุงไว้มิให้ขาด
    ...เรื่องการศึกษาหลวงพ่อครูบากลิ่นกู้ คันธะวังโส ท่านยังรอบรู้เรื่องภาษาไทยล้านนาเป็นอย่างดียิ่ง นับว่ามีความปราดเปรื่องทั้งอ่านและเขียนได้เป็นอย่างดีหาได้ยาก ในยุคนั้นอย่างแท้จริง
    งานการศึกษา
    พ.ศ. 2522 - 2535 เป็นครูสอนอักขระพื้นเมืองล้านนา ณ วัดข่วงเปาชัย ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง
    งานเผยแผ่
    พ.ศ. 2522 - 2535 เป็นรองประธานกรรมการหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบล ให้การอบรมสั่งสอนและฝึกสมาธิแก่ครูและนักเรียนโรงเรียนปงแสนทองวิทยา
    ให้การอบรมสั่งสอนจริยธรรม ในการประชุมอบรมกลุ่มหนุ่มสาว และมีการประกอบพิธีสำคัญทางศาสนาทุกปี ณ วัดข่วงเปาชัย ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง
    สมณศักดิ์
    ...พ.ศ.2525 วันที่ 5 ธันวาคม เป็นประทวนสมนศักดิ์ ตามประกาศ 16/2525
    ...พ.ศ.2533 ได้รับพระราชทานพัดยศ พระครูชั้นประทวน เป็นพระสุคนธ์ ศีลวงศ์
    ...พ.ศ.2535 ทรงได้รับพระราชทานแต่งตั้งสัมณศักดิ์สัญญาบัตรพัดยศ ผ้าไตรชั้นโท
    การบูรณะปฏิสังขรณ์
    ...เมื่อปี พ.ศ. 2506 - 2507 ขณะที่จำพรรษาที่วัดพระแลวัดต๋ำม่อน ได้ช่วยทำการก่อสร้างปฏิสังขรณ์กุฏิวัดวาอารามและร่วมกับศรัทธาญาติโยม สร้าง พระธาตุวัดน้ำตกจำปาทอง ต.ต๋ำ อ.พะเยา จ.เชียงราย (ในสมัยนั้น)
    ...พ.ศ. 2524 สร้างกำแพง โดยรอบ วัดข่วงเปาชัย เป็นเงิน 60,234 บาท สร้างกุฏิ 1 หลัง เป็นเงิน 410,000 บาท
    ...พ.ศ. 2526 สร้างอาคารเก็บของ จำนวน 1 หลัง เป็นเงิน 150,000 บาท สร้างหอฉัน 1 หลัง เป็นเงิน 101,210 บาท สร้างโรงครัว จำนวน 1 หลัง เป็นเงิน 100,500 บาท
    ...พ.ศ. 2528 - 2529 สร้างอุโบสถทรงไทย จำนวน 1 หลัง เป็นเงิน 1,925,000 บาท
    ...พ.ศ. 2529 สร้างหอระฆังทรงไทย จำนวน 1 หลัง เป็นเงิน 110,000 บาท
    ...พ.ศ. 2530 เจาะบ่อน้ำบาดาลท่อส่งบรรจุน้ำและวางท่อประปาภายในวัด เป็นเงิน 142,000 บาท
    ...พ.ศ. 2531 จัดซื้อที่ดินเพื่อขยายที่วัด จำนวน 2 งาน เป็นเงิน 100,000 บาท
    ...พ.ศ. 2534 สร้างศาลาบำเพ็ญบุญ จำนวน 1 หลัง เป็นเงิน 1,855,179 บาท
    ...พ.ศ. 2534 สร้างห้องน้ำ จำนวน 3 ห้องและห้องส้วม จำนวน 5 ห้อง ชั้นเดียว 1 หลัง เป็นเงิน 70,000 บาท
    ...พ.ศ. 2535 สร้างถนนและเทลานวัด ทางเข้าบริเวณวัด เป็นเงิน 68,000 บาท
    ****รวมมูลค่าก่อสร้าง 5,092,123 บาท****
    งานพิเศษต่างๆ
    ...พ.ศ.2528 เป็นประธานเข้ารุกขมูลหารายได้สร้าง ศาลาการเปรียญ วัดบ้านไร่นาน้อย จ.ลำปาง ได้ทุนดำเนิดการ 97,600 บาท
    ...พ.ศ. 2529 เป็นประธานเข้ารุกขมูล หารายได้ก่อสร้างวิหาร วัดทุ่งกู่ด้าย จ.ลำปาง ได้ทุนดำเนิดการ 84,540 บาท
    ...พ.ศ. 2530 บริจาคเงินสมทบสร้างวัดต่างๆ ดั้งนี้
    -วัดนาน้อย เป็นเงิน 5,000 บาท
    -วัดบ้านต๋ำพะแล จ.พะเยา เป็นเงิน 5,000 บาท
    -วัดป่ากล้วย เป็นเงิน 3,000 บาท
    -วัดป่าตันกุมเมือง เป็นเงิน 2,500 บาท
    งานช่วยเหลือสาธารณประโยชน์
    -หมู่บ้านสบตุ๋ย ทับหมาก สร้างสะพานข้ามแม่น้ำตุ๋ย
    -โรงเรียนบ้านไรข่วงเเบา สมทบสร้างอาคารอนุบาล
    ...พ.ศ. 2530 บริจาคเงินทำบุญวัดต่างๆ
    วัดทุ่งกู่ด้าย วัดทุ่งม่านเหนือ วัดห้วยเคียน จ.พะเยา โรงเรียนบ้านไร่ข่วงเปา โรงเรียนปงแสนทองวิทยา
    ...พ.ศ. 2532 บริจาคช่วยเหลือวัดต่างๆ
    วัดห้างฉัตร วัดเตาปูน วัดง้าวพิชัย โรงเรียนบ้านไร่ข่วงเปา โรงเรียนปงแสนทองวิทยา
    ...พ.ศ. 2533 บริจาคช่วยเหลือวัดต่างๆ
    วัดม่วงแงว วัดนาก่วมเหนือ วัดจำบอนเก่า วัดโป่งเกลือ จ.พะเยา เป็นประธานเข้ารุกขมูลหารายได้สร้างรั้วและถนนในโรงเรียนบ้านกาดใต้
    ...พ.ศ. 2534 บริจาคช่วยเหลือวัดต่างๆ
    วัดไร่นาน้อย วัดต๋ำม่อน จ.พะเยา สบทบสร้างถนนสายบ้านไร่ ปงแสนทอง สบทบซื้อที่ดินขยายถนนสายบ้านไร่ สบทบซื้อที่ดินขยายสุสาน บ้านไร่ข่วงเปา
    ...พ.ศ. 2535 บริจาคช่วยวัดสบเมาะ วัดต๋ำม่อน จ.พะเยา วัดห้วยเคียน จ.พะเยา
    ***รวมที่ร่วมดำเนินการหาทุน 4 ครั้ง มูลค่า 215,000 บาท
    รวมที่บริจาคทำบุญวัดต่างๆ และสาธารณประโยชน์ 28 ครั้ง เป็นมูลค่า 288,000 บาท
    ก่อนท่านครูบาจะมรณะภาพลงเมื่อวันที่
    1 พฤษภาคม พ.ศ.2537 อายุ 96 ปี
    ครูบากลิ่นกู้ คันธวังโส อดีตเจ้าอาวาส วัดบ้านไร่ข่วงเปา พระเกจิผู้ทรงวิทยาคม ทางด้านชาตรี ที่มีพลังจิตและตบะที่แรงกล้า ในยุคนั้น ถนนทุกสายบ่ายหน้าไปยังวัดบ้านไร่ข่วงเปา เพื่อขอของดีจากมือครูุบาท่าน ทั้งเกศา พระเครื่อง แม้กระทั่งชานหมาก เนื่องจากมีประสบการณ์เป็นที่เล่าขานอย่างเนืองเนือง เช่น คนที่ห้อยชานหมากท่านสุนัขกัดไม่เข้า หรือ ในขณะที่ท่านกำลังนั่งสมาธิอยู่นั้น ปรากฏว่า มีเด็กมาจุดประทัดข้างกำแพงวัด ท่านเลยบริกรรมคาถาขว้างชานหมากไปติดกำแพง ทำให้ประทัดนั้นไม่ทำงาน เป็นต้น
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนเกษารุ่นแรกครูบากลิ่นกู้
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240303_192750 (1).jpg IMG_20240303_192821 (1).jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1731544051175.jpg

    หลวงพ่อสีหมอก เป็นหนึ่งในพระเกจิสายตะวันออกที่มีชื่อเสียงมากๆนสมัยก่อนปี 2520 หลวงพ่อสีหมอก เป็นพระที่มีพลังจิตกล้าแข็ง เคยมีคนเห็นท่านปลุกเสกวัตถุมงคลจนตัวลอยมาแล้ว นอกจากนี้ท่านยังเก่งเรื่องทำนายทายทัก ดูเหตุการณ์ล่วงหน้า โดยการนั่งทางใน มีพวกข้าราชการระดับสูง พ่อค้า ดาราหนังชื่อดังในอดีตหลายคนเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อสีหมอก โดยเฉพาะ มิตร ชัยบัญชา พระเอกหนังยอดนิยมในอดีต ลวงพ่อสีหมอก เคยทำนายว่าจะมีเคราะห์หนักและเตือนให้ระวังตัว ก่อนที่จะตกเฮลิคอปเตอร์ในฉากสุดท้ายของหนังอินทรีทอง เมื่อปี 2513 หลวงพ่อสีหมอก ได้รับนิมนต์เข้าพิธีปลุกเสกพระในสมัยก่อนมากมายร่วมกับพระเกจิดังในอดีตเช่น หลวงปู่โต๊ะ หลวงปู่ทิม เป็นต้น เนื่องจากหลวงพ่อสีหมอก สร้างวัตถุมงคลน้อยมากๆ มีไม่กี่รุ่น
    ประวัติ หลวง พ่อสีหมอก สถานะเดิมชื่อ สีหมอก เที่ยงตรงเป็นบุตร นายสอน นางเอี่ยม เที่ยงตรง เกิดเมื่อ วันอังคารที่ ๖ มกราคม ๒๔๔๔ ณ บ้านตำบลคลอง ๑๙ จังหวัด ฉะเชิงเทรา อาชีพทำนา มีพี่น้องจำนวน ๓ คน เมื่ออายุครบบวช ๒๐ ปี ได้เข้าอุปสมบทตามประเพณี ๑ พรรษา แล้วลาสิกขามาประกอบอาชีพทำเนา จนกระทั่งอายุได้ ๕๐ ปี เริ่มเบื่อหน่ายในเพศฆราวาส จึงตัดสินใจอุปสมบทอีกครั้ง สาเหตุที่อุปสมบทเป็นครั้งที่ ๒ นี้เพราะท่านได้พบกับหลวงพ้อโอภาสี ได้สนทนาธรรมแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงได้อุปสมบทแล้วเดินทางไปศึกษาธรรม และวิชาต่างๆจากหลวงพ่อโอภาสีอยู่เป็นประจำ ในปีพ.ศ.๒๔๙๗ ท่านได้เดินทางมาจำพรรษา ณ วัดเขาวังตะโก อ.เมือง จ.ชลบุรี ท่านได้ทำงานด้วยเผยแพร่และพัฒนาวัดเขาวังตะโกเจริญรุ่งเรืองในหลาย ๆ ด้าน ด้วยบุญบารมีของท่าน ท่านได้สร้างเรือสำเภาตั้งตระหง่านอยู่ ณ ยอดเขาวังตะโก เป็นสำเภาแก้ว สำเภาทอง นำสัตว์ลอยล่องข้ามพ้นถึงฝั่งข้ามด้วยอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ท่านได้เดินทางไปประเทศอินเดียถึง ๔ ครั้ง เพื่อศึกษาความเจริญ และความเสื่อมของพระพุทธศาสนาในอินเดีย เปรียบเทียบให้ชาวพุทธในเมืองไทยได้รู้ได้เห็นเป็นตัวอย่าง หลวงพ่อสีหมอก ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่เผยแพร่พระพุทธศาสนา ยังให้ประชาชนชาวพุทธเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจำนวนมาก ตลอดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตท่านได้มรณภาพลงเมื่อ วันศุกร์ที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๓๒ รวม สิริอายุได้ ๙๙ ปี พรรษา ๔๙
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญและพระผงรูปเหมือนให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    FB_IMG_1731544063686.jpg FB_IMG_1731544066310.jpg FB_IMG_1731544043099.jpg FB_IMG_1731544046003.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1731608625431.jpg
    หลวงปู่เส่ง พระครูโศภณกัลยาณวัตร
    หลวงปู่เส่ง พระครูโศภณกัลยาณวัตร เส่ง โสภโณ หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร เกจิ พระเกจิหลวงพ่อเส่ง
    พระครูโศภณกัลยาณวัตร(เส่ง โสภโณ) วัดกัลยาณมิตร วรวิหาร หลวงปู่เส่ง เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มิ.ย. 2434 ที่บ้านย่านปากคลองตลาด เขตพระนคร กรุงเทพฯ เป็นบุตรของนายเพี้ยน และนางแดง นามสกุล เปี๊ยนสู่ลาภ มีพี่น้องร่วมท้องเดียว กัน 3 คน โดยหลวงปู่เส่งท่านเป็นบุตรคนโต
    หลวงปู่เส่ง โสภโณ วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร เจ้าพิธีตำรับน้ำมนต์บัวลอย
    วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร พระอารามหลวงชื่อดังแห่งฝั่งธนบุรี ไม่เพียงเลื่องลือระบือไกลด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของ "พระพุทธไตรรัตนนายก หรือหลวงพ่อโต" (ซำปอกง) ซึ่งมากด้วยอภินิหารเท่านั้น ทว่า อดีตเจ้าอาวาสของวัดแห่งนี้ ล้วนมากมีไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทั้งสายวิปัสสนากรรมฐาน และวิทยาคมที่สูงส่ง หนึ่งในนั้นก็คือ "พระสุนทรสมาจาร" (พรหม อินทโชติ) หรือ "เจ้าคุณพรหม" พระเกจิอาจารย์ที่เก่งทางวิชาอาคมขลัง เจ้าของพระปรกใบมะขามอันลือลั่นสนั่นกรุง
    ท่านมีศิษย์เอกองค์สำคัญ ที่สร้างชื่อเสียงและความเจริญให้แก่วัดกัลยาณ์อย่างมากคือ "พระครูโศภณกัลยาณวัตร" หรือสมญานามที่บรรดาศิษย์กล่าวขานถึงด้วยความเคารพว่า "หลวงปู่เส่ง โสภโณ"
    แม้ท่านจะอยู่ในฐานะพระลูกวัด แต่มีผู้คนให้ความเคารพศรัทธามากมาย เนื่องจากต่างเชื่อมั่นในวิชาความรู้ที่ท่านได้รับการถ่ายทอดจากเจ้าคุณพรหม อีกทั้งเลื่อมใสในความเป็นพระผู้มากด้วยเมตตาบารมีโดยแท้ ท่านมรณภาพไปเมื่อวันที่ ๑๔ ม.ค.๒๕๒๖ สิริอายุได้ ๙๒ ปี ๗ เดือน ๔ วัน นับพรรษาได้ ๗๒ พรรษา รวมเวลากว่า ๒๐ ปีแล้ว แต่ความเลื่อมใสศรัทธาในคุณงามความดีของท่านไม่เคยจางหายไปจากจิตใจของชาว บ้าน
    "หลวงปู่เส่ง" เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๐ มิ.ย. ๒๔๓๔ที่บ้านย่านปากคลองตลาด เขตพระนคร กรุงเทพฯ เป็นบุตรของนายเพี้ยน และนางแดง นามสกุล "เปี๊ยนสู่ลาภ" มีพี่น้องร่วมท้องเดียว กัน ๓ คน ท่านเป็นคนโต สมัยที่ยังเยาว์วัย วัดกัลยาณมิตรซึ่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับปากคลองตลาด มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งมีบารมีทางธรรมสูงและมีความเชี่ยวชาญทาง ด้านพระวิปัสสนาธุระ-วิทยาคมคือ "พระสุนทรสมาจาร" (พรหม) เมื่อครั้งยังเป็นพระครูพินิตวิหารการ
    กิตติคุณทางไสยศาสตร์ของ ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาของมหาชนจำนวนมาก จึงต่างพากันมาขอของดีและฝากตัวเป็นศิษย์ มีทั้งระดับชาวบ้านธรรมดาและชาววัง อาทิ พระยาศิริชัยบุรินทร์, พระยาสิงหเสนีย์, พระยาสุรเทพศักดิ์, พระยามนตรีสุริยวงศ์ และขุนหลวงพระยาไกรสีห์ (เปล่ง เวภาระ) เป็นต้น
    โยมบิดามารดาของหลวง ปู่เส่ง ก็เป็นอีกครอบครัวหนึ่งที่พากันมาฝากตัวเป็นสานุศิษย์ในท่านเจ้าคุณพระสุนทร สมาจาร (พรหม) ทำให้ท่านได้ติดสอยห้อยตามเข้าวัดอยู่บ่อยครั้ง อาศัยที่ท่านมีใจฝักใฝ่ในทางธรรม-รักความสงบชอบความสันโดษ จึงเกิดความพอใจความสงบวิเวกภายในบริเวณวัด โดยมีคำบอกเล่าต่อๆ มาว่า ท่านมักจะหนีออกจากบ้านข้ามฟากมาวัดกัลยาณ์บ่อยๆ เพื่อหนีสภาพความสับสนวุ่นวายในย่านปากคลองตลาด
    บางครั้งก็แอบไป นั่งสมาธิทำความสงบในป่าช้าคนเดียว ซึ่งป่าช้านั้นติดอยู่กับด้านหลังของคณะ ๔ อันเป็นที่พำนักของท่านเจ้าคุณพระสุนทรสมาจาร (พรหม)
    ในขณะนั้น บิดามารดาเห็นว่าท่านไม่มีอุปนิสัยไปในทางค้าขาย ใฝ่ใจไปในทางธรรม จึงนำบุตรชายไปมอบถวายตัวเป็นสานุศิษย์ของเจ้าคุณพรหม
    กระทั่ง อายุ ๑๔ ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร และอุปสมบทเมื่ออายุ ๒๑ ปี ตรงกับปีพ.ศ. ๒๔๕๕ ณ วัดกัลยาณมิตร โดยมี สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฤทธิ์ ธัมมสิริ) วัดอรุณราช วราราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระธรรมเทศา จารย์ (มุ้ย ธัมมปาโล) วัดราชโอรสาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสุนทรสมาจาร (พรหม) วัดกัลยาณมิตร เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า "โสภโณ"
    สำหรับตำแหน่ง สมณศักดิ์ เดิมได้รับตำแหน่งเป็นพระฐานานุกรมในท่านเจ้าคุณพระสุนทรสมาจาร (พรหม) เป็นพระปลัด ปีพ.ศ.๒๔๙๓ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตร เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท (จปร.) ที่ "พระครูโศภณกัลยาณวัตร" และอยู่ในสมณศักดิ์เดิมตราบจนสิ้นอายุขัย
    ตลอดระยะเวลาที่ดำรง ตำแหน่งพระปลัดนั้น หลวงปู่เส่งได้มีส่วนช่วยท่านเจ้าคุณพรหม ในด้านการพัฒนาต่างๆ เพราะพระอาจารย์ของท่านนอกจากจะเป็นพระเถระที่ทรงคุณธรรมในด้านพระวิปัสสนา ธุระและวิทยาคม ยังเป็นพระนักพัฒนารูปสำคัญอีกด้วย
    สิ่งที่ "ท่านเจ้าคุณพรหม" สร้างสรรค์ไว้และได้กลายมาเป็นอนุสรณ์อันสำคัญยิ่งก็คือ การที่จัดหล่อระฆังใบใหญ่เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๔ ซึ่งต่อมาปรากฏตามหลักฐานประวัติศาสตร์ของกรมศิลปากรได้จารึกไว้ว่า "เป็นระฆังใบใหญ่ที่สุดในประเทศไทย"
    ภายหลังจากที่ท่านเจ้าคุณพรหมมรณภาพปี พ.ศ.๒๔๗๖ "หลวงปู่เส่ง" ได้รับภาระการสร้างต่อจนเสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ ๑ ม.ค.๒๔๗๘ ทำพิธีนำระฆังไปประดิษฐานและฉลองเมื่อวันที่ ๑ ก.พ. ๒๔๗๘ โดยมีพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า เสด็จเป็นประธาน
    เนื่องจากท่านใช้เวลาส่วนมากในการช่วยงานพระอาจารย์พัฒนาวัด จึงไม่มีเวลาไปศึกษาทางด้านปริยัติธรรมอย่างจริงจัง ต้องอาศัยเวลาในยามว่างเล่าเรียนธรรมและวิทยาคมจากท่านเจ้าคุณพรหม แต่เป็นการเรียนเพื่อรู้ ไม่ได้เข้าสอบไล่ในสนามหลวงเอาใบประกาศวุฒิบัตร จึงเป็นไปในลักษณะเรียนรู้หลักธรรมเล่านั้น เพื่อที่จะได้นำมาปฏิบัติได้ถูกต้องตามขั้นตอนของพระพุทธศาสนา กล่าวคือ ปริยัติ-ปฏิบัติ-และปฏิเวธ
    ส่วนทางด้านวิปัสสนาธุระและวิทยาคมนั้น เข้าใจว่าท่านเจ้าคุณพรหมคงจะถ่ายทอดให้หมด เพราะท่านเป็นสานุศิษย์เพียงรูปเดียว ที่อยู่ปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิดตลอดมา แต่เนื่องด้วย อุปนิสัยที่สุขุมนุ่มนวลของท่าน ไม่ชอบโอ้อวด ไม่ค่อยแสดงออก จึงไม่เป็นที่เปิดเผยเท่าไรนัก
    ทั้งนี้ ปฏิปทาของหลวงปู่เส่งจะหนักไปในทาง "เมตตาธรรม" เป็นหลักใหญ่ ดังจะเห็นได้จากการที่ใครมีทุกข์เดือดร้อน เมื่อบากหน้ามาหา ท่านก็ไม่เคยปฏิเสธความช่วยเหลือกับใครเลย ถ้าขอเป็นเงินท่านก็ให้เป็นเงินสงเคราะห์ไป ถ้าขอเป็นสิ่งของท่านก็ให้เป็นสิ่งของ บางรายที่ได้ทราบว่าท่านคือศิษย์ก้นกุฏิของท่านเจ้าคุณพรหม ผู้เรืองวิทยาคม ก็จะพากันมาขอรับน้ำมนต์-น้ำพร ท่านก็ไม่เคยขัดศรัทธา ฉลองศรัทธาทำให้ทุกๆ รายไป
    นานวันเข้า คำร่ำลือในความศักดิ์สิทธิ์จากน้ำพระพุทธมนต์ที่หลวงปู่เส่งปลุกเสกก็แผ่ออกไปในวงกว้างมากขึ้นทุกที จึงมีมหาชนเป็นจำนวนมากแห่กันมาตั้งแต่เช้าจนกระทั่งเย็น ถึงยามวิกาล ทำให้ท่านเป็นพระเถระที่ทรงวิทยาคมขลังไปในทางปลุกเสก น้ำพระพุทธมนต์บัวลอย ปล่อยเคราะห์ไปโดยเหตุดังที่กล่าวมา
    สาเหตุที่เรียก "น้ำพระพุทธมนต์บัวลอย" ปล่อยเคราะห์ ก็เพราะว่าผู้ที่ต้องการน้ำมนต์-น้ำพรจากหลวงปู่เส่งจะต้องนำดอกบัวขาว ๓ดอกเทียนขาว ๑ เล่ม มาให้หลวงปู่เส่งท่านทำพิธีปลุกเสกให้ที่บาตรน้ำมนต์ แล้วท่านจะรด "น้ำพระพุทธมนต์บัวลอย" นั้นให้ เสร็จแล้วท่านก็จะให้ดอกบัวขาว ๒ ดอกนั้น แก่ผู้ที่นำมา นำดอกบัวขาวที่หักก้านออกแล้ว ๑ ดอกไปลอยลงในแม่พระคงคาเพื่อปล่อยเคราะห์เป็นอันเสร็จพิธี
    สำหรับวิทยาคมด้านอื่นๆ เนื่องจากท่านเป็นพระสมถะที่ไม่ค่อยแสดงออก จึงมักปรากฏผลและทราบก็แต่เฉพาะผู้ที่ท่านสงเคราะห์ไปให้เป็นรายๆ เท่านั้น นอกจากนี้ ท่านได้ใช้เวลาว่างทำผ้ายันต์แจกศิษย์ โดยเขียนลงบนผืนผ้าสี่เหลี่ยมจัตุรัสจารอักขระขอมและยันต์ต่างๆ ด้วยมือของท่านเองทุกๆ ผืน
    ส่วนวัตถุมงคลที่ท่านสร้างแจกแก่บรรดาศิษย์ทั่วไปในวาระต่างๆ มีพระสมเด็จ ปางสมาธิเนื้อผง พิมพ์ทรงฐาน ๕ชั้น, พระหลวงพ่อโตปางมารวิชัย เนื้อดินเผา พระนาคปรกเมล็ดข้าวเม่าหรือใบมะขามเนื้อทอง แดง-ทองเหลือง, พระเกศทองคำปางสมาธิ เนื้อเมฆพัด พระพิมพ์ขุนแผนปางมารวิชัย เนื้อผง และผ้ายันต์รูปสี่เหลี่ยม กว้างและยาวด้านละ ๙ นิ้ว เหรียญรูปเหมือน มีรูปแบบและขนาดแตกต่างกันไป เช่น เหรียญรูปไข่ เนื้อทองแดง, เนื้อทองแดงชุบนิกเกิล, เหรียญรูปใบเสมาเนื้อทองแดง, เหรียญรูปอาร์มเนื้อทองแดง เงิน และทองคำ (ฉลองอายุ ๘๐ ปี) เหรียญรูปไข่ (เหรียญ ๒หน้า) เนื้อทองแดงรมดำ ลักษณะคล้ายเหรียญเจ้าคุณพรหม
    วัตถุมงคลของ "หลวงปู่เส่ง โสภโณ" วัดกัลยาณมิตร กรุงเทพฯ เล่าขานกันว่า ทรงคุณวิเศษทางเมตตามหานิยม ค้าขาย แคล้วคลาดจากสรรพภัยทั้งปวง และเป็นที่หวงแหน-เสาะหาในหมู่ลูกศิษย์อยู่เสมอ
    เครดิตอ้างอิงข้อมูล itti-patihan.com
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงรูปเหมือนหลวงปู่เส่ง วัดกัลยาณมิตร
    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20241115_005724.jpg IMG_20241115_005648.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,705
    ค่าพลัง:
    +21,337
    FB_IMG_1731915572445.jpg
    ประวัติโดยย่อ
    หลวงพ่อผิวเกสโร วัดคลองสายบัว จ.ลพบุรีท่านเกิดเมื่อวัน ที่14ก.พ.2435 เดิมทีหลวงพ่อท่าน เป็นคนบ้านแป้ง จ. สิงห์บุรี พออายุครบบวชท่านได้ทำการอุปสมบท ที่วัดบ้านแป้ง จ.สิงห์บุรี ได้รับฉายาว่าเกสโรและต่อมา หลวงพ่อท่านได้มาจำพรรษา ที่วัดคลองสายบัว และ ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสองแรกของวัดคลองสายบัว หลังจากนั้นหลวงพ่อผิว ได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์ กับหลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู ท่านได้เล่าเรียนวิชาจนจบ สมัยนั้นหลวงพ่อพริ้ง วัดโบถส์ ยังมาหาท่านอยู่บ่อยๆ หลวงปู่ดี วัดสมเกลี้ยงจ.ตาก ยังมากราบขอเป็นศิษย์ กับหลวงพ่อผิว หลวงพ่อผิว ท่านก็ได้ถ่ายทอดวิชาไห้กับหลวงปู่ดี จนจบตามตำรา และยังพาหลวงปู่ดีไปอยู่กับ หลวงปู่จันทร์ ซึ่งเป็นอาจารของท่าน เรื่องแคล้วคลาดและประสบการณ์ อีกมากมาย หลวงพ่อผิว ท่านไม่เป็นสองรองใคร ชาวบ้านแห่งวัดคลองสายบัว รู้จักท่านดี และณ. ต่อมา หลวงพ่อผิว เกสโร ท่านได้มีอาการป่วยด้วยโรคชรา และได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบในปีพ.ศ.2513 ศิริอายุได้ 78ปี
    ขอขอบคุณข้อมูลจากพี่ : อาร์ต บารมีหลวงพ่อผิว ครับ
    หลวงพ่อผิว วัดคลองสายบัว ลพบุรี ประวัติและเรื่องราว ยังไม่มีการเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลของนักสะสมนิยมพระเครื่องรางของขลัง เพราะท่านก็เสียไปนานมากๆ ราวปี พศ.2513 นับถึงตอนนี้ก็ร่วมห้าสิบกว่าปีได้แล้ว
    และต้องยอมรับกันจริงๆ ว่าแรงบัลดาลใจในการสะสมพระเครื่องของขลังส่วนมากคือ หวัง อภินิหารประสบการณ์ ทั้งนั้น และมักจะมีพวกดูถูกเหยียดหยามเสมอว่าเป็นไปได้จริงหรือไม่ เช่น ถ้าเหนียวจริงมาลองยิงลองฟันดูทีเถอะ ถ้ากันนิวเคลียร์ได้ทำไมไม่ไปขายฝรั่งว่ะ ฯลฯ และจะลืมไม่ได้เลยคือบรรดาของขลัง เขาทำมาเพื่ออะไร จากการสอบถามบรรดา ศิษย์ของสุดยอดพระอาจารย์ทุกรูปทุกองค์ที่เป็นผู้เสกสร้างของขลังนั้น ต่างให้นิยามว่า ใช้ในคราว
    "คับขัน จำเป็น เป็นครั้งๆคราวๆไป และผ่อนหนักเป็นเบา" ในการเอามายิงทดสอบ จึงมีการผิดพลาดบ้างอะไรต่อมิอะไร แต่คราวเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงสาหัสก็รอดกันมาได้ แต่ถ้าหากถึงที่ถึงคราวจริงๆ จะต้องตายแล้ว ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังไงต้องตาย ในความเป็นชาวพุทธเราเชื่อในหลักของกรรมที่ให้ผลด้วยทั้งดีชั่ว ขนาดพระพุทธเจ้า พระอรหันต์เองยังได้รับผลของบุพกรรมเก่า เช่นพระโมคคัลลานะ เลิศในด้านอิทธิฤทธิ์แต่ต้องมาถูกโจรฆ่า สาเหตุจากกรรมในอดีตที่ได้ฆ่าทุบตีบิดามารดาของตน อันนี้เหลือวิสัยของฤทธิ์ที่จะช่วยได้แล้ว และก็ไม่ทราบจริงๆ ว่าในหนหลังเราได้ทำไรไว้บ้าง
    หากแต่คิดดูดีๆ การพกพาของขลัง ก็ด้วยความสบายใจ ก็ควรที่จะใช้ ประโยชน์ก็มี และ เอาตามความเป็นจริงบนโลก มีคนพร้อมที่จะหลุดพ้นเท่าไหร่กัน ไปนิพพาน เป็นอรหันต์ สิ่งเหล่านี้ที่สรรสร้างมาด้วยเอาคุณ พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง อย่างที่ท่านชอบอ้างกันนั่นแหละ แต่มีวัตถุเป็นเครื่องจูงใจ เป็นกำลังใจให้ยึดเหนี่ยวกับพระรัตนตรัย เผื่อจะระลึกถึงคำสอนดีๆ ได้บ้าง เอาล่ะจบกันเสียทีผู้เขียนพยายามอธิบายให้เคลียร์ที่สุดแล้ว มาว่าถึงหลวงพ่อผิวของเรากันต่อดีกว่า
    เดิมท่านมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านแป้ง เมืองสิงห์บุรี
    มามรณะภาพในราวปีพศ.2513 อายุราวๆ 80 ปีเศษ
    ได้มาสร้างวัดในตัวเมืองลพบุรี สมัยนั้นยังเป็นป่าไผ่และนาล้อมอยู่ สร้างเหรียญ รูปถ่าย รูปหล่อปั๊ม พระเนื้อดิน ไว้อย่างละไม่มาก เห็นจะมีพิเศษคือ วิชาการสร้าง พระผุสสดีเนื้อดินเผา ที่เอาคติการสร้างมาจากเวสสันดรชาดก นางผู้มีความงาม มีลาภ ผู้ที่พระอินทร์ผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ประทานพรให้ ไม่แก่สวยงามเสมอ มีลาภมาก มีคู่ครองที่มีฐานะดี..
    อภินิหารบางประการจะได้เล่าไว้ ได้จากการสัมภาษณ์คุณลุงท่านนึงมาเป็นลูกศิษย์อาจารย์เจ็ง หรือลุงเจ็ง บ้านอยู่ต.โพธิ์ตลาดแก้ว อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ช่วงนั่นลุงแกพึ่งปลดจากทหารปีพศ.2523 มาเจอลุงเจ็งราวๆนี้ ลุงเจ็ง อ.เจ็ง หรือพระภิกษุเจ็งในอดีต เคยมาบวชอยู่กับท่านหนึ่งพรรษา อ.เจ็ง ท่านนี้มีความสามารถพิเศษอย่างนึง ถ้าแกงดกินเหล้าไม่นอนกับเมีย ภาวนาอิติปิโสถอยหลัง สามารถดึงเอากุญแจใหญ่ๆทีล็อกสนิทอยู่ออกจากกันได้และเสียใช้การไม่ได้ และ ความสามารถในการดูดวงดูหมอจากวิชาที่ได้เรียนจากหลวงพ่อผิว ได้เล่าคุณวิเศษแปลกๆ ของหลวงพ่อผิวไว้ดังนี้
    1. เมื่อท่านไปตลาดจะเลือกเข้าไปในร้านใดร้านนึงที่ไม่มีคน มีคนเข้าน้อย ไปนั่งด้านในสุดเลย ยกเอายาสูบใบจากมาจุด พ่นควันโขมง เป็นที่น่าแปลก ผู้คนจะเข้ามารุมล้อมอุดหนุนร้านนั้นๆกันมากมาย ท่านว่ากับอาจารย์เจ็งว่า สูบบุหรี่พ่นเดี๋ยวใครได้กลิ่นไปวัดเราเอง.. (คาถาผู้เขียนขอจดไว้)
    เรื่องนี้ก็แปลก ต่อจากนั้นพ่อค้าแม่ขายจะแห่ตามไปทำบุญวัดท่านกันมากมายเลย ในช่วงหลังจากนั้น
    ขากลับทีนี้ล่ะพวกสามล้อจะแย่งกันขอให้ท่านขึ้น ไม่เอาสตางค์พอถึงวัดท่านจะถุยๆตบเบาะ "เอ้า รวยๆ " จากนั้นสามล้อก็จะมีงานเข้ามากผิดหูผิดตาเลยทีเดียว.. ด้านมหาลาภนั้นเมื่อตอนท่านเสียค้นกุฏิปรากฏว่าพบ เงินที่ท่านโยนไว้ในกุฏิเจอร่วมเป็นแสนบาท ในสมัยนั้นถือว่ามากจริงๆ ที่ซุกไว้ตามที่ต่างๆ
    2. ท่านไปเยี่ยมบ้านโยมแถวท่าวุ้ง กำลังมีปัญหาเรื่องการรุกล้ำที่ดินกัน ท่านจึงมาช่วยเป็นพยาน ในการปักวัดเขต จนดีแล้วท่านว่า "อย่ารุกที่กันนะถือตามนี้ ถ้า รุก ฉัน ขอให้ตาบอดตาแตกนะ"
    มียายข้างบ้านตามแบบฉบับมนุษย์ป้าพูดสวนท่านว่า" บอดให้บอดแตกให้แตก" ท่านไม่ว่าอะไรขึ้นไปบนบ้านโยมแล้วกลับวัด ผ่านมาไม่กี่ปียายคนนั้นตาบอดเพราะรุกที่เขา
    3.สำเร็จวิชาลบผง ปถมัง อิทธิเจ ตามแบบพื้นบ้าน อ.เจ็งว่าเอามาผสมน้ำอาบนี้เย็นเจี๊ยบดีจริงๆ
    4. ตาผล ศิษย์ของท่านคนนึงเอาสีผึ้งของท่านไปทาราวบันได้บ้านเขา ทั้งบ้านเมตตาแก ปรากฏว่าแกได้ สองสาวพี่น้องบ้านนั้นมาเป็นภรรยา
    5. มีคนแขวนรูปของท่านขับรถมอไซต์ประสานกับสิบล้อ ปรากฏว่ารอด แต่ถลอกนิดๆหน่อยๆ เรียกว่าคลาดแคล้วอันตรายได้ดียิ่ง (คาถาขอจดไว้)
    6.การปลุกเสกท่านเเปลกดี จุดธูปไหว้พระแล้วถือเอาบาตรใส่พระเดินเป่าไปรอบๆ วัด
    7.ดูดวงชะตาแม่นยำยิ่งนักคนติด
    8. มีการลงนะหน้าทองตามสมัยนิยม หลังผลทางผู้คนมารักใคร่เมตตาสงสาร การค้าดี คนนิยมมาก(ได้ขอจดไว้)

    เอาเรื่องที่ยังไม่มีใครเล่าเอาเข้าสู่ระบบมา เล่าสู่กันฟัง อ่านเป็นบันเทิงคดีผ่อนคลายจิตใจ
    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    เหรียญหลวงพ่อผิวหลังเจ้าพ่อศาลพระกาฬวัดคลองสายบัว
    ให้ประชา 320 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20241118_144937.jpg IMG_20241118_145000.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...